ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF:HANTEUK] :: The One I Love ลิขิตหัวใจนายมาเฟีย .. Part2

    ลำดับตอนที่ #9 : All I Ever Wanted - END

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 54


    "ฉันจะขอให้ฮยอกแจมาดูแลนาย"

     

    "..."

     

    "เขาจะเข้ามาหานายทุกเย็น"

     

    "..."

     

    "คุณทงเฮจะหางานให้นายทำ"

     

    "..."

    ถ้าอีทึกทำได้...อีทึกจะทำให้ตัวเองไม่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น...ถ้อยคำที่บอกว่าอีกฝ่ายกำลังจะจากไปและอีทึกต้องอยู่คนเดียวเพื่อเป็นภาระให้กับคนอื่นที่อีทึกไม่รู้จัก เขาจับตะเกียบเหล็กในมือให้มั่นคงมากขึ้น ก้มหน้าทานอาการตรงหน้าตนไปเงียบๆโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่นั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม...มื้อสุดท้ายแล้ว แต่เขาก็ทำอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้เลยสักนิด เขาแค่อยากจะเอ่ยถามออกไปว่า

     

    ถ้าคุณไม่อยู่...แล้วจะให้อีทึกอนู่ตรงนี้ไปทำไม

     

    ก็มันไม่มีคุณอยู่ตรงนี้ให้อีทึกรัก...อีทึกก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่

     

    อยู่ที่ที่คนที่อีทึกรู้จักมีคุณเพียงคนเดียว

     

    ถ้าคุณบอกว่ารักปาร์คจองซูได้เพียงคนเดียว...อีทึกก็ต้องการแค่คุณเพียงคนเดียวเช่นกัน

     

    หากแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถ้อนคำเหล่านั้นออกไปให้ตัวเองได้ร้องไห้กับคำตอบที่อาจจะได้รับกลับมา แต่ถึงจะไม่อยากให้ตัวเองร้องไห้มากขนาดไหน ตอนนี้ขอบตาของเขาก็ร้อนผ่าวไปหมดโดยไร้สาเหตุ...กำลังจะกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร...เขายังทนได้...ยังไม่มีน้ำตาในตอนนี้ได้...เขายังอยากเห็นความรักของเขาให้ชัดๆ

     

    "กินเข้าไปเยอะๆ"

    มือใหญ่คีบเนื้อคีบผักมากมายมาใส่จานให้เขามากมาย และอาการใส่ใจแบบนั้นก็ทำให้ลำคอของเขาแสบเคืองจนเกือบจะหลุดสะอื้นออกมา อีทึกก้มหน้าคีบทุกสิ่งที่วางอยู่ในชามข้าวเข้าปาก พยายามสูดหายใจให้ลึกข่มอาการหวามไหวในอกและแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรต่อไป

     

    ไม่เป็นไร

     

    อีทึกไม่เป็นไร

     

    แค่ใกล้จะร้องไห้เท่านั้นเอง...ไม่เป็นอะไรมากจริงๆ

     

     

     

    วันนี้หิมะตกแต่เช้าเลย...จะเที่ยงอยู่แล้วก็ยังไม่ยอมหยุดตกสักที อากาศวันนี้จึงหนาวยะเยือกบาดผิวมากกว่าทุกวัน มืออุ่นเกาะกุมมือของอีทึกเอาไว้ เดินจับจูงพาเขาที่พักโดยไม่คำพูดใด...ก่อนที่หลังจากนั้น ทุกอย่างจะเพียงแต่เพียงเขาแค่คนเดียว อีทึกพยายามจะรั้งฝีเท้าของตัวเองให้ช้าลงจนเดินเยื้องออกมาอยู่ที่ด้านหลัง...ยิ่งทำให้เขาดูเหมือนเด็กหลงทางที่ถูกพากลับมาบ้านเข้าไปใหญ่ แต่ถึงจะเดินช้าอย่างเกียจคร้านอย่างไร มันก็ไม่ได้หยุดการมาถึงที่หมายได้ พวกเขาหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้าประตูแก้วกั้นลม...ไม่มีการเอ่ยลาใดๆนอกจากการปล่อยมือของเขาออกและค่อยๆก้าวเดินห่างออกไป หากแต่อีทึกยังยืนอยู่ตรงนั้น...จ้องมองแผ่นหลังกว้างค่อยๆไหลห่างออกไปด้วยสายตาที่เริ่มพร่ามัวไปด้วยหยดน้ำตาอีกครั้ง

     

    "ไม่เป็นไร..."

    อีทึกพยายามสูดหายใจ และละสายตาออกมาจากคนที่เดินจากไป แต่เขาก็ทำแบบนั้นไม่ได้เสียที...เขาละสายตาออกมาจากคนที่เป็นความรักของเขาไม่ได้ หากทว่าพื้นที่เขากำลังเหยีบยยืนอยู่สั่นไหวมากเกินไปจนทำไม่ได้แม้เพียงการห้ามน้ำตาและทรงตัวไม่ให้ตัวเองล้มลง

     

    ไกลเกินไปแล้ว

     

    ไกล...มากเกินไปแล้ว

     

    "คุณฮันคยอง"

    เสียงหวานเอ่ยเรียกออกมาแผ่วเบาพร้อมกับอาการผวาเอื้อมมือออกไปข้างหน้า หากแต่อีทึกก็คว้าอะไรไม่ได้นอกจากอากาศและละอองหิมะอันเย็นเฉียบเพราะอีกฝ่ายได้เดินห่างออกไปไกลมากเกินไป เทพธิดากระวนกระวาย...บอกให้ตัวเองหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในอาคารไม่ได้เสียที เขาสูดหายใจให้ลึก...พยายามจะไม่สะอื้นออกมาด้วยการบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรซ้ำๆอยู่อย่างนั้น แต่มันก็เท่านั้นนั่นล่ะ...

     

    "ฮึก...คุณฮันคยอง"

    และกว่าจะรู้ตัวว่าใบหน้าของตัวเองเปรอะเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตามากขนาดไหน...หัวใจร้าวลงมามากเท่าไร ร่างบอบบางก็ออกวิ่ง ตรงเข้าไปสวมกอดคนที่เป็นดังโลกทั้งใบของเขาเอาไว้จากด้านหลัง ฝังใบหน้าเปื้อนน้ำตาเข้ากับแผ่นหลังกว้างแสนอุ่นของคนที่ยอมหยุดเดินและยกมือขึ้นมาแตะเข้าที่ท่อนแขนๆของเขาเบาๆ อีทึกกอดคนตรงหน้าเอาไว้เต็มอ้อมแขน ซ่อนเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้กับเนื้อผ้าของเสื้อโค้ตตัวยาวแค่เข่าที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่

     

    "อย่าไป...ได้มั้ย...ฮึก...ไม่ไป"

     

    อย่าไปไกลมากกว่าที่อีทึกจะมองเห็น

     

    แค่อยู่ในอีทึกรัก...แค่อย่าหายไป

     

    เทพธิดากอดร่างสูงเอาไว้ด้วยสุดแรงที่มี...ให้แน่นที่สุดเท่าที่คนที่กำลังร้องไห้อยู่คนหนึ่งจะทำได้ แต่มันก็ยังคงไม่แน่นมากพอที่อีกฝ่ายจะไม่สามารถปลดการเกาะกุมของเขาออกได้ ฮันคยองหันกลับมาหาเขา น้ำตาที่กลบตาไปหมดทำให้เขาเห็นใบหน้าของความรักของเขาไม่ชัดเอาเสียเลย แต่ก็ไม่เป็นไร...มันไม่ได้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วอุ่นที่ไล้เกลี่ยน้ำตาออกจากข้างแก้มของเขาได้น้อยลง มือเล็กยึดจับชายเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น...ยังคงดื้อรั้นที่จะรั้งเอาไว้

     

    "คนซื่อบื้อร้องไห้ทำไม"

     

    "ฮึก..."

    อีทึกอยากจะพูดว่าแค่อย่าไป...อยากจะบอกว่าเขาแค่อยากอยู่ใกล้ๆ แต่ตอนนี้แค่พยายามสูดหายใจทั้งๆที่กำลังร้องไห้ท่ามกลางอากาศเย็นเฉียบแบบนี้ก็ทำแทบไม่ไหวแล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่เกาะเกี่ยวชายเสื้อของคนตัวสูงเอาไว้และส่ายหน้าไปมาอย่างเด็กดื้อดึง เขาได้ยินเสียงถอนหายใจของคนตรงหน้าพร้อมกับปลายนิ้วที่ลูบอยู่ที่ข้างแก้ม ฮันคยองกดริมฝีปากลงเบาๆที่หน้าผากของเขา

     

    "ไม่มีฉันนายก็อยู่ได้...ไม่เป็นไร นายจะไม่เป็นไร"

     

    ถ้าหัวใจแตกสลาย...จะยังหายใจได้อยู่รึเปล่า

     

    ถ้าหัวใจแตกสลาย...จะเจ็บปวดมากรึเปล่า

     

    อีทึกได้คำตอบของตัวเองแล้ว

     

    จะยังหายใจและมันก็ไม่เจ็บ

     

    เพราะยังต้องมีชีวิตอยู่เพื่อร้องไห้ และการร้องไห้ก็ทำให้ไม่มีแรงที่รู้สึกจะเจ็บเลยล่ะ

     

    ......................................................

     

    "นี่..."

     

    "..."

     

    "อย่าทำแบบนี้เลยนะครับ"

     

    "..."

     

    "อย่างน้อยก็ทานอะไรหน่อยเถอะนะ"

     

    "..."

     

    "คุณอีทึกครับ..."

    ฮยอกแจเบ้หน้า เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้เทพธิดาลุกขึ้นมาจากเตียงได้เสียที เขาเอื้อมมือไปแตะเบาๆเข้าที่ผิวแก้มเนียนอันเย็นเฉียบซึ่งให้สัมผัสราวกับกระเบื้อง และแรงขยับเพียงแผ่วเบาก็ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายยังคงได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ยกล่าว ดวงตาคู่หวานเสเบือนมามองเขานิดก่อนในที่สุดร่างบอบบางจะค่อยๆชันตัวลุกขึ้นนั่ง เสื้อสีขาวตัวใหญ่ที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ทำให้ยิ่งดูซีดขาวและบอบบางจนทำให้บางครั้งฮยอกแจก็กลัวว่าหากละสายตาออกมาแม้เพียงชั่วครู่ คนที่เขาถูกไหว้วานให้เข้ามาด๔แลจะปรากฏวงแหวนขึ้นมาบนศีรษะและสยายปีกบินหนีหายไป

     

    ก็เทพธิดาต้องอยู่บนฟ้าไม่ใช่รึไง

     

    "อืม"

    อีทึกตอบเขากลับมาเพียงเท่านั้นพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบถาดใส่อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงไปวางไว้อยู่บนหน้าตัก ฮยอกแจยืนเฝ้ามองอยู่อีเพียงชั่วครู่เพื่อให้แน่ใจว่าคนตัวบางได้ตักข้าวต้มเข้าปากทานไปจริงๆก่อนจะถอนหายใจออกมาเหมือนโล่งอกและหมุนตัวเดินออกจากห้องนอนมา

     

    เขาก็สามารถทำวันนี้ให้ผ่านได้อีกวันน่ะนะ

     

    "เป็นแบบนี้ไม่ดีเลย"

     

    "ลูกพี่ครับ"

    นายหนุ่มร่างเล็กที่ยืนพิงกรอบประตูเฝ้ามองเทพธิดาอยู่ห่างๆย่นจมูกเล็กน้อยเหมือนจะไม่ชอบใจพลางยกแอปเปิ้ลแดงในมือขึ้นกัดกรวมใหญ่ ฮยอกแจก็ไม่รู้จะต้องทำสีหน้าแบบไหนเพื่อรับอารมณ์ของนายหนุ่มดี เลยได้แต่ส่งรอยยิ้มแหยๆกลับไปให้และเดินไปยืนอยู่ข้างๆ ทงเฮทำเสียงฮึดฮัด กินแอปเปิ้ลเอาๆเหมือนกำลังจินตนาการมันเป็นใครสักคนที่ตอนนี้ทำให้ไม่พอใจ

     

    "เราก็ทำอะไรไม่ได้นี่ครับ ลูกพี่เอาฮันคยองกลับมาไม่ได้อยู่ดี"

     

    "ฉันทำได้!"

     

    "ห๊า?!"

     

    "ฉันเอาฮันคยองกลับมาได้!"

     

    "ไม่ดีมั้งครับ"

     

    "คอยดูละกัน!"

     

    ...............................................................

     

    "ตัวเล็กอย่าทำตัวไร้เหตุผลได้มั้ย"

     

    "เชวซีวอน! ฉันสั่งนายอยู่นะ!"

     

    "ตัวเล็ก..."

     

    ปึง!

     

    คนตัวเล็กใช้สองมือตบปึงลงไปบนโต๊ะไม้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของบิดาก่อนจะกวาดข้าวของที่วางอย่างเป็นระเบียบอยู่บนโต๊ะทุกอย่างลงไปกองระเนระนาดอยู่บนพื้นอย่างไม่คิดกลัวเจ้าของโต๊ะคนปัจจุบันจะโกรธเคืองแค่อย่างใจ

     

    บางครั้งลีทงเฮก็โดนตามใจมากเกินกว่าจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร

     

    "ฉันสั่งให้นายเอาพี่ชายของฉันกลับมาเชวซีวอนคนเฮงซวย...ฉันพูดไม่ชัดพออีกรึไงกัน!"

    พี่ชายบุญธรรมพยายามจะส่งรอยยิ้มไปให้เด็กเอาแต่ใจคล้ายอยากจะให้อีกฝ่ายใจเย็นลงกว่านี้อีกนิด แต่มันก็เท่านั้น...ตลอดสองปีที่ผ่านมาเขาทำให้เด็กเอาแต่ใจรู้ไต๋หมดแล้วว่าแม้เป็นดวงดาวบนท้องฟ้า หากร้องขอ พี่ชายคนนี้ก็หาเอามาให้ได้...แบบนี้น่ะแย่ชะมัดเลย!

     

    "ฮันคยองอาสาไปเอง ฉันไม่ได้บังคับให้เขาไป ตัวเล็กมาบังคับฉันแบบนี้มันก็ทำให้ฮันคยองกลับมาไม่ได้หรอกนะ"

    เหตุผลไม่เคยใช้ได้ผลกับเด็กที่ทั้งดื้อทั้งเอาแต่ใจอย่าลีทงเฮ ซีวอนเคยลองมาหลายครั้งแล้ว กระนั้นเขาก็อยากจะลองเสี่ยงดูอีกสักทีเผื่อวันเวลาที่ผ่านไปจะทำให้ลีทงเฮยอมฟังเสียงของเขาสักนิด แต่ก็นั่นล่ะ...ถ้อยคำของเขาให้ผลไม่ต่างอะไรจากการที่เขาไม่พูดอะไรเลย ทงเฮเอื้อมมือข้างหนึ่งมากระชากเนคไทของเขาและดึงให้ชะโงกเข้าไปใกล้คล้ายอยากจะให้เขาเห็นความประสงค์ในแววตากลมโตคู่นั้นให้ชัดๆ

     

    "แต่ฉันบังคับให้เขากลับมา...และมันต้องเป็นวันนี้ด้วย! เขากำลังทำให้ใครบางคนตายรู้มั้ยไอ้คนเฮงซวยเชวซีวอน!"

     

    ...............................................................................

     

    "อีทึกอ่า..."

    รอยยิ้มของคุณทงเฮสวยงาม...เขารู้สึกแบบนั้น คนตัวเล็กในชุดสูทตัวใหญ่ทรุดตัวนั่งลงที่ขอบเตียงพลางวางมือลงบนศีรษะของเขาเบาๆ และอีทึกก็ไม่คิดจะทำอะไรมากไปกว่าการนอนขดตัวอยู่บนเตียงในท่าเดิม ให้อีกฝ่ายได้ปลอยโยนด้วยสัมผัสลูบไล้แผ่วเบาที่เส้นผมแบบนั้น

     

    "ถ้าฉันทำให้เขากลับมาหานายแล้วต้องไปกินเค้กกับฉันนะ"

    เสียงของคุณทงเฮอ่อนหวาน...ให้ความรู้สึกปลอบโยนได้ยิ่งกว่าฝ่ามือเล็กที่กำลังลูบอยู่บนเส้นผมของเขาเสียอีก เจ้าหญิงตัวน้อยแสนพิสุทธิ์เอนคอไปด้านหนึ่งเพื่อสบตากับเขาก่อนจะส่งรอยยิ้มมาให้เขาอีกครั้ง ปลายนิ้วเรียวไล้เกลี่ยผมที่ปรกอยู่ตรงหน้าผากของเขาออกให้พ้นจากดวงตา

     

    "สัญญาแล้วนะ..."

     

    "ลูกพี่ครับ"

     

    "อื้อ!...ไปแล้วๆ...สัญญากับฉันแล้วนะอีทึก"

    คุณทงเฮหันไปขานรับเสียงร้องเรียกจากฮยอกแจแล้วจึงหันมาส่งรอยยิ้มแสนหวานมาให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไป ปล่อยให้เขาได้อยู่กับตัวเองเงียบๆเสียที เทพธิดาที่ไม่รู้สึกอยากทำอะไรแม้กระทั้งหายใจกระชับผ้านวมผืนอุ่นเข้าแนบตัวจนปลายจมูกจมหายเข้าไปด้านใจ้ก่อนจะเหม่อสายตามองออกไปนอกหน้าต่างดังเช่นทุกวัน...เฝ้ามองหิมะที่ตกหนักมากขึ้นทุกทีเมื่อย่างเข้าใกล้คริสต์มาสไปทุกวัน แต่เขาก็ได้ต้องมองมันอยู่อีกเพียงไม่นาน ใครบางคนก็ก้าวเข้ามาบดบังสายตาของเขาออกจากหิมะที่เขาชอบอีกครั้ง

     

    "ซื่อบื้อ"

     

    "..."

     

    "นี่ฉันต้องอยู่ดูแลนายตลอดเลยรึไงคนซื่อบื้อ"

    ดวงตาคู่หวานขยับเบิกกว้างจ้องมองร่างสูงที่เดินเข้ามาทรุดตัวนั่งอยู่ที่ขอบเตียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อสายตา แต่ก็มองได้ไม่นานเท่าไร เขาก็โดนนิ้วเรียวดีดเข้าให้ที่หน้าผากจนต้องมุดหน้าหนีลงไปหลบอยู่ใต้ผ้านวม

     

    หากว่านี่เป็นฝันดี...ก็คงเป็นฝันดีที่เจ็บดีชะมัด!

     

    "ไม่ต้องมาหลบ"

    คนที่เขาไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่ดึงผ้านวมออกมาจากใบหน้าของเขาพร้อมกับก้มลงมามองเขาด้วยสายตาดุๆที่เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้เห็นมันมานานมากพอสมควรแล้ว

     

    "คุณฮันคยอง..."

     

    "กลับมาแล้ว...พอใจรึยัง"

    อีทึกกระพริบตาราวกับอยากจะทดสอบให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่หายไปไหนหากเขาหลับตาลงอีกเพียงครั้ง...และความรักของเขาก็ไม่หายไปไหน ความรักของเขายังคงนั่งอยู่ตรงนี้พร้อมกับส่งตาดุๆมาให้เขา เทพธิดาตอบคำถามนั้นด้วยการขยับศีรษะของตัวเองไปวางอยู่บนหน้าตักของอีกฝ่ายพร้อมกับตวัดมือโอบกอดรอบเอวของคนตัวสูงเอาไว้แน่น ฝังใบหน้าลงกับหน้าท้องแกร่งและซึมซับกลิ่นกายที่คุ้นเคยเพื่อให้แน่ใจว่านี่คือคนที่เขาคิดถึงจริงๆ เรียวปากบางขยับยกยิ้มให้กับสัมผัสของปลายนิ้วที่เกลี่ยเล่นอยู่ที่ข้างแก้มของเขา แต่ที่อีทึกไม่รู้...บนเรียวปากของเทวทูตหนุ่มก็มีรอยยิ้มบางเปื้อนอยู่เช่นกัน

     

    แค่นี้...หัวใจก็อบอุ่นมากแล้วจริงๆ

     

    "พอใจแล้ว...พอแล้ว"

     

     

     

    แค่อยู่ใกล้ๆกันแบบนี้...ก็พอแล้วจริงๆ

     

    แค่อยู่ตรงนี้ให้อีทึกรัก...ให้อีทึกได้มอง...ก็มากพอแล้วจริงๆ

     

    ...............................................................

     

    FIN

     

     

     

     # คนที่อุตส่าห์ไปทวงฟิคเรื่องนี้ที่บอร์ดวอนนาบีง่ะ(เปนคนที่ทวงได้ไกลมากอ่ะ) ไม่เม้นไม่แสดงตัวว่ามาอ่านแล้ว เค้าจะโกดดดดด!! ไม่ไปต่อฟิคน้องคยูกับพี่ซีวึนแล้ววว(พาลเรียกร้องความสนใจตลอดอ่ะผู้หญิงคนนี้= =)


    จบกันไปแบบ...เอิ่ม...เกรียนๆนะ= = เราตัดจบกันเอาง่ายๆแบบนี้เลย ลีทงเฮคนสวยก็จัดการทีเดียว...จบเลยนะ ต้องให้คนน่ารักออกโรงอยู่เรื่อยเล๊ยยย! ต้องขอยอมรับกันตรงนี้เลยดีกว่าว่าส่วนตัวแล้วไรเตอร์เกลียดการแต่งตอนจบของฟิคมาก ไม่ว่าจะเรื่องไหนก้ตาม กว่าจะเข็นออกมาได้มักจะใช้เวลานานกว่าปกติอยู่สักหน่อย เป็นเพราะอะไรก็ไม่รู้แฮะ เอสเอ็ฟเรื่องนี้ก็เหมือนกัน โอ้เอ้แต่งครึ่งๆกลางๆอยู่นาน ก็มาจบเอาอีกหนึ่งปีถัดมาหลังฟิคพาร์ทแรกจบพอดี(ครบหนึ่งปีพอดีเด๊ะราวพรหมลิขิตจริงๆ= =) ค่อนข้างเป็นตอนจบที่เรียบง่ายเนอะ ไม่หวือหวามาก แต่ว่ามันก็ให้ฟีลของอีทึกดีอ่ะๆ...เรียบๆง่ายๆอะไรทำนองนั้น ส่วนตัวแล้วไรเตอร์ค่อนข้างพอใจนะ^^(ก็ฟิคมึง มึงไม่พอใจแล้วใครจะพอใจไปกับเมิงล่ะยะ!!)

     

    อยากจะขอบรีฟ(?)ฟิคเรื่องนี้ตามที่ไรเตอร์อยากจะให้ทุกคนเข้าใจให้ฟังคร่าวๆในหนึ่งย่อหน้ากระดาษนะคะ(ตอนแรกว่าจะทำให้หลังจากที่หายหัวไปครึ่งปีเศษ แต่สำนึกได้ว่าอีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วเลยรอทำตอนจบดีกว่า)

     

    มันก็ไม่มีอะไรมากนะสำหรับเอสเอฟแปดเก้าตอนของเรา เริ่มต้นที่อีทึกตื่นขึ้นมาใหม่ด้วยอาการติ๊สแตกกว่าเก่า(?) มันไม่เชิงแบบติ๊สแตกหรอกค่ะ แต่ไรเตอร์คิดว่ามันเป้นเพราะอีทึกรู้ตัวเองแล้วมากกว่าว่าตอนนี้รักป๋ามากขนาดไหน ยอมอดทนเพื่อป๋ามากขนาดไหน(ย้อนกลับไปที่อีทึกเคยพูดไว้ว่าต่อให้มีมีดปักอยู่ที่หัวใจก็จะไม่ทำให้ฮันเสียใจน่ะค่ะ นั่นเปนเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อีทึกยังมีชีวิตอยู่ คิดว่าหลายคนน่าจะเข้าใจตรงนี้แล้วเนอะ) เลยเอาแต่ใจหนักมากขึ้นเท่านั้น (เหมือนจะเคยพูดไปแล้วรึเปล่า) เรารักใครมากเท่าไร เราก็อยากให้เขาใส่ใจเราฟังแต่เรารักเรามากเท่านั้น จริงมั้ยคะ แต่พอไปควางจูแล้วป๋าโดนยิงเพ้อถึงปาร์คจองซูออกมา มันก็เหมือนตัดอนาคตกันอ่ะ ใช่มั้ยล่ะ มันให้ฟีลทำนองแบบ นี่ชั้นอุตส่าห์พยายามแทบตายอดทนแทบตายเพื่อฟื้นขึ้นมาไม่ให้เทอเสียใจนะ อุตส่าห์ฟื้นขึ้นมาเพื่ออยู่กับเทอนะ แล้วเทอจะไม่พยายามเพื่อชั้นหน่อยหรอ จะไม่พยายามหายใจเพื่ออยู่กับชั้นหน่อยหรอ ขนาดชั้นยังคิดเลยนะว่าต้องตื่นขึ้นมาเพื่อเทอ แล้วเทอไม่คิดจะหายใจต่อไปเพื่อดูแลชั้นเลยหรอ(คิดย้อนกลับน่ะค่ะ) มันก็เลยไปจบที่ว่า ถ้าทำยังไงก็ให้เทอรักไม่ได้เพราะไม่ว่ายังไงเทอก็จะรักแค่คนๆนั้น งั้นก้ขอแค่อยู่ข้างๆให้ชั้นรักเทอคนเดียวก้พอ อะไรแบบนั้นนะ ธีมของเรื่องมีแค่นี้เองค่ะ^^(ยิ้มหวานตลอด) ว่ากันง่ายๆ อ่านclose to me part2ตอนเดียว เข้าใจทั้งเรื่องเลยค่ะ

     

    ถ้าจะถามว่ายันตอนจบเรื่องแล้วเนี่ย ป๋ารักอีทึกแล้วรึยัง ไรเตอร์ก็ขอให้คำตอบอย่างไม่ลังเลเลยนะว่า(ยัง)ไม่รักค่ะ ก้ไม่อะไรมากมาย ขอพูดซ้ำๆอย่างที่พูดมาทุกตอนละกันว่ากรณีที่เกิดขึ้นกับป๋ามันทำใจลำบากน่ะค่ะ ถึงจะเหมือนขนาดไหน ไม่ใช่ยังก็คือไม่ใช่อ่ะ มันรักไม่ได้อะไรทำนองนั้น เพราะกรณีของป๋ามันเป็นเรื่องของรักฝังใจน่ะค่ะ มันลืมกันไม่ได้ง่ายๆหรอกนะคะ แล้วไรเตอร์ว่ายิ่งมีอีทึกอยู่ใกล้ๆ ป๋าก็ยิ่งเจ็บปวดอ่ะ ก็ในเมื่อมันไม่ใช่ ให้ตายยังไงก็รักไม่ได้ แต่ความคิดถึงมันห้ามกันไม่ได้นี่ จริงมั้ยคะ แต่จะให้มองหน้าอีกคนเพื่อให้หายคิดถึงอีกคนมันก็ไม่ใช่อีก ถ้าทำแบบนั้น คนที่เจ็บปวดเองก็จะเป็นอีทึกใช่รึเปล่า แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามว่าป๋าห่วงอีทึกมั้ย คำตอบคือห่วงค่ะ และดูจากที่ผ่านๆมาน่าจะห่วงมากๆด้วย อาจเปนเพราะหนึ่งคืออีทึกเพิ่งฟื้นจากโคม่า แล้วก็สอง คนบางคนให้ความรู้สึกบอบบางน่ะค่ะ(ซุปเปอร์จูเนียร์ ลีทงเฮกับซุปเปอร์จูเนีย ลีฮยอกแจ ทั้งสองคนให้ความรู้สึกแบบนั้นนะคะ ไรเตอร์ว่า) คนแบบนั้นน่ะน่าปกป้องมากๆเลยนะคะ ว่ามั้ย แบบ มันให้ความรู้สึกว่าต้องดูแลโดยอัติโนมัติน่ะค่ะ

     

     

    เหมือนจะโม้ยาวกว่าฟิคอีกนะ= = ไม่เปนไรๆๆ(ปลอบใจตัวเองอยู่เรื่อย) เอสเอ็ฟเรื่องนี้ก็จบแล้วนะคะ แล้วก็ขอไม่รวมเล่มนะคะ สำหรับคนที่บอกว่าอยากให้รวมเล่มนะ ไรเตอร์ขอไม่รวมนะคะ เพราะตอนนี้ไรเตอร์ไม่มีเวลาแล้วน่ะค่ะ จะเปิดเทอมแล้ว คงไม่มีเวลาจัดการเรื่องรวมเล่มให้ ขอโทษด้วยนะจ้ะ ขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ หายหัวไปชาติเศษก็ยังมีคนขยันทวงขยันตาม ก็ขอบคุณมากจริงๆเลยน้า^^ ใครอยากอ่านฮันทึกอีกมีให้ลุ้นอยู่สองเรื่อง(แต่มีเรื่องหนึ่งดองเค็มไปแล้ว สรุปเหลืออยู่เรื่องเดียว= =) อยากอ่านก็ตามได้จ้า^^



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×