ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มาปลูกผักในวันสิ้นโลกกันเถอะ

    ลำดับตอนที่ #8 : ปลูกครั้งที่ 8

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 67







    ด้วยความที่คีริณอยากจะกลับถึงบ้านโดยเร็ว เขาตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 6 โมงเช้า เมื่อมีเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น เขาตื่นขึ้นทันที

    คณินนอนหลับอย่างสบาย ตอนนี้เขาเผลอเอามือกอดเอวของคีริณโดยไม่รู้ตัว ทำให้ใบหน้าของคีริณจมอยู่ในอ้อมอกของคณิน

    คีริณค่อยๆดันตัวเองออกจากอกคณิน แล้วนั่งลงข้างเตียง เขาหันกลับไปมองคณินอดไม่ได้ที่จะตบหน้าอกตัวเองและคิดด้วยความโล่งใจ โชคดีที่ตื่นขึ้นก่อนที่คณินจะรู้ตัว ไม่เช่นนั้นเขาคงโดนจับได้

    เป็นความเข้าใจผิดของคีริณที่คิดว่าตัวเองเข้าไปกอดก่อน

    คีริณลุกขึ้นจัดการตัวเองแล้วเก็บของใส่กระเป๋าเดินออกจากห้องไป

    คนที่คิดว่ายังนอนหลับอยู่ที่เตียงค่อยๆ ลืมตาขึ้น

    อ้อมแขน หมอน และส่วนอื่น ๆ ของร่างกายของเขาบอกกับคณินว่าคีริณได้นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขามั่นใจว่านี่คือความจริงอย่างแน่นอนราวกับฝันไปที่เราได้นอนกอดกัน

    คณินจับหมอนด้วยมือทั้งสองข้างและก้มหน้าลงไป เขาอยากจะร้องตะโกนออกมาดังก้องแต่ไม่กล้าทำกลัวรบกวนคนอื่น


    อีกด้านหนึ่ง คีริณเดินออกจากโรงแรมอย่างช้า ๆ และมองหาร้านอาหาร โรงแรมนี้เป็นเพียงโรงแรมเล็กๆไม่มีร้านอาหารให้บริการ เขาเดินไปดูที่ตรอกข้างโรงแรมในตรอกนั้นมีตลาดเช้าเปิดอยู่

    ตลาดเช้าในเมืองเล็ก ๆ นี้คึกคักมาก แผงขายของทั้งสองข้างถนนส่วนมากมีแต่คนเฒ่าคนแก่ในพื้นที่ ๆ ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง น่าจะเปิดร้านขายอาหารเช้ามาได้ระยะหนึ่งแล้วและกำลังทยอยเปิดก็มี มีของขายไม่มากนักแต่ราคาถูกและของที่ทำก็มีราคาไม่แพง

    คีริณเลือกร้านหนึ่งที่อยู่มุมถนน เขานั่งลงแล้วสั่งเกี๊ยวน้ำหนึ่งชามและซาลาเปาสองลูก คนขายที่เป็นผู้หญิงทำอาหารได้น่ามองมากการเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหลและประณีตในชั่วพริบตาเธอก็วางอาหารเหล่านั้นไว้ตรงหน้าคีริณ

    “เครื่องปรุงอยู่ตรงนั้นคุณสามารถเดินไปเอามันเองได้” เธอชี้ไปที่โต๊ะในมุมหนึ่ง “อยากได้เครื่องปรุงอะไรหยิบเอามาเลย”

    คีริณพยักหน้าพร้อมกับถือซาลาเปาไว้ในมือ ซาลาเปานำออกมาจากซึงนึ่งทำให้ยังร้อนอยู่ เขารู้สึกถึงไอร้อนของซาลาเปา และเลวร้ายกว่านั้น หลังจากถูกเขาบิดออกสองฝั่ง ไอร้อนมันก็พุ่งเข้าใส่หน้าคีริณพร้อมกับกลิ่นเนื้อที่หอมน่ากิน

    เขาทนต่อความร้อนแล้วกินซาลาเปาสี่ชิ้นและเกี๊ยวสองชามในคราวเดียว จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและถือถุงซาลาเปากับเกี๊ยวน้ำเดินกลับไปให้คณินที่โรงแรม


    อีกด้านหนึ่งของตรอกที่ไม่ไกลจากที่คีริณเดินอยู่ได้เกิดความวุ่นวายขึ้น

    "มีคนบ้า มีคนบ้า เขากระโดดกัดฉัน!” ตอนนั้นมีคนร้องตะโกนโวยวายเสียงดังทำให้คนรอบข้างได้ยินเลยหันมองไปดูด้วยความสงสัย

    คีริณยืนอยู่ห่างออกไปช่วงนึง เขาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายนี้ และเขาสามารถหาที่ปีนขึ้นที่สูงและมองดูว่าตรงนั้นเกิดเหตุการณ์อะไร

    ตรงที่เกิดความวุ่นวายชายชราที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดาทั่วไป ตอนนี้เขากำลังบ้าคลั่ง ดวงตาของเขาสีขาวขุ่นกำลังจับจ้องอยู่บนร่างของชายชราอีกคนที่อยู่ข้างกันและกระโดดกัดใบหน้าของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว

    คนที่โดนกัดไม่สามารถต่อสู้ ได้ทำเพียงแค่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ

    “เขาเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือเปล่า ทำไมถึงกัดคนอื่นไปทั่ว?” มีคนเข้าไปดึงออก แต่เขากลับโดนกัดที่มือแทน

    ชายชราเริ่มคุ้มครั่งมากขึ้นเรื่อยๆเขาเริ่มกระโดดใส่คนที่อยู่รอบๆตัวโดยไร้จุดหมาย

    “ทุกคนรีบไปซ่อนตัว ฉันโทรแจ้งตำรวจแล้ว รถพยาบาลจะมาถึงในไม่ช้า!” มีคนๆนึงยืนอยู่กลางถนนและกำลังควบคุมสถานการณ์ให้เป็นระเบียบแต่ในมุมมองของคีริณการกระทำของเขามันไม่มีประโยชน์

    ผู้คนที่กำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ในร้านก็ลุกขึ้นยืนมองดูเหตุการณ์ในเวลานี้ พวกเขากำลังพูดคุยถึงความวุ่นวายที่เห็นอยู่ตรงหน้า ด้วยเสียงกระซิบกระซาบ

    "เขาคงถูกสุนัขกัดแล้วไม่ไปฉีดยาแน่เลย นี่มันทำคนอื่นเดือดร้อน"

    "คนที่โดนกัดเลือดไหลเยอะมากเลยเขาน่าจะเจ็บ"

    "น่ากลัว น่ากลัวมากๆเลือดเต็มหน้าเขาเลย"

    นอกจากนี้ยังมีคนตะโกนอยู่ตรงนั้น "คุณไม่สามารถหยุดคนที่กำลังคุ้มคลั่งได้รีบหาที่หลบเถอะ!"

    เมื่อตอนนี้ในตรอกเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก จนต้องเดินเบียดเสียดกัน และเจ้าของแผงขายเหล่านี้ก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป พวกเขาจะยอมให้ของที่ขายอยู่โดนเหยียบได้ไง

    พวกเขารีบก้มลงเก็บของที่วางอยู่ที่พื้น การก้มลงเก็บของที่ตัวเองนำมาขายทำให้การหลบหนีล่าช้าไปอีก ภายในเวลาไม่นานก็ทำให้คนบาดเจ็บเพิ่มอีก 5-6 คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่

    เสียงตะโกนเมื่อกี้ทำให้คนที่คลุ้มคลั่งคนแรกได้ยินเสียง เขาได้หันหัวไปทางร้านอาหารอย่างช้าๆและติดขัด สีหน้าของเขาดูเจ็บปวดและมึนงงตอนที่มองเห็นภาพนี้คีรินเกือบจะคิดว่าคนคนนี้ยังมีสติอยู่

    แต่ไม่นานภาพต่อมาก็ลบล้างความคิดของคีริณชายคนนั้นตรงไปที่ร้านอาหารที่เขาได้ยินเสียง

    กลุ่มคนมุงที่กำลังดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ที่เพิ่งสงบลงได้ตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง มีทั้งคนที่ซ่อนตัวอยู่ในร้านและรีบวิ่งออกมาข้าง

    คีริณรีบเดินหลบฝูงชนและหาที่ปลอดภัยมองดูชายชราที่คุ้มคลั่งคนแรกตรงหน้า และช่วยคนที่บาดเจ็บและพร้อมกับจับพวกเขาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาตายกลัวว่าพวกเขาจะกลายเป็นซอมบี้

    ถ้ามีซอมบี้ไม่มากก็สามารถควบคุมเหตุการณ์ได้แต่หลายคนไม่รู้เรื่องซอมบี้หรือไม่เคยคิดเกี่ยวกับซอมบี้เลยสิ่งนี้ทำให้เกิดการสูญเสียได้มากมายในอนาคต

    แต่ตอนนี้มันยากสำหรับคีริณที่จะต่อว่าพวกเขาที่ไม่เด็ดขาดพอ เพราะครั้งที่แล้วตอนที่เขาฝึกงานอยู่ที่เมือง A เมื่อเพื่อนร่วมห้องของเขากับคิมหันต์กลายเป็นซอมบี้พวกเขาได้แต่ปัดป้องและหลบอยู่มุมห้อง และหาทางหลบหนีออกจากห้อง

    ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขารู้ภายหลังว่านี่คือซอมบี้ คีริณและคิมหันต์ก็ยังคงจะตำหนิตัวเองว่าไม่ช่วยพาเพื่อนไปหาหมอ

    "นี่มัน แค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น" คีริณบอกกับภรรยาเจ้าของร้านเกี๊ยวที่กำลังใช้กระบวยตักน้ำซุปทุกที่ศีรษะของชายชราที่กำลังคุ้มคลั่ง

    คนในกลุ่มสองสามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังภรรยาเจ้าของร้านตะโกนใส่คีริณ"ไอ้บ้า ทำไมนายไม่ช่วยคนอื่นเอาแต่ยืนมองอยู่ได้"

    คีริณไม่สนใจฟังเสียงของชายคนนั้น เขาหันหลังและเดินออกจากตรอกกลับไปที่โรงแรม

    ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องรีบกลับให้ถึงบ้านโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะพบคุณยายก่อนที่สถานการณ์ต่างๆจะวุ่นวายมากกว่านี้

    ข้างหลังเขาเสียงไซเรนของรถตำรวจและพยาบาลกำลังดังมาจากที่ไกลๆโดยไม่รู้ว่าในอนาคตจะเจออะไรบ้าง

    ดีที่โรงแรมยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ป้าแม่บ้านกำลังทำความสะอาดโถงของโรงแรมพร้อมกับอ้าปากหาวไปด้วย พนักงานหญิงต้อนรับกำลังคุยกันเรื่องซีรีย์ตอนล่าสุดที่ดูเมื่อคืน

    "พระเอกเรื่องนี้เขาหล่อจริงๆ ดูดี..."

    "ใช่ ยิ้มทีใจแทบละลายเลย"


    คีริณที่อยู่ในลิฟท์สายตาของเขามองไปที่ตัวเลขบนผนังตลอดเวลา มีเสียงดังติ๊ง ลิฟท์ก็หยุดอยู่ที่ชั้นที่เขาเข้าพัก

    เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปคณินตื่นแล้วและกำลังคุย video call กับคนอื่นอยู่

    คีริณไม่รู้ว่าคณินกำลังคุยกับใครอยู่เขาเห็นเพียงคนินที่นั่งอยู่บนที่นอนเขาจึงเรียกเสียงดัง "รุ่นพี่ผมซื้อซาลาเปากับเกี๊ยวน้ำมาฝากคุณด้วยมันยังร้อนๆอยู่เลย"

    คณินหันไปมองตามเสียงทำให้โทรศัพท์ในมือของเขาหันไปด้วยเผยให้เห็นใบหน้าของคนผมสีเหลืองอ่อนอยู่ในมือถือของเขา

    คีริณที่บังเอิญเหลือบมองคนที่กำลังคุยกับคณินเลยจำได้ว่า เป็นคนเดียวกันกับที่พบเมื่อวานที่มหาวิทยาลัย

    “เฮ้ย!” คุณที่ปลายสายตะโกนอุทานด้วยน้ำเสียงแปลกๆ

    “พวกนายนอนห้องเดียวกันเหรอ” เขารีบถามคณิน

    คีริณหยุดพูด และวางอาหารเช้าไว้ที่โต๊ะข้างๆ แล้วทำสัญญาณมือว่าตัวเองจะออกไปรออยู่ข้างนอกจะไม่รบกวนเขาที่คุยโทรศัพท์อยู่

    คณินเรียกตามไม่ทัน ประตูห้องก็ปิดลงทันที

    “ฉันถามจริงจังนะ” น้ำเสียงของผู้ชายผมสีเหลืองอ่อนในโทรศัพท์เปลี่ยนเป็นจริงจังในทันที"นายจะทำยังไงกับเรื่องของคีริณ ที่ฉันได้ยินมาเขาดูเป็นคนที่ตรงไปตรงมา"

    “ฉันก็ตรงเหมือนกันนั่นแหละ” คิ้วของคณินขมวดและก็กลับทันที

    ภูริชเยาะเย้ย “หึ นายตรงเหมือนเถาวัลย์เลย”

    เขาไม่เคยเห็นใครที่แอบติดตามคนอื่นมาหลายปีแต่ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเป็นคนซื่อตรง

    “ภูริช อีก 2-3 ฉันถึงจะกลับไปที่เมือง G นายช่วยดูงานทางนั้นแทนฉันก่อนนะ ” คณินไม่สนใจเสียงล้อเลียนของภูริช

    “ได้ เหมือนในตอนนี้ถ้ามองดูนัยตาของนายในตอนนี้น่าจะมีสัตว์ประหลาดอยู่ในนั้น" ภูริชรีบพูดแล้ววางสายทิ้งทันทีปล่อยให้คณินนั่งขมวดคิ้วอยู่คนเดียว

    คณินหันไปมองประตูที่ปิดอยู่ จากนั้นมองไปอาหารเช้าที่คีริณวางทิ้งไว้บนโต๊ะ เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู

    คีริณกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่โถงทางเดิน

    คณินที่ยืนอยู่ประตูบังเอิญได้ยินเสียงเขาพูดว่า

    "ถ้าขายมันได้ผมไม่สนใจอย่างอื่น ใช่ผมยังไม่ใกล้ตายและไม่ได้ป่วยหนัก ตอนนี้ผมเป็นหนี้พนันอยู่ห้าหมื่นไม่มีเงินจ่ายหนี้ นั่นแหละรีบขายมันออกไปเลย

    คณินที่ยืนอยู่ประตูบังเอิญได้ยินคีริณคุยโทรศัพท์พอดี

    คีริณวางสายจากนายหน้าแต่ไม่รู้ตัวว่าความลับตัวเองแตกแล้ว เมื่อหันกลับมาเขาเห็นคณินยืนอยู่ที่ประตูห้อง กำลังมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

    “นายไม่มีเงินเหรอ” เขาหยุดถาม เหมือนสติของเขากลับมาอีกครั้ง จากนั้นเขาเดินเข้าไปหาคีริณ “ฉันมีเงิน นายต้องการเท่าไหร่”

    เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งของคนอื่นคิรินไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง แต่เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งของเขาหน้าตาต้องเหมือนคณินแน่ๆเลย

    คีริณส่ายหน้าไปมาอย่างแรง“ไม่ ไม่ ผมไม่ต้องการเงินของคุณ”

    เงินไม่สามารถทำให้เขาเปลี่ยนใจได้








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×