ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nine Tailed Okitsune Tale ฉบับแปลไทย

    ลำดับตอนที่ #8 : ดอกไม้ที่หายากในป่าแห่งการวนเวียน

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 67


               ‘หาววว นอนเต็มอิ่มสะที่’ Kohaku หาวนอนเลยเมื่อได้ยินเสียงอาจารย์เดินเข้ามาจัดหนังสือ

                แต่เขากลับเห็นกระดาษที่เขียนวางไว้ข้างที่นอน

                ‘Angel อีกแล้วเหรอไหนลองอ่านหน่อยสิ’ Kohaku หยิบกระดาษ

                 ‘การจับภูติชั่วร้ายของเจ้าไปถึงไหนแล้วเมื่อวานข้าเห็นเจ้าเดินแต่ในเมืองอยู่ทั้งวัน วันนี้เจ้าต้องไปตามกลับมาครบทั้ง 3 ตัวเข้าใจไหมรีบก่อนที่ความอดทนของข้ากำลังจะหมดลง’ เขียนโดยเทพ Izanari

               ‘เห็นฉันเป็นตัวอะไรเนี่ย เทพ Izanari ฉันอ่านจดหมายที่มาจาก Angel ยังรู้สึกสบายใจกว่านี้เยอะเลย’ Kohaku ถึงกับโกธรเลยหลังอ่านจดหมายแต่เขาก็ไม่กล้าต่อว่าอะไรมากเดียวจะโดนฟ้าผ่าอีก

               หลังเขาทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเขาก็เดินไปหาอาจารย์ที่โต๊ะทันที่ 

       “อืมมม…Kohaku คุงนี้มันคืออะไรน่ะ” Chabashira มองกระบอกไม้ที่อยู่ในมือของ Kohaku 

        "โอ้ มันคือกระบอกไม้ไผ่ที่บรรจุภูติชั่วร้ายจิ้งจอกน่ะ'' Kohaku เลยยื่นกระบอกไม้ไผ่ให้อาจารย์ของตัวเองดู 

        “ว้าว…ขอดูหน่อย แปลกดีน่ะ” Chabashira หยิบกระบอกไม้ไผ่มาดูด้วยความอยากรู้เลย

             “แปลก? ยังไงน่ะอาจารย์” Kohaku สงสัย 

     “ปกติภูติหรือวิญญาณไม่ค่อยจะออกมาให้พบเห็นและพวกเขาไม่ได้สนใจพวกเราน่ะถึงแม้เราจะทำเรื่องบางอย่างที่ไม่ดีต่อหน้ามันน่ะ” Chabashira อธิบาย

    “อืม ฮะ” Kohaku ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจเลย

    “แต่ภูติตัวนี้แตกต่างออกไปเพราะสร้างความวุ่นวายในเมืองอย่างมากน่ะและเธอจับเป็นภูติตัวนี้สิน่ะ” Chabashira ถาม 

     “ใช่น่ะ อาจารย์” Kohaku ตอบ

    “ใครบางคนเป็นอาจจะเป็นผู้ควบคุมภูติให้ทำเรื่องเหล่านี้น่ะ” Chabashira เขาอ่านหนังสือเกี่ยวกับภูติมามากจนสามารถสรุปคำตอบออกมาได้

    “ครูหมายถึงเจ้าของภูติชั่วร้ายเหรอ? เจ้าภูตินั้นก็พูดเหมือนกันว่าได้รับคำสั่งมาน่ะ” Kohaku ถึงกับเข้าใจทันทีว่าภูติพวกนั้นทำไมถึงต้องถูกผนึก

    “นั้นและที่เป็นไปแล้วน่ะดูเหมือนเจ้าของภูติอื่น ๆ น่าจะถูกกำจัดออกไปหมดแล้วนอกเหนือภูติชั่วร้าย 3 ตนนี้เพราะปกติคนที่ครอบครองภูติได้แค่ 1 ตัวต่อ 1 คนน่ะ” Chabashira อธิบาย

    “ผมรู้สึกมีบางอย่างแปลก ๆ ที่กำลังรบกวนผมด้วยน่ะอาจารย์เป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยน่ะ” Kohaku สงสัย

    “เดียวน่ะผมเองก็เป็นภูติเหมือนกันน่ะอาจารย์แต่เป็นจิ้งจอกเก้าหางที่สามารถเดินออกมาใช้ชีวิตในโลกได้น่ะสิผมเองก็กลัวจะถูกควบคุมเหมือนกันน่ะ เพราะขนาดเขาควบคุมภูติได้ตั้ง 3 ตัว ถ้าเขาจะควบคุมผมได้ก็ไม่แปลกใจแล้วน่ะ” Kohaku มีสีหน้าหวาดกลัวหลังค้นพบความรู้สึกแปลก ๆ ในตัวของตน

    “น่าคนที่ควบคุมภูติแบบนั้นอาจจะเป็นคนใกล้ตัวก็ได้หรืออาจจะเป็นอาจารย์ก็ได้มั้งน่ะ” Chabashira ถึงหยอกล้อให้ Kohaku กลัวเลย

    “อาจารย์อย่าพูดเรื่องน่ากลัวแบบนี้สิ” Kohaku สั่นกลัวเพราะถ้าเขาเจอเจ้าของภูติที่มีความสามารถแบบนั้นไม่รู้เขาจะสู้ได้รึเปล่านี้และ

    “ฮ่า ๆ ล้อเล่นน่ะ Kohaku คุง ครูได้แวะร้านของ Temari มาเมื่อตอนเช้า เจ้าของร้านได้พูดถึงเธอและเรื่องราวดอกไม้ปริศนาระหว่างที่เธอทานอาหารเช้าที่ร้านของ Temari เธอน่าจะลองคุยกับเจ้าของร้านดูน่ะ ” Chabashira เข้าประเด็นที่คุยอย่างจริงจังหลังแกล้ง Kohaku ด้วยการพูดเรื่องราวน่าหวาดกลัวไปเล่น ๆ แล้ว 

    “ได้น่ะครับอาจารย์ เดียวผมขอตัวไปกินข้าวเช้าก่อนน่ะ” Kohaku เดินออกจากโรงเรียนและเขาไม่ลืมที่จะเอาปลาเหลือที่จากการตกปลาไปขายที่ร้านจิปาถะ ของ Tambo หลังได้เงินค่าขนมมาก่อนที่เขาก็แวะร้านขายซูชิของ Temari ซึ่งเป็นร้านถัดไปจากร้านจิปาถะเลย

    Kohaku กะว่าจะซื้อขนมอย่างที่เขาเคยทำแบบเมื่อวาน 

           “เอ้ย! เธอน่ะ” มีเสียงเรียกของ Temari ดังมาจากเคาเตอร์เลย

            “ฉันเหรอ” Kohaku ชี้ตัวเอง

            “ใช่น่ะ” Temari พูดด้วยน้ำเสียงปกติไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

          “มีอะไรล่ะ?” Kohaku นึกในใจคงโดนว่าอะไรสักเรื่องและ

          “ฉันได้ข่าวว่าเธอช่วยหาลูกสาวของจิปาถะจนเจอเหรอ?” Temari เธอเองก็ได้ยินจาก Tambo และลูกค้าที่มาใช้บริการร้านของเธออย่างบ่อยเลยในช่วงนี้

          “ใช่ฉันเองที่หาลูกสาวของ Tambo จนเจอน่ะ” Kohaku ตอบ

          “งั้นฉันก็ไว้ใจเธอได้ระดับหนึ่งสิน่ะ ฉันอยากให้เธอช่วยหาอะไรบางอย่างหน่อยน่ะ” 

          “เอ๊ะอะไรน่ะ? นี้ไม่เหมือนเรื่องที่เราคิดว่าจะโดนปฏิบัติตัวอย่างเย็นชาเลยนี่นา” Kohaku พึมพำ 

          “เธอพูดว่าอะไร?” Temari ถาม

        “เปล่าไม่มีไรน่ะ แล้วคุณเจ้าของร้านให้ฉันช่วยหาของอะไรน่ะ” Kohaku เหงื่อตกไม่คิดว่า Temari จะได้ยินเสียงตัวเองพึมพำด้วย

        “เธอไปแุถวภูเขา Inari แล้วใช่ไหมล่ะ ฉันอยากให้เธอหาดอกไม้ชนิดหนึ่งน่ะถ้าเธอจะไปที่นั้นอีกรอบน่ะ ในหนังสือมันบอกว่าดอกไม้เหล่านั้นมันอยู่ในป่าลึกและหายากมาก ๆ ฉันเองก็อยากเห็นมันด้วยตาตัวเองน่ะ” Temari อธิบาย  

         “อะไรน่ะ แล้วบอกได้ไหมหน้าตาเป็นยังไงน่ะ” Kohaku ไม่คาดคิดจะคำขอกลางทางแบบนี้

         “มันสังเกตง่ายบ้าง อย่างที่หนังสือมันบานในป่าลึก ลักษณะของมันดอกไม้สีแดงสีเลือดซึ่งมันโดดเด่นกว่าดอกไม้อื่น ๆ เลยน่ะพวกมันมักจะบานในพุ่มไม้น่ะมันชื่อว่า TSUTSUJISO มันเป็นสมุนไพรพิเศษเอาไว้รักษาบางโรคได้น่ะแต่อย่างที่ว่ามันหายากเลยน่ะ” Temari ให้ข้อมูลลักษณะดอกไม้ที่จะไปหา

         “ได้เลยน่ะ ถ้าฉันหาดอกไม้พวกนี้ได้แล้วจะเอามันกลับมาด้วยน่ะ” Kohaku รับคำขอเลยยังไงเขาก็ต้องไปภูเขา Inari เพื่อตามภูติชั่วร้าย 2 ตัวที่เหลือ คงไม่เสียหายน่ะ

          “ขอบใจจ๊ะ เมนูที่เธอสั่งได้แล้วน่ะแวะกินอาหารเช้าก่อนจะได้มีแรงเดินเขาน่ะจ๊ะ” Temari เอาอาหารมาเสริฟ์ที่โต๊ะลูกค้า

         “ขอบคุณน่ะครับ” Kohaku กล่าวเสร็จก็กินข้าวเช้าจนอิ่มหลังจ่ายตังค์เสร็จเดินออกจากร้านขายซูชิเลย

          พอเขาเดินออกจากร้านก็เจอ Kinari เพื่อนที่เคยอยู่บ้านเดียวกันตอนนี้เขาย้ายไปอยู่โรงแรมแทนแล้วล่ะ

               “เอ้ย Kohaku ครั้งนี้นายจะไปที่ไหนอีกน่ะ” Kinari ถาม

               “ป่าน่ะ ที่ฉันจะไปครั้งนี้น่ะเป็นสถานที่ไม่ค่อยมีใครอยากจะไปสักเท่าไหร่น่ะ” Kohaku เขาดูเหมือนไม่รู้ครั้งนี้ตัวเองต้องเจอกับอะไรบ้าง

               “อะไรน่ะไปป่านี่น่ะดูเหมือนการเดินทางมันอันตรายเลยน่ะ” Kinari ถึงกับตกใจเลยเมื่อ Koharu จะไปป่าครั้งนี้มันก็เลยขอบเขตที่เขาโดนผนึกไว้มากแต่ถึง Koharu หนีไปก็ไม่สามารถมีชีวิตได้แน่ ๆ 

              “Temari บอกให้ฉันไปหาดอกไม้ให้น่ะสิ ” Kohaku พูดโดยมีสีหน้าเหงื่อตกนิด ๆ 

     “เราจะเล่าให้ฟังเรื่องป่าแห่งการวนเวียน” Kinari พูด

      “ห๊า ป่าแห่งการวนเวียน?” Kohaku ไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลย

     “ใช่น่ะเหมือนดังชื่อ ถ้านายหลงทางในนั้นนายจะเดินวนเวียนในป่าเป็นสถานที่นายเคยไปแล้วนายจะไม่สามารถหาทางออกได้เลยเราคงไม่ต้องบอกเลยว่าจะเกิดไรขึ้นน่ะ” Kinari เล่าเรื่องสยองขวัญให้ Kohaku ฟังเลย

     ‘ชิบหายแล้วฉันอยากพาหมอนั้นไปกับฉันด้วยอย่างน้อยเวลาติดด้วยกันยังพอคิดหาทางออกได้น่ะ’ Kohaku คิดในใจ

    Kinari นายจะกับเราไหม?” Kohaku อยากมีคนไปเป็นเพื่อนเลยน่ะ

     “ไม่ ไม่ ไม่ อย่าชวนเราเลย” Kinari ร้องไม่ไปเลย

    “ใจร้าย ฉันไปเองคนเดียวก็ได้น่ะ” Kohaku กอดอกงอนเลย

    “เอาเป็นว่าเราจะสวดขอพรนายให้เดินทางปลอดภัยแล้วกันน่ะในศาลเจ้า Izanari ให้แล้วกัน” Kinari ถึงกับปลอบใจ Kohaku เลย

     Kohaku กลอกตาใส่ Kinari ก่อนจะรีบออกเดินไปภูเขา Inari 

     เมื่อเดินทางในเขตภูเขา Inari ระหว่างทางเขาไล่ตบมอนเพื่อเคลียร์เส้นทางให้ตัวเองเดินได้สะดวก

    หลังขึ้นภูเขาได้สักพักหนึ่งเขาก็เดินมาถึงซุ้มประตู GENNEI 

    ‘เฮ้อ….ถึงสักที่งานนี้คงไม่ง่ายเลยแหะ’ Kohaku คิดในใจ

    ระหว่างเดินทางเขาก็เจอคนที่สะพานเป้เดินทาง

    “กว่านักเดินทางไกลอย่างฉันหลุดออกจากป่าบ้า ๆ นี้ได้เกือบไม่รอดน่ะ ระวังตัวด้วยล่ะนักเดินทางหน้าใหม่” นักเดินทางเตือน Kohaku 

    “ไม่ต้องเป็นห่วงฉันพกกินมาเยอะพอสมควรน่ะ” Kohaku หยิบขวดที่คล้าย ๆ ขวดเหล้าสาเกโบราณให้ดูขวดนี้เก็บทุกอย่างได้ไม่จำกัดเลยเขาแอบจิกจากเทพ Izanari ก่อนออกเดินทางตามภูติชั่วร้ายตั้งแต่วันแรกเลยไม่นึกว่าจะมีประโยชน์ขนาดนี้

    ‘แปลกแหะเราจิกของเทพ Izanari มาอย่างงี้เขาต้องมาโรงเรียนมาทวงคืนและบีบคอหรือไม่ก็ฟ้าผ่าเรารัว ๆ แล้วนี่นาเหมือนจงใจให้ยืมใช้ไงไม่รู้น่ะ’ Kohaku คิดในใจก่อนเดินทางต่อเลย

    แต่เขาเดินเข้าในป่าแห่งวนเวียนแล้วเขาเดินไปต่อก็เจอเส้นเดิมเหมือนเขาเดินวงเป็นวงกลมน่ะ

    ส่วนสถานที่เขาเดิมวงมักมีต้นไม้อยู่ตรงกลางตลอด

    ‘แย่แล้วแหะเป็นอย่างที่ Kinari ว่าจริง ๆ ซวยแล้ว’ Kohaku ถึงกับหวาดกลัวเลย

    สักพักเขามองมาต้นไม้ที่อยู่ตรงกลางเขาเห็นรูปร่างที่ค่อนข้างกลมกลืนสิ่งแวคล้อมและเขาก็เห็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะแมวสีม่วงอยู่บนต้นไม้

    “เอ้ยยย ใครน่ะ” Kohaku ชี้แมวสีม่วงที่อยู่ในโหมดล่องหน

    “เมี้ยวววว” แมวใส่ชุดสูทเรียบร้อยรีบโผล่มาเลย

    “เงียบน่า นายกลมกลืนสภาพแวคล้อมอย่างดีจัดเลยน่ะและฉันมีความสามารถของเก้าหางยังพอมองเห็นนายลาง ๆ ได้บ้างแต่พอมาเห็นนายแบบเต็มตารูปร่างทั้งใหญ่และเสียงยังใหญ่อีก” Kohaku พูดด้วยความหงุดหงิดเลยเพราะคนที่ล่องหนในป่าแบบนี้มันต้องไม่มาดีแน่ ๆ แต่เขาต้องลองคุยก่อน

    “อย่าพูดแบบนั้นสิคุณจิ้งจอกเก้าหาง ฉันเองก็แปลกใจที่นายสังเกตเจอฉัน”แมวสีม่วงใส่สูทพูดอย่างเกรงไม่คิดว่าจะโดนเจอทั้งอย่างงี้

    “ฮิฮิ ฉันไม่ได้รู้สนุกนานเลยแหะ ที่ทำการล่องหนของนายพังน่ะ” Kohaku เขานึกย้อนอดีตตอนที่เขาเป็นจิ้งจอกเก้าหางขี้แกล้งเขาแกล้งคนอื่นเพื่อความสนุกของเขา

    “ไม่ได้ต้องการชมเลยน่ะ คุณจิ้งจอกเก้าหางเฮ้อฉันต้องแนะนำชื่อสิน่ะ” แมวสีม่วงใส่ชุดสูทถึงกับอารมณ์เสียเลยเมื่อเขาโดนเปิดโปงจนได้

    “ฉันชื่อ Cheshika ฉันเป็นผู้พิทักษ์ป่าแห่งนี้น่ะโดยปกติแล้วไม่มีใครอยากมาป่านี้หรอก แล้วก็ฉันไม่รู้ทำไมพวกปีศาจน้อยใหญ่ถึงมาที่นี้กันน่ะฉันถึงต้องทำให้ป่าเป็นแบบนี้เพื่อช่วยคนที่เดินทางมาปลอดภัยด้วย” Cheshika แนะนำตัว

    “ฉันชื่อ Kohaku อย่างที่นายเห็นเป็นจิ้งจอกเก้าหางน่ะฉันกำลังหาดอกไม้หายากและภูติชั่วร้ายน่ะนายมีข้อมูลอะไรแถวนี้ไหมน่ะ” Kohaku แนะนำอย่างภาคภูมิใจในเก้าหางเลย

    “ดอกไม้หายาก?เอาอีกแล้วเหรอ” Cheshika พูดเพราะเขาเจอคนที่มาป่าแห่งนี้เพราะต้องการหาของยากน่ะ

    “โอ้ นายรู้จักดอกไม้นี้ด้วยเหรอ” Kohaku ตาลุกวาว

     “แหงมันแน่อยู่แล้วไงต่อน่ะ” Cheshika เหมือนจงใจปิดบังอะไรบางอย่างเพิ่มเติมด้วย

    “นายเป็นอะไรน่ะ" Kohaku งง

    “ก้อนหินที่นายมีอยู่น่ะฉันหาเจ้าสิ่งนี้มานานแล้วน่ะเอามันมาให้ฉัน ฉันโดนไล่ออกจากบ้านมานานแล้วน่ะ” Cheshika ชี้มา Kohaku เลย

    Kohaku เลยหยิบหินวาปออกมาให้ดู

    “ฉันไม่รู้หินนั่นมันชื่อว่าอะไรน่ะแต่มันเป็นของฉันแล้วน่ะ เจ้าผู้พิทักษ์แห่งป่าวงเวียน” Kohaku ถึงกับรีบเก็บหินวาปเลย

    “เฮ้อ เดินตามหาดอกไม้หายากของนายไปก็แล้วกันถ้านายทำได้น่ะ” Cheshika ถึงท้า Kohaku เลย

    “ฉันจะหาทางไปให้ได้โดยที่นายไม่ต้องบอกฉันหรอกน่ะ” Kohaku โกธรเลยน่ะ

     “ถ้าทำได้ก็ลองดูสิ” Cheshika ท้า Kohaku แล้วเขาก็หายตัวไป

     Kohaku ลองเดินพบว่าเขาวนเวียนอยู่ในป่าแห่งนี้โดยมี Cheshika เฝ้ามองอยู่บนต้นไม้เลย

    3 ชั่วโมงผ่านไป…..

    ‘บ้าเอ้ย เดินวนเวียนในป่าจนเหนื่อยแล้วน่ะเนี่ย’ Kohaku คิดในใจ

    “อะไรกันเริ่มท้อแล้วเหรองั้นก็ส่งหินนั้นแล้วฉันจะยกเลิกเวทย์นั้นให้น่ะ” Cheshika มอง Kohaku ที่กำลังเหนื่อยจากการเดินวนเวียนในป่าหลาย ๆ รอบ

    “ไม่งั้นฉันก็พักตรงนี้ล่ะ” Kohaku เอาผ้าปูพื้นปิกนิกปูพื้นแล้วหยิบของกินมากินอย่างไม่เกรงใจเลย

    “เหอะหวังว่านายคงเบื่อแล้วรีบ ๆ คืนหินนี้สะ” Cheshika พูดอย่างอารมณ์เสีย

    Kohaku หลับตากินซูชิแล้วหันหน้าไปทางอื่นเลย

    Kohaku กินเสร็จก็เก็บผ้าปิกนิกปูพื้นแล้วเดินทางหาทางออกต่อเลยแต่เขาก็วนเวียนในป่าอยู่เหมือนเดิม 

    แต่หลัง ๆ เขาเริ่มสังเกตแล้วว่า Cheshika เริ่มเหนื่อยเพราะไม่ได้มาของปิกนิกเยอะขนาดเท่า Kohaku 

    6 ชั่วโมงผ่านไป…. ซึ่งเป็นเวลาเที่ยงแล้ว

    “ยอมยังน่ะทำแล้วได้อะไรล่ะ” Kohaku หยิบผ้าปูพื้นปิกนิกก่อนสะบัดไปหนึ่งที่แล้วปูใต้ต้นไม้เลย

    “ยังไม่ยอมหรอก แฮ่ก ๆ นี้ไม่คิดจะเบื่อเหรอ?Cheshika เริ่มเหงื่อตกก่อนกลืนน้ำลายไม่รู้ตัวเมื่อเห็นของกินที่ Kohaku เอามายังสดใหม่อยู่เลย

    “เบื่อเหรอ ฉันรู้สนุกน่ะถ้าฉันติดป่านายก็ติดด้วยและถ้านายยกเลิกเวทย์นั้นฉันก็จะออกไปหาดอกไม้ป่าในแบบที่ฉันอยากได้” Kohaku กินสตอเบอรี่แซนวิชแบบไม่เกรงใจเหมือนเดิม

    “หน็อยแน่ ไอ้เจ้าเก้าหาง” Cheshika ถึงกับโมโหถึงกับลงต้นไม้เพื่อแย่งหินวาปจาก Kohaku เลย

    Kohaku เลยแปลงเป็น Monini เพื่อวิ่งหนี

          3 ชั่วโมงผ่านไป….ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาบ่าย 3 แล้ว 

     Kohaku เดินวนเวียนในป่าจนเจอบ้านเห็ดพร้อมกับ Cheshika ที่อยู่บนต้นไม้ในสภาพเหนื่อยล้าเลย

    “อ้ากก ฉันไม่คิดว่านายจะไกลและอดทนได้ขนาดนี้ยอมแล้วถ้าดอกไม้ที่นายต้องการหาน่ะอยู่ตรงโน้นแต่นายต้องคุยกับคนในบ้านเห็ดก่อนน่ะโชคดีน่ะ” Cheshika ชี้ที่บ้านเห็ดให้ Kohaku ดู

    “งั้นก็ช่วยไม่ได้น่ะ ฉันไปคุยก็แล้วกันน่ะ” Kohaku หยักไหล่เขาไม่สามารถผ่านไปหาดอกไม้ยากเพราะมีเห็ดยักษ์ขวางทางไว้เขาเดินไปเข้าบ้านเห็ดทันที

    “โอ้คุณพระ….นานแล้วน่ะที่ไม่ได้เจอลูกค้ามาที่นี้น่ะ” ??? 

    ………………………………………………………………………………………………………………………….

    ปล.ขอโทษด้วยน่ะที่เมื่อวานลงไม่ได้เพราะติดธุระข้างนอกอยู่ครับหลัง ๆ Kohaku เริ่มใช้ความฉลาดของเขาจากตอนที่เจอภูติจิ้งจอกชั่วร้ายที่ชื่อ Kosen มาใช้รับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและความลับป่าแห่งการวนเวียนก็ถูกเปิดเผยจนได้ไว้ติดตามใหม่ต่อหน้าน่ะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×