แม่มดตนนั้นและมังกรของนาง
Chapter 2
"มังกรทมิฬ..."
ยามเมื่อนางเอ่ยเรียกขานสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าแผ่วเบา ร่างกายของมันพลันขยับเขยื้อนคล้ายพยายามจะยืนแต่ก็ล้มลงไปอีกครา ดวงตาเฉียบคมสีอความารีนลืมขึ้นมาเหล่มองนาง ไฟสีฟ้าเริ่มก่อตัวในโพรงปากจนเห็นเป็นควันออกมา รอยแผลเริ่มฉีกขาดกว่าเดิมเพราะการขยับตัวแบบกระทันหัน ของเหลวสีแดงไหลลงมาผสมกับน้ำเบื้องล่าง
ลมหายใจโรยรินขนาดนี้ยังคิดจะสู้อีกหรือไงกัน เมอเรียลคิดพลางจ้องมองจังหวะการหายใจบริเวณอกที่ดูช้าลง ในหัวคิดว่าจะช่วยหรือจะปล่อยมันให้ดื้อดึงจนไม่ไหวไปอย่างนี้ดีหรือไม่ แต่สุดท้ายนางก็สงสารมันเกินกว่าจะปล่อยไว้ แถมตรงหน้านางนี้คือชีวิตๆ หนึ่ง นางไม่เคยแม้แต่จะฆ่าสิ่งมีชีวิตเองด้วยซ้ำ
ช่วยสักหน่อยคงไม่เป็นไหร่หรอกมั้ง
นางค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้เจ้ามังกรทมิฬอย่างช้าๆ มือเรียวข้างหนึ่งยื่นไปข้างหน้าเพื่อสร้างความไว้วางใจ
กรรซ์
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ไว้วางใจเท่าไหร่นัก นางสบสายตากับอัญมณีดวงใหญ่อย่างมั่นคง ใช้สายตาสื่อสารกับมันอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนมันหยุดเสียงขู่นั่นลง ไฟในปากตอนแรกก็หายไป มือเรียวบางของนางสัมผัสกับส่วนจมูกของมันอย่างแผ่วเบา เท้าของนางจมไปอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่งและผลจากการที่เจ้ามังกรขยับจึงทำให้ชุดนางเปียกไปเล็กน้อย
"ข้าจะรักษาให้เจ้า มังกรทมิฬ" นางบอกกับมังกรทมิฬ ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเข้าใจที่นางพูดหรือไม่ แต่นางได้รับคำตอบเป็นการกระพริบตากลับมา ซึ่งนั่นคงเป็นสัญญาณที่ดี นางเพียงหวังว่าพอรักษาเสร็จมันคงไม่ตะปบนางหัวหลุดออกจากบ่าเท่านั้น
เมอเรียลยื่นมือเข้าไปใกล้รอยแผลลึกใกล้ดวงตา แสงสว่างสีขาวแผ่ออกมาจากฝ่ามือ แทนที่มันจะรู้สึกแสบร้อนเพราะบาดแผล แต่ดันมีความรู้สึกอบอุ่นเสียมากกว่า ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ไว้วางใจนาง มันพยายามถลึงเปลือกตาตัวเองไม่ให้เคลิ้มกับความอบอุ่นของนางตรงหน้า
รอเจ้ารักษาข้าให้หายก่อนเถอะ..
สุดท้ายเจ้ามังกรทมิฬก็ทนอาการง่วงที่เข้าครอบงำไม่ไหว เผลอตัวเคลิ้มกับความอุ่นที่ได้รับจนหลับไปทั้งๆ ที่ยังนอนอยู่บนน้ำ เมอเรียลที่สังเกตเห็นว่ามันได้หลับไปแล้ว จึงย้ายไปรักษาแผลอื่นๆ ที่อยู่บนร่างกายใหญ่ยักษ์ต่อ ถึงนางจะรักษาให้ได้แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะหายขาด มันจะยังคงเหลือเป็นรอยแผลอยู่ แต่ทำได้ขนาดนี้ก็พ้นจากขีดอันตรายมามากโขแล้ว
นางรู้ว่ามังกรทมิฬยังคงไม่ไว้ใจนางจึงพยายามถลึงตาคอยมองตลอด แต่ก็สู้ความง่วงไม่ได้เลยหลับไป เพราะฉะนั้นแล้วนางควรรีบไปจากที่นี่ก่อนที่มันจะตื่นอีกครา อีกอย่างคือในเมื่อรักษาแผลให้เสร็จแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องอยู่ต่อ มนต์ที่นางใช้สร้างร่างปลอมก็คงหายไปแล้ว ตอนนี้นางเหนื่อยจากการรักษาแผลไปเป็นเวลานานมากแล้ว นางคงต้องหาที่หลบสักที่..
สายตาสีท้องฟ้ายามค่ำคืนเหลือบไปเห็นปากถ้ำที่โผล่ออกมาจากหลังน้ำตกไกลๆ
เสียงของน้ำตกที่ไหลลงมากระทบพื้นข้างล่างเป็นตัวปลุกให้เมอเรียลตื่นขึ้นมาได้เป็นอย่างดี เปลือกตาสีขาวมุกค่อยๆ กระพริบเพื่อให้ปรับกับแสงสว่างของแสงแดดที่ลอดผ่านม่านน้ำ ร่างกายมีอาการปวดเมื่อยไปตามไหล่และแผ่นหลังเพราะนางมีที่รองนอนแค่ผ้าคลุมตัวเก่า หลังจากบิดไปบิดมาและตั้งสติว่าต้องทำอะไรต่อไปเสร็จ นางจึงลุกหยิบเอากระเป๋าที่วางไว้ข้างๆ ก่อนนอนและเดินออกมาจากหลังน้ำตก นางคิดว่าเจ้ามังกรนั่นน่าจะไม่อยู่แล้ว เพราะเมื่อนางออกมานางไม่เห็นแม้แต่เงาของมันด้วยซ้ำ ช่างเป็นสัตว์ที่ลึกลับเสียจริง
นางควรออกไปจากที่นี่ แล้วไปตั้งต้นหาที่อยู่ใหม่ซะ แต่ก่อนจะเริ่มเดินทาง นางทำการล้างหน้าล้างตาให้คลายความง่วง ยกผ้าคลุมขึ้นมาสวมและยกกระเป๋าออกเดินไปตามทางในป่าอีกครา ตามทางที่นางเดินไปนั้นมีรอยเท้าของสัตว์ป่ามากมายทั้งตัวเล็กและใหญ่ นางเดินเข้าไปลึกเรื่อยๆ นานจนจากพระอาทิตย์ที่พึ่งขึ้นกลับมาอยู่กลางหัวเสียแล้ว นางเงยหน้ามองดวงตะวันแล้วคิดว่าถึงเวลาที่นางต้องหาอะไรเข้าท้องก่อนที่จะเป็นลมตายเสียที
เดินมาอีกเพียงไม่นาน นางก็ได้เจอกระท่อมตรงปลายเขาหลังหนึ่งตั้งอยู่ ด้านหน้ากระท่อมนั้นมีแปลงผักผลไม้เจริญงอกงามอยู่หลายชนิด ดูจากหน้าดินที่ยังเปียกชื้นก็รู้ได้ว่าที่นี่มีคนอาศัยและคอยดูแลอยู่เป็นแน่ นางจะขอผลไม้จากเจ้าของแปลงนี้สักสองสามอย่างเพียงเท่านั้น ถ้าเจ้าของใจดีนางอาจจะขอขนมปังสักก้อนไปด้วย
ก๊อก ก๊อก
เมอเรียลกำมือขึ้นและใช้หลังมือขึ้นมาเคาะไปบนประตูไม่แรงมาก รอเพียงไม่นานบานประตูก็ถูกเปิดออกและเผยให้เห็นคนที่อยู่ด้านใน... ซะเมื่อไหร่กันล่ะ
นางไม่ได้เห็นหญิงแก่หรือผู้ใหญ่ใจดีสักคนที่ควรจะมายิ้มรับแขกข้างหน้าประตู แต่นางเห็นเด็กผู้ชาย
เด็กผู้ชายที่เอาเรื่องนางไปบอกคนในหมู่บ้านนั่นแหละ..
แต่ก่อนที่เจ้าเด็กบ้าจะได้ตะโกนร้องเรียกขอความช่วยเหลืออีกครา เมอเรียลได้ทำการร่ายมนต์นิทราใส่อย่างรวดเร็ว ร่างกายเล็กๆ ของเด็กบ้าร่วงลงตามแรงโน้มถ่วง ก่อนที่หน้าจะได้จุ่มพื้นก็ได้อ้อมแขนของเมอเรียลมาอุ้มเอาไว้ได้ทัน นางไม่ยอมให้เสียเวลาไปนาน นางอุ้มเด็กคนนั้นให้กระชับขึ้นและเดินเข้าไปในบ้านอย่างถือวิสาสะพร้อมทั้งใช้เท้าดันประตูให้ปิดลง
มองสำรวจเข้าไปข้างเห็นเป็นโต๊ะไม้ขนาดเล็กมีเก้าอี้สอดไว้ข้างใต้อยู่สี่ ทางขวาเป็นจุดไว้ทำอาหาร นางจึงเลือกเดินไปทางซ้ายแล้วสุ่มเข้าประตูเข้าไปสักบานก็เอจห้องนอนเข้าพอดี นางไม่รู้หรอกว่าห้องนี้เป็นของสมาชิกคนไหนในบ้าน แต่เอาเป็นว่าจับไปนอนก่อนแล้วกัน เมอเรียลเดินเข้าไปตรงเตียงขนาดไม่ใหญ่มาก ยกผ้าห่มขนสัตว์ออกและวางตัวเด็กบ้าลงเบาๆ แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้ นางลุกขึ้นและไม่ลืมที่จะกระชับผ้าห่มให้เด็กคนนี้อีกที
นางเดินออกมาจากห้องและปิดประตู เดินย้อนกลับไปทางห้องครัว เปิดชั้นวางของด้านบนและตู้เก็บอาหารด้านข้าง หยิบเอาเพียงแค่ขนมปังหนึ่งก้อนจากหกและแอปเปิ้ลหนึ่งผลจากตะกร้าผลไม้ที่ตั้งอยู่ด้านข้าง ดูท่าแล้วเจ้าเด็กนี่คงไม่ได้อยู่คนเดียว อาหารจึงไม่ขาดแบบนี้ งั้นข้าก็ควรรีบออกจากที่นี่และเดินทางต่อ
เมอเรียลปิดประตูหน้าบ้าน หยิบกระเป๋าที่วางไว้ข้างหน้าประตูและเดินออกไปจากปลายเขา มุ่งหน้าสู่ทางเหนือเข้าไปในป่าลึกอีกครั้ง
นางเดินมาจนถึงหน้าประตูเมืองของแดนเหนือ อาณาจักรที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นที่ๆ มีการป้องกันได้แน่นหนาที่สุด ทั้งความแข็งแกร่งของทหารยุทโธปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งราชวงศ์ที่ปกครองดินแดนนี้ ราชาเอ็นเดเวอร์ พระองค์ได้ชื่อว่าเป็นราชาผู้หยิ่งผยอง พระองค์แทบจะไม่เคยออกมาพบปะเหล่าประชาชนเลยแม้จะเป็นงานฉลองวันเกิดของตนเองก็ตาม อย่างมากก็เพียงแค่มานั่งมองเหล่าราชวงศ์ที่มาร่วมในงานและปล่อยหน้าที่การทักทายเป็นของเหล่าโอรสแทน
ช่างเป็นราชาที่หยิ่งจริงๆ..
ผู้คนมากมายต่อแถวเข้าอาณาจักรยาวเหมือนสายน้ำหลั่งไหล ทุกคนถือบัตรไม้ตราสัญลักษณ์รูปไฟขนาดเท่าฝ่ามือไว้กันคนละแผ่นและจะมีทหารสองนายยืนตรวจพร้อมสำรวจสัมภาระอยู่ขนาบข้างประตู บัตรนั่นดูแล้วคาดว่าน่าจะเป็นบัตรผ่านเข้าเมือง ก็ดูเป็นระบบระเบียบดี ที่ว่ารักษาการณ์ได้ดีก็คงจริงสินะ
นางก็ต้องหาทางเข้าเมืองบ้างแล้ว
เมอเรียลเดินไปทางด้านหลังต้นไม้ใหญ่ไกลจากการถูกมองเห็น และเดินออกมาอีกคราด้วยร่างของยายแก่ สุ่มๆ หักไม้แถวนั้นมาใช้เป็นไม้เท้าและเดินถือกระเป๋าออกมาช้าๆ มาต่อแถวด้วย
รออยู่เนิ่นนานกว่าจะถึงตาของนาง แต่ทว่ากลับมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างพุ่งลงมาจากฟากฟ้ากระแทกเข้ากับผืนป่าด้านข้างประตูเมืองจนล้มระเนระนาด มนุษย์รอบๆ แถวนั้นก็เกือบปลิวไปด้วยเช่นกัน บางคนสัมภาระที่เอามาก็ล้มกระจัดกระจาย บางคนก็เซถลาไปเพราะแรงลม โชคดีที่เมอเรียลใช้ไม้ที่ติดมือมาปักไว้กับพื้นดินได้ทัน นางจึงไม่ปลิวไปตามแรงนั้น แต่ดันมีอุ้งเท้ายักษ์ใหญ่ของตัวการการเกิดกระแทกนั้นมาคว้านางไปถือไว้ซะอย่างนั้น เมื่อฝุ่นที่ฟุ้งกระจายในตอนแรกจางลงจึงทำทัศนียภาพในการมองดีขึ้น และสิ่งมีชีวิตที่ถือนางไว้จนลอยหวืออยู่นั่นก็เจ้ามังกรทมิฬตัวเดิมที่หายไปเมื่อยามพระอาทิตย์ขึ้น
แต่ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่กันล่ะ
"นี่ตามข้ามาหรือไง.."
เจ้ามังกรทมิฬที่ดูเหมือนจะเข้าใจที่นางพูดจึงพรูลมใส่หน้าของนางจนผมสีขาวของคนแก่ปลิวตามแรงลม แต่จะว่าไปแล้วเจ้ามังกรนี่จำนางได้ยังไงกัน
"นั่นมันมังกรทมิฬนี่!! ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ! ท่านราชาเอ็นเดเวอร์พึ่งต่อสู้กับมันเมื่อวันก่อนเองไม่ใช่หรือไง"
"ทหาร!! รีบปกป้องประชาชน!!!" เสียงของทหารที่ดูจะมียศสูงสุดในละแวกนี้ตะโกนออกคำสั่งขึ้นมา
แต่ไม่ทันที่นางจะได้ตั้งคำถามกับตัวเองไปมากกว่านี้ พลันมีเสียงกรีดร้องของเหล่าผู้คนและเสียงแจ้งเตือนภัยของเหล่าทหารดังขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงวิ่งอย่างเตลิดเปิดเปิงของฝีเท้าหลายคู่ ตามมาด้วยคำรามอันกึกก้องไปทั่วจนนกแถวนั้นบินหนีหายไปของมังกรทมิฬ มันย่อตัวลงยกเว้นขาหน้าข้างหนึ่งที่ถือนางไว้จนพื้นเป็นหลุมตามรอบเท้าของมันก่อนจะโผขึ้นสู่นภาสุดแรง!
"จะทำอะไรช่วยเตือนก่อนได้ไหมเจ้ามังกรทมิฬ!" เมอเรียลตะโกนด้วยโทนเสียงยายแก่ออกมา แม้จะไม่รู้ว่ามันเข้าใจหรือไม่ก็ตาม ดีที่นางคว้าเอากระเป๋าไว้ได้ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่มีอะไรใช้อีกแน่ ต่อมานางจึงคลายมนต์ออก ทำให้เส้นผมยาวสีเฮเซลนัทของนางสยายออกมาตามแรงลม มือที่เหี่ยวย่นกลับมาเต่งตึงอีกครา
มังกรทมิฬที่ได้ยินเสียงนางบ่น ทำเพียงแค่เหล่ตาสีอความารีนดวงใหญ่มองนางเท่านั้น ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปที่แม่น้ำที่มันเจอกับนางครั้งแรก
เพียงไม่นานเจ้ามังกรทมิฬก็พานางบินมาถึงจุดหมายของมัน นั่นก็คือที่เดิมที่ทั้งคู่เจอกันสภาพต่างคนต่างหนีมา มันพาตัวเองลงพื้นอย่างรวดเร็วแต่ไม่รุนแรงเท่าตอนที่มันทำก่อนหน้านี้ เมื่อถึงพื้นอย่างสมบูณ์มังกรทมิฬจึงยอมปล่อยนางออกจากมือของมันลงเบาๆ ผิดกับรูปลักษณ์โดยสิ้นเชิง พลันคำถามมากมายก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเมอเรียล
"นี่เจ้ากะจะเอาข้ามากินหรือไง" นางถามไปโดยไม่ได้คิดว่าจะได้คำตอบกลับมา แต่กลับมีเสียงทุ้มของบุรุษดังขึ้นในหัวของนาง
ข้าไม่คิดจะกินเจ้าหรอกแม่มดดำ แต่ข้ามีเรื่องต้องการคุยกับเจ้าเสียก่อน
ท่านแม่.. ไม่เคยได้ยินท่านบอกข้าเลยว่ามังกรสามารถสื่อสารทางจิตได้...
To be continue..
ความคิดเห็น