คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [OS] ว่าด้วยความที่เป็นแฝดกัน - (ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลัก)
“ซึงยุน”
เจ้าของชื่อที่ถูกขานเรียกหันไปยังต้นเสียง เขายิ้มทักทายผู้ชายที่อยู่ในยูนิฟอร์มเบสบอล ผิวคล้ำสมนักกีฬา ใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับด้วยแว่นสายตาสีดำยิ้มทักทายเขาก่อนจะเดินเข้ามาหาใกล้ๆ
“มาคนเดียวหรอ?”
“ทำไม? แปลกมากรึไง?”
“ก็ไม่เชิง.. ปกตินายไปไหนมาไหนก็มีเพื่อนอยู่ข้างๆตลอด”
ซึงยุนกำลังทำหน้าเซ็งกะตายก่อนจะเดินนำหน้าไปเนิบๆไม่ได้รีบร้อนนัก ถูกอย่างที่ซง มินโฮว่า ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็มักจะล้อมรอบไปด้วยเพื่อนหรือแม้กระทั่งที่บ้านก็ไม่วายมี’ฝาแฝด’ที่นับรวมอยู่ด้วย แต่เขาไม่ได้รู้สึกชอบใจนักเพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มักจะมีแฝดคนพี่คอยติดตามเสมอ เว้นแต่ว่าวันนี้..
“มาคนเดียวก็ดีเหมือนกัน น่าเบื่อจะตายไม่ว่าจะที่บ้านหรือโรงเรียนก็ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบอิสระ” พูดแล้วก็ต้องเตะฝุ่นด้วยความรำคาญใจทำให้นักกีฬาหนุ่มของโรงเรียนอดยิ้มกับใบหน้ามุ่ยๆแบบนั้นไม่ได้ “พูดถึงพี่จีโฮสินะ..”
“งั้นแบบนี้นายก็เหมือนกับไล่พี่น่ะสิ?”
“เข้าใจแบบนั้นก็ไม่ผิดอ่ะ” ว่าเป็นเชิงล้อเล่นแถมหัวเราะจนตาตี่ๆนั้นปิดลงแทบเป็นเส้นเดียว มินโฮได้แต่แสร้งเบะปากบ่งบอกถึงความเสียใจและเสียหน้าจนคนตัวขาวต้องรีบตัดบทและเดินหนี “ไปซื้อของก่อนอ่ะไว้เจอกันนะพี่มินโฮ”
ซึงยุนเดินมายังโซนของเครื่องใช้ภายในบ้านเพื่อหาซื้อหลอดไฟไปเปลี่ยนในห้องน้ำที่เสียไป เดินวนอยู่นานก็ไม่เจอซักทีเพราะเขาเองไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนคนเดียวบ่อยนักแถมไม่ค่อยสันทัดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ถ้าเป็นแฝดพี่ของเขาล่ะว่าไปอย่าง ไปๆมาๆดันมาผ่านที่แผนกเครื่องนอนจนหลงทิศหลงทางไปหมด
เด็กหนุ่มเดินดูเตียงและฟูกนอนไปเพลินๆพลันสายตาไปหยุดอยู่ที่ครอบครัวหนึ่งที่มีพี่และน้องกำลังกระโดดโลดเต้นดีใจกับการที่พ่อแม่ซื้อเตียง 2 ชั้นให้
เหมือนกันเลย..
“เหมือนพวกเราตอนเด็กเลยว่ามั้ยจี..ฮ..” หันไปทางด้านขวามือของตนแต่ก็พบกับความว่างเปล่า ซึงยุนเกือบหลุดชื่อของอีกฝ่ายออกมาแต่ดันนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาด้วย และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความเคยชินที่เขาแสนเกลียดเพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ดันเผลอว่าอีกฝ่ายอยู่ข้างๆตลอด
ทำยังไงได้ก็มันชินกับการมีจีโฮอยู่ข้างๆไปแล้ว
ตั้งแต่เล็กจนโตก็อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าที่ไหนก็อยู่ด้วยกันจนมาถึงม.ปลายนี่แหละที่พวกเขาได้เรียนแยกห้องกัน ซึงยุนยังคงมองภาพครอบครัวนั้นและคิดไปถึงตอนเด็กๆของพวกเขา
วันนั้นเป็นวันที่พ่อและแม่ของพวกเขาซื้อเตียงไม้สองชั้นให้ สองพี่น้องฝาแฝดตื่นเต้นรีบปีนขึ้นบันไดขึ้นไปชั้นสองของเตียงอย่างระวังโดยคนน้องท่าทางจะสนอกสนใจออกนอกหน้าเสียมากขนาดทำท่าจะกระโดดลงจากชั้นสองโดยไม่พึ่งพาบันไดจนแฝดพี่ต้องปรามไว้
สุดท้ายก็จบลงด้วยการแย่งที่นอนชั้นสองและแน่นอนว่าพี่ชายฝาแฝดของซึงยุนไม่ได้มีความเป็นพี่ที่แสนดีขนาดนั้นเขาเลยได้แต่จำใจและจำยอมไปนอนข้างล่าง
หลังจากเลือกซื้อหลอดไฟมาได้ก็ตรงดิ่งกลับหอทันที ซึงยุนเปิดประตูห้องเข้าไปในห้องและภาพแรกที่เขาพบคือพี่ชายฝาแฝดเจ้าของผมสีบลอนด์อ่อนๆนอนฟุบอยู่บนฟูกที่พวกเขาใช้ร่วมกันนอนด้วยสภาพไม่น่าดูเท่าไหร่นัก
“บอกกูทีว่ามึงไปอดหลับอดนอนมากจากไหน” ว่าเสียงเรียบพลางเอาของที่พึ่งซื้อมาไปวางบนโต๊ะที่ระเกะระกะสมกับเป็นห้องนอนของชายหนุ่ม 2 คนที่อาศัยร่วมกัน
แฝดน้องถอนหายใจด้วยความระอาแต่เขากลับเดินตรงไปนอนทับพี่ชายจนอีกฝ่ายร้องงัวเงียออกมา.. คนผอมบางกว่ากดปลายจมูกลงบนไหล่ลาดของคนที่ตนนอนทับไว้ก่อนจะไล้ขึ้นไปยังปลายผมที่ระอยู่ตรงต้นคอได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆจากอีกฝ่าย
หอม..
เขายังจำได้ว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้น.. คืนที่ได้เตียงสองชั้นมาใหม่ซึงยุนเองได้นอนข้างล่างแต่ไม่ว่าจะผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่อาจข่มตาลงนอนได้ พลิกตัวไป-มาจนเมื่อยก่อนจะตัดสินใจแอบปีนขึ้นไปชั้น 2 เบาๆและแทรกตัวในผ้าห่มผืนเดียวกับคนเป็นพี่
‘กลัวผีรึไงหมา’
‘ใครบอก’
‘ไม่ใช่ว่าไม่ชินกับการไม่มีพี่นอนข้างๆหรอกนะ’
ตอนนั้นเขาไม่อาจยอมรับว่ามันเป็นความจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด.. ก่อนซื้อเตียงนั่นพวกเขานอนพื้นแข็งๆและปูผ้านอนข้างกันสองคนมาตลอด พอมานอนคนเดียวก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้
แต่พอโตขึ้นอีกนิดพวกเขาก็ต้องย้ายมาอยู่หอเพราะว่าบ้านห่างไกลจากโรงเรียนที่สอบเข้าได้อยู่มากโขเลยเหมือนได้รำลึกความหลังด้วยการนอนห้องเดียวกันกับฟูกขาวสะอาดแคบๆนี้ ซึงยุนนอนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นักจนนอนตกฟูกไปหลายครั้ง
นึกแล้วก็ไม่น่าดีใจที่ได้กลับมานอนข้างกันอีก
“คิดจะลวนลามกูแต่เช้าเลยหรอไอ่หมาน้อย” เสียงงัวเงียของอีกฝ่ายเรียกสติของเขากลับมา ซึงยุนได้แต่ส่งเสียงชิลอยๆแล้วพลิกตัวมานอนข้างๆแทน
“เช้าก็บ้าละนี่มันเย็นละพ่อ”
“หรอ” ไม่ได้สะทกสะท้านแต่ยังหลับตานอนต่อจนคนเป็นน้องนึกหมั่นไส้กับไอ้คนจอมขี้เกียจ
ซึงยุนยืดตัวมองคนที่ยังคงนอนฟุบบนฟูกแล้วถอนหายใจยาวออกมากับการเป็นอยู่ของตัวขี้เกียจนามว่าจีโฮ ถอดเสื้อนอกแล้วเด้งตัวนั่งลงข้างๆอีกฝ่ายพรอมกับหยิบ Fender Mustang สีขาวสะอาดเสียบแอมป์แล้วโซโล่กีต้าร์ให้อีกฝ่ายหนวกหูเล่น “กวนตีนจัง” คือคำที่อีกฝ่ายพูดกับเขาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาหมุ่นคิ้วแล้วเอื้อมมือมารวบหน้าม้าของเขาจนขึ้นเป็นจุก
“ไฟห้องเสียอ่ะเปลี่ยนด้วยนะ ซื้อมาให้แล้ว” พยายามจะสะบัดกลุ่มหน้าม้านั้นออกจากมือคนเป็นพี่แต่เป็นแค่ความพยายามที่สูญเปล่าเลยได้แต่บุ้ยหน้าใส่
“ขี้เกียจอ่ะ”
ซึงยุนย่นจมูกแล้วหันหน้าหนีการกระทำแบบนั้นยิ่งเรียกเสียงหัวเราะให้อีกฝ่ายได้ไม่มากก็น้อยเมื่อรู้ว่าแกล้งกวนแฝดน้องสำเร็จ
มีปุ่ม delete ความขี้เกียจออกจากจีโฮมั้ย
~ I don’t need anyone else. The stars in the sky must be sad, there’s nothing as beautiful. As long as this world has someone like you~
เสียงเรียกเข้าดังมากจากมือถือแน่นอนว่าไอ่ประโยคเพลงอันแสนน้ำเน่านี้คงไม่ใช่ของซึงยุนแน่ๆ นั่งเล่นกีต้าร์โดยไม่สนใจแฝดพี่ที่รับสายจนกระทั่งได้ยินคำพูดนั้น..
“อือ พึ่งตื่นอ่ะ”
“...”
“ขี้เกียจอ่ะมารับที่ห้องหน่อย ฮ่าๆ”
บอกทีว่าพี่ของเขามันบริสุทธิ์ใจจริงๆหรอกับการที่ให้ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแฟนของตัวเองมารับ แลดูจะผิดหน้าที่ไปแล้วมั้ง.. เหลือบมองไอ่คนที่ยิ้มหัวเราะมีความสุขกับบทสนทนานั้นแล้วนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตะงิดๆจนอดที่จะแกล้งไม่ได้
แฝดคนน้องทิ้งหัวลงบนหน้าท้องของจีโฮด้วยความเอาแต่ใจจนได้ยินเสียงร้องดัง ‘อั่ก’ จากคนที่ถูกทับ พยายามดีดกีต้าร์เสียงดังจงใจจะรบกวนบทสนทนากับปลายสายนั้นจนโดนมือของพี่ชายเขกลงมาที่เหม่งเล่นเอามึนไปพักใหญ่ ซึงยุนพยายามก่อกวนให้มากเพื่อหวังสนุกอย่างที่มักจะทำเป็นประจำเมื่ออีกฝ่ายคุยโทรศัพท์กับแฟนโดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำเหล่านั้นเมื่อทำการเชค 5000 ครั้งออกมามันจะได้คำว่า ‘หวง’
หวงพี่ตัวเอง?
“ซึงยุนแม่งกวนเราอ่ะ อื้อ เดี๋ยวไว้เจอกันนะ”
“อะระ..จะไปไหน” พอได้ยินประโยคสุดท้ายของจีโฮยิ่งทำเอาความเอาแต่ใจของซึงยุนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
“กูมีแฟนนะครับ..กูก็ต้องไปเที่ยวกับแฟนบ้าง”
“ไม่เอาอ่ะ กูไม่อยากอยู่ห้องคนเดียว”
“จะให้กูหมกอยู่ทั้งวันกับมึงก็ไม่ใช่ป่ะ”
“ใช่ดิ๊..เดี๋ยวนี้เห็นแฟนสำคัญกว่าพี่น้อง”
แล้วไอ่ความเอาแต่ใจนั้นมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยเมื่อสุดท้ายจีโฮเลือกที่จะมองว่ามันเป็นแค่ความดื้อแบบเด็กๆของเขาแล้วอาบน้ำแต่งตัวไปหาแฟนจนซึงยุนแอบอดสงสัยไม่ได้ว่านี่รึเปล่าที่เป็นปุ่มลบขี้เกียจของจีโฮ
การที่ทิ้งให้ผู้ชายที่มักจะมีเพื่อนๆล้อมรอบอย่างเขาอยู่บ้านคนเดียวมันก็ไม่ชินนักทั้งๆที่พูดเองว่าอยู่คนเดียวก็ดีเหมือนกันแต่ไอ่ความคิดกับความจริงมันไม่เหมือนกัน ความเคยชินมันก็ต่างกัน..
เงียบ
ยิ่งบวกกับอารมณ์โกรธเคืองพี่ชายฝาแฝดที่แม้จะเรียกร้องความสนใจเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะไร้ค่า ความมืดยามตกหัวค่ำในห้องนอนเล็กๆกับหลอดไฟที่ไม่ได้ทำการถูกเปลี่ยนทำให้ความเงียบเพิ่มขึนมากเป็นสิบเท่า เป็นอีกหนึ่งวันที่เหลือเพียงกีต้าร์เท่านั้นที่อยู่กับเขา
ในที่สุดก็ตัดสินใจออกจากห้องแล้วไปหาที่ที่จะทำให้สงบจิตสงบใจเลิกฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
“อ่าว ซึงยุน?”
“คืนนี้ขอนอนด้วยนะพี่” แทรกตัวเข้าไปในห้องนอนของซง มินโฮอย่างถือวิสาสะพร้อมๆกับเด้งตัวนอนลงบนเตียงโดยไม่ปรึกษาเจ้าของห้องซักคำ
“เดี๋ยว.. เกิดอะไรขึ้นวะ?”
เหลือบตามองอีกฝ่ายที่เดินเข้ามาใกล้เตียงแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไปจนอีกฝ่ายตัดใจลุกไปนั่งกับโต๊ะอ่านหนังสือตรงข้ามกับเตียงแทน
“ทะเลาะกับพพี่จีโฮมาอีกล่ะสิ”
ละนั่นเหมือนกับเป็นการเปิดสวิตส์ซึงยุนทันที
“กูว่ากูไม่ผิดนะเว้ย แม่งอ่ะไม่เคยจะอยู่กับบ้านบ้าง ไม่เคยเห็นหัวน้องบ้างเลย เอ่ะอะก็ไปเที่ยวกับแฟน”
“โอ้...”
“คิดดูออกไปตั้งแต่บ่าย 3 ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”
“...”
“แล้วไฟในห้องก็ไม่เปลี่ยนให้เว้ย รู้ป่ะว่ากูเนี่ยต้องอยู่ห้องคนเดียวมืดๆ”
“ฮ่ะๆ เหนื่อยป่ะลูก” ดูเหมือนว่าไอ่คนรับฟังมันจะไม่ได้เห็นถึงความจริงจังของเขาบ้างเลยแถมยังมาล้อแบบนั้นอีกซึงยุนละสะบัดหน้าหนีใส่รัวๆ
“พี่จีโฮเขาก็มีแฟนแล้ว”
“มีแฟนแล้วไง? ต้องอยู่กันตลอดเลยหรอ? ไม่คิดสนใจน้องบ้างงี้หรอ?”
“...มันไม่ใช่เหมือนตอนเด็กๆนะซึงยุน”
“...”
“คนเราก็ต้องโตขึ้นเพื่อไปใช้ชีวิตในสังคมใหม่ๆ”
“...”
ฟังแบบนั้นแล้วซึงยุนเองถึงกับพูดไม่ออก..
“พี่จีโฮเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยเว้ย”
“แต่ซึงยุนไม่ชินอ่ะ”
ถูกอยู่ที่อีกฝ่ายพูดในเมื่อคนเราต่างต้องโตขึ้นตลอดไปเจอกับสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ หรือมีแฟน ซักวันก็ต้องมีงานที่ตัวเองอยากทำและสนใจ สุดท้ายก็แต่งงานและมีครอบครัว
แต่เขาเป็นแค่น้องที่เอาแต่ใจคนนึงที่อยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิม
เหมือนตอนเด็กๆ
ตอนที่จีโฮมักจะโอ๋เขาตอนที่หกล้ม
ตอนที่จีโฮคอยปรึกษาเขาทุกๆเรื่อง
ตอนที่จีโฮติดเขาแจจนน่ารำคาญ
ตอนที่จีโฮนอนอยู่ข้างๆ..
การเปลี่ยนแปลงในวันที่เราค่อยๆเติบโตขึ้นนั้นมันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ซึงยุนไม่อยากจะทำความคุ้นเคยกับมัน..
‘ก๊อก ก๊อก’
ซักวันนึงซึงยุนหวังว่าจะทำความรู้จักและเรียนรู้กับความเงียบนั้นได้ด้วยใครซักคนเหมือนกัน.. เหมือนกับที่จีโฮเจอคนที่สามารถลบความขี้เกียจของตัวเองออกไปได้
แล้วใครจะรู้บ้างล่ะว่าความเงียบไม่ได้ผ่านไปเร็วขนาดนั้น
“ซึงยุน..กลับบ้านเรากัน”
ความคิดเห็น