ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพศาสตรา ออนไลน์(online)

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่๗ กลับสู่โลกความจริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 32
      0
      29 เม.ย. 57

    ตอนที่๗ กลับสู่โลกความจริง

     

      อัสนีลืมตาขึ้นมาก็พบกับเพดานห้องสีขาวสะอาดตา เขาถอดแว่นแล้วเดินไปเข้า

     

    ห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ก่อนที่จะมาต้มบะหมี่ถ้วยโตซึ่งใช้เวลาแค่สามนาทีก็กันได้

     

    เขาใช้เวลากินอีกสองนาทก่อนที่จะมองนาฬิกาที่ข้างฝาห้องซึ่งตอนนี้เวลาประมาณ

     

    ๒๐.๐๐ เขาจึงเดินไปที่เตียงเพื่อนอนพักผ่อนสมอง

     

         เช้าวันรุ่งขึ้น

     

      อัสนีลุกออกจากเตียงด้วยความอิดโรยเพราะทั้งคืนเขาได้แต่คิดเรื่องเกมส์ตลอดจน

     

    ทำให้เขาแทบไม่ได้นอนเลย

     

    เขาเข้าห้องน้ำแล้วมาต้มบะหมี่ถ้วยใหญ่ของเขา

     

    “กริ๊ง ๆๆๆ”เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น

    “อัสนีพูดสายครับ”

     

    “สวัสดี เรานภานะ”

     

    “ครับๆ ว่าแต่มีอะไรหรอครับโทรมาแต่เช้าเลย”

     

    “คือว่าเมื่อคืนนี้พวกเราได้นัดกันไปทานข้าวกันก็เลยอย่ากชวนนายไปด้วย”

     

    “แล้วกินกันร้านไหนครับ”

     

    “ร้ายเฮียโต้อาหารขั้นเทพ แถวๆพารากอน”

    “แล้วกินกี่โมงครับ”

     

    “ประมาณเที่ยงๆ มาได้หรือเปล่าคะ”

     

    “ได้แน่นอนครับแล้วเจอกันครับ”

     

    “แล้วเจอกันคะ”

     

     พอวางสายจากนภาไปอัสนีก็มองนาฬิกาที่อยู่บนหัวนอนซึ่งตอนนี้ก็ประมาณแปด

     

    โมงเช้าซึ่งเขามีเวลาอีกสี่ชั่วโมงในการไปถึงจุดนัดหมาย

     

      อัสนีเป็นคนสระแก้วแต่โดยกำเนิดเขาเรียจบชั้นม.๓เขาก็ต้องออกมาหางานทำ

     

    เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีจึงไม่สามารถส่งเขาเรียนต่อได้ เขามาหางานทำใน

     

    กรุงเทพโดยเช่าบ้านอยู่แถบชานเมือด้านนนทบุรี เขามีกระบะคันหนึ่งซึ่งเป็นรถที่เขา

     

    เก็บเงินซื้อมาเพื่อจะทำงานได้สะดวก เขาทำงานมาหลายอย่างเช่น ช่างยนต์ เด็กใน

     

    ร้านอาหาร เด็กล้างรถ และเด็กส่งของ เขาเป็นคนที่ขยันมากแต่ความขยันของเขาต้อง

     

    ทำให้เขาต้องตกงานเพราะบริษัทที่เขาทำงานอยู่เกิดปัญหาล้มละลาย เขาจึงต้องเชิญ

     

    พนักงานออกเพื่อลงรายจ่ายของบริษัทซึ่งอัสนีก็รวมอยู่ในนั้นด้วย

     

     

     เขาขับรถกระบะกันโปรดของเขาเข้าไปในตัวเมืองกรุงเทพเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

     

    ด้วยความชำนานเส้นทางเขาใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็มาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

     

      ร้านเฮียโต้อาหารขั้นเทพเป็นร้านอาหารขนาดกลางมีโต๊ะประมาณยี่สิบโต๊ะซึ่งตอนนี้

     

    แทบจะเต็มแล้ว ภายในร้านตกแต่งอย่างดูดี สวยงาม ร่มรื่น เย็นสบาย สะอาด ได้

     

    มาตรฐานIso9001 ได้มาตรฐาน มอก. อย. อบต.อปภร. อสม. อัสนีเดินเข้าไปในร้าน

     

    “สวัสดีครับเชิญด้านในเลยครับ”เจ้าของร้านกล่าว

     

    อัสนีเดินเข้าไปนั่งโต๊ะที่ยังว่างอยู่

     

    “ทานอะไรดีครับ”

     

    “เอาน้ำอัดลมกับน้ำแข็งมากก่อนครับ เดี๋ยวรอเพื่อนแป๊บเดียวครับ”

     

    “ได้ครับรอสักครู่ครับ”

     

    สักพักเจ้าของร้านก็เอาของมาให้ อัสนีนั่งจิบน้ำอัดลมเย็นๆได้สักพักก็มีคนเดินมาทัก

     

    “ขอโทษนะคะ ใช่อัสนีหรือเปล่าคะ”ผู้หญิงคนหนึ่งถามเขาขณะที่เขากำลังนั่งคิดอะไร

     

    เพลินๆอยู่

     

    “ใช่ๆๆๆครับ”อัสนีตอบ

     

    “เรานภานะ”พูดแล้วก็นั่งลง

     

    “นายสั่งอะไรทานยัง”ผู้หญิงอีกคนถาม

     

    “ยังเลย”เขาตอบ

     

    “เฮีย...ข้าวสิบ น้ำหก ต้มยำกุ้ง ผัดกระเพาะหมูป่า ปลาดุกฟู ปลาช่อนลุยสวน และหมู

    นึ่งมะนาว”ผู้หญิงคนนั้นสั่งอาหาร

     

    ทั้งหมดใช้เวลาในการจัดการอาหารตรงหน้าเพียงแป๊บเดียวก็เหลือแต่จานเปล่า

     

    “นี่อัสนีทำไมนายถึงใช้หน้าจริงเล่นเลยล่ะ”นภาถาม

     

    “มันเปลี่ยนได้ด้วยหรอ”อัสนีทำท่างง

     

    “ก็เปลี่ยนได้นิดหน่อย เช่น คิว ตา จมูก แล้วก็โครงหน้า”เธอตอบ

     

    อัสนีสังเกตคนที่มากับนภาส่วนใหญ่จะไม่เหมือนในเกมส์

     

    เพลิงปกติจะเป็นคนที่คอยออกคำสั่งต่างๆคอยว่าแผนต่างๆมีความเป็นผู้นำสูงแต่

     

    กลับเป็นคนที่เงียบๆไม่ค่อยพูดค่อยจากับใครออกแนวมีโลกส่วนตัวสูง

     

    อัสนีก็เป็นคนที่ขี้เล่นมากมักพูดแบบน้ำไหลไฟดับพูดแบบไม่หยุดถ้าไม่มีคนห้ามล่ะก็

     

    พูดจนลิงหลับได้เลยทีเดียวเชียว

     

    นภาก็เป็นคนที่ดูเรียบร้อยอารมณ์ดี ชอบพูดชอบจาแต่ก็ดูเป็นไฮโซมาก ซึ่งดูจากการ

     

    แต่งตัวแล้วก็บอกได้เลยว่าต้องนั่งแท่นในตำแหน่งผู้บริหารชัวร์

     

    ส่วนแม่สาวจันทราที่ปกติดูเป็นคนเงียบๆกลับกลายเป็นคนที่ออกแนวโหดๆชอบ

     

    แต่งตัวแนวร็อกแนวนักเลงเสียมากกว่า

     

    และธาราที่ปกติเป็นคนที่ไม่ยอมใครกลับเป็นคนดูขี้เล่น พูดจาสนุก เป็นกันเอง  ซึ่งทุก

     

    คนต่างจากเกมส์จนอัสนีคิดว่าถ้าออกมานอกเกมส์ก็คงทักกันไม่ถูก

     

    “นี่ทุกคนได้เวลาทำงานแล้วไปทำงานกันดีกว่า”อัคนีพูดหลังจากที่ดูนาฬิกาข้อมือ

     

    “อืม..ไปกันดีกว่า”ทุกคนตอบก่อนที่จะพากันไปทำงานซึ่งที่ทำงานของทุกคนอยู่ข้างๆ

     

    ร้านนี่เอง ซึ่งเป็นตึกสูงยี่สิบกว่าชั้น อัสนีไม่รู้ว่าจะไปไหนดีในเวลาสองวันครึ่งที่เหลือ

     

    เขาจึงคิดที่จะกลับบ้านที่สระแก้วเพื่อที่จะไปหาแม่กับน้องสาวอันเป็นที่รัก อัสนีใช้

    เวลาขับรถเพียงสองชั่วโมงเท่านั้นเองก็มาถึงบ้านที่เขาได้จากไป

     

      บ้านของอัสนีเป็นบ้านไม้สองชั้นขนาดใหญ่พอสมควรตั้งอยู่บนที่ดินกว่าสองไร่ซึ่ง

     

    แบ่งปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินและขายบางโอกาส  อาชีพหลักของที่นี่ก็คือการทำนาซึ่ง

     

    มีทั้งนาปังและนาปีเพราะมีความอุดมสมบรูณ์ทุกด้านและช่วงนี้ก็เป็นช่วงทำมาใหม่

     

     

    “สงสัยแม่จะไปทำนา”พูดแล้วก็เดินลงจากรถมาก็เห็นหมาที่ตัวเองเลี้ยงไว้

     

    “เป็นไงเองอ้วนขึ้นตั้งเยอะ”พูดแล้วก็เล่นกับหมา

     

    “อ้าว..พี่นีมาได้ยังไงคะ”เด็กสาวเดินลงมาจากบนบ้านเห็นอัสนีเล่นกับหมาจึงทักขึ้น

     

    “ก็บอกว่าให้เรียกว่าอัสนีไม่ใช่นีเฉยๆ”เขาดุน้องของเขาเพราะเขาไม่ชอบให้เรียกแบบ

     

    นี้เพราะมันเป็นชื่อของผู้หญิงไม่ใช่ชื่อของผู้ชาย

     

    “ยุเอ๊ย...ใครมาหรือเอง”เสียงดังมาจากบนบ้าน

     

    “พี่นีเขามาจะแม่”น้องสาวอัสนีตอบกลับไป

     

    “เออ เรียกมันขึ้นมาก่อน”

     

    “พี่นีขึ้นบ้านกันเถอะแม่เรียกแล้ว”พูดจบก็ลากอัสนีขึ้นบ้าน

     

      น้องสาวของอัสนีชื่อวายุ(ยุ) เป็นเด็กน่ารักอายุสิบสามขวบ สูง๑๕๐เซนติเมตร

     

    ผิวพรรณขาวอมชมพู ตาคม ผมยาว และที่สำคัญมีลักยิ้มที่ดึงดูดใจ เรียกได้ว่าเป็นคน

     

    ที่สวยที่สุดในตำบลเลยที่เดียวเชียว

     

    “แม่หวัดดีครับ”พูดแล้วก็ก้มลงกราบ

     

    “เอ้อ  เองมีธุระอะไรหรือเปล่าถึงได้มาที่นี่”แม่ถามแล้วก็ลูบหัวอัสนี

     

    “เปล่าจะแม่ ฉันก็แค่มีเวลาว่างก็เลยว่าจะพาแม่กับน้องไปเที่ยวกันน่ะ”อัสนีตอบ

     

    “พี่นี หนูอยากไปเทียวทะเล หนูอยากเห็นทะเล”น้องสาวเขาอ้อน

     

    “ได้สิ งั้นพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวทะเลกัน”

     

    “ไอ้นีเอ๊ยเองได้งานทำยัง”

     

    “ตอนนี้ฉันหารายได้จากการเล่นเกมส์ออนไลน์จะแม่”

     

    “อืม ถ้าเองลำบากมากก็ไม่ต้องส่งเงินมาให้แม่หรอกแม่ไม่ได้ใช้อะไรหรอก”

     

    “ไม่ได้หรอกฉันอยากให้แม่กับน้องสบาย”

     

    “เองรู้รึเปล่าว่าเงินที่เองส่งมาให้แม่ทุกเดือนๆแม่ไมเคยใช้มันเละสักบาทเดียว”

     

    “ใช่จะตอนนี้แม่มีเงินฝากกว่าสี่แสนห้าหมื่นกว่าบาท”

     

    “แล้วแม่เก็บเงินไว้ทำไมจ๊ะ”

     

    “ก็ว่าจะเอาไว้ส่งน้องเองเรียนน่ะ”

     

    “นี่ยุแม่เขาส่งเองเรียนน่ะตั้งใจเรียนเข้านะ”

     

    “จ้าพี่นี”

     

    “ก็บอกว่าให้เรียกอัสนี”

     

    “ก็พี่อยากเกิดมาเป็นผู้ชายทำไมล่ะ”

     

    “คนเรามันเลือกเกิดกันไม่ได้หรอกนะ แต่คนเราเลือกที่จะโตได้เข้าใจไหม”

     

    “เข้าใจจ้าพี่นี”

     

    “นี่ๆไปอาบนำได้แล้วเจ้ายุทำงานมามีแต่กลิ่นตัวยังจะมาเล่นอยู่อีก”

     

    “จ้าแม่ฝากไว้ก่อนนะเดี๋ยวมา”

     

    “เร็วๆนะเด็กน้อย พี่รออยู่”

     

    “เองนี่ยังจะไปแกล้งมันอีก มาๆช่วยแม่ทำกับข้าวนี่”

     

    “จ้าแม่ ว่าแต่แม่ทำอะไรกิน”

     

    “แกงส้มดอกแค เร็วๆเอาดอกแคไปล้าง”

     

    อัสนีช่วยแม่ทำกับข้าวกว่าสองชั่วโมงเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำก่อนที่จะมานั่งกินข้าวกัน

     

    อัสนีอยู่ด้วยกันกับแม่และน้องเพราะว่าพ่อของเขาหนีไปแต่งงานใหม่กันคนที่มีฐานะ

     

    ดีกว่าแม่ของอัสนีตั้งแต่เขาอายุได้สิบขวบ หลังจากนั้นมาเขาก็พยายามทำทุกอย่าง

     

    เพื่อให้มีฐานะมากกว่าที่เคยเป็นมา  ทั้งสามคนนั่งกินข้าวไปคุยกันไปจนกินอิ่มอัสนีก็

     

    อาสาล้างถ้วยล้างจานเองเพราะไม่ได้ทำมานานแล้ว  หลังจากนั้นก็พากันไปนอน

     

    “นี่ยุทำไมห้องพี่ถึงเป็นอย่างนี้”

     

     

    “ก็พี่ไม่อยู่หนูก็มาอยู่แทนห้องจะได้ไม่รก”

     

    “แต่พี่ว่านี่มันรกกว่ารังหนูอีกนะ แถมแบ้วจนพี่ไม่กล้านอนอีก”

     

    “เอาน่าแค่คืนเดียวเอง”

     

    “อืม..ฝันดีนะน้องพี่”

     

    “ค่ะ”

     

    อัสนีปล่อยเรื่องทุกอย่างก่อนที่จะหลับตาลงเพื่อจะพักผ่อนร่างกายเพื่อจะเดินทางใน

     

    วันพรุ่งนี้ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง

     

             เช้าวันรุ้งขึ้น

     

      อัสนีตื่นนอนด้วยหน้าตาที่เบิกบานเพราะได้นอนเต็มอิ่มไม่มีเรื่องใดมารบกวน แล้ว

     

     

    เขาก็ทำธุระส่วนตัวก่อนที่จะลงไปรอน้องกับแม่ที่ด้านล่าง วันนี้เขารู้สึกว่าเขาได้โตไป

     

    อีกขั้นหนึ่งแล้ว สักวันเขาจะทำตามความฝันของเขาให้ได้

     

    “ไปกันเถอะจะได้มีเวลาเล่นน้ำเยอะๆ”

     

    “พี่นีขับรถดีๆนะ”

     

    “ไว้ใจได้ ไม่ตายก็พิการ”

     

    อัสนีใช้เวลาในการขับรถไปเพียงสามชั่วโมงก็พากันมาถึงบางแสนทะเลที่สวยที่สุดเขา

     

    พาน้องกับแม่ลงเล่นน้ำทะเลจนเย็นก็พากันไปหาที่พักก่อนออกมากินข้าว

     

    “พรุ่งนี้เรามีเวลาอยู่ที่นี้แค่ครึ่งวันนะ”อัสนีบอกหลังจากกินข้าวอิ่ม

     

    “รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาย้ำ”

     

    “ดีงั้นกินข้าวอิ่มแล้วไปนอนกัน”อัสนีบอก

     

    พอกินข้าวอิ่มหมดก็พากันกลับมานอนอย่างสบายใจ พอเช้าก็พากันเล่นน้ำจนเที่ยงก็

     

    พากันเก็บของกลับบ้านอัสนีขับรถกลับเพียงสองชั่วโมงครึ่งก่อนที่จะกลับเข้ากรุงเทพ

     

    เพื่อยอมรับความจริงเพราะเขาต้องมาเจอกับอาการรถติดที่เขาคุ้นเคยดี พอถึงห้องก็

     

    หลับเป็นตายเพราะเตรียมร่างกายสำหรับเล่นเกมส์ต่อเมื่อมีการเปิดให้เข้า

     

     

    อัสนีจะได้กลับเขาไปเล่นเกมส์อีกครั้งแล้วจะเป็นอย่างไรน้า

     

    ปล.ก็ไม่อยากจะเกรียนเท่าไหร่แต่ใจมันเรียกร้องเตรียมพบกับความเกรียนของอัสนีได้

     

    -อยากบอกพี่น้องว่าเริ่มตันแล้ว

     

    -ใครก็ได้เอาคอมมาปาหัวข้าพจ้อยที(รู้สึกผิดอย่างแรงที่ลงช้า)

    -เตรียมตัวไว้อ่านเรื่องใหม่ด้วยนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×