คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Where is Potter? | Draco/Harry (DMHP)
title: where is potter?
pairing: draco malfoy/harry potter, dmhp
rate: pg
note: จริงๆ เรื่องนี้มีตอนต่อตอนแอบเข้าไปในห้องแฮร์รี่ แต่ชั่งใจอยู่ว่าจะเขียนดีไหม ถ้าเขียนชื่อตอนอาจจะไม่เหมือนกันนะคะ
หนึ่งในงานอดิเรกและเรียกได้ว่าเป็นกิจวัตรของ เดรโก มัลฟอย คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคงเป็นการได้กวนประสาท แฮร์รี่ พอตเตอร์
การที่อีกฝ่ายไม่จับมือและหักหน้าเขาในครั้งแรกที่เจอกัน เหมือนเป็นตัวจุดชนวนบางอย่างที่รู้สึกตัวอีกทีก็มักจะมองหาร่างนั้นเสียแล้ว รวมถึงตอนนี้ที่สายตาของเดรโกพยายามกวาดมองหา ทั้งที่ตัวยังทำอะไรไปตามปกติ แพนซี่เป็นคนแรกที่สังเกต แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมาก มีเอ่ยถากถางบ้าง แต่ไม่นานก็เงียบปากไปเพราะศาสตราจารย์ได้เดินเข้ามาพร้อมความเงียบที่ปกคลุมไปทั้งห้อง
แต่ถึงกระนั้นเดรโกยังคงตามหาคนที่อยากเจอ เอ่อ เขาหมายถึงศัตรูที่อยากกวนประสาทเล่น ในทีแรกเขาเบาใจเพราะวันนี้มีเรียนกับกริฟฟินดอร์ แต่มองเท่าไหร่ก็ไม่พบ รวมถึงวีเซิลและยัยเลือดสีโคลนที่ก็พึ่งสังเกตว่าไม่อยู่จากคำบอกเล่าของแพนซี่
" หึ "
ในใจพลางคิดว่าพวกนั้นคงสายอีกแล้ว และคงได้เห็นภาพตลกๆ จึงเปิดหนังสือไปยังหน้าที่ต้องการหาข้อมูลจำเป็น เริ่มคาบเรียนโดยที่ไม่ได้คิดอะไร แต่จนแล้วจนรอด หมดคาบก็ยังไม่เห็นแม้แต่เด็กสาวเลือดสีโคลน
" พอตเตอร์! "
เดรโกหูผึ่ง แต่พอมองตามเสียงไปก็รับรู้ว่าเขาโดนแพนซี่กลั่นแกล้ง อีกฝ่ายทำสีหน้าเหมือนกะไว้แล้ว เขาก็ส่งหน้าเบื่อหน่ายให้ทันที
" อะไรของเธอ แพนซี่ "
" ทำไมไม่ลองไปถามพวกวีสลี่ย์ดูล่ะ "
ไม่พูดเปล่า เธอปรายตาไปยังวีสลี่ย์คนอื่นนอกจากวีเซิล เขาเบ้ริมฝีปากลงเพื่อบอกคำตอบ
" อย่า อย่าให้ฉันต้องทำให้นะ เดรโก "
เธอเริ่มส่งเสียงดุกับความขี้ขลาดแถมปากไม่ตรงกับใจของเพื่อนของเธอเอง เด็กหนุ่มผมทรงเรียบแปล้กรอกตาพลางเริ่มเก็บข้าวของของตนเพื่อจะได้ไปเรียนต่อ
" ต่อไปวิชาปรุงยา เธอคงไม่อยากเข้าสายหรอกนะ "
แพนซี่ลูบหน้าอย่างเอือมระอา รีบหันไปเก็บของของตัวเองบ้าง
" นายเคยกลัวสเนปที่ไหน "
" ไม่กล้าก็บอกมาเถอะ "
เดรโกหันมองเด็กสาวที่ตัวเองมั่นใจมากพอจะเรียกว่าเพื่อนพร้อมส่งสายตาดุให้
" เฮ้! "
เธอปัดมือปัดรำคาญ พร้อมหยิบอุปกรณ์การเรียนขึ้น
" จะไปกันหรือยังคะ คุณมัลฟอย? "
จนคาบวิชาปรุงยาได้เริ่มไปมากกว่าครึ่งของเวลาทั้งหมด ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของทั้งสามตัวแสบ ศาสตราจารย์สเนปก็ดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลยกับการที่ไม่ได้เห็นทั้งสามคนนั้นจากบ้านแดง นั่นทำให้เดรโกเริ่มหงุดหงิดงุ่นง่านกับสิ่งที่ตนไม่รู้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น
" ทำไมเขาไม่ว่าอะไรเลยที่พวกนั้นโดดเรียน! "
เขาเปล่งเสียงกระซิบออกมาโวยวายกับเพื่อนๆ ที่ดูจะไม่อะไรและตั้งใจอ่านสูตรน้ำยาที่ต้องปรุงกันในวันนี้ มีบ้างที่เถียงกันเองโดยไม่ได้สนใจเดรโกมาก
" วันนี้พวกนั้นอาจจะหยุดเรียนก็ได้นะ "
กอยล์หันมาสนใจคนแรก แต่ตาก็ยังคงจ้องส่วนผสมคิดในใจว่าควรใช้แบบไหนดีกว่า เขาที่ได้รับคำตอบที่ไม่ได้อยากได้ก็หันไปมองด้วยความฉุนเฉียว
" นี่เดรโก ช่วยมาดูหน่อยสิ "
แต่แครบบ์ก็เรียกความสนใจไปก่อน เขาทั้งสองหันไปหาคนร่างท้วมที่ดูยังงุ่นอยู่กับสูตรบนหน้าตำรา
" ตรงนี้ไม่เห็นต้องให้เดรกช่วยเลย ฉันก็ทำได้ "
" ไม่ ฉันไม่เชื่อใจนาย! "
เดรโกกรอกตาเหม็นเบื่อทันที เพราะแค่การต่อการสนทนาเพียงสองประโยคของทั้งสองก็ทำให้เขารู้ได้ว่าจะเป็นยังไงต่อ ระหว่างที่เถียงกันแบบไม่สนใจใครก็ดึงตำราจากมือแครบบ์มาอ่าน โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
" อะไร ไม่ได้มีแค่เดรโกที่เก่งวิชาปรุงยานะ! "
" แต่ฉันเชื่อใจศิษย์รักสเนปมากกว่า "
" ศาสตราจารย์สเนป "
อดแก้คำเรียกห้วนๆ นั้นไม่ได้ แต่ก็ยังสนใจเพียงตัวอักษรตรงหน้าอยู่ เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเด็กส่วนใหญ่ถึงชอบเรียกแบบนั้น หรือบางทีเขาอาจเข้าใจ?
" อะแฮ่ม ช่วยบอกให้เพื่อนเธอเงียบกันด้วย คุณมัลฟอย "
พวกเขาต่างสะดุ้งตัวละความสนใจจากสิ่งก่อนหน้า ยืดหลังตรงมองหาต้นต่อเสียงเย็นนั้นที่ดังมาจากด้านหลัง
" ขอโทษครับ ศาสตราจารย์ "
และกล่าวขอโทษออกไปทันที ชายมีอายุตรงหน้าทำทีพินิจก่อนหันหลังกลับ
" ถ้ามีครั้งหน้าฉันอาจต้องหักคะแนนเธอ "
เพื่อนซี้สองคนต่างโล่งอก แต่มองกลับมากลับต้องเจอกับมารอีกคนที่ส่งสายตาอาฆาตให้ คาดโทษ และตำหนิ ทั้งสองที่เสียงดัง เดรโกวางหนังสือลงพร้อมบอกข้อผิดพลาด แล้วมองไปยังเด็กสาวคนเดียวในกลุ่มที่ยังเอาแต่สนใจหม้อยา ไม่ยอมร่วมวงพูดคุยเสียที มองอยู่สองนานเธอถึงจะยอมเลื่อนสายตาขึ้นมาสบ
" อะไร ฉันไม่ช่วยหรอกนะ "
" ไม่แกล้งพอตเตอร์สักวันมันจะตายหรือไงเดรก? "
เดรโกหน้าบูดทันที ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรก็มักถูกคนตรงหน้าดูออกแทบทุกครั้ง จึงได้แต่หน้ามุ่ยกลับมาสนใจส่วนประกอบยาต่อด้วยใบหน้าบึ้งตึงพร้อมเสียงถอดถอนหายใจของเธอ
แพนซี่เริ่มรู้สุดเอือมระอาพ่อของคุณชายของเธอเต็มทน หลังจากไม่กี่วันหรือหลายวันที่เดรโกรชอบบอกที่ผ่านมานั้นไร้ร่องรอยของเด็กชายผู้รอดชีวิต แถมไม่มีใครถามถึง เจ้าตัวก็ยิ่งไม่เป็นตัวเอง มีใครพูดเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้เลย ชอบมองหา และเหม่ออยู่บ่อยๆ อีกต่างหาก มีหลายครั้งที่เธอก็บอกให้ไปถามคนที่อาจจะรู้ แต่คนปากแข็งอย่างคุณชายมัลฟอยน่ะหรือจะยอม
เธอยอมรับ ว่าตัวเองก็เริ่มเอะใจขึ้นมา ระหว่างที่กำลังเดินคาบนั้นแล้วเห็นพวกแฝดวีสลี่ย์อยู่ลับๆ ตา จึงเดินเข้าไปหา
" วีสลี่ย์ พวกพอตเตอร์หายหัวไปไหนน่ะ "
และเอ่ยถามออกไปโต้งๆ พวกเขาดูมีสีหน้าประหลาดใจ และหันไปมองหน้ากันสักพัก
" เธอ เด็กจากสลิธีลิน? "
วีสลี่ย์คนที่หนึ่งเอ่ยถาม เธอกำลังเผยอปากตอบแต่ก็ถูกขัดเสียก่อน
" เหมือนจะเป็นเพื่อนกับมัลฟอยนะ "
มีคนตอบแทนเธอแล้ว แพนซี่จึงเงียบปากลงรอคำตอบ
" อ๋อ ที่แกล้งแฮร์รี่บ่อยๆ "
" ถามหาแฮร์รี่ทำไมล่ะ "
คราวนี้วีสลี่ย์คนที่สองเอ่ยถามแทน เธอเผยอปากขึ้นเช่นเดิมแต่ยังไม่พูด เหลือบสายตามองวีสลี่ย์อีกคนแทนเพื่อดูว่าจะมีคนตอบแทนอีกไหม เมื่อเห็นว่าไม่มีก็เผยยิ้มมุมปากและเริ่มพูดเองจริงๆ
" ก็มีคนอยากแกล้งเจ้าตัวจนตัวสั่น แต่ดันหาเขาไม่เจอเนี่ยสิ "
สองแฝดยิ่งทำหน้าแปลกใจ แค่เห็นหน้าก็เหมือนได้ยินเสียงฮู่ออกมาจากทั้งสองคน
" โห้ ช่างกล้า "
" มาถามพวกเราแบบนี้คิดว่าเราจะขายน้องชายเหรอ "
อีกฝ่าย เธอหมายถึงทั้งสองแฝดทำทีเล่นทีจริง เล่นลิ้นคล้ายพยายามจะกวนประสาท
" แล้วจะขายไหมล่ะ? "
แพนซี่อกแขนขึ้นกอดอกเอ่ยถามลองเชิงด้วยท่าทางมั่นใจ วีสลี่ย์หันไปมองหน้ากันปล่อยให้เธอยักคิ้วขึ้นเร่งรอคำตอบจากปากคนตรงหน้า
" อืม...ฉันอยากได้อุปกรณ์ใหม่พอดี "
และในที่สุด แฝดคนที่น่าจะเป็นคนพี่ก็เริ่มเอ่ยปากพูด แต่เป็นการพูดกันเอง แพนซี่จึงยังไม่พูดอะไรต่อ
" นายจะเอามาทำอะไรน่ะเฟร็ด "
โอ้ และเธอคิดถูก คนที่เริ่มพูดเป็นเฟร็ดจริงๆ ด้วย
" ก็เอามาทำของเล่นอันใหม่เอี่ยมไงจอร์จ "
ทั้งสองมองหน้ากันสักพัก และค่อยๆ ระบายรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าที่เหมือนกันอย่างกับแกะ
" งั้นดีล! "
ถึงคราเธอยกรอยยิ้มบ้าง ภูมิใจในตัวเองที่การเจรจาสำเร็จไปด้วยดี เพื่อนสนิทของเธอจะได้เลิกชะแง้หา แล้วทำตัวน่ารำคาญเสียที จะได้เลิกทำหน้าเหมือนหมาหงอยด้วย
" แพนซี่! "
คิดถึงไม่ทันไร เสียงคุ้นเคยก็ดังมาจากด้านหลังให้หยุดหันไปมอง แถมทำหน้าตาซีเรียสมาแต่ไกล เธอคงต้องเตรียมรับภัยทางหูแล้วสิ
" ทำบ้าอะไรของเธอ คุยอะไรกับพวกแฝดวีสลี่ย์?! "
หากเป็นคนอื่นอาจจะต้องยกมือขึ้นมาปิดหู ไม่รับเสียงนั้น แต่กับแพนซี่เธอเคยชินเสียแล้ว
" เห็นนายชักช้าอืดอาดแล้วมันรำคาญตา "
เธอเล่นหูเล่นตา แสดงให้เห็นถึงความรำคาญตาที่รู้สึกจริงๆ แล้วเท้าเอวขึ้นมองเพื่อนหนุ่มของเธอที่ยังทำหน้ามาร จนแทบจะเห็นเขี้ยว
" ฉันถามมาแล้ว พอตเตอร์ต้องอุดอยู่ในหอนอน "
แต่พอพูดเรื่องชายที่ตามหาอีกฝ่ายก็มีท่าทีอ่อนลงทันที ดูลังเลใจบางอย่างก่อนที่จะเอ่ยถามออกมา
" ทำไม? "
" ฉันจะไปรู้ได้ไงยะ พวกนั้นไม่ได้บอก "
คิ้วจางๆ ขมวดลงทันทีที่ไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ เธอจึงต้องรีบพูดขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะแย้งอะไร
" ไม่ต้องห่วง ฉันถามมาแล้ว "
" รหัสบ้านกริฟฟินดอร์คือ มิมบูลัส มิมเบิลโทเนีย "
" ใช้อย่างระมัดระวังล่ะ "
แพนซี่ยื่นกระดาษที่ตัวเองจดเอาไว้ให้กันลืม เพราะรหัสเข้าบ้านของกริฟฟินดอร์ครั้งนี้จำค่อนข้างยากพอสมควร แต่ยื่นให้อยู่สองนานเดรโกก็ไม่ยอมรับไป
" ฉันไม่ได้อยากรู้ซะหน่อย "
และคำตอบก็พาเธอเริ่มถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอากับความปากแข็งที่มันไม่ยอมหมดไปเสียที
" ให้เคราเมอร์ลินเป็นพยาน ถึงไม่มีใครดูออก ฉันก็ดูออกเดรก ว่านายอยากรู้ "
" เลิกปากแข็งแล้วใช้ๆ มันไปเถอะ "
มือข้างที่ถือกระดาษวางลงบนอกของเด็กหนุ่ม เลิกคิ้วขึ้นรอคำตอบว่าจะรับมันไปดีๆ ไหม และปากที่กำลังพะงาบก็ค่อยๆ เค้นเสียงออกมาแผ่วเบาเหมือนกลัวใครจะได้ยิน
" เธอทำได้ยังไง? "
แพนซี่ยกรอยยิ้มขึ้อย่างไม่จริงจังนัก พอเห็นคนตรงหน้ารับกระดาษไปก็ปล่อยมือจากอกนั้น
" เพราะฉันสวย เก่ง และไม่ชักช้าแบบนายไง "
" เชิดชูฉันด้วยล่ะ "
แกล้งเชิดหน้าขึ้นแสดงถึงความสูงกว่าแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบท่าทางเช่นนี้ แต่พวกเขาก็สนิทกันเกินกว่าจะคิดอะไร
" ถ้าฉันเจอพอตเตอร์ละก็นะ "
" อย่างน้อยขอบคุณก็ยังดี "
" ...ขอบใจ "
และร่างนั้นก็เก็บกระดาษรีบจ้ำเท้าหันหลังเดินลับตาไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกำลังรีบร้อนบางอย่าง ที่เธอก็รู้ว่าอะไร แพนซี่เพียงมองแผ่นหลังนั้นพร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
" เป็นเด็กดีเหมือนกันนี่น่า คุณหนูมัลฟอย "
ก็หวังว่าเพื่อนตัวดีของเธอจะใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพล่ะนะ เธอคงช่วยได้เท่านี้ มากกว่านี้คงต้องเป็นหน้าที่ของเพื่อนของเธอเอง
และหวังว่าจะรู้ใจของตัวเองเสียที
ความคิดเห็น