คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ผนึกที่ 8 : คดีที่สี่
ผนึกที่ 8 : คดีที่สี่
บรรยากาศทะมึนโรยตัวไปทั่วห้องอาหารซึ่งมีเพียงบุคคลสี่คนที่นั่งอยู่ในนั้น
เสียงของมีด ส้อม และช้อนที่สัมผัสจานกระเบื้องเงาสวยซึ่งมีรูปสลักประณีตนั้นดังสะท้อนก้องไปมาในความเงียบงันของห้องกว้างซึ่งไร้การพูดคุยติดต่อสัมพันธ์ ทิ้งความอึดอัดอันอธิบายไม่ได้ให้ผู้มาใหม่สองคน โดยเฉพาะเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงที่กำลังนั่งกล้ำกลืนอาหารเข้าไปอย่างลำบากยากเย็น
เนลล่าถอนหายใจแผ่วเบาอย่างที่มีเพียงผู้กระทำเท่านั้นที่ได้ยิน ก่อนจะอ้าปากงับช้อนทองเหลืองแสนแพงที่มีอาหารอยู่เข้าปากไป รสชาติอาหารนั้นเลิศรสเป็นแน่แท้ หากแต่น่าเสียดายที่อารมณ์ของเขาตอนนี้ทำให้ประสาทสัมผัสรู้รสพลันชาด้านไปอย่างง่ายดาย เสียงถอนหายใจดังแผ่วขึ้นอีกครา ดวงตามองไปยังอีกสามร่างซึ่งนั่งอยู่ห่างกันไปรอบโต๊ะยาวเหยียดซึ่งแทบจะนั่งกันได้สิบกว่าคน
สองร่างที่เป็นเจ้าของบ้านนั้นอยู่ในชุดเสื้อสีขาวเนื้อดีแขนยาว ต่างฝ่ายต่างไม่พูดไม่จาทั้งที่เป็นพี่น้องกัน แต่วิธีการทานอาหารก็ดูมีมารยาทและสง่างามอย่างที่คนติดดินอย่างเนลล่ารู้สึกเกร็ง พอมองกลับมาข้างๆกายก็เป็นอิลเวสที่กำลังกินข้าวเงียบๆโดยไม่สนใจใครอย่างที่เรียกว่าเข้ากับนิสัยของตนเอง เพราะแต่ไหนแต่ไรชายหนุ่มก็ไม่ชอบพูดคุยกับใครอยู่แล้วนอกจากจะเป็นคนที่สนิทกันจริงๆ และในสถานการณ์เช่นนี้ก็คงจะไม่มีเรื่องคุยด้วย และด้วยความเงียบที่ไร้ผู้ปริปากนี้เอง จึงทำให้ตอนนี้..บางทีอาจจะเหลือแค่เนลล่าคนเดียวที่รู้สึกอึดอัดใจกับความเงียบตามประสาคนธรรมดาที่ยังมีความต้องการสื่อสัมพันธ์กับคนรอบกาย
ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมต้องทนนั่งกินกันในที่ที่เงียบแล้วก็กว้างแบบนี้ด้วย..หาที่กินข้าวใหม่มันยากนักรึไงนะ เปลี่ยนโต๊ะให้เล็กลงก็ยังดี หรือมันเป็นเรื่องธรรมดาของคนรวยที่จะต้องนั่งกินข้าวบนโต๊ะยาวๆใหญ่ๆด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่าขนาดกว่าครึ่งกัน?
แต่ด้วยเหตุผลเช่นนี้เองจึงทำให้เนลล่ารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันเห็นแก่ดวงตาที่สื่อถึงความเหงาของรีเรท จนตัวเองต้องมาทนกลืนกินอาหารในสภาพที่ชวนอึดอัดเช่นนี้ แทนที่จะไปนั่งกินสบายๆข้างนอกแล้วปรึกษาหารือเรื่องการขโมยข้อมูลของคดีกับอิลเวสต่อ..
พวกเขาตัดสินใจไว้แล้วว่าแทนที่จะไปเดินถามชาวบ้านทีละคนอย่างที่เคยทำเวลาหาข่าวเรื่องตำนาน น่าจะลองขอข้อมูลคดีจากบรรดาทหารในเมืองเอาโดยตรงเสียเลย น่าจะได้ข้อมูลที่ละเอียดและสะดวกรวดเร็วกว่า เพราะต่อให้ถามชาวบ้านจนครบทุกคนสิ่งที่ได้มาก็คงมีแค่พยานกับสภาพที่เห็นจากตา ไม่ละเอียดอย่างบันทึกคดี.. ซึ่งอิลเวสก็ได้คาดการณ์ไว้แล้วชนิดที่เดาไว้ตั้งแต่ยังไม่ถามว่าบรรดาทหารรักษาการณ์จะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลลับอย่างข้อมูลของคดีฆาตกรรมให้ประชาชนทั่วไปโดนเฉพาะนักเดินทางที่อาจเอาไปลือผิดๆจนเมืองเสียหายได้ทราบเป็นแน่นอน
ดังนั้นแล้ว ก่อนอื่นก็คงต้องหาข้อมูลเรื่องสถานที่ทำงานของบรรดาทหารและสถานที่เก็บข้อมูลทางราชการ ตรวจสอบสถานที่ว่ามีส่วนใดพอจะเล็ดรอดเข้าไปได้ ...อย่างไรก็คงจะต้องเดินถามชาวบ้านอยู่ดี แต่นั่นเพื่อหาข้อมูลที่ทางทหารไม่มีไปด้วย
แต่ยังไม่ทันได้คุยหรือตกลงอะไรกันก็โดนลากมาทานอาหารซะแล้ว
เนลล่าคิดขณะตักอาหารเข้าปากอีกคำโดยที่ไม่อาจรับรู้ถึงรสชาติใดใดได้ รีเรทที่เห็นสภาพเบื่อหน่ายตายซากของเนลล่ามาตลอดเริ่มเป็นห่วงขึ้นมา เสียงทุ้มแหบออกหวานจึงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“ดูคุณเหนื่อยๆเกร็งๆนะครับ เนล เป็นอะไรรึเปล่าครับ”สิ้นคำถามนั้นเนลล่าก็พลันสะดุ้งเฮือกขึ้นมา สองมือลนลานหาข้อแก้ตัวกระทั่งหาคำพูดดีๆขึ้นมาได้
“ไม่มีอะไรหรอกฮะ แค่ไม่ค่อยชินกับอาหารหรูๆเท่านั้นเอง”
“แค่ไม่ชินกับของหรูๆเพราะอยู่อย่างยาจกมาตลอดล่ะมั้ง?”
เสียงนั้นดึงให้สายตาอีกสามคู่หันไป ชายเจ้าของเรือนผมสีทองตักอาหารเข้าปากแล้วยิ้มย่องราวกับตนไม่ได้พูดอะไรออกไป แม้ว่าดวงตาสีฟ้าครามจะมองมาที่เนลล่าด้วยแววตาเย้ยหยันดูถูกก็ตาม
แขวะเก่งแฮะ
เนลล่าคิดพลางมองชายหนุ่มร่างบาง มือยังคงตักอาหารเข้าปากต่อไปแม้จะรู้ว่าชักไม่รู้รสมากขึ้นทุกที ตัดสินใจที่จะไม่สนการกระทำของเจ้าตัว แต่แล้วสายตาก็พลันมองไปเห็นรีเรทที่ขมวดคิ้วไม่พอใจและเตรียมจะอ้าปากเถียงกลับใส่พี่ชายตัวเอง เจ้าของเนตรทับทิมขมวดคิ้ว ถอนหายใจยาวแล้วพูดออกไปก่อนที่รีเรทจะกล่าวบางอย่างออกมา
“ไม่ใช่ว่าผมไม่ชินกับอาหารหรูๆหรอกครับ ของแบบนี้ถ้าพักในโรงแรมดีๆเขาก็จัดมาให้ เพียงแต่ผมได้ยินมาว่า การทานอาหารโดยเฉพาะช่วงเย็นเนี่ยเป็นโอกาสที่คนในบ้านจะได้พูดจาปราศรัยกัน..ผมก็เลยรู้สึกไม่อยากอาหารขึ้นมาเพราะความไร้มนุษย์สัมพันธ์ของคุณน่ะครับ..โอ๊ะ หรือถ้าเพราะผมมานั่งทานแล้วคุณคุยไม่ออกก็ขออภัยแล้วกันนะครับ ขอโทษที่เสียมารยาท
...จะให้ผมลุกไปจากโต๊ะเลยดีไหมครับ?”
ยิ้มบางให้แก่บุรุษร่างบางผู้มีศักดิ์เป็นพี่คนโตของตระกูลเฟรริดส์ เอียงคอให้นิดๆราวต้องการยั่วยุอารมณ์ของอีกฝ่าย อิลเวสที่เห็นแบบนั้นหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ส่วยทางรีเรทก็เบิกตาอึ้งไป ..ดูเหมือนจะมีเพียงแค่เอลส์คนดีที่เลือดจากร่างกายทุกส่วนพลันขึ้นมาอยู่บนใบหน้าจะแดงเรื่อเพราะความโกรธา
“นายกำลังจะบอกว่าฉันไร้มนุษยสัมพันธ์รึไง!?”
“ใครรับไปคนนั้นก็เป็นอย่างที่เขารับนะครับ”
“อาศัยบ้านคนอื่นเขาอยู่แล้วยังจะมีหน้าพูดแบบนี้อีกเหรอ!!”
ยืนขึ้น ตวาดใส่ด้วยแรงโมโห ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยไฟโกรธา
“พี่เอลส์! หยุดนะครับ!!”
“..ใช่ครับ ตอนนี้ผมอาศัยบ้านคุณ และกำลังทำความดีด้วยการสอนให้คุณรู้จักหัดอดกลั้นความเอาแต่ใจตัวเองบ้างไงล่ะครับ?”เนลล่าตอกกลับโดยไม่สนว่ารีเรทกำลังพยายามห้ามพี่ชายตัวเองอยู่ ไม่สนอิลเวสที่มองมาด้วยแววตาสนุกสนาน มือเรียวท้าวคางมองพร้อมแย้มยิ้มใสซื่อ เห็นเช่นนั้น เอลส์ก็ชักสีหน้าแล้วตวาดเถียงกลับอย่างรวดเร็ว
“นี่ถ้าไม่ใช่เพราะรีทล่ะก็ฉันไม่ให้นายเข้ามาเหยียบในบ้านของฉันหรอกนะ สำนึกบุญคุณซะบ้าง!”
“ถ้าไม่พอใจล่ะก็จะให้ผมออกไปก็ได้ครับ แค่หาโรงแรมพักนะไม่ใช่เรื่องยาก แต่คุณควรจะรู้ว่าการดูถูกคนอื่นและการทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่คิดถึงคนอื่นน่ะมีแต่จะทำให้คุณถูกเกลียดและดูไร้ค่าในสายตาคนอื่นมากขึ้น แบบนี้คนอื่นเขาจะระอาคุณจนไม่กล้าเข้าใกล้นะครับ?”
‘เอลส์...
ถ้าไม่หัดควบคุมอารมณ์ของตัวเองล่ะก็ จะไม่มีใครคบนะรู้ไหม?’
เสียงในความทรงจำพลันลอยมา...ส่งผลให้เอลส์ยิ่งโกรธขึ้งมากกว่าเดิม
“หุบปาก!!”
“อิ่มแล้วล่ะครับ ขอตัวนะฮะ”เนลล่ากล่าวแล้ววางรวบช้อนส้อมทั้งหมด ก่อนจะลุกแล้วก้าวเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันหลังกลับมา
แกร่ก
....
..
.
“...........................................”
เนลล่ายืนพิงหลังให้กับประตูหลังจากที่ปิดมันลงอย่างสนิท ดวงตาเลื่อนลอยมองไปมา ก่อนที่จะ...
พั่บ!
“นี่ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย...?”
เด็กหนุ่มรูดกายลงพิงกับประตูห้องแล้วนั่งถามตัวเองหลังปะทะฝีปากกับเฟรริดส์คนพี่ไป ตอนแรกเขาแค่จะทำให้เอลส์ชะงักฝีปากไปแค่นิดเดียวเพราะกลัวพี่น้องจะทะเลาะกัน แต่ไปๆมาๆดันพูดจาซะดุเด็ดเผ็ดมันไปได้ แถมคนที่ว่ายังเป็นพี่ชายของคนที่อุตส่าห์ใจดีให้อยู่พักฟรีๆในบ้านหรูอีกต่างหาก ไม่โดนไล่ออกจากบ้านก็ให้มันรู้ไปสิ
“แย่ชะมัดเลยแฮะ ถึงปากจะพูดว่าเดี๋ยวไปเช่าโรงแรมเอง แต่เงินน่ะชักไม่มีแล้วนา...”
แต่...
คิก...
เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังออกมา ดวงตาสีทับทิมทอแสงอ่อนลง
“ก็ไม่ได้พูดอะไรสะใจแบบนี้มานานแล้วล่ะนะ..”
ถอนหายใจ ยิ้มให้ตัวเองทั้งที่ไม่ควร ก่อนจะเดินกลับห้องไป
++++++
วกกลับไปที่สถานการณ์ภายในห้องที่ดูจะไม่เหมือนเก่าแต่ก็ไม่ได้ดีกว่าเดิม
ตอนนี้ดูเหมือนอีกสามคนที่เหลือจะไม่มีอารมณ์ทานอาหารกันแล้ว บรรดาอาหารที่เรียงรายบนจานจึงถุกเมินเฉยอย่างน่าสงสาร แต่ด้วยอารมณ์ที่ต่างจากเดิมด้วยฝีมือของคนที่ออกจากห้องไป ดูจะส่งผลให้คนหนึ่งยิ้มพอใจไปพลาง หัวเราะในลำคอไปพลาง คนนึงดูจะอึ้งจนนิ่งไป และอีกคนก็โกรธาหงุดหงิดใจ
ก่อนเสียงเลื่อนเก้าอี้จะดังขึ้น
“....ขอโทษแทนเนลล่าก็แล้วกัน เด็กคนนั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก”อิลเวสกล่าวขึ้น รอยยิ้มบังประดับบนใบหน้าคม ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ขอบคุณสำหรับอาหาร...”
รีเรทที่ได้สติรีบพูดตอบทันที
“อะ..ไม่เป็นไรครับ แล้วก็ทางนี้เองก็ต้องขอโทษที่ตอนแรกพี่ชายไปพูดจาแบบนั้นก่อนนะครับ”รีเรทเอ่ยแล้วโค้งให้อย่างมีมารยาท ขณะที่เอลส์ยังคงนั่งขมวดคิ้วหงุดหงิดอยู่ ชายหนุ่มร่างสูงหรีตามอง ก่อนจะถอนหายใจยาวเพราะไม่อยากจะเข้ามายุ่งอีกต่อไป
“ถ้าเรื่องไม่จบก็ไปเคลียร์เองแล้วกัน....”อิลเวสว่าก่อนจะเดินไปทางประตู แต่แล้วก็ถูกเรียกเอาไว้ในขณะมี่มือกำลังจะสัมผัสกับลูกบิดประตู
“พี่ชายหัวน้ำเงิน!!”
“......ฉันชื่ออิลเวส ลินสแตรงก์”ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินหันมาเอ่ยด้วยใบหน้าราบเรียบ หากเนตรสีทองกำลังลุกโชติช่วงด้วยความโกรธา
“ก็พี่ชายไม่บอกชื่อฉันเองนี่??”เอลส์กล่าวกวนประสาทแม้ใบหน้าจะยังบึ้งอยู่ สองแขนกอดอก เนตรฟ้าครามมองไปยังชายร่างสูงที่คิ้วเรียวชักจะผูกกันเป็นโบ
“คนที่ไม่ถามมันทางนั้นไม่ใช่หรือไง”เอ่ยตามความจริง เพราะหลังจากที่อนุญาตให้เข้าบ้านมาชายหนุ่มร่างบางคนนี้ก็หายหน้าไปในทันที เหลือแต่เฟรริดส์คนน้องที่เข้ามาถามไถ่ชื่อและของจิปาถะอื่นๆเพื่อจัดเตรียมห้องให้ตามที่ต้องการ
เอลส์ถอนหายใจยาว สะบัดหน้าไปทางอื่น ก่อนจะพึมพำออกมา
“..ฝากบอกเจ้าหงอกด้วยว่า ฉันไม่ได้ไล่มันออกจากบ้าน แต่ถ้าพูดจาแบบนี้อีกก็ไม่แน่”
อิลเวสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกระตุกมุมริมฝีปาก มองใบหน้าของคนที่เขาคงต้องเริ่มมองใหม่ แล้วกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบโทนเดิม“..หึ..แล้วจะบอกให้”
แอ๊ด...ปึง
หลังจากที่อิลเวสออกไปแล้วก็เหลือเพียงสองพี่น้องในห้องอาหารกว้างอันเงียบงัน รีเรทถอนหายใจยาว ก่อนจะหันไปหาพี่ชายของตน “...อันที่จริง ผมก็เข้าใจว่าเขาพูดแรงไป..เนลน่ะ แต่พี่เองก็ไปพูดแบบนั้นก่อนนะครับ”
“ก็แล้วไง พี่ก็ทำของพี่ประจำอยู่แล้วนี่”พูดแล้วท้าวคางกับแขนข้างขวา ขณะข้างที่เหลือนั่งลูบแก้วไวน์เล่น “อีกอย่าง พี่ก็ไม่ได้อนุญาตให้เด็กนั่นเข้ามาในบ้านแต่แรกแล้ว”
“พี่ครับ!”
“พี่ก็ไม่ได้ไล่มันออกซะหน่อย”พูดออกเชิงไม่พอใจ รีเรทมองพี่ชายตน ก่อนจะถอนหายใจยาว
“..พี่เอลส์”เอ่ยนามของพี่ชายตน หันมองออกไปที่ท้องฟ้า“ทำให้คิดถึงนะฮะ?”
ตึง!
ฝ่ามือเรียวเล็กตบลงบนโต๊ะไม้ ใบหน้าที่กำลังเริ่มผ่อนคลายพลันเคร่งเครียดโกรธขึ้งขึ้นมาทันที
“..ไม่ต้องพูดอะไรออกมาเลยนะ รีท”
“...งั้นผมขอตัวนะครับ พี่”เอ่ยขึ้น มองใบหน้าของเอลส์อย่างไม่สบายใจ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
‘เอลส์ อย่ามัวแต่ลอยไปลอยมาแบบนี้สิ
ไม่งั้นจะมีเรื่องวุ่นๆเข้ามาหาเธอนะ?’
++++++
แอ๊ด..
“เนลล่า เจ้าเฟรริดส์คนพี่ฝากมาบอกว่า..”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ชะงักคำพูดไปเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ผิดปรกติ ร่างสูงก้าวเดินเข้ามาในห้องกว้างที่เขาอาศัยพักพิงอยู่ เนตรคมสีทองมองไปทั่วห้องที่เงียบงัน ไร้ซึ่งกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตในห้องกว้าง ภายในมืดสนิท จะมีก็เพียงแสงจันทร์ที่ทอประกายบ่งบอกถึงยามค่ำคืนที่มาเยือน
ชายหนุ่มกุมขมับ รู้สึกปวดหัวตุบๆขึ้นมาทันที
เนลล่า...หายไปไหนอีกแล้วเนี่ย!!
ซู้ด....
ฮ่า..
“เฮ่อ..ลมพัดเย็นสบายดีจังน้า”
เนลล่าพึมพำขณะนั่งอยู่บนหลังคาบ้านของใครซักคน มือเรียวบางท้าวกับกระเบื้องสีน้ำตาลแดงแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือตัวเองขึ้นไป สายลมพัดกรูหอบกลิ่นน้ำให้ลอยขึ้นมาตามลม เรือนผมสีขาวเหลือบม่วงพลันพลิ้วไสวจนยุ่งเหยิงด้วยความแรงของลมในที่สูง ก่อนที่ร่างแบบบางจะลุกขึ้นยืน ทอดมองไปยังจันทราดวงโตที่สุกสกาวท่ามกลางนภาสีนิล
เนลล่ามองดวงจันทร์ดวงนั้นแล้วพลันนึกถึงเนตรสีทองขึ้นมา เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว เสมองไปทางอื่น ปล่อยความคิดของตนให้ลอยไปตามกระแสลม
ดันหุนหันพลันแล่นออกมาจากคฤหาสน์ซะแล้ว..
อันที่จริงเขารู้ดีว่าถึงเอลส์จะอยากไล่เขาออกจากคฤหาสน์ให้ได้ แต่รีทก็คงจะพยายามทำให้เขาได้พักอยู่ต่อไป และแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะนั่งรู้สึกผิดหลังจากที่พูดจาแรงๆแบบนั้นไป ถึงจะเพื่อตอกกลับอีกฝ่ายก็ตามที แต่ก็เป็นคำที่ค่อนข้างแรงพอควร ตัวเขาเองก็ใช่ว่าจะรู้จักเอลส์เสียทีไหน..ก็พียงแต่จู่ๆปากมันก็พลั้งบ่นออกไป..
..พรุ่งนี้ค่อยไปขอโทษดีกว่ามั้ง?
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เฮือก!
เด็กหนุ่มสะดุ้งขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังต้องโสตประสาท เสียงร้องโหยหวนนั้นยังคงดังต่อไปจนน่าสงสัยว่าทำไมจึงไม่มีเสียงแตกตื่นของผู้คนที่ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา เด็กหนุ่มร่างบางหันมองไปรอบกาย พยายามพิจารณาว่าเสียงกรีดร้องนั้นดังมาจากทางไหน
“…ทิศตะวันตก..”พึมพำ ก่อนจะกระโดดจากหลังคาบ้านหนึ่งไปอีกหลังหนึ่งทันที โชคดีที่ถึงแม้ว่าจะมีทางสัญจรกั้นระหว่างกันแต่ระยะห่างระหว่างหลังคาบ้านแต่ละบ้านค่อนข้างที่จะใกล้กันพอสมควร เนลล่าจึงสามารถกระโดดเหยียบย่างหลังคาบ้านในการเดินทางไปยังจุดหมายได้ แต่ละย่างก้าวที่สัมผัสกระเบื้องนั้นเงียบกริบประดุจดั่งนักล่ายามราตรี เรือนผมสีขาวเหลือบม่วงพลิ้วไหวสะท้อนแสงจันทร์ เสื้อตัวนอกสีขาวสะท้อนกับแสงจันทร์ดูโดดเด่นท่ามกลางสีรัตติกาลของค่ำคืนจันทร์เต็มดวง
ตึก...
เสียงรองเท้าหนังสีดำสัมผัสลงบนหลังคาบ้าน เสียงหอบหายใจดังขึ้นหลังจากที่เนลล่าวิ่งมาไกล นึกไม่ถึงว่าหูตัวเองจะดีถึงขนาดได้ยินเสียงจากที่ที่ไกลถึงขนาดนี้ ก่อนที่คิ้วเรียวบางจะพลันขมวดมุ่นเข้าหากัน
..กลิ่นของเลือด แถมยังไม่ใช่น้อยๆเสียด้วย แล้วนี่มันก็...
เขตถนนเลดเซ...ถนนที่เกิดคดี
เด็กหนุ่มรำพึงในใจ มองลงไปในซอกระหว่างบ้านที่กว้างพอแค่ให้คนสองคนวิ่งผ่าน ริมฝีปากบางขบแน่นกังวลกับกลิ่นเลือด แต่ก็กระโดดลงไปยังที่มาของเสียงกรีดร้องที่หายไปและแทนที่ด้วยกลิ่นเลือดที่โชยแรง
จ๋อม..
เสียงของเหลวที่เจิ่งนองกระเพื่อมออกเมื่อรองเท้าของเนลล่าพลันแตะลงบนพื้นหิน เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นสงสัย กลิ่นเหล็กจากเลือดที่ฉุนกึกจนแสบจมูกทำให้สังหรณ์ใจไม่ดี เนลล่าย่างก้าวไปข้างหน้า เสียงของเหลวที่กระเพื่อมออกยังคงดังอยู่
มองอะไรไม่เห็นเลยแฮะ แสงจันทร์มันส่องมาไม่ถึง
พึมพำในใจ ก่อนจะดีดนิ้วเบาๆ เรียกเปลวเพลิงสีน้ำเงินสวยให้พลันเรืองรองเป็นลูกไฟอยู่ในมือ
โครม!!
เนลล่าล้มลงกับพื้นทันทีที่เห็นว่าของเหลวที่เจิ่งนองนั้นคืออะไร รองเท้าสีดำพลันเปื้อนคราบเหนียวสีแดงเข้าทันที ไกลออกไปไม่ถึงเมตรนั้นเอง มีร่างเจ้าของเลือดนอนไร้ลมหายใจอยู่อย่างน่าเวทนา
“อะ.อ่อก...!”เด็กหนุ่มโก่งคออาเจียน ความรู้สึกคลื่นไส้แล่นจุกขึ้นมาถึงลำคอ ของในกระเพาะที่เพิ่งจะผ่านเข้าไปเมื่อไม่นานพลันขย้อนออกมาจนหมด ด้วยคราวนี้พบร่างไร้วิญญาณที่ถูกกระชากร่างกายออกใกล้ๆตา มิใช่เพียงแวบเดียวในที่เกิดเหตุที่มีแต่คนมุง
..ร่างนั้นเป็นร่างของบุรุษเพศที่นอนจมกองเลือดอยู่อย่างน่าอนาถ เรือนผมสีอ่อนยาวสยายเป็นลอนเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสดของตัวเอง สีสันและความสดของเลือดทำให้รู้ว่าการฆาตกรรมนี้เพิ่งเกิดสดๆร้อนๆเมื่อไม่กี่นาที เนลล่าพยายามสะกดอาการคลื่นเหียนอาเจียน ก้าวเดินเข้ามาใกล้ๆร่างนั้น พลันร่างบางก็สะดุ้งเมื่อดวงตาสีฟ้าครามพลันกลอกกลิ้งไปมา ร่างของเหยื่อผู้น่าสงสารส่งเสียงในลำคอราวจะขอความช่วยเหลือ ดวงตาเบิกกว้างกลอกมองเด็กหนุ่มผมขาว เนลล่าใจชื้นเมื่อเห็นว่าร่างนั้นยังมีชีวิต แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นสภาพได้ชัดเต็มตา
..หมดทางเยียวยาแล้ว
เนลล่าหลับตาลงเมื่อลูกไฟเผยให้เห็นสภาพที่ชัดเจนขึ้น ความรู้สึกคลื่นไส้แล่นขึ้นมาจุกที่ลำคออีกครั้งโดยที่เนลล่าพยายามจะฝืนเอาไว้ เหงื่อเย็นๆหลั่งริน มองร่างกายที่นอนแน่นิ่งซึ่งอาบย้อมไปด้วยสีแดงของเลือด แขนขาถูกกรีดหนังแล้วลอกออกจนเห็นกล้ามเนื้อแดงสดภายใน หัวใจยังคงเต้นตุบอย่างที่เห็นได้จากสายตา อวัยวะช่วงหน้าท้องลงไปถูกแหวกออกแล้วนำมาวางข้างๆราวกับเครื่องประดับชุดราตรี ..เนื้อหนังที่ถูกฉีกออกนั้นวางอยู่ข้างร่างกายที่อาบย้อมไปด้วยโลหิตชาดของตัวเอง เหลือแต่เพียงส่วนใบหน้าอันงดงามที่ไม่ได้รับบาดแผลแต่อย่างใด
“...ช่วย..อ่อก...ด.....”เสียงนั้นดังในลำคอ เลือดไหลออกจากปากรินหลั่งสู้พื้นหินเย็น เสียงนั้นสั่นราวกับว่าเลือดไปคลั่งอยู่ในหลอดลม ดวงตาเลื่อนลอย มือข้างหนึ่งพยายามยกขึ้นขอความช่วยเหลือ น้ำตาไหลรินด้วยความต้องการมีชีวิตรอด..
ร่างนั้นกระตุกไปมาชั่วครู่ ก่อนจะแน่นิ่งไป
..หัวใจหยุดเต้นแล้ว
เนลล่าหลุบตาลง มองร่างที่ต้องตายลงอย่างทรมานและน่าสงสาร ดวงตาสีฟ้าครามทั้งสองข้างยังคงเบิกกว้างอยู่ราวกับมีเรื่องค้างคาใจ เด็กหนุ่มคุกเข่าลง มือเรียวยกขึ้น ก่อนจะปิดเปลือกตาของอีกฝ่ายลง
“..ขอให้พบเรื่องดีๆในโลกหน้านะครับ...”
เสียงสั่นเครืออ่อนระโหยเอ่ย เด็กหนุ่มผมขาวเหลือบม่วงสูดลมหายใจลึก ลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงของตน ก่อนจะดีดนิ้วพึมพำบางอย่างในลำคอ แล้ววาดมือไปทางขวาอย่างรวดเร็ว พลันปรากฏลูกไฟสีน้ำเงินขึ้นรอบข้างตามมือที่กวาดไป..มากพอที่จะสว่างจนดูร่างที่ได้ตายไปเมื่อครู่ได้ชัดเจนขึ้น
ยิ่งเห็นสภาพก็ยิ่งรู้สึกคลื่นไส้กว่าเก่าด้วยสภาพแดงสดที่ดูชัดเจนกว่าเดิม ทั่วทั้งร่างกายถูกกรีดเนื้อหนังออกจนเห็นกล้ามเนื้อและเนื้อแท้สีแดงอ่อน เลือดแผ่กระจายราวกับกระโปรงของชุดราตรี เครื่องในทั้งลำไส้ ตับ ไต ม้าม ถูกควักออกมาวางทั่วกาย..
คนที่ทำเรื่องแบบนี้ยังปรกติอยู่หรือเปล่า!!
กรีดร้องเพียงในใจ ขบริมฝีปากแน่น ริมฝีปากอยากจะปิดลงหนีภาพตรงหน้าแต่จำต้องข่มความสะอิดสะเอียนแล้วคุกเข่าลงสำรวจบาดแผลทั้งมวล...ถ้าเอาแค่จากที่ตาเห็นล่ะก็ อาวุธที่ใช้คงเป็นอาวุธจำพวกมีด ไม่ยาวมากนัก อาจจะราวๆสิบถึงสิบสองเซนต์ คมกริบถึงขนาดที่กรีดเนื้อได้โดยไร้รอยย่น อวัยวะถูกตัดออกอย่างมีระเบียบเรียบร้อยตามแนวของเส้นเลือดและการเรียงตัว ..แสดงได้ว่าฆาตกรคนนี้มีความชำนาญในการใช้มีดเป็นอย่างดี
..รายละเอียดนอกจากนี้คงต้องให้คนอื่นมาดู
ตึก…
เสียงฝีเท้าดังขึ้น เรียกให้เนลล่าลุกขึ้นยืนในท่าพร้อมสู้ทันที
“อยู่ที่นี่เองเรอะ...!!”
เฮือก!!
เสียงนี้...!
“อะ..อิลฮะ..โอ๊ย.!..”ร้องขึ้นเมื่อถูกหยิกแก้มสองข้างแล้วยืดออกจนรู้สึกชาก่อนเจ้าตัวจะปล่อยออก เนลล่ากุมแก้มตัวเองแล้วร้องเบาๆด้วยความรู้สึกเจ็บ ก่อนที่จะถูกอิลเวสตบหัวเข้าอย่างแรง
ป๊าบ!
“ ให้ ตาย !! สอนกี่ทีไม่เคยจำว่าอย่าหายตัวไปๆ เคยเข้าหัวบ้างไหมห๊า!”ว่าแล้วก็ใช้สองหมัดกดขมับของอีกฝ่ายอย่างแรงจนเจ้าของศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงร้องครวญ พลางหาทางเบนความสนใจของอิลเวสก่อนหัวจะระบมเป็นรอบที่สามของวัน
“อิลเวส ดูทางนี้หน่อยเถอะฮะ!”
ชี้ไปทางศพที่นอนแผ่อยู่ อิลเวสเปลี่ยนสีหน้าทันที ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองเคร่งเครียดก่อนจะถอนหายใจยาว แล้วเดินเข้าไปใกล้โดยไม่สะทกสะท้านต่อความน่าสยดสยองของศพที่นอนแผ่บนพื้นหินเย็น ร่างสูงคุกเข่าลง มองร่างนั้นใกล้ๆตา สำรวจร่างไว้วิญญาณอย่างสงบนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน ท้าวสะเอวแล้วหันกลับมาทางเด็กหนุ่มร่างบาง
“...ฝีมือใช้มีดไม่เลว อยู่ในขั้นที่ไม่ใช่แค่ฆ่าคนได้”พึมพำขึ้น หลังเห็นร่องรอยบาดแผล แล้วขมวดคิ้วมุ่นสงสัย “แต่ผิดเวลา...ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าสนธยานี่..นี่มันค่ำแล้ว”
“เวลาอาจจะไม่แน่นอนนะครับ แต่ถ้าสมมุติว่ามีฆาตกรสองคนที่ฆ่าโหดได้เหมือนกันแบบนี้มันก็....”
“อาจจะเป็นฆาตกรคนละคนกัน และอาจจะเป็นคนเดียวกัน เป็นไปได้ทั้งสองทาง คงจะตัดสินใจชัดเจนไม่ได้ในตอนนี้ที่เราไม่มีข้อมูล ...แล้วจะมาชันสูตรศพตอนนี้ก็ไม่มีอุปกรณ์ซะด้วยสิ”ชายหนุ่มถอนหายใจยาว มองร่างที่น่าเวทนา “ก่อนอื่นคงต้องแจ้งไปที่ทางทห........”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
ทั้งสองร่างสะดุ้งเฮือกทันที่เมื่อเสียงกรี๊ดดังลั่นมา เนลล่ารีบยกมือขึ้นโบกหน้าตัวเองทันที ส่งผลให้ดวงไฟสีน้ำเงินทุกดวงที่ส่องสว่างอยู่พลันดับมืดลงไป ทันก่อนที่หญิงสาวร่างบางผู้แต่งตัวด้วยเฉดสีจัดจ้านจะมองเห็นร่างของพวกเขาทั้งสองได้ชัดเจนถนัดตา โชคดีที่ลูกไฟซึ่งรายล้อมนั้นส่งผลให้เห็นภาพอันเด่นชัดเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณของเหยื่อที่นอนแผ่กลางกองเลือดบนพื้นหิน จึงทำให้หญิงสาวไม่เห็นร่างของพวกเขาทั้งสองคน
“กรี๊ดดดดดด คนถูกฆ่า ใครก็ได้!!!!! มาที่นี่เร็วววว!”
“ไหน มันเกิดอะไรขึ้น!!”ทหารที่รักษาการณ์อยู่บริเวณใกล้ถนนเลดเซวิ่งเข้ามาดู เสียงฝีเท้าบ่งบอกว่าไม่มีได้มีแค่คนเดียว ขณะที่หญิงสาวผู้เห็นเหตุการณ์ยังคงกรีดร้องลั่นเสียงแหลมด้วยความกลัว
“มีคนถูกฆ่า อ๊ะ นั่นอาจจะเป็นฆาตกรก็ได้!!”
หญิงสาวชี้ไปทางเงาร่างที่เห็นอยู่ไม่ชัดเจนซึ่งน่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรมครั้งนี้ เนลล่ากับอิลเวสสะดุ้งเฮือกมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณแล้วพากันกระโดดขึ้นหลังคาไปทันที
เนลล่าหันไปทางอิลเวสที่ขึ้นหลังคาคนละหลังกัน เนตรสีทับทิมหันขวับไปมองด้วยต้องการถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป พอดีกับที่ดวงตาสีทองหันมาจ้อง ริมฝีปากขยับเป็นคำพูดที่เด็กหนุ่มอ่านริมฝีปากได้ว่า..
‘เจอกันที่คฤหาสน์’
เนลล่าผงกหัวเข้าใจ ต้องขอบคุณแสงจันทร์เต็มดวงที่ทำให้เขาอ่านริมฝีปากได้ง่าย เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึก ก่อนจะกระโดดไปตามหลังคาโดยมีเป้าหมายเป็นการกลับไปยังคฤหาสน์ที่ตนพักอยู่ ณ ปัจจุบัน
..การกระทำนั้นเกิดขึ้นภายใต้สายตาของชายคนหนึ่ง
+++++
“ฮึ่ม..มันหนีไปแล้ว..”ทหารร่างยักษ์พึมพำไม่พอใจ หลังจากที่ได้ยินเสียงกรีดร้องพร้อมวิ่งมาหวังจะจับคนร้ายทัน แต่แล้วคนร้ายทั้งสองกลับหายตัวลับตาไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครา
“ไม่มีฝีมือเลยนะ”
“ใคร!!”ทหารคนนั้นหันไปมองเจ้าของเสียงที่บังอาจดูถูกเขา ปรากฏร่างของชายหนุ่มเจ้าของเนตรสีม่วงเป็นประกาย เรือนผมสีเขียวหยักศกซึ่งบัดนี้ยาวเคลียไหล่สะท้อนกับแสงจันทร์ ชายหนุ่มก้าวเดินเข้ามาด้วยท่าทีสนุกสนาน จ้องมองลงที่ศพแล้วถอนหายใจยาว
“ไม่คิดรึไงว่าที่หายตัวไปน่ะอาจจะเป็นแค่คนที่บังเอิญผ่านมาเห็นก็ได้น่ะ คุณพี่ทหาร?”
“ถ้าเป็นคนบริสุทธิ์แล้วจะหนีไปทำไม”
“คนเรามันก็มีเหตุผลต่างกันน่า แต่นั่นน่ะไม่ใช่ฆาตกรแน่นอน ฉันรับประกัน”โบกมือไปมาคล้ายไม่ใส่ใจ ทหารร่างยักษ์ทำท่าจะตวาดใส่ แต่แล้วเพื่อนทหารที่ยืนอยู่ก็จับไหล่บีบเบาๆห้ามไว้
“อย่าไปยุ่งกับหมอนั่นจะดีกว่า ถ้าไม่อยากให้ท่านผู้ครองเมืองกริ้วน่ะ”
“ บ๊ะ!! แล้วไอ้หมอนี่มันใครล่ะ! ถึงได้มีสิทธิแบบนั้น!!”
“ฉันก็เป็นคนที่มีค่ามากกว่านายไง”
ทหารร่างยักษ์เดือดทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แต่เมื่อเพื่อนของตนกระซิบบางอย่างให้ฟังก็ต้องนิ่งอึ้งไป ระงับความโกรธด้วยไม่อาจทำอันตรายแก่ร่างตรงหน้าได้ ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเขียวแสยะยิ้มพึงใจ ขยับไปใกล้ๆศพ รอยยิ้มพลันกว้างขึ้นด้วยความสนุกสนานเมื่อคิดถึงเรื่องราวที่จะตามมา
และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดในค่ำคืนนี้
ความคิดเห็น