ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรากฏว่าเป็นรัก

    ลำดับตอนที่ #8 : ชนะ

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 66


     

    ถึงไม่อยากจะเผชิญหน้ากับปัญหาที่ตัวเองสร้างไว้เมื่อคืนเพียงใด แต่เหมือนฝันกับอิงจันทร์ก็ไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องกัดฟันมานั่งก้มหน้าเคียงกัน รับฟังบทเทศนาอันยาวเหยียดจากคมกฤษ โดยมีมาสฟ้ายืนมองด้วยสายตาเป็นห่วงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

    “ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม?”

    “ขอโทษค่ะ”​ สองเพื่อนซี้เอ่ยเสียงอ่อยออกมาพร้อมกัน เป็นคำพูดเดียวที่ทั้งเหมือนฝันและอิงจันทร์กล้าที่จะพูดออกมาตอนนี้ ส่วนคำอธิบายอื่นๆนั้นพวกเธอทำได้เพียงแต่นึกแล้วเก็ยเอาไว้ในใจ กลัวพูดออกไปแล้วจะทำให้คมกฤษโมโหยิ่งกว่าเดิม ลำพังแค่ถูกเขามองด้วยสายตาคาดคั้นทั้งเหมือนฝันและอิงจันทร์ก็อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

    “พวกหนูต้องเลิกทำแบบนี้นะรู้ไหม ถ้าเมื่อคืนนี้พี่ฟ้าเขาไม่ไปรับ ไม่รู้จะเจ็บตัวกันแค่ไหน ดีไม่ดีอาจจะต้องขึ้นโรงพักไปแล้ว”

    “พี่ฟ้าก็ต้องไปรับฝันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”

    “ยังอีก!” เสียงเข้มๆของผู้เป็นพ่อนั้นตวาด ยิ่งหลังสบตากับลูกสาวคนเล็กของตนแล้วไม่เห็นแววสำนึกในดวงตาก็ยิ่งทวีความโกรธ “ยังจะพูดแบบนี้อยู่อีก สำนึกบ้างไหมว่าทำผิดน่ะ”

    “ก็ทำไปแล้วนี่คะ” เหมือนฝันอ้อมแอ้มบอกเสียงค่อย แต่มุมปากทั้งสองข้างของเธอกลับคว่ำลงอย่างไม่สบอารมณ์​ สีหน้าง้ำงอที่ลูกสาวคนเล็กแสดงออกมานั้นทำให้คมกฤษรู้สึกหมดปัญญา ไม่รู้จะทำอย่างไรกับยายตัวแสบคนนี้แล้ว “อีกอย่างฝันก็ขอโทษไปตั้งหลายหนแล้ว แค่ตบคนไม่ดีนิดๆหน่อยๆคุณพ่อไม่เห็นต้องโกรธขนาดนี้เลยนี่คะ”

    “เหมือนฝัน!”

    “แล้วชนะไหมล่ะ?”​ คำถามนั้นลอยมาจากบันไดบ้าน ก่อนที่ร่างบอบบางของคุณผู้หญิงของบ้านจะปรากฏให้เห็น ทันทีที่ภรรยาของตนเข้ามาในครรลองสายตา สีหน้าและสายตาของคมกฤษก็อ่อนโยนผิดกับก่อนหน้าลิบลับ

    “คุณกฤษทำหนูเชอลีนตื่นหรือเปล่าครับ?”

    “ไม่ค่ะ หนูเชอลีนเพิ่งตื่น” เชอลีนสั่นศีรษะ เดินมาใกล้ร่างสูงในระยะที่มือเอื้อมถึงเธอก็ยกมือขึ้นโอบรอบต้นคอหนาของสามี ตามด้วยการหอมแก้มเขาฟอดใหญ่อย่างเอาใจก่อนว่า “โกรธอะไรลูกตั้งแต่เช้าคะ?”

    “ยังต้องถามอีกเหรอครับ?”

    “แหม เรื่องมันแล้วไปแล้วนี่คะ” ผู้ที่เคยมีวีรกรรมสมัยสาวๆแซบไม่น้อยไปกว่าเหมือนฝัน หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ได้แต่ใช้เสียงอ่อนหวานเกลี้ยกล่อมสามี “คุณกฤษก็ดุแล้ว สอนแล้ว ปล่อยให้เด็กๆไปหาอะไรกินแก้แฮ้งค์ดีกว่าไหมคะ”

    “หนูเชอลีนก็ถือหางลูกแบบนี้ ลูกถึงได้เอาแต่ใจ นึกอย่างจะตบตีใครที่ไหนก็ได้”

    “ก็ลูกของคุณกฤษเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ อีกอย่างนะ...ถ้าคุณกฤษไม่รวย ไม่มีเงินประกันตัวเป็นถุงเป็นถังแบบนี้ มีเหรอที่ยายฝันจะกล้าสร้างเรื่องไม่เว้นวันน่ะ”

    “สรุปคือคุณกฤษผิดเหรอ?”  ผู้ที่สุดท้ายแล้วก็ต้องรับบทคนผิดในทุกครั้งที่มีความเห็นขัดแย้งกับภรรยานั้นยกมือชี้หน้าตัวเอง หมุนตัวมองตามแผ่นหลังเล็กของเชอลีนด้วยสายตาฉงน

    “หรือคุณกฤษอยากให้หนูเชอลีนเป็นคนผิดล่ะคะ?”​ ภรรยาที่ยังสวยหมดจดเอี้ยวตัวกลับมามองหน้าคร้าม พร้อมกับเลิกคิ้วสูงท้าทายอีกฝ่ายอย่างเปิดเผย “คุณกฤษก็น่าจะรู้นี่ว่าหนูเชอลีนไม่ชอบเป็นคนผิด”

    “เรื่องนี้ยายฝันต้องเป็นคนผิดอยู่แล้วสิคะ” มาสฟ้าที่สัมผัสถึงบรรยากาศมาคุได้พร้อมกับทุกคนนั้นรีบเอ่ยแทรก ก่อนจะเดินไปประคองผู้เป็นมารดาของตนให้เดินไปยังห้องอาหาร “คุณแม่กับคุณพ่อจะผิดได้ยังไงล่ะคะ”

    “คนที่พูดเหมือนจะให้แม่เป็นคนผิดเสียให้ได้ไม่ใช่ฉันเสียหน่อย พ่อเธอต่างหากล่ะมาสฟ้า” เชอลีนมองค้อนลูกสาวคนโตของคมกฤษอย่างคาดโทษ แต่ก็ยอมเดินไปนั่งบนโต๊ะอาหารอย่างว่าง่าย “ไปถามเขาเอาสิ”

    “พ่อของฟ้าก็สามีคุณแม่นั่นแหละค่ะ” มาสฟ้ายิ้มหวาน ก่อนจะหันไปมองหน้าเหมือนฝันและอิงจันทร์ ส่งสัญญาณให้ทั้งคู่รีบสลายตัว แล้วจึงหันไปสนใจร่างสูงของผู้ชายคนเดียวในบ้าน พอเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของผู้เป็นพ่อ มาสฟ้าก็ได้แต่ลอบระบายลมหายใจออกมาเบาๆ รู้สึกอิเหน็ดอิหน่ายใจกับสองผัวเมียตรงหน้าเกินจะกล่าว “วันนี้ฟ้าตื่นสาย ศรีเป็นคนเตรียมอาหารเช้านะคะ”

    “เอาเหมือนเมื่อวานก็พอ” เชอลีนไม่สนว่าใครจะเป็นคนเตรียมอาหารเช้า เพียงแต่หากมาสฟ้าเป็นคนจัดการเธอก็จะสบายใจมากกว่า เพราะมาสฟ้าการอบรมจากคุณทวดผู้เข้มงวดเรื่องในบ้านมาตั้งแต่เด็กๆ เธอจึงสามารถจัดการเรื่องในบ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ยิ่งหลังจากที่ทวดของมาสฟ้าและเหมือนฝันจากไป มาสฟ้าก็ได้โอกาสแสดงฝีมือการจัดการงานบ้านงานอย่างเต็มที่ จนทุกคนในบ้านรวมไปถึงเชอลีนและคมกฤษยังไม่กล้าก้าวก่ายลูกสาวคนโตของพวกเขาเรื่องนี้  “แล้วก็น้ำส้มนะ”

    “นี่ค่ะคุณผู้หญิง” ทันทีที่ร่างระหงของเชอลีนทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว แม่บ้านสาวก็วางแก้วน้ำส้มลงตรงหน้าเธอ ประหนึ่งรู้ล่วงหน้าว่าเจ้านายของเธอต้องการอะไร 

    “คุณพ่อรับกาแฟดำเหมือนเดิมไหมคะ?”

    “จ้ะ ขอเหมือนเดิม”​ หน้าคมนั้นผงกศีรษะเบาๆ ขุ่นเคืองภรรยาได้แค่ไม่กี่นาทีคมกฤษก็เป็นฝ่ายยอมก่อน ด้วยการชวนศรีภรรยาคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “คุณพริ้มบอกจะเข้ามาบ้านเราสายๆ หนูเชอลีนอยู่บ้านก่อนนะคะวันนี้”

    “แล้วคุณพริ้มจะมาทำไมคะ” ในเมื่อสามียอมอ่อนข้อให้ถึงเพียงนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เชอลีนจะตั้งแง่งอนเขาต่อ จึงยอมคุยกับคมกฤษด้วยท่าทีที่อ่อนลง แต่ก็ยังมิวายวางท่าอยู่ในที “ไม่รอให้ยายกี้สร่างอีกหน่อย แล้วให้ขับรถกลับบ้านเองก็ได้แล้ว”

    “คงอยากมารับเองมากกว่า” คมกฤษก็ค่อนข้างแน่ใจว่าที่คุณพริ้มและสามีแจ้งว่าจะเข้ามาพบ และรับลูกสาวของพวกเขากลับด้วยตัวเองในตอนสายนั้น คงเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มากกว่า แต่หนนี้ประจวบกับที่เกิดเรื่องเกิดราวกันเมื่อคืน ครอบครัวของอิงจันทร์จึงถือโอกาสมาที่นี่และคงตั้งใจจะถามรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จากตัวแสบทั้งสอง และจากมาสฟ้า ผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนตอนเกิดเรื่องด้วย

    เชอลีนฟังแล้วก็ได้แต่ยักไหล่เบาๆอย่างไม่ใส่ใจ คิดว่าต่อให้ครอบครัวของอิงจันทร์ยกโขยงกันมา ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่กระนั้นก็ยังไม่วายเพียงปรายตามองเหมือนฝันและเพื่อนสาวตัวดีของเจ้าหล่อน ที่ยืนตัวลีบอยู่ไกลๆก่อนเอ่ย

    “แล้วเมื่อคืนนี้ชนะหรือเปล่า?”

    “ชนะค่ะ” เหมือนฟันกับอิงจันทร์ขานตอบเสียงใสอย่างพร้อมเพียงกัน ใบหน้าก็พลันสดใสขึ้นทันตาเมื่อรับรู้ว่ามีคนคอยปกป้อง เชอลีนได้ฟังแบบนั้นก็เพียงพยักหน้าเบาๆอย่างพึงพอใจกับตัวเอง ก่อนจะลงมือกินข้าวเช้าแม้ว่าจะได้รับสายตาขุ่นเขียวจากสามีเป็นการคาดโทษ ผู้ที่วีรกรรมสมัยสาวๆไม่แพ้ใครก็เพียงกลอกตาแล้วว่า

    “อะไรล่ะค่ะ ก็เรื่องมันเกิดไปแล้วนี่นา โวยวายไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”

    “แต่ถือหางลูกแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องนะคะ”

    “แหม...คุณกฤษก็ว่าไปโน่น พวกมันสมควรโดนแล้วแท้ๆอีกอย่างก็ไม่ได้มีเรื่องมีราวอะไรนี่ ใช่ไหมคะ?”

    “ไม่มีแล้วค่ะ” มาสฟ้าเอ่ยตอบ ทำหน้ากระอักกระอ่วนเพราะลังเลว่าเธอนั้นควรเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนดีหรือไม่ แต่เมือเหลือบมองหน้าของน้องสาวและเพื่อน มาสฟ้าก็ผ่อนลมหายใจหนักไอออกมาหนหนึ่ง แล้วตัดสินใจเล่า “เมื่อคืนนี้ยุทธเขามาค่ะ...เขารู้จักทั้งพวกเราแล้วก็ฝั่งโน้น เลยเคลียกันได้ไม่ต้องขึ้นโรงพัก”

    แน่นอนว่ามาสฟ้านั้นเลือกที่จะเล่าข้ามเรื่องที่ว่าอู่อี้เทียนรับสมอ้างเป็นคู่กรณีแทนเหมือนฝันและอิงจันทร์ไป แน่ใจว่าคงไม่มีใครรู้ความจริงเรื่องนี้เข้า เว้นแต่ว่าจะไปสืบเอาความจริงจากยุทธนาหรือฤกษ์ ซึ่งเป็นไปได้ยากหรืออย่างน้อยมันก็คงไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ โดยที่มาสฟ้านั้นลืมคิดไปเลยว่าเมื่อได้ยินชื่อของยุทธนา ก็ไม่มีใครสนใจที่จะสืบหาความจริงว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรอะไรขึ้นหรือใครสมอ้างรับผิดทั้งนั้น โดยเฉพาะกับเหมือนฝัน....เพราะทันทีที่เธอได้ยินชื่อยุทธนา ดวงตาของเธอวาวโรจน์ด้วยไฟแห่งความแค้นที่มาสฟ้าเข้าใจว่ามอดดับไปเมื่อหลายปีก่อน

    “อะไรนะคะ พี่ฟ้าบอกว่าใครเป็นตำรวจที่มานะคะ!”

    “ยุทธจ้ะ” มาสฟ้ายืนยัน ด้วยสีหน้าราบเรียบไม่แสดงอารมณ์ ทั้งที่ในใจก็นึกเสียใจกับความปากไวของเธอ ด้วยพอจะเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ “เขาเข้าเวรพอดี”

    “อย่าบอกนะว่าเป็น...คนเดียวกับที่เป็น...” อิงจันทร์ยกมือขึ้นลูบหน้า พอจะเดาได้เล่าๆว่าตำรวจที่มาสฟ้าพูดถึง กระทั่งเรียกชื่อเล่นอย่างสนิทสนมนั้นเป็นใคร หัวก็ปวดจี๊ดขึ้นมาอีกหน “ตายแล้วฟ้า”

    “นี่...นี่มัน...” เหมือนฝันสำลักความโกรธ จนไม่สามารถประติดประต่อคำพูดให้เป็นประโยคได้ ขณะคนที่เป็นพ่อและแม่ของมาสฟ้าเพียงมองหน้ากันและกันนิ่งๆ ไม่พูดอะไรออกมาแต่ความเงียบของทั้งคู่เท่านั้น ก็เพียงพอที่จะบอกแล้วว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับคนที่ชื่อยุทธนา

    ยุทธนาเป็นใครนั้นคนรอบตัวของมาสฟ้าย่อมรู้จักเขาดี แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขาและมาสฟ้าคบหากันมายาวนาน หรือเพราะมาสฟ้าปักใจรักเขาหรอก แต่เป็นเพราะว่ายุทธนานั้นเป็นผู้ชายคนเดียวที่สามารถแทรกซึมตัวเอง เข้ามาใกล้ชิดมาสฟ้าแถมยังอยู่ในชีวิตของหญิงสาวได้พักใหญ่ เรียกว่าเขาใกล้ชิดกับมาสฟ้านานกว่าผู้ชายทุกคนเลยก็ว่าได้แต่สุดท้ายเขาก็ถูกเหมือนฝันเล่นงาน จนฝ่ายนั้นสะบักสะบอมจนยอมปราชัยไปในที่สุด ถ้าจะเรียกยุทธนาว่าเป็นคู่แค้นของเหมือนฝันก็ไม่ผิดนัก

    “นี่ฟ้าให้ไอ้หมอนั่นช่วยเหรอ” เหมือนฝันเบิกตามองหน้าผู้ที่มีหน้าพิมพ์ด้วยกับเธอไม่อยากเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน “นี่จะบอกว่าฝันติดหนี้บุญคุณคนอย่างมันงั้นเหรอ!”

    “เรียกว่าเป็นบุญคุณก็ไม่ถูกหรอกจ้ะ ฤกษ์เองเขาก็ไม่ได้เอาเรื่องด้วยแหละ” มาสฟ้าอธิบาย

    “แบบนั้นยิ่งแย่ไปกันใหญ่” อิงจันทร์เองก็มีสีหน้าย่ำแย่ไม่ต่างจากเหมือนฝันเลยสักนิด หากเรียกยุทธนาที่เคยเป็นคนใกล้ชิดของมาสฟ้า ว่าเป็นศัตรูคู่แค้นของเหมือนฝัน แล้วคนที่เกือบจะได้แต่งงานอย่างเธอและฤกษ์ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอย่างไรดี จึงจะเหมาะสมกับความรู้สึกคับแค้นใจที่เธอมีต่อเขา

    “เรื่องมันชักจะวุ่นเข้าไปใหญ่แล้วนะ” เชอลีนปรารภ พร้อมนิ่วหน้าอย่างไม่สบอารรมณ์ “แม่นึกว่าแค่เมาแล้วตบตีกันธรรมดา”

    “ทีนี้หนูเชอลีนจะให้คุณกฤษโมโหได้หรือยังล่ะคะ” คุณผู้ชายคนเดียวย้อนถามภรรยาเสียงห้วนจัด แต่สายตากลับตวัดไปมองยังเหมือนฝันและอิงจันทร์ “สร้างเรื่องสร้างราวกันไว้ตั้งขนาดนี้ จะไม่ให้ดุเลยได้เหรอ”

    “พ่อก็ดุไปแล้วนี่คะ” เหมือนฝันหน้าง้ำ คิดว่าเธอไม่มีเวลาจะมานั่งฟังพ่อดุรอบที่สองหรอก ตอนนี้เธอต้องจัดการกับภัยคุกคามที่อันใหญ่หลวงที่ชื่อว่ายุทธนา เพราะเหมือนฝันว่ามันไม่มีทางยอมรามือไปจากมาสฟ้าง่ายๆเหมือนคราวที่แล้วแน่ “ตอนนี้ขอฝันคุยกับพี่ฟ้าก่อน...”

    “นั่งลงเถอะฝัน” มาสฟ้าออกคำสั่ง ขณะเงยหน้าต้องเหมือนฝันด้วยสายตาเย็นชาที่แม้จะไม่พอใจที่แค่ไหนเหมือน-ฝันก็ไม่กล้าขัดคำสั่งพี่สาว ทำแค่นั่งลงร่วมโต๊ะกับพ่อและแม่อย่างว่าง่าย โดยไม่ลืมดึงอิงจันทร์มานั่งร่วมวงด้วยอีกคน พอดีกับมาสฟ้าพูดขึ้นมา “ป้าพริ้มกับคุณลุงคงใกล้มาถึงแล้ว ทานกันไปก่อนเลยค่ะ ฟ้าจะออกไปรับแขก”

    พูดแล้วมาสฟ้าก็หมุนตัวออกจาไปจากห้องอาหาร เมื่อแผ่นหลังของหญิงสาวเดินพ้นธรณีประตูไป คนในห้องก็ได้ยินเสียงล้อรถบดกรวดเข้ามาภายในอาณาเขตบ้านอย่างพอดิบพอดี ราวกับว่ามาสฟ้ารู้ล่วงหน้าว่าแขกจะมาถึงตอนไหน ซึ่งคนเดียวที่แปลกใจจนตาโตเห็นจะมีแต่อิงจันทร์ เพราะคนอื่นๆซึ่งเป็นครอบครัวของมาสฟ้านั้นคุ้นชินกับเหตุการณ์ทำนองนี้แล้ว พวกเขาเพียงลงมือทานอาหารเช้าตรงหน้า รอให้มาสฟ้านำแขกที่เป็นเพื่อนของครอบครัวเข้ามาในบ้าน

     

     

    55555 หายหัวไปเสียนาน ตอนนี้ศรีกลับมาแล้วค่ะ ทุกคนอย่าเพิ่งตื่นตกใจไปนะคะ ยังไงก็อยู่กันไปยาวเช่นเคย // เย็นศรี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×