(YAOI) LOVE'S GIFTED รักนี้ให้นายคนเดียว - นิยาย (YAOI) LOVE'S GIFTED รักนี้ให้นายคนเดียว : Dek-D.com - Writer
×

    (YAOI) LOVE'S GIFTED รักนี้ให้นายคนเดียว

    ตัมเด็กหนุ่มหน้าใส่ที่หลงรักแบงค์เพื่อนในห้องเดียวกัน แต่อุปสรรคทั้งความคิด ความเหมาะสม ครอบครัว ทำให้เขาทั้งคู่ตัดสินใจอย่างไร ติดตามได้ใน love's gifted รักนี้ให้นายคนเดียว

    ผู้เข้าชมรวม

    99

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    99

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  3 พ.ย. 57 / 21:50 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอนที่ 1   วันแรกของการได้รู้จักใครสักคน
    ผมชื่อตัมครับ 
    วันนี้เป็นเช้าที่แสงแดดทอแสงแต่เช้า มันเป็นแสงที่สวยงามมาก อ๋อผมลืมบอกไป  ผมอยู่ต่างจังหวัดครับ ถ้าวัดจากกรุงเทพก็ห่างกันประมาณ แปดร้อยกว่าโลน่าจะได้ ณ เวลานี้ผมอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ ซึ่งวางชิดกับมุมห้อง ผนังของห้องทางซ้ายมือของผมที่ถูกทำด้วยกระจกบานใหญ่นั้น มันทำให้ผมมองออกไปยังนอกห้องที่มีฉากข้างหลังเป็นภูเขา สิ่งนั้นมันทำให้ผมคลายเครียดลงได้มากเลยที่เดียว แต่จะไม่ให้เครียดได้อย่างไร เพราะเมื่อคืนผมอ่านหนังสือทั้งคืน ผมต้องสอบเขาเรียนในระดับม.4 ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ของโรงเรียนประจำจังหวัด  มันเป็นความใฝ่ฝันที่ผมต้องไปเรียนที่นั้นให้ได้ 
    ผมเหลือบมองไปยังนาฬิกาที่บอกเวลา 06.30 น. ผมบิดขี้เกลียด ก่อนที่จะลุกจากเก่าอี้ตัวที่นั้งทั้งคืนเพื่อไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป 
    ในห้องน้ำขณะที่ผมบรรจงถอดเสื้อผ้าอยู่นั้น คำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นมา "เราพร้อมจะไปสอบจริงๆใช้ไหม" 
    ผมมองผ่านกระจกในห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่พอที่จะมองผู้ชายรูปร่างสูง 173 เซนติเมตร ผิวชาว มีกล้ามนิดหน่อย ใบหน้าเรียวที่เวลาเดินผ่านใครไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายต้องหันหลังกลับมามอง แต่ใบหน้าที่หล่อนั้นกลับเต็มไปด้วยความกังวล "เราต้องทำให้ได้" ผมพูดออกมาเบาๆ และเอื่อมมือไปเปิดน้ำให้ใหลผ่านตั้งแต่ศรีษะลอดผ่านช่วงว่างระหว่างเส้นผมแต่ละเส้น แล้วใหลไปตามใบหน้าเรื่อยไปจนปลายเท่า
    เมื่ออาบน้ำเสร็จผมรีบแต่งตัวด้วยชุดนัดเรียนเสื้อสีขาว กางเกงสีดำ ถุงเท้าสีขาว รองเท้าดำ  วิ่งออกจากห้องนอนตัวเองไปยังโต๊ะอาหารในครัว พร้อมกับเสียงอันอบอุ่น ที่ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะ "กินข้าวแม่เตรียมกับข้าวไว้ให้แล้ว" เสียงนั้นไม่ใช้ใครครับแม่ผมเอง แม่ผมเป็นหญิงที่สวยงามมากครับ ผมยาวผิวขาว รูปร่างบาง ใบหน้าดูเหมือนเป็นคนใจดี แต่ก็ใจดีมากครับ ที่โต๊ะอาหาร มีพ่อนั่งดืมกาแฟอยู่ก่อนแล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ดื่มกาแฟครับ "ว่าไงไอ้เสือ คิดว่าจะสอบได้หรือเปล่า" พ่อผมพูดพร้อมรอยยิ้มพ่อผมเป็นคนรูปร่างสูง ใส่แว่นตา ผิวขาว ผมนะชอบแอบมองพ่อผมบ่อยๆครับ มองแล้วมีความสุข แต่ผมก็มีความสุขเมื่อมองพ่อกับแม่อยู่แล้วครับ แต่ด้วยคำถามพ่อ ทำให้ผมหน้าเสียไปนิดหน่อยเพราะการสอบครั้งนี้มันสำคัญกับผมมากจริงๆครับ "โอ้ยทูลหัวของแม่เก่งอยู่แล้ว" เสียงแม่ผมดูนิ่มนวลแต่ผมทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ อยู่ดี  ก่อนจะลงมือทานข้าว 
    "พ่อครับ แม่ครับ ผมไปก่อนนะครับ" ผมลุกจากโต๊ะอาหารแล้วเดินออกจากบ้านไปหยิบรถจักรยานแล้วปั่นไปโรงเรียนที่ห่างจากบ้านผมเพียง 1 กิโลครึ่ง เมื่อมาถึงโรงเรียนที่เต็มไปด้วยนักเรียนที่มาเตรียมสอบ ผมจึงรีบหาที่จอดรถจักรยาน ผมปั่นอยู่สามสี่รอบหาที่จอดยากจริงๆครับ จนผมต้องไปจอดแทรกระหว่างที่นั่งหินออนซึ่งตรงนั้นมีนักเรียนชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมนั่งอยู่ ผมมองไปที่เด็กนักเรียนคนนั้นพร้อมกับยิ้มให้และพยักหน้าลงนิดหน่อยบงบอกถึงว่ายินดีที่ได้รู้จัก ผมใช้เวลาตรงนั้นไม่นานครับเพราะผมจะต้องรีบไปดูเลขที่นั่งสอบ ห้องสอบ และอะไรๆอีกมากมาย ขณะที่ผมลนลานที่จะจอดจักรยานนั้น นักเรียนชายคนนั้นเดินมาหาผมและบอกว่า "จิตพิสุจน์ ชุมพลสถิต เลขที่นั่งสอบของนาย 25 ข้างหลังเรา สอบห้องที่ 10 เลขห้อง 545 เราจำชื่อนายได้ ชื่อนายแปลกดีและนั่งหลังเราเลยจำได้ บวกกับเมื่อกี้เราเห็นชื้อนายที่หน้าอกพอดี" เด็กนักเรียนหนุ่มคนนั้นยิ้มออกมา "อ๋อ ขอบคุณมาก เราชื้อ ตัมนะ นายชื้อไร" ผมก็ไม่มีอะไรมากแค่ทำท่าทางเขินๆ "หล่อๆอย่างเรานี่นะชื้อแบงค์" ผมหยุดอาการเขินแล้วหัวเราะร่าออกมา แบงค์เป็นคนที่หน้าตาดีผิวออกเหลืองๆครับ ไม่ขาวมาก สูงเท่าผมเลย ลักษณะขี้เล่น ผมกับแบงค์เราสนิทกันอย่างรวดเร็ว แบงค์เป็นเด็กต่างอำเภอ ที่เดินทางมาสอบ ส่วนผมพ่อเพิ่งย้ายมาเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ พ่อผมเป็นคนเชียงใหม่ครับ ส่วนแม่เป็นคนนคราชสีมา ผมยังเรียนอยู่ชั้น ม.3 ที่นครราชสีมา แต่ด้วยพ่อกับแม่ผมย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่ ผมจึงต้องมาสอบเข้าเรียนที่นี่ครับ จึงทำให้ผมกับแบงค์สนิทกันเร็วเพราะด้วยไม่มีเพื่อนนี่เอง  
    บรรยากาสในห้องสอบพร้อมกับวิชาแรกวิชาวิทยาศาสตร์ ที่แสนจะยาก แล้วต่อด้วยคณิตศาสตร์ ที่ว่าวิทย์ยากแล้วคณิตยังยากกว่าอีก หลังจากสอบสองวิชานี้แล้วผมออกมานั่งนอกห้องเรียนสอบด้วยความเหนื่อยล้า ไม่นานนักแบงค์ก็เดินออกมาจากห้องสอบ พร้อมกับสีหน้าไม่สู้ดีนักซึ่งไม่ต่างอะไรกับผมเลย "เป็นไงว่ะ ทำได้เปล่า" ผมถามแบงค์ออกไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความผิดหวังเล็กน้อย "ได้ทำว่ะ ... ไปกินข้าวกัน จะได้มีแรงสอบตอนบ่าย" ผมลุกเดินไปโรงอาหารที่ตั้งอยู่ไม่ไกลมาก  ในโรงอาหารที่เต็มไปด้วยนักเรียนและผู้ปกครองที่มาส่งกำลังใจจำนวนมาก บางคนถึงกลับจ้างครูพิเศษมานั่งประกบเลย ผมกับแบงค์มองด้วยด้วยสายตาที่บอกได้เลยครับว่ายอมแพ้ เราทั้งคู่นั่งกินข้าว แบงค์ถามผมว่า "ตัม นายเป็นคนเชียงใหม่ป่ะ" "เปล่าหรอกเราอยู่โคราช พ่อเราเป็นหมอ ย้ายมาอยู่ที่บ้านเกิดพ่อ ส่วนแม่เป็นครูสอนชีววิทยา อ่ะ ตอนนี้แม่กำลังทำเรื่องย้าย" ผมพูด "ทำไมถึงย้ายมาอยู่โคราชไม่ดีเหรอ" "เปล่าหรอก พ่อเราต้องมาดูแลปู่กับย่า ส่วนตายายเสียหมดแล้ว แม่เราก็เลยเห็นดีด้วยกับการมาอยู่เชียงใหม่ ส่วนเราเฉยๆ คิดถึงเพื่อนๆทางนู้นมากกว่า สอบเสร็จนี่เราก็จะต้องกลับไปเรียนที่โคราชให้จบ ม.3 แล้วค่อยมา ม.4 ที่เชีบงใหม่ นายหละ ถามแต่เรานายเป็นไงมาไง" "เราเหรอ บ้านจริงเราอยู่ขอนแก่น พ่อตายแล้ว แม่จึงย้ายกับมาอยู่บ้านยายอยู่ที่อำเภอสันป่าตองอ่ะ" 
    "เฮ้ยแล้วไกลจากที่นี่มากป่าวว่ะ" 
    "ไม่รู้สิ น่าจะไกลอยู่นะ"
    "แล้วนี่สอบเสร็จนายจะกลับขอนแก่นเลยหรืออยู่ที่สันป่าตองต่อ"
    "กลับเลย"
    "อ่าวบ้านนายอยู่ขอนแก่นไม่ใช้เหรอ ไปทำไมเลยหาแฟนอ่ะดิ" มันอาจจะเป็นมุขฟืดแต่ก็ทำให้แบงค์ยิ้มได้ ผมชอบมองเวลาแบงค์ยิ้มครับ รอยยิ้มที่จริงใจ ยิ้มหวาน ยิ้มกว้างจนเห็นเหล็กดัดฟัน ผมมองแล้วรู้สึกมีความสุขยังไงบอกอารมณ์ตอนนั้นไม่ถูกจริงๆ มันรู้สึกสึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างสดใส่ มันทำให้ผมยิ่มคนเดียวได้โดยไม่รู้สาเหตุ  เราสองคนนั่งคุยเรื่องสับเพเหระไปเรื่อย ๆ สายตาผมก็มองไปรอบๆ ซึ่งแต่ละคนขมักเขม่งกับการอ่านภาษาอังกฤษ และเป็นวิชาที่สอบตอนบ่ายนั้นเองครับ
    ติง ติ่ง ติง ติ่ง "เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงให้ผู้เข้าสอบสามารถขึ้นอาคารได้"
    ผมกับแบงค์จึงเริ่มขยับกายลุกจากเก้าอี้หินอ่อนไปยังห้องเรียนโดยไม่รีรอ ช่วงเช้าที่ว่าข้อสอบยากแล้ว บ่ายยิ่งยากกว่าอีก เฮ้อ หมดหวังแล้วตู หลักจากสอบเสร็จด้วยความเหนื่อยล้าผมจึงโทรบอกให้แม่ขับรถมารับ พร้อมกับเอาจักรยานคู่ใจกลับด้วย “ตัมแม่จะช้าหน่อยนะ ประมาณ 5 โมงเย็นหาอะไรรองท้องไปก่อนแล้วกัน” “แบงค์แม่เรามาตอนห้าโมงเย็นว่ะ”
    “อื่มเรารอเป็นเพื่อน”
    “นายน่ารักจังเลยว่ะดีดีชอบ”
    “น่ารักแล้วจะรักไหมหละ” แบงค์พูดออกมาแล้วยิ้มกว้าง แต่ด้วยคำพูดนี้ทำเอาผมเขิลหน้าแดงออกมาเลย ในระหว่างที่รอ ผมกับแบงค์ก็ชวนกันเดินออกไปหน้าโรงเรียนที่เต็มไปด้วยของกินหลากหลาย ผมไม่รอช้าครับจัดการซื้อลูกชิ้น ขนม น้ำ มากินฆ่าเวลาถึงกระนั้นก็ยังไม่ถึงเวลาที่แม่จะมา ตามสมัยนิยมครับผมเลยหยิบไอเพดขนาดหน้าจอ 10.1 มาเล่นเกมต่อสู้ จากเริ่มแรกที่เราทั้งคู่นั้งตรงข้ามกันแต่มันก็ไม่ถนัดในการเล่นทำให้แบงค์เป็นฝ่ายแพ่ตลอดเหตุนี่แบงค์จึงลุกมานั่งข้างๆผม แต่ด้วยการเล่นเกมที่ถึงพริกถึงขิง ทำให้ศรีษะของผมกับแบงค์ค่อย ๆ ลดต่ำจนชนกันเมื่อผมเงยหน้าขึ้นจึงได้รู้ว่าริมฝีปากผมสัมผัสกับริมฝีปากของแบงค์ไปเรียบร้อยแล้ว ผมกับแบงค์รีบหันหน้าออกจากกันทันทีผมได้แต่นั่งก้มหน้าด้วยความเขิลอาย ใจเตัมไม่เป็นจังหวะ อากาศที่เริ่มเย็นไม่ได้ช่วยลดอุณภูมิในร่างกายผมที่กำลังเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย ผมเลือกที่จะเลยหน้าเพื่อมองใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ ในภวังค์นั้นทำให้ผมหลุดคำถามหนึ่งออกไป
    “ยิ้มอะไร”
    “ฮ่ะ อะไรนะ”
    “นายนะยิ้มอะไร”
    “อ๋อเปล่านี่” ผมเลยเอาเท้าไปเตะหน้าแข้งของแบงค์หนึ่งครั้ง แต่แบงค์คงไม่ปล่อยให้ผมทำอย่างนั้นข้างเดียว แบงค์เอามือมาจี้เอว ทำให้ผมสะดุ้ง พร้อมกับหัวเราะออกมาและพยายามดิ้นจนหลุดแล้วหันกลับไปจี้เอวแบงค์บ้าง แต่แบงค์ไหวตัวทันจึงลุกวิ่งออกไป ผมวิ่งตามแล้วกระโดดขึ้นหลังของแบงค์(แบบว่าอ่อยนิดนึง) แต่แบงค์ก็พยายามสลัดจนผมตกจากหลัง แบงค์หันมาหัวเราะพร้อมยืนมือมาดึงให้ผมลุกขึ้นมือของแบงค์นุ่มมาก เสียงบีบแตรดังขึ้นผมกับแบงค์หันไปตามเสียงนั้น พบว่าเป็นรถดีแม๊กสีบรอนซ์เงิน        สี่ประตูยกสูงทะเบียน 8704 ไม่ใช้ใครแน่ๆ แม่ผมเองครับ
     
    "แบงค์แม่เรามาแล้ว" ใจหนึ่งก็ดีใจที่เห็นแม่มา แต่อีกใจก็ยังไม่อยากไปจากตรงนี้ ความรู้สึกเหมือนต้องพรากจากอะไรบางอย่างที่ตัวผมเองก็อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ แต่ที่แน่ๆผมรู้สึกดีกับแบงค์มาก  
    "แบงค์ถ้านายสอบไม่ติดนายจะไปเรียนที่ไหน "
    "คงได้อยู่ขอนแก่นกับพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงอ่ะ... ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย...นายหละ"
    "ไม่รู้"
    "อื่ม แม่นายมาแล้วแสดงว่าเราต้องไปจากกันแล้วดิขอเบอร์หน่อย"
    “อืม ได้ดิเบอร์ 0832567123 นายโทรเข้ามานะ”  ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นผมจัดเก็บเบอร์โทรของแบงค์ไว้  ในความเงียบนั้น เสียงอันนุ่มนวลที่ผมได้ยินเมื่อไรก็มีความสุขเสมอก็ดังขึ้น "ตัม... เป็นไงทูลหัวของแม่" แม่ผมเขามากอดพร้อมกับหอมหัวไปหนึ่งที "ทำข้อสอบได้ไหมลูก" ด้วยคำถามนี้ ผมถึงกลับหน้าเปลี่ยนสี จนแม่ผมมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น "ไม่เป็นไรลูก หิวไหมไปหาอะไรกินกัน"
    "เอ่อ แม่ครับ นี่แบงค์เพื่อนใหม้นะแม่ แบงค์มาจากขอนแก่นนู้น" ผมพูดและทำมือชี้ไปทั่ว แบงค์ก็ไม่รอช้าที่จะยกมือไหว้และพูดว่า "สวัสดีครับ"
    "สวัสดีจ๊ะ หล่อนะเรานี่...." แบงค์ถึงกลับยิ้มร่าออกมา พร้อมกับพูดว่า "ขอบคุณครับ"
    “แรง.....”  ผมพูดและหัวเราะออกมา
    “แบงค์แล้วกลับยังไงกัน”
    “ผมกลับขอนแก่นเที่ยวดึกครับจะได้ไปสว่างที่นั้นพอดี”

    "พอดีเลย ไปกินข้าวกันเดี๋ยวมื้อนี่แม่เลี้ยงเองแล้วเดียวแม่ไปส่งที่อาเขต" 
    "เอ่อ ตอนนี่เย็นมากแล้วครับ เดียวผมจะไปขึ้นรถกลับขอนแก่นไม่ทัน"
    “อ่าวเหรอไปกินข้าวกับแม่ก่อน”
    “ไม่เป็นไรครับ”

    "เอ๋อ ไป เดี่ยวแม่ไปส่งที่อาเขต" และแล้วเราทั้งสามคนก็ขึ้นรถไปด้วยกัน แม่ผมขับมาส่งแบงค์ที่อาเขต 
    "ขอบคุณนะครับ ไปนะ ประกาศผลเจอกัน..แล้วไงเดี๋ยวเราโทรหา" แบงค์พูดพร้อมกับยิ้มหวานออกมา
    "อื่ม เจอกัน"
    เมื่อส่งแบงค์เสร็จผมกับแม่กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านและรอพ่อกลับมาบ้านและจะออกไปกินข้าวด้วยกัน จนเวลา 20.00 น. พ่อผมถึงเดินทางกลับมาถึงบ้าน เราทั้งสามคนจึงออกเดินทางไปกินข้าว ขณะที่กำลังเดินทางไปร้านอาหารแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เสียงโทรศัพท์ของพ่อดังขึ้น และคุยอะไรกับคนในสายอยู่พักหนึ่ง "แม่พ่อแวะอาเขตแป๊บนะ พยาบาลฝากของไว้ให้" พ่อผมเลยเลี้ยวรถกลับไปที่อาเขต
    ในใจผมหวังอยากให้ได้เจอ แบงค์อีกสักครั้ง พอถึงอาเขต พ่อจอดรถไว้แล้วเดินลงไปเขาของ เวลาผ่านไปนานมาก ผมจึงชวนแม่เดินลงจากรถเพื่อเดินไปหาพ่อ หวังคงจะช่วยถือของอะไรได้ ขณะที่เดินไปถึงก็พบพ่อนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่ส่งของ ในใจผมคิดว่าคงยาวแน่ๆ ตอนนั้นแม่ผมอยากเขาห้องน้ำพอดีแม่เลยให้ผมเดินไปเป็นเพื่อน สิ่งที่ไม่คาดคิด ผมเจอแบงค์นั่งอยู่ และชี้ให้แม่ดู "แม่นั้นแบงค์ยังไม่ได้ไปเลย"
    แม่ผมเห็นอย่างนั้นจึงรีบเดินเข้าไปหา "แบงค์ยังไม่ได้กลับอีกเหรอลูก" 
    "ยังครับ ผมมาไม่ทันรถครับ" ตอนนั้นผมสงสารเลย แบงค์ทำหน้าเศร้ามาก
    "แล้วหนู่กินอะไรหรือยัง"
    "ยังเลยครับ"
    "งันไปกินข้าวกับแม่ก่อน จากนั้นยังไงค่อยว่ากัน" ผมจึงดึงแขนแบงค์พร้อมกับช่วยยกกระเป๋าที่ใหญ่มากเดินไปยังห้องน้ำ เมื่อแม่เข้าห้องน้ำเสร็จ ผมแม่ และแบงค์ต่างเดินกันไปหาพ่อผมที่นั่งเครีย์ธุระอยู่ เมื่อไปถึงที่พ่อผมอยู่ แม่พูด "พ่อเป็นไงบ้าง"
    "เครีย์ลงตัวแล้ว แต่พรุ่งนี้ผมจะต้องไปขอนแก่นแต่เช้าเลย และจะเลยไปส่งลูกกับแม่ที่บ้านก่อนแล้วเดียวพ่อค่อยนั่งเครื่องบินกลับ"
    "อื่ม พอดีเลย แบงค์คืนนี้ข้างกับตัมนะพรุ่งนี้ค่อยกลับขอนแก่นพร้อมแม่" แม่ผมหันไปพูดกับแบงค์ที่ยืนงงๆกับเหตุการณ์ เฮ้อนี่แหละครับแม่ผมน่ารักที่สุด ไม่ใช้แค่แบงค์ที่งงพ่อผมเองก็งงคงคิดว่าไอ้รูปหล่อนี่เป็นใครมาทำอะไรพ่อยังไม่ได้ทันที่จะถาม แม่ก็อธิบายให้พ่อฟังก่อน แล้วพ่อผมก็ยิ้มออกมา
    จบตอนที่ 1 รออ่านตอนที่สองกันต่อนะ (ค่ำคืนที่ปราศจากความเหงา)

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น