คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #105 : Login 102: เหยื่อ
Login
102: เหยื่อ
รูบิเดียมเดินข้ามประตูหินอ่อนที่เพิ่งจะผลักมันออกด้วยกำลังมหาศาลของมนุษย์ต่างดาว
เบื้องหลังบานประตูเป็นห้องสมุด
ตู้หนังสือขนาดใหญ่เรียงรายกันอย่างกับวงกตแต่ละชั้นอัดแน่นไปด้วยหนังสือที่เขียนตัวอักษรเป็นภาษาฮีบรู
รูบิเดียมเดินตรงไปยังซอกหลืบหนึ่งระหว่างขั้นหนังสือด้วยกัน
มองไปบนสันปกของหนังสือที่หันออกมาจากชั้นแล้วแปลกใจว่าทำไมพวกมันถึงไม่มีฝุ่นจับเลย
ที่จริงไม่ใข่แค่หนังสือแม้แต่พื้นห้องหรือชั้นหนังสือเองก็ไม่มีฝุ่นให้เห็นบางทีคงจะเป็นเพราะที่นี่คือมิติพิเศษที่พวกเทวทูตสร้างขึ้นมาเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในรูปของหนังสือที่ผุพังได้ง่ายจึงทำให้มันมีอำนาจบางอย่างที่จะเก็บรักษาพวกมันให้ก้ามข้ามกาลเวลานับพันปีมาได้
รูบิเดียมไล่สายตาไปตามขั้นต่างๆ
แล้วถอนหายใจกับจำนวนของมัน
"ท่าทางจะใช้เวลาตรวจสอบนานเอาเรื่องนะเนี่ย"
จากนั้นจึงเปิดหน้าจอสำหรับสื่อสารขึ้นมา
'...'
ปลายทางที่รับสายคือแฟรนเซียมคนที่มอบอาวุธติดตั้งอสุรากับหน้าที่ค้นหาที่ตั้งของเทอมินัลไปอาคาชิกเรคคอร์ดให้เธอมาจัดการ
"ฉันเข้ามาข้างในได้แล้วแต่คงต้องใช้เวลาค้นหานานน่าดูล่ะ"
'แล้วอาวุธอสุราที่ให้ไปนั่น...'
แฟรนเซียมถามราวกับสนใจเรื่องอาวุธมากกว่าภารกิจ
อาวุธติดตั้ง 'อสุรา' ที่มีพลังเหนือกว่า 'ปีศาจ'
"ใช้ดูแล้วพลังยอดเยี่ยมมากไม่นึกเลยว่าจะเป็นของที่เคยอยู่ในเศษเฟืองอันเล็กกระจิ๋วแค่นั้นมาก่อน
จริงสิพูดถึงเฟืองแล้วที่อุตส่าห์จัดฉากฆ่านายจนลากตัวมกรออกมาจัดการได้เนี่ยทั้งหมดก็เพื่อเฟืองของสองพี่น้องคู่นั้นแต่ไอ้เจ้าคนที่แอบอ้างเป็นอารย-สนธยาแล้วมาประกาศเรื่องโลกจะถูกลบหายไปนั่นน่ะคนรู้จักของนายหรือไง"
'ใครมันจะไปรู้จักกันล่ะ
ขนาดว่าตัดอมฤตไปแล้วยังบังคับให้ระบบทำงานได้ขนาดนั้นคนที่ทำมันคงมีพลังอำนาจที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ'
คนที่แฟรนเซียมเองก็ยังไม่รู้จักแต่มีพลังมากขนาดที่ว่านี่บางทีอาจจะเป็นคนใกล้ตัวกว่าที่คิด
"หรือว่าจะเป็นฝีมือของไฮโดรเจน"
รูบิเดียมลองถามดู
'ไม่มีทาง
เจ้านั่นไม่มีพลังขนาดนั้นแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเข้ามาก้าวก่ายแผนของเราด้วยแต่เรื่องนี้จะต้องทำการสืบอย่างจริงจังอีกทีแต่หลังจากทดลองเสร็จแล้วล่ะนะ'
พอได้ยินแบบนั้นรูบิเดียมก็สูดลมหายใจเข้าแล้วพ่นออก
กองหนังสือจำนวนมหาศาลเบื้องหน้ายากจะหักห้ามไม่ให้คิดท้อใจแต่มันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องควานหาไปทีละเล่มเพราะในห้องไม่มีป้ายหรือเครื่องหมายบ่งบอกว่าหนังสือจะถูกแยกเป็นหมวดหมู่เอาไว้เลย
พวกมันแค่ถูกจับโยนใส่ชั้นหนังสือไว้เท่านั้น
บางทีพวกเทวทูตคงไม่ได้สนใจจะอ่านกันหรือถ้าจะมีคนที่รู้ว่าเล่มไหนอยู่ตรงไหนก็คงจะมีแค่ซาคคิเอลหรือซากิริที่เป็นบรรณารักษ์ของห้องสมุดนี้
"งั้นระหว่างที่ฉันกำลังหาของสำคัญต่อการทดลองที่ว่านั่นนายก็ไปจัดการเรื่องอื่นรอก็แล้วกัน"
...
ขณะเดียวกันที่ฝั่งของแฟรนเซียม...
"ฝากด้วยล่ะ"
สิงห์พูดตอบใส่หน้าจอสื่อสารที่ปลายสายเป็นกุมภา
ไม่สิรูบิเดียมต่างหากแล้วก็ตัดสายทิ้งไปก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับลูกน้อง
ลูกน้องที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งแล้วหนีมาหาเขาถึงที่นี่เพื่อจะเปิดโปงตัวจริงของราชาของมนุษย์ต่างดาว
"แล้วแกมาทำอะไรที่นี่จำได้ว่าสั่งไปแล้วนะนอกจากซีเซียมแล้วให้ไปเตรียมกำลังสำหรับบุกโจมตีเมตไตรยไว้"
สิงห์ หรือ
แฟรนเซียมพูดพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา
แต่ก็ข่มขวัญโพแทสเซียมไม่ได้เจ้านั่นไม่แม้แต่จะสะอึกกับจิตสังหารด้วยซ้ำแถมยังยิ้มแป้นหน้าบานชวนหงุดหงิด
"ก็แหมท่านซีเซียมเล่นพาตัวซุงโซกับซุงลี่ไปโจมตีอารย-สนธยาทั้งคู่แถมตอนนี้ซุงลูลู่ก็ไม่รู้หายไปไหนอีกเหลือผมคนเดียวจะให้ไปคุมกองทัพของราชครูท่านอื่นด้วยมันก็ไม่ไหวนา"
โพแทสเซียมพูดพลางยักไหล่
"ถ้างั้นก็กลับไปซะสิบอกว่าเป็นคำสั่งของฉันก็ได้แล้วรีบเตรียมทัพซะ"
แฟรนเซียมสั่งออกไปอย่างนั้นแต่โพแทสเซียมกลับส่ายหน้าพลางทำเสียงจิกจักในปาก
"จุ๊ๆๆ
ตอนนี้มันมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นอยู่อีกไม่ใช่รึไง"
อีกฝ่ายพูดอย่างนั้นแล้วชี้มาที่หน้าของเขา
"ทำไมคนที่อยู่ฝ่ายศัตรูถึงได้มาลอยหน้าลอยตาเป็นหัวหน้าของพวกเราได้ล่ะครับแถมยังจะก่อสงครามระหว่างขั้วอำนาจของตัวเองอีกผมละไม่เข้าใจตัวคุณเอาซะเลยที่จริงก็นึกสงสัยคุณมาตั้งนานแล้วล่ะอยู่ๆ
ท่านซีเซียมที่ควรจะรับตำแหน่งต่อจากท่านไฮโดรเจนก็กลายเป็นว่าคุณมาเทคโอเวอร์ไปแทนซะได้
ทั้งที่คิดว่าคุณตายไปแล้วตอนที่เกิดกบฏของอดีตลำดับสี่ห้าหกนั่นซะอีก"
แฟรนเซียมเดาะลิ้น
"กลายเป็นของที่ใช้การไม่ได้ไปแล้วงั้นเรอะ"
เมื่อได้ยินคำพูดที่ว่าโพแทสเซียมก็ตาเบิกโผลงจากที่หยีติดกันมาตลอด
คำพูดนั่นอาจหมายถึง 'กำลังสอดรู้มากเกินไป'
เนื่องจากสัมผัสไ้ด้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีกับตัวเองแล้วมันก็เป็นอย่างนั้น...
โพแทสเซียมกระโจนตัวหลบไปทางด้านข้างได้ทันก่อนที่พื้นซึ่งเคยเหยียบอยู่จะร่วงลงไป
หน้าผาด้านหลังก็ถล่มลงมาด้วยทำให้ตอนนี้แทบจะไม่เหลือที่ยืนบนเชิงผาแห่งนี้
ถ้าการโจมตีครั้งหน้ามาถึงคราวนี้ไม่มีที่ให้หนีแหง
โพแทสเซียมคิดและยังสงสัยว่าการโจมตีเมื่อครู่คืออะไรกันแน่
มองการโจมตีไม่เห็นอาจจะเป็นคลื่นหรืออากาศแต่การออกท่าทางรวดเร็วมากจนมองตามไม่ทัน
นี่คือพลังของราชามนุษย์ต่างดาวพลังของราชครูลำดับที่หนึ่ง...
ขนาดที่ว่าเทียบกับราชครูด้วยกันยังห่างชั้นจนเทียบกันไม่ติด
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาทางถ่วงเวลาไปก่อนคิดได้แล้วก็เริ่มใช้ฝีปากอย่างทุกที
"อะฮะ
นี่หรือว่าคิดจะปิดปากผมกันล่ะเนี่ยท่านแฟรน..."
แค่เริ่มเอ่ยปากไปได้เล็กน้อยเวลาก็หมดทันทีโพแทสเซียมต้องหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเพราะพื้นที่เหยียบอยู่ร่วงลงไปหมด
แขนข้างขวาขาดกระเด็นจากนั้นก็ถูกสับกลายเป็นชิ้นเนื้อในอึดใจต่อมา
ที่จริงขาข้างขวาก็เกือบจะไปด้วยแต่เพราะไหวตัวทันเลยชิงกระโดดซะก่อนที่ดาบนั่นจะฟันออกมา
ใช่...มันน่าจะเป็นอย่างที่เห็นมีดาบตวัดออกมา
ดาบสีดำเมี่ยมอย่างกับถ่านไม้นั่นไม่ได้ตวัดออกมาตรงๆ
แต่มันขดตัวได้ เลี้ยวได้ ราวกับแส้
"เป็นแส้ใบมีดเหรอเนี่ย"
โพแทสเซียมสรุปเอาอย่างนั้นเพราะเห็นแค่แวบเดียวที่มันยืดตัวออกพริบตาถัดมามันก็หายไป
จากนั้นพอมุมตกกระทบของแสงจันทร์เริ่มเปลี่ยนเพราะเมฆบนท้องฟ้าเคลื่อนตัวทำให้มีแสงตกลงไปที่ฝั่งแฟรนเซียมจึงทันมองเห็นดาบที่ว่า
ดาบสีดำเมี่ยมมีใบดาบที่เป็นมีดฟันฉลามมาเรียงต่อกันเป็นทอดบางทีคงจะมีลวดหรือเส้นใยที่ใช้เชื่อมต่อใบมีดเล็กๆ
พวกนั้นให้สามารถตวัดออกมาได้
แฟรนเซียมกระโดดขึ้นไปบนหน้าผาตั้งแต่ตอนที่ฟันพื้นที่เชิงผาจนร่วงลงไปหมดแล้วตวัดดาบแส้อีกที
โพแทสเซียมซึ่งร่างลอยเคว้งอยู่กลางอากาศตกเป็นเป้านิ่งแต่เขาก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายเล็งโจมตีอะไรจึงรีบมุดหัวเก็บต้นคอแล้วใช้แขนข้างที่เหลือป้องกันมันไว้
วินาทีถัดมาแขนก็ถูกหั่นเป็นท่อนๆ
ไร้เสียง
ไร้ความเจ็บปวด
ตัดได้อย่างสมบูรณ์แบบกระทั่งกระดูกที่เป็นส่วนแข็งก็ยังไม่สร้างปัญหาดาบนั่นคมถึงขนาดนั้น
โพแทสเซียมร่วงลงไปในทะเล
จมหายไป
ละไม่ผุดขึ้นมาอีก
แฟรนเซียมมองลงมาจากข้างบนผาอยู่ซักพักก็ตวัดดาบสะบัดคราบเลือดออกหมดในครั้งเดียว
พื้นผิวของตัวดาบมันวาวจนคราบเลือดยังเกาะไม่ติด
"หนีเข้าไปเถอะเพราะไม่ว่ายังไงแกก็หนีไปจากโลกใหม่ของฉันไม่ได้อยู่แล้ว"
เขาพูดแล้วเก็บดาบ
แต่ก็ไม่ได้เก็บแบบธรรมดา...
แฟรนเซียมทำให้ดาบละลายเป็นของเหลว
ละลายหยาดเยิ้มราวกับน้ำเลือด
แล้วดูดกลืนมันกลับลงไปในแผลตรงข้อมือพอซับเลือดเข้าไปหมดมันก็สมานตัวในทันที
แผลซึ่งทำไว้เองตอนที่เรียกดาบออกมาเพราะว่ามันเป็นดาบโลหิต
หลังจากเก็บดาบแล้วแฟรนเซียมก็เดินลงจากภูเขาไปตามเส้นทางถนนเพื่อมุ่งหน้าไปทำตามแผนการต่อไป
แผนการที่จะทำให้โลกก้าวไปข้างหน้า
โลกที่ปกครองโดยผู้ที่แข็งแกร่งไร้ซึ่งคนไร้ความสามารถ
โลกแห่งอุดมคติที่ปฏิเสธทั้งการมีอยู่ของเทพและมาร
...
อีกด้านหนึ่ง...
บนรากของอาคาชิกเรกคอร์ดสถานที่ตั้งของรูนรูมแต่เวทีในคราวนี้ไม่ใช่ห้องที่เก่าโทรมนั่น
หากแต่สถานที่ซึ่งซีลอร์ดกำลังโรยตัวลงไปก็คือลานจอดเฮลิคอปเตอร์บนดาดฟ้าของตึกร้างแห่งหนึ่งที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางซากเมืองไร้ผู้คน
ในโลกแห่งความว่างเปล่า
ซึ่งไม่ควรจะมีใครอื่นอยู่ที่นี่ได้นอกจากตัวซีลอร์ดเพียงคนเดียวแต่กลับมีอีกคนยืนรออยู่บนลานเฮลิคอปเตอร์
และทันใดนั้น...
“ว้า~~โดนเจอตัวแล้วเหรอเนี่ย”
เจ้าของเสียงยืนอยู่บนลานแห่งนั้นเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก
เรือนผมสีทอง เส้นผมยาวสลวย
คาดที่คาดผมสี้น้ำเงิน สวมเดรสแบบวันพีซสีฟ้า
ใบหน้าเรียวรูปโฉมงดงามแต่ดวงตาดูเย็นชาและไร้แววตาราวกับเป็นตุ๊กตา
เด็กหญิงยืนในท่าไพร่มือทางด้านหลังก้มหน้าเล็กน้อย
จากส่วนสูงประเมินว่าน่าจะมีอายุราวๆ
สิบขวบได้ แต่นั่นเป็นเรื่องของมนุษย์เด็กผู้หญิงตรงหน้านี้ไม่ใช่
ซีลอร์ดมองออกตั้งแต่แวบแรกที่สบตาว่าเด็กหญิงเป็นปีศาจแถมยังเป็นตัวอันตราย
“เธอเองสินะเจ้าของเสียงในตอนนั้น”
ซีลอร์ดพูดระหว่างที่นึกเทียบเสียงของเด็กหญิงกับเสียงของผู้หญิงที่พ่นคำพูดเหล่านี้
‘เราคือคนที่ถูกลืมเลือนเช่นเดียวกับเจ้า
อาคานาร์ของผู้เลือกหนทางแห่งมนุษย์ อาคานาร์ของบุตรแห่งแสง อาคานาร์ของปีศาจ
ถ้าอย่างนั้นเครื่องทำสวนเองก็ควรจะเลือกหนทางด้วยเช่นกันอย่ามัวแต่รออยู่เลยเริ่มเกมโกงวันโลกาวินาศของเจ้าได้แล้วเครื่องทำสวนเอ๋ยอย่าได้ยึดมั่นต่ออาคาชิกเรคคอร์ดเลยความเป็นไปได้นั้นมีมากมายไม่จบสิ้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่ทุกอย่างจะพังทลายก็เช่นเดียวกัน’
ทั้งคู่เสียงเหมือนกัน
แล้วที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่ๆ
ใครจะมาเพ่นพ่านได้ดังนั้นเด็กหญิงก็คือคนร้ายหรือไม่ก็มีความเกี่ยวข้องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“นี่อลิซ”
ซีลอร์ดพูดชื่อของเด็กหญิง
”ปกติแล้วปีศาจอย่างเธอไม่น่าจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้นะแล้วทำไมกันล่ะ”
“ก็ไม่ทำไมทั้งนั้นนี่ก็แค่”
เด็กหญิงพูดแล้วเรียกหน้าจอขึ้นมา
หงายมันให้เขาดู
หน้าจอที่แสดงเมล์ตัวจับเวลาตาย
ชื่อของเหยื่อไม่ปรากฏอยู่ในเมล์แต่...
======================
Subject:
@Clipius Death Timing Delivery
From:
???
Detail:
นี่คือฉบับสุดท้ายจงรีบไปก่อนที่เจ้าจะสูญเสียทุกอย่าง
เวลาก่อนที่ความสิ้นหวังจะมาเยือนเจ้าเหลืออีกแค่
[00:01:30]
======================
กลับปรากฏข้อความที่ไม่เข้าใจความหมายอยู่บนนั้น
“คราวนี้ก็จะเล่นมุกนั่นอีกเหรอ”
ซีลอร์ดพูดเพราะหนก่อนอีกฝ่ายก็เคยแสดงภาพแห่งความตายของอิงศรกับพวกพ้องแบบสุ่มมั่วซั่วมาให้ดูแล้ว
แต่เด็กหญิงกลับยิ้มและหัวเราะคิกคัก
“คิกๆๆ
จะใช่อย่างนั้นจริงๆ เหรอ”
สิ้นคำหน้าต่างย่อยก็เปิดขึ้นมาทับข้อความบนเมล์
แสดภาพของเหยื่อตอนที่เวลาเหลือแค่ 1 นาที
ใบหน้านั้นคือตัวเขาเอง
ซีลอร์ดผู้ถูกลืมเลือนตกเป็นเหยื่อของ
‘ความตาย’
ความคิดเห็น