ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha AF8] ♀ TOM (or) BOY ♂

    ลำดับตอนที่ #8 : ♀ TOM (or) BOY ♂ - 07

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.พ. 55


    ♀ TOM (or) BOY ♂
    0
    7







    คชาเพิ่งค้นพบข้อดีของการมาอยู่กทม.คนเดียวหนึ่งอย่าง

    - - ตู้ม!!!!! - -


    นั่นก็คือ...


    “ว้อยยย... ไอ้ชาจะมาจับนมทำไมวะ
    !!!?”
    “ฮ่าๆๆๆๆ สยิวอะเด้... ไอ้เต้รีบมาช่วยเร็ว
    !!!
    “เฟรมแกเสร็จแน่!!! ย้ากกกกกกกก”

    - - ตู้ม!!!!!! - -

    สมาชิกคนที่สามกระโดดลงสระมาร่วมคลุกวงใน(?)ปลุกปล้ำกับสมาชิกอีกสองของแก๊งอย่างเมามันส์  ท่ามกลางน้ำใสไหลเย็นที่เจือไปด้วยกลิ่นคลอรีนจางๆ ในสระว่ายน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้  คชาคว้าตัวเฟรมเอาไว้จากข้างหลัง ให้โปเต้จัดการแกล้งไอ้จอมแสบนี่เสียบ้าง

    “เฮ้ย... อย่าว้อย จั๊กจี้”  เฟรมที่กำลังถูกอีกสองคนรุมล้อมหน้าล้อมหลังเริ่มท้วงขอ

    “นี่แหละน้า... ทำกับคนอื่นไว้เยอะ ฮ่าๆๆ”  คชาพูดพลางยังแกล้งไอ้ขี้ก้างที่ถูกเขากอดเอาไว้อยู่

    “วันนี้แกขโมยกินลูกชิ้นฉันไปนะไอ้เฟรม”  โปเต้พูดพลางซัดน้ำเข้าหน้าเพื่อนรักคนดี  แต่มิวายพลอยกระเด็นโดนอีกคนไปด้วย

    “เฮ้ยไอ้เต้ ดีๆ สิ”  คชาท้วงขึ้นบ้าง เพราะหลังๆ ไอ้เพื่อนคนนี้ชักจะดูไม่ให้ความร่วมมือพิกล

    - - ซู่ววววววว - -

    เฟรมที่หลุดจากการเกาะกุมของคชาได้ก็รีบหันหลังมาซัดน้ำเข้าหน้าไอ้เพื่อนทอมตัวดีทันทีและตอนนั้นคชาจึงได้รู้ว่า

    คดีพลิก!!!!!

    “เฮ้ย! ไอ้เต้จัดการไอ้เฟรมดิ มาเล่นพวกเดียวกันเพื่อ!
    “ไม่ว่ะชา... แกล้งแกหนุกกว่าเยอะเลย
    !

    ไอ้งูพิษ!

    “น้องทอมจ๋า ขอพี่เฟรมจับนมคืนบ้างนะ กิ๊วๆ”
    “หนอย.. ฝากไว้ก่อน
    ! อ๊อยยยยยย ไอ้เฟรม..จั๊กจี้”
    “น้องทอมคนดี มาให้พี่เต้แกล้งหน่อยละกัน เดี๋ยวไม่ให้ไปเล่นเกมที่บ้านต่อนะ”

    ใช่แล้ว... ข้อดีของการมาอยู่กทม.คนเดียวคือการเล่นปล้ำกับเพื่อนในสระ
    เย้ย
    ! ไม่ใช่! ...มันคือการมาเที่ยวเล่นเถลไถลโดยไม่มีแม่โทรมาบ่นต่างหาก!

    “ไอ้เฟรม... ย๊ากกกกกกกก”
    “ไอ้เต้... ตายยยยยยยย”

    เพื่อนผู้ชายก็สนิทกันเร็วแบบนี้ล่ะนะ จะไปคิดอะไรให้มากมาย

     

     

    เย็นวันนั้น กว่าจะเล่นสนุกในสระว่ายน้ำแถวบ้านโปเต้ กว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้ากันแล้วไปเกรียนเกมกันต่อ ปิดท้ายด้วยการโซ้ยข้าวต้มราตรีให้อิ่มท้อง จนถึงตอนที่คชากลับมาถึงหอพักเพียงพอ ก็เป็นเวลา...

    “เฮ้ย! หอปิดแล้วหรอวะ!!!”  ร่างเล็กในชุดเสื้อยืด(ของโปเต้)คลุมทับด้วยเสื้อฮู้ดสะพายเป้พะรุงพะรัง ยกมือเขย่าแม่กุญแจทองเหลืองอันใหญ่ตรงหน้ารัวๆ  หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา...ก็พบว่า

    ‘00:03’ ไม่ใช่สกอร์แมนยูต่อเชลซี(คิดแล้วยังแค้นไม่หาย) แต่เป็นเที่ยงคืนสามนาทีต่างหาก!

    หอปิดเที่ยงคืน... กลับมาถึงตอนเที่ยงคืนสามนาที จะมีอะไรซวยกว่านี้อีก!

    ร่างเล็กได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นอยู่อย่างโดดเดี่ยว... ก่อนจะหันซ้ายหันขวาดูอีกทีแล้วพบว่าบรรยากาศตอนนี้โคตรวังเวง

    เข้าหอไม่ได้ แล้วจะทำไงดี?

    นิ้วเรียวกดไล่ดูรายชื่อที่มีในเครื่อง ก่อนจะตัดสินใจกดปุ่มสีเขียวเพื่อโทรออกไปหาใครบางคน...

     

    ตอนนั้น คชาไม่รู้เลย... แม้เขาจะอยู่คนเดียวตรงนี้ แต่มีใครอีกคนยืนดูอยู่พักหนึ่งแล้ว
    บนระเบียงชั้นสี่ ที่เดิม

     

    เต๋ากำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่น ตาคู่คมจ้องมันสลับกับร่างเล็กที่โทรหาใครบางคนพลางเดินวนไปวนมาอยู่หน้าหอ หัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว นับถอยหลังในใจเพื่อกะเวลาให้มันดังขึ้นพอดี

    3……….

    2……..

    1……

    0….

    0..

    0

    0

    เฮ้ย!!! ทำไมไม่ดังวะ!!!!!



     

    ทำไมไม่รับวะไอ้เฟรม!!!!!

    ใบหน้าหวานขมวดคิ้วจนยุ่ง ตาคู่เรียวจดจ้องที่โทรศัพท์ในมือไม่ไปไหน ก่อนจะกดปุ่มโทรออกเป็นครั้งที่สาม

    “รับสิวะ... คนยิ่งกลัวๆ อยู่”  บ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบา ใบหน้ายังก้มมองโทรศัพท์ในมืออยู่อย่างเดิม

    “ชา...”  แต่น้ำเสียงเย็นๆ ที่ดังขึ้นข้างหลังก็พาลเอาขนลุกซู่... เขาเหล่ตามองต่ำ ที่พื้นมีเงาอีกอันเพิ่มขึ้นมา

    ไม่นะ... ไม่นะ... ไม่นะ...

    “ไอ้ผีบ้าอย่าเข้ามานะว้อย!!!!!” คชาร้องเสียงใสพลางหันหลังควับ...แต่ถึงอย่างนั้นกลับยังหยีตาไม่กล้ามองเต็มสองตา

    ไม่ใช่ไม่กลัวนะที่หันมา แต่เคยเห็นในหนังพอทำอย่างนี้แล้วผีจะหายไปอ้ะ

    แต่นี่ไม่หาย... ผีหน้าขาวที่ไหววะ!!!
    หน้ามันขาว จมูกโด่ง ตาโตๆ
    ปากแดงด้วย
    !

    “เต๋า!!!!”  เสียงใสโวยวายทันทีที่ตัดสินใจเบิกดูเต็มตา ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก  “มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด”

    หากแต่คนมาใหม่ยังคงยืนนิ่งๆ ซะจนอีกคนขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ  “แล้วมาทำอะไรดึกดื่นเนี่ย?”  คชาถามต่อ แต่นั่นยิ่งทำให้อีกคนมองตาดุใส่เสียอีก

    “ไปไหนมา?”  คำถามปกติ แต่น้ำเสียงไม่ใช่

    “ไปกับเพื่อน”

    “เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย?”

    “ผู้ชาย... แล้วจะอยากรู้ไปทำไมเนี่ย!”  เสียงใสเริ่มท้วงกลับเมื่อเริ่มนึกได้ว่าตนเองไม่จำเป็นสักนิดเดียวที่ต้องตอบออกไป

    มันธุระกงการอะไรที่ต้องรู้ด้วยวะเต๋า!!!

    “ทีหลังไม่ต้องไป กลับดึกขนาดนี้ไม่กลัวโดนฉุดรึไง?”  เสียงทุ้มร่ายยาว  “แล้วเพื่อนผู้ชายประสาอะไรไม่คิดจะมาส่งเพื่อนผู้หญิงที่หอ เป็นผู้ชายแบบนี้เอาผ้าถุงมาใส่เลยดีกว่า”

    เฟรม...ไอ้นี่มันด่าแก!

    “ที่นี่มันอันตราย ไม่เหมือนแถวบ้านเธอหรอก...” คนฟังเริ่มทำหน้ายู่ นึกไม่ชอบที่อีกคนมายุ่งเรื่องไม่เข้าท่า

    “คิดสิ... ถ้าเธอเป็นอะไรไปขึ้นมามีแค่เธอที่เสียใจรึเปล่า? ยังมีคนอื่นที่เป็นห่วงเธออีกเยอะแยะ”  แต่ประโยคถัดมา ก็เริ่มนึกตามและเข้าใจ... แม่เขาล่ะ พ่อเขาล่ะ น้องชายอีกล่ะ ญาติๆ ล่ะ แล้วยังพวกเพื่อนๆ อีกด้วย

    แล้วก็... นายด้วย... หรอ...?
    ที่มายืนบ่นปาวๆ นี่ก็...
    เป็นห่วง...????

    ใบหน้าหวานช้อนมองตาคนที่ร่ายยาวทำตัวเป็นมาเฟียไม่ต่างจากแม่ของเขา ลึกลงไปยังมีอะไรอีกมากมายในสายตาคู่คม

    “แต่ก็ดีที่ไม่มีใครหน้ามืดมาทำอะไร... ถือเป็นโชคดีของพวกนั้น”

    เหอะ... แต่อย่างนี้มันเรียกหาเรื่องกวนบาทามากกว่าว่ะ!

    “ยังจะทำหน้าบู้บี้ใส่อีก นี่ฉันมาช่วยเธอหรอก”  หันมาพูดเสร็จเต๋าก็หันไปควักกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกงนอน เพื่อไขแม่กุญแจทองเหลืองอันใหญ่ พร้อมยังประตูเหล็กอีกชั้นนึง  “ถ้าฉันไม่มา คงโดนผีหลอกไปแล้ว”

    “เฮอะ...”  คนฟังทำเสียงใส่เหมือนไม่สน ทว่ายังแอบขนลุกขนพองเบาๆ เพียงแค่ได้ยินคำว่า ผีเพียงคำเดียว

    “ไปนอนไปชาค่ะ นอนดึกเดี๋ยวไม่สูง”

    “หาว่าเตี้ยหรอ!

    “ฝันดีผีรอบเตียง”

    “ไอ้เต๋า!!!

                สุดท้ายก็ลงเอยอิหรอบเดิม

     

     

    - - - - - - - - -

     


     

    เช้าวันใหม่ยังคงมาถึงพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุกเหมือนทุกวัน ทว่ากว่าวันนี้คนตัวเล็กจะได้ฤกษ์ลุกขึ้นจากหมอนก็ปาเข้าไปแปดโมงเศษ

    เมื่อคืนนอนดึกนี่หว่า... กว่าจะกลับถึงหอ กว่าจะได้เข้าหอ กว่าจะได้เข้านอน

                และกว่าเช้าวันนี้คชาจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็จวนจะถึงเวลาเรียนพอดี  คชานำฮู้ดตัวสีดำมาใส่ทับเหมือนเดิม เท้าเดินไปเตะหันถุงพลาสติกใบใหญ่ที่วางกองไว้กับพื้น จึงก้มลงหยิบสุ่มๆ ออกมาหนึ่งอย่าง ก่อนจะเดินออกไปหน้าห้องเหมือนที่เคยทำ

                ภารกิจเสี่ยวทุกเช้า น้ำเน่าจนน่ารำคาญ - -;

              ถึงจะสายแล้วแต่ชั้นสองของหอพักเพียงพอกับดูเงียบสงบ  สงสัยจะไปเรียนกันหมดแล้ว ไม่ก็นอนยังไม่ตื่นแน่ๆ ...ทางสว่างแท้ๆ

                เห็นเป็นดังนั้น มือเรียวก็หยิบของในมือมาพินิจดูจริงจัง...


    ดื่มน้ำแร่จากเทือกเขาแอลป์ ก็เหมือนแอลได้สมุดเดทโน้ต 

    อะไรของมัน?  ใบหน้าหวานขมวดคิ้วงงๆ เมื่ออ่านข้อความแรกบนขวด ก่อนจะเหลือบไปเห็นข้อความภาคต่อ

    คุณจะเป็นอมตะด้วยความรักของผม

    ไม่ใช่น้ำแร่แต่เป็นน้ำเน่า!!!!!  ...แม้จะส่ายหน้าเบาๆ แต่ก็วางขวดน้ำลงบนที่เดิม

    ทว่าตอนนั้น... เสียงประตูห้องเบอร์ 21 ก็ดังขึ้นเอี๊ยดอ๊าด

    หัวใจแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม  ดวงหน้าหวานค่อยๆ หันไปมองคนที่เพิ่งโผล่พรวดออกมา... สาวผมยาวสีน้ำตาลทองในชุดนักศึกษากำลังยืนเท้าเอวมองที่หน้าประตู  “อรุณสวัสดิ์แพรวา”  คนตัวเล็กพูดต่อพลางส่งยิ้มแห้งๆ  ...ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีวันนี้

    “ชา... เธอใช่ไหมที่เป็นคนทำ?”  วันที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา!

    “ทำอะไร เรามารอแพรวาไปเรียนพร้อมกันอยู่เนี่ย”  คชาว่าพลางส่งยิ้มตาหยีใส่เพื่อนสาวข้างห้อง  แต่ในสายตาคนมอง...ความรู้สึกมันฟ้องกว่ากำลังโกหก!

    “เหรอ... ไหนหนังสือเรียนล่ะ?”

    “ฮะ? เออ... จริงด้วย ลืมไว้ในห้อง”  พูดพลางเอามือเกาหัวแก้ขัด

    “รู้ตัวรึเปล่าว่าไม่เนียน?”

    “อะไรหรอแพรวา?”  ยังคงทำหน้าแบ๊วใสซื่อไม่รู้เรื่องต่อไป  “เดี๋ยวเราไปหยิบของก่อนน้า... รอแปปนึงจะได้เดินไปมหาลัยด้วยกัน”  รีบตัดบทลงตรงนั้น ก่อนจะวิ่งจู๊ดเข้าห้องเบอร์ 23 ของตัวเองไป

    ประตูห้องเบอร์ 23 ถูกปิดลง หัวใจดวงน้อยยังเต้นตูมตามจากเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หาย เกือบถูกแพรวาจับได้แล้วไง... หรือที่จริงก็จับได้แต่เขายังเป็นผู้ร้ายปากแข็งอยู่ก็เถอะ

    กระวีกระวาดหยิบข้าวของลงในเป้ใบสีดำ กำลังจะออกจากห้องก็เหลียวไปเห็นหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้  คชาเดินไป... ว่าจะปิดมันหากแต่กลับยื่นหน้าออกไปแทน  จนแล้วจนรอดก็ชะเง้อเงยขึ้นมองตึกแถวฝั่งตรงข้ามโดยไม่รู้ตัว

    ตอนนั้นประตูระเบียงสีขาวบนชั้นสี่ค่อยๆ เปิดออก  ชายร่างสูงกำลังเดินออกมา... ทว่าไม่ทันจะเห็นหน้า คชาก็รีบเอื้อมมือปิดหน้าต่างลงเสียก่อน

    ไม่เอา! ไม่อยากเจอไม่อยากมองหน้าไอ้ผีตัวซวย!

     

     

     

                “แพรวาจับได้แล้ว... ไม่ทำแล้วนะ” 

    แต่สุดท้ายก็เป็นคชาเองที่นัดตัวซวยที่ว่ามาเจอที่ร้านน้ำเต้าหู้ในตอนเย็น  เสียงใสพูดสรุปความเหตุการณ์เมื่อเช้าให้อีกคนฟังจนจบ  คิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกันเพราะเป็นโอกาสในการชิ่งหนีจากเรื่องยุ่งเหยิงพรรค์นี้แบบเนียนๆ

    หากแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย ยกน้ำเต้าหู้ขึ้นดื่มอย่างไม่ยี่หระอะไรแม้แต่นิดเดียว

    “อืม ไม่ต้องทำแล้ว”  เสียงทุ้มพูดธรรมดาแต่พาให้อีกคนดีใจจนแทบอยากจุดพลุฉลอง  ริมฝีปากบางยกยิ้มดีใจโดยอัตโนมัติ

    “แผนรักคือการใส่ใจ เริ่มจะไม่เวิร์ค” 

    ไม่เคยเวิร์คเลยต่างหาก!

    “กำลังจะใช้แผนหลอกให้รักแล้วจากไปอยู่พอดี”

    ว่า ไง นะ =[]=

    เต๋าเห็นอีกคนทำหน้าอึ้งปนเอียนแล้วจึงพูดเฉลย  “ไม่เคยได้ยินหรือไง ถ้าเราชินกับอะไรเราจะไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนั้น แต่พอหายไปจากชีวิตสักสามวัน...”  พูดค้างไว้อย่างนั้นพลางยิ้มกริ่ม

    “เราจะรู้ว่ารักมันมากแค่ไหน”

    “แหวะ!  จงใจทำท่าอาเจียนอย่างหมั่นไส้... ไอ้เผือกเสี่ยวเอ๊ย!

    “เป็นไรชาค่ะ ใครทำท้องแล้วไม่รับรึไง?”  เต๋าแสร้งทำเสียงจริงจัง แต่แววตาขี้เล่นบ่งบอกความกวนโอ๊ยสิ้นดี!  “ท้องไวจังนะ อาทิตย์ก่อนเมนส์ยังมาอยู่เลย” 

    เรื่องของชาวบ้านนี่จำแม่นเชียวนะ!… คชาก่นด่าอีกคนในใจพลางนั่งมองไอ้จอมกวนประสาทตรงหน้าเซ็งๆ เมื่อเห็นแบบนี้ มีหรือคนตรงหน้าจะหยุดเพียงเท่านั้น

    “หรือว่า... คืนวันเสาร์ที่เรานอนด้วยกัน...”

    นอนด้วยกัน!!! ดูมันพูดเข้า...แค่ห้องเดียวกันก็พอป้ะ!!!!

    “เธอข่มขืนฉันหรอชา?”

    “ไอ้บ้าเต๋า!!!!!

    “อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าคืนนั้นเธอทำ...” 

    “ไอ้...!!!”  พูดขึ้นได้แค่นั้นก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นอีกคนยกมือลูบแก้มตนเองไว้... ไม่รู้บังเอิญหรือว่าอะไร ถึงได้ตรงกับอุบัติเหตุนั้นพอดี

     “เถียงไม่ออกล่ะสิ... มันนุ่มมากเลยนะตอนนั้น”  เต๋าแสร้งเอานิ้วจิ้มลงบนแก้มขาวซีดของตัวเอง พูดจาทะเล้นซะจนอีกคนถึงกับหน้าขึ้นสี ปิดปากเงียบไปต่อไม่เป็น

    ตอนนั้น... รู้จริงดิ???

    “จำไม่ได้หรอชา... เรื่องคืนนั้น”  เต๋าแกล้งเว้นวรรคลงกลางคัน  ตาคู่คมสะกดมองอีกคนเพื่อสังเกตอาการ  พอเห็นแววตาลนลานบนท่าทีที่พยายามสงบสติอารมณ์ก็ลอบยิ้มอยู่ในใจ

    ได้แหย่ยัยทอมเล่นนี่มันสนุกชะมัด!



    “คืนนั้น...หมอนข้างเธอฟาดเข้าเต็มแก้มฉันเลย”

    ม...หมอนข้าง!?

    “ดูทำหน้าเข้า คิดว่าเป็นอะไร?”  เต๋าตอบเรียบๆ เขยิบมองอีกคนให้ใกล้ขึ้นอีกนิด แววตาซุกซนยังจ้องอีกคนไม่เลิก 

    “เปล่าซะหน่อย”  ปฏิเสธเสียงแข็งแต่หน้ายังแดงไม่หาย  “ตอนนั้นมันมืด ใครจะจำอะไรได้”  ทู่ซี้ทำไม่รู้ต่อไป หารู้ไม่ว่ากำลังโดนหลอกเสียสนิท

    “ตกลงฉันหมดหน้าที่แล้วใช่ไหม ต่อไปก็จัดการเองละกัน โชคดี”  คนตัวเล็กพูดตัดบทไม่อยากเสียเวลา  ลุกขึ้นหันหลังเดินออกไปไม่กี่ก้าว  ก็ถูกรั้งไว้ด้วยคำถามสุดท้าย



    “ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้ออะไร?”


                คิ้วบางขมวดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ เพราะหันหลังอยู่จึงไม่เห็นสีหน้าทะลึ่งทะเล้นของอีกคน



                “ทั้งหอมทั้งนุ่มเลย”

     

     




    TBC

    รู้สึกตอนนี้ไม่พีคเหมือนตอนที่แล้ว T^T และเนื้อเรื่องยังไม่ไปไหนไกลเช่นเคย
    ใครผิดหวังก็ขอโทษนะ เราพยายามแล้ว (คือแต่งแล้วก็รื้อไปรื้อมาหลายรอบมากอะ - -")
    ชอบไม่ชอบยังไงก็คอมเม้นไว้ได้จ้า
    ช่วงนี้งานยุ่งมาก final Project ล้านแปด
    สิ่งที่อยากฝากถึงคนอ่านทุกคนคือ  1.ใจเย็นๆ  2.อย่าคาดหวัง
    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและตามทวงจ้า 5555  จุ๊บๆ อิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×