ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรฟราชีล เจ้าชายพ่อมดจอมขี้เกียจ

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ V พรมลิขิตหรือเวรกรรมที่ดลให้เราพบกัน(10%)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 53


    โค๊ด กรอบทอง moon of sky
    บาร์เขียว moon of

    sky


     

     

     

    บทที่ V พรมลิขิตหรือเวรกรรมที่ดลให้เราพบกัน

     

     

     

     

     

     

     

    หนังตาข้างขวาของคนกำลังวิ่งหนีไปตามถนนคนเดินจู่ๆก็กระตุกยิก จนผู้ที่ใครๆเห็นเป็นเด็กหนุ่มผมฟ้าต้องชะลอฝีเท้าลงแล้วพยายามเอานิ้วคลึงหนังตาตนเบาๆให้มันเลิกกระตุกซะที

     

    ก็หนีมาไกลจากเจ้าชายเฮงซวยมาแล้วนี่ยังจะซวยอะไรอีก เจอหน้ามันที่ไรข้าต้องซวยทุกทีรึไงนะ ให้ตาย

     

    “วีเนสย่าพี่ว่าเรากลับไปขอโทษสองคนนั่นดีกว่านะ”

     

    เสียงรบกวนทำให้เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าครึ้มที่กำลังหงุดหงิดอยู่นึกอยากส่งตาเขียวใส่คนพูดนัก แต่เพราะคนคนนั้นอยู่ในร่างตนเลยไม่อาจมองเห็น แถมถ้าคนอื่นเห็นคุณชายหน้าหวานเถียงกับคนที่คนอื่นก็มองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงด้วยคงคิดว่าเธอเครียดเรื่องหนี้จัดจนเป็นบ้าไปแล้วแน่

     

    คนขี้วีนที่ไม่อยากเป็นจุดสนใจจึงจำต้องลดเสียงกัดฟันโต้ไปเบาๆ“ทำไมข้าต้องขอโทษไอ้พวกคนที่วางแผนแกล้งให้ข้าต้องเกือบติดคุกด้วย”

     

    “ก็เจ้าชายนั่นน่ะเป็นคนมาช่วยใช้หนี้ให้เรา”คนที่แกล้งหลับมาตลอดบอกให้คนได้ยินคนเดียวขมวดคิ้วแน่น

     

    “เจ้านั่นมาช่วยใช้หนี้ให้ข้าเนี้ยนะ พูดเป็นเล่น”

     

     “อืม เจ้าสองคนนั้นเห็นเรากำลังแย่เลยขี่ม้าขาวมาช่วย แล้วเจ้างั้งนั่นยังดูเป็นห่วงเรามากด้วยจับมือเราไม่ปล่อยเลย”

     

    วีเนสย่าเริ่มนึกถึงตอนก่อนเธอหมดสติออก ตอนนั้นพวกเจ้าชายนั่นเข้ามาช่วยเธอที่กำลังโดยจับ แล้วก็อย่างที่ท่านพี่บอก หมอนั่นทำเหมือนเป็นห่วงเป็นใยเธอจริงๆ   ถึงตอนนั้นจะเมาไม่รู้เรื่อง แต่เธอก็รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆที่กุมมือของเธอไว้ตลอดทำให้รู้สึกว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว  

     

    หรือเพราะอคติจะทำให้เธอมองพวกเขาแต่ในแง่ร้ายเกินไปจริงๆ

     

    สายลมเอือยๆพัดผ่านร่างบางให้รู้สึกหนาวเหน็บไปถึงหัวใจ

     

    “ท่านพี่ไม่น่าบอกข้าเลย”เสียงแข็งนั่นแผ่วลงจนแทบหายไปกับลม“ข้าเลยเป็นคนไม่รู้คุณคนได้ไม่สนิทใจ”

      

    ราวกับคนเอ่ยจะรู้สึกผิดมากคนเป็นพี่เลยต้องรีบปลอบ“ก็ยังไม่สายนี่ หากเรากลับไปขอโทษเขาซะ”

     

    “แต่ข้าทำเขาเจ็บตัวแล้วยังว่าเขาสารพัดอีก เขาคงไม่ให้อภัยข้าง่ายๆหรอก”

     

    “ถ้าน้องสาวพี่รู้จักหัดทำตัวน่ารักๆให้สมเป็นผู้หญิง ใครเขาจะโกธรน้องรักของพี่ลง”

     

    “พี่เฮโลวิสข้าเครียดอยู่นะ”คนเครียดกุมขมับ คิดผิดจริงๆที่คิดหวังพึ่งคนที่พึงได้แต่เรื่องมีเรื่องแต่เรื่องละเอียดอ่อนพึ่งไม่เคยได้เลย

     

    “แต่ถ้าเราไม่รีบโดดตอนนี้จะเครียดกว่านะ”

    “เอ๋ะ?”แม้จะงงแต่ก็รีบกระโดดสูงตามที่ท่านพี่ชี้แนะเพราะบทเรียนที่ผ่านมาสอนให้เธอรู้จักเชื่อแฝดพี่ที่ดูเหมือนเชื่อถือไม่ได้ให้มากๆ

     

    สายเวทสีเขียวพุ่งเฉียดรองเท้าเธอไปเพียงนิดเดียว ทันทีที่มันพลาดไปที่พื้นแทน ดินจำนวนหนึ่งก็พุดขึ้นมาจากพื้นอิฐสูงระดับเข่าซึ่งถ้าเมื่อกี้เธอไม่หลบก็คงขยับเท้าไม่ได้อีกแน่

     

    ทันทีที่เท้าบางแตะพื้นอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาสีท้องฟ้าก็ตวัดไปยังเจ้าของเวทแสบที่กำลังตบมือพลางเอ่ยชมเธอด้วยท่าทีน่าหมั่นไส้ที่สุด

     

    “เก่งกว่าที่คิดไว้แฮะ สัญชาตญาณดีรู้จักหลบเวทข้าได้ด้วย แถมยังฝีเท้าดีเยี่ยม ไปเรียนวิชาตัวเบาจากซุนเซียนมาเหรอ”

     

    “ตามข้ามาทำไมฮะไอ้เกย์หัวเขียว!”คุณชายปากร้ายชี้หน้าถามด้วยความหงุดหงิดที่โดนรุกรานจนชาวเมืองที่เดินผ่านไปมากันอยู่นั้นต่างหยุดมองคุณชายสำอางกับท่านชายผู้ถูกกล่าวหา

     

     ร่างสูงบนหลังม้าไหวตัวน้อยๆแต่ก็ยังคงเก็บอาการกอดอกเก๊กหล่อพูดยั่วโมโหต่อได้

     

    “ก็มาจับคุณชายตกอับไปใช้หนี้อ่ะสิ หรือให้ข้าพาเจ้ากลับไปลงโทษที่ทำร้ายคนของข้าแล้วยังหนีการจับกุมอีกดี”นัยน์สีมรกตแพวระริกมือขวาคลายจากกอดอกแล้วกวักมือเรียกคนกำลังเลือดขึ้นหน้า“อย่าขัดขืนเลยเดินมามอบตัวซะดีๆ มามะๆ เจ้านายของข้าจะได้ไม่รอนาน”

     

    ความสำนึกผิดชั่วครู่หายไปทันทีเมื่อสรุปได้ว่าทั้งหมดที่ผ่านมามันเป็นเพียงการแสดงละครทำดีหวังผลเพื่อหลอกลวงให้คนที่เชื่อกลายเป็นคนโง่ไม่รู้อะไรเลยแต่แรกแล้ว

     

    มือบางกำแน่นจนสั่น ก่อนความโมโหจะทำให้ลืมตัวประกาศลั่น“เรื่องอะไรข้าต้องไปใช้หนี้บุญคุณจอมปลอมให้เจ้านายพันฐ์นั้นของเจ้าด้วย ไม่มีวัน!

     

    แต่แทนที่อีกฝ่ายจะสลดจนไม่กล้ายุ่งกับคนอาฆาตแรงกลับหัวเราะชวนฉงน

     

    “เจ้าขัดขืนสินะ”

     

    เพราะเจ้าตัวถามด้วยรอยยิ้มใสซื่อแต่ดูไม่น่าไว้ใจที่สุดรองจากพี่เฮโลวิสทำให้คนกำลังโมโหจนขาดสติต้องรีบตั้งสติกลับมาเพ่งอยู่กับคนตรงหน้า“ถ้าข้าขัดขืนแล้วเจ้าจะทำไม”

     

    วีเนสย่ากระโดดหลบพลังเวทสีเขียวที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วทันที เวทที่พลาดไปให้ผลเหมือนเดิมคือมีดินพุดขึ้นมาตรึงร่างของผู้โดนโดยไม่ได้ทำร้าย แต่หากโดนเข้าไปก็ไม่รู้จะโดนอะไรอีกต่อจากนั้น   คนเป็นเป้าเวทแสบมองเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตที่กำลังสนุกอย่างแค้นจับใจ

     

    ... บ้าจริง ร่ายเวทเร็วราวกับไม่ได้ร่าย ไม่รู้เวทนั้นจะพุ่งมาอีกเมื่อไหร่ แต่ต่อให้เข้าไปสู้แบบประชิดตัวก็ไม่รู้ฝ่ายนั้นจะมีอะไรแผลงๆเตรียมไว้อีกรึเปล่า ...

     

    มือหนาควงคทาหยกฝั่งมรกตเล่นแล้วชี้ไปยังร่างที่คนแถวนั้นพร้อมใจกันรีบถอยไปดูโชว์อยู่ห่างๆด้วยไม่อยากโดนลูกหลง

     

    “ก็หลบให้ได้ตลอดแล้วกัน”

     

    แสงสีเขียงพุ่งออกจากหัวคทาอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มผมฟ้าที่ใครๆเห็นโดดหลบไปข้างหลัง พื้นอิฐมีดินพุดขึ้นมา เวทเดิมพุ่งใส่เป้าหมายทันทีที่เท้าแตะพื้น ขาพรีวตีหลังกาหลบไปด้านข้าง พื้นอิฐมีดินพุดขึ้นมา เวทเดิมปล่อยสามครั้งติดพุ่งไปข้างเป้าหมาย มือบางดีดตัวเองขึ้นหมุนตัวเป็นวงล้อหลบ พื้นอิฐมีดินพุดขึ้นมาอีกสามแห่งติดกัน วงล้อมนุษย์หยุดหมุนพักเวียนหัว เวทซ้ำพุ่งไปที่พื้น คนไม่ทันหายวินเวียนดีโดดสูงหนี ดินพุดขึ้น พลังเวทสีเขียวที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมพุ่งตรงไปยังร่างที่อยู่กลางอากาศ ร่างเพรียวทำสะพานโค้งกลางอากาศหลบ เวทสีเขียวเฉียดหน้าท้องไปโดนร้านค้าด้านหลัง ร้านค้ามีดินทะลักออกมา เจ้าของร้านออกมาด่า ไควูฟัสยิ้มอารมณ์ดีแล้วปล่อยเวทไปอีกสิบสายรวด คนโดนพลังเวทไล่ล่ารีบตั้งหน้าวิ่ง ท่านจอมยุทธ์กระโดดหลบไปด้านข้าง เท้าเหยียบขึ้นไปบนกำแพงแล้วเท้าจิงจกก็วิ่งขึ้นไปถึงบนดาดฟ้าแล้วหลบมุม เด็กหนุ่มผมเขียวผิวปากชม ดินมากมายพุดขึ้นตามพื้นอิฐ ร้านค้า คนที่โดนลูกหลง ต้นไม้ บริเวณนั้นเละด้วยดินเต็มไปหมด

     

    “หลบเก่งอย่างกับลิงลมเลยแฮะ”คนทำบ้านเมืองสกปรกเอ่ยอย่างขำๆพลางมองหาคนแอบที่คงนั่งหอบอยู่หลังระเบียบดาดฟ้า

     

    “ให้ตายสิ กัดไม่ปล่อยจริงๆ”วีเนสย่าบ่นพรางพยายามกลับมาหายใจปกติเพราะทุกอย่างมันเร็วรวดมาก

     

    เธอเร็วเรื่องการหลบหลีกก็จริง แต่เจ้านั้นมันเร็วในการร่ายเวท

    เธอหนีได้ก็จริง แต่เธอก็เหนื่อยเป็น พลาดทีได้เรื่อง แต่เจ้าหัวเขียวนั่งสนุกกับเกมยิงเป้าบนหลังม้าโดยที่พลาดก็ยิงเวทเท่าไหร่ก็ได้ไม่รู้จักเหนื่อย

     

    “ซัดพายุลงไปเลยวีเนสย่าแล้วก็ใช้จังหวะนั้นหนี”

     

    คิ้วตรงขมวดแน่น“จะดีเหรอพี่เฮโลวิสข้าควบคุมพลังเวทไม่เก่งเดียวมันจะออกเป็นไซโคลนน่ะสิ”

     

    “ไม่ต้องห่วงหรอกถ้าเป็นอย่างงั้นจริงเดี๋ยวเจ้าหัวเขียวก็จัดการให้เองแหละ”

     

    คนเป็นน้องลังเลคำแนะนำของพี่อยู่พักนึง   แต่เสียงเรียกจากคนข้างล่างก็ทำให้เธอตัดสินใจได้ในที่สุด

     

    “นี่ ถ้าเจ้าไม่ลงมาข้าจะขึ้นไปจับล่ะนะ”คนจะจับให้ได้ตะโกนบอกแล้วกระโดดลงจากหลังม้า  

     

    แม้ปากจะขู่ไปงั้นแต่เขาก็ไม่มีวรยุทธ์สูงส่งขนาดเหยียบกำแพงวิ่งขึ้นบนดาดฟ้าตึกสามชั้นได้อย่างคุณชายตัวเบาหรอก แต่เจ้าขี้โมโหนั่นมันยั่วยุง่าย ไม่เชื่อก็คอยดู เดี๋ยวมันต้องยอมโผล่ออกมาจากมุมอับแล้วทำอะไรสักอย่างเพื่อตอบโต้เขาคืนบ้างแน่

     

    นั่นไงใบหน้าหวานสวยเหมือนผู้หญิงที่ทำให้เขาอยากพิสูจน์นักว่าเป็นหญิงหรือชายกันแน่โผล่หัวออกมาจากที่ซ่อน แล้วส่งยิ้มหวานงามราวรอยยิ้มเทพธิดาให้เขาต้องขมวดคิ้วคิดหนัก

     

    มือบางดึงกระบี่ออกมาจากกลางอากาศอันว่างเปล่า คมกระบี่เรียวสวยที่มีที่กั้นเป็นปีกนกผงาดความสวยของมัน ถ้าเขาตาไม่ฟาดเขาว่าเจ้าปีกนกสีฟ้านั้นกำลังกระพือเร็วขึ้นเร็วขึ้น

     

    สายลมหนาวที่เคยพัดอย่างสงบพัดแรงขึ้นจนตั้งเค้าพายุเบื้องหน้าเด็กหนุ่ม มันหมุนวนอย่างรุนแรงและมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งยังดูดกลืนสิ่งต่างๆเข้าไปหามัน   พ่อค้าต่างหนีตายไม่นึกตามเข้าไปเก็บของซื้อของขายที่ลอยละลิ่วรอบพายุ พวกที่ยังมีสติดีหน่อยก็ช่วยกันพาเด็กๆไปหาที่หลบ บางคนตัวเบาจังก็ถูกดูดเข้าไปลอยตาลายในนั้น

     

    “เจ้าขี้เต๊ะช่วยหยุดมันทีนะข้าคุมมันไม่ได้แล้ว ขอให้ไม่รอดนะไอ้หัวหญ้า”

     

    เจ้าคนสร้างพายุขนาดยักษ์บอกพรางโบกมือให้ด้วยรอยยิ้มน่าฟัสแล้วรีบกระโดดข้ามหลังคาชาวบ้านหนีหายไปอย่างรวดเร็วราวนินจา  

     

    ดูท่าเกมนี้เขาคงแพ้ตามจับหงส์ติดปีกอินทรีไม่ทันเพราะต้องวุ่นสร้างกำแพงดินต้านพายุยักษ์นี้อีกนานกว่ามันจะมีขนาดเล็กลงได้ 

     

    แรงลมพายุบางส่วนเล็ดออกจากรอยร้าวบนปราการธรณีไปได้ ลมแรงๆนั่นอาจจะไปสร้างความเสียหายให้กับคนที่มันพัดผ่านได้จนน่าห่วงว่าใครคนนั้นจะซวยไงบ้าง   มือหนาแตะพื้นแล้วดึงอาวุธคู่กายขึ้นมาใช้พลังจากปฐพีพิโรธดึงดินขึ้นไปอุดรอยร้าว ควบคุมกำแพงดินที่รอบพายุให้ตีวงแคบลง แต่พายุดื้อก็ไม่ยอมสงบลงง่ายๆ กำแพงดินระเบิดกระจาย หอกหยกควงบัดเศษดินที่จะโดนตัว แล้วปักลงพื้นสร้างปราการธรณีขึ้นมาใหม่อีกสามชั้นด้วยรอยยิ้มพอใจ

     

    ถ้าได้เล่นเกมคาบนกจอมดื้อรั้งไปใส่กรงทองให้เจ้าเหมียวจอมขี้เกียจอีกคงมันส์พะย่ะค่ะ

     

     

     

    eg

     

     

     

    ทางองค์รักษ์จอมกวนตอนนี้อาจจะกำลังมัวลัลล้ากับการสยบพายุบ้าคลั่งอย่างที่ใครบางคนด่าไว้ แต่ตอนนี้ทางใครบางคนกำลังซวยครั้งใหญ่โดยไม่รู้ตัว

     

    “เป็นเด็กก็เล่นกันตามประสาเด็กไปสิ ไม่ใช่มาจับกลุ่มนินทาคนอื่นแบบนี้”คนในชุดดำปกปิดแทบทุกส่วนกำลังตวาดใส่เจ้าของคอเสื้อในมือที่เผอิญผ่านไปได้ยินพวกเจ้าตัวนินทา“ข้าจะเป็นเจ้าชายพีเยอะไรนั้นหรือเป็นเจ้าชายพ่อมดจอมขี้เกียจ แล้วมันไปหนักหัวใครตรงไหนมิทราบ  แล้วก็จงจำไว้ด้วยนะ ชื่อของข้าคือ เร-ฟรา-ชีล ไม่ใช่ เล-ปลา-ชีส!

     

    น่าโมโหซะมัด ชาวเรเฟโอไนท์นี่มันน่ารื้อทิ้งทุกความเชื่องมงายไปจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องที่ถือผู้หญิงเป็นตัวกาลกิณีบ้านเมือง เรื่องที่ถือว่าผู้ชนะเท่านั้นคือผู้ที่ถูกต้อง และโดยเฉพาะเรื่องของเขา ใช่ถึงนั้นมันจะเป็นความจริงว่าเขาขี้เกียจ ซกมกสกปรก งี่เง่าขนาดนั้นแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรเอามาพูดกันจนแม้แต่เด็กยังว่าเขาได้แบบนี้

     

    ไม่ทันที่เขาจะสอนเจ้าเด็กอวดดีว่าเรื่องบางมันก็ไม่สมควรเอามาพูดล้อพูดเล่นกับเพื่อน จู่ๆก็เกิดปรากฏการทางธรรมชาติแปลกๆขึ้น ลมที่เคยพัดเอื่อยๆหายไปเสียเฉยๆ ลางสังหอนเรียกให้นัยน์ตาสีทองมนหันไปมองยังทิศๆเดียวกับที่ชาวเมืองหันไปมอง และยังเป็นทิศๆเดียวกับที่พวกคนปล่อยให้เขารอจนมีเรื่องไป

     

    ลมพายุบางส่วนที่ใครบางคนไม่อาจห้ามไว้ได้พัดผ่านมาสร้างความวินาศสันตะโรตามทางที่มันผ่านอย่างที่คนคนนั้นนึกห่วงไว้ไม่มีผิด

     

                ผ้าคลุมปลิวหาย พอพายุจาง ความลับของเจ้าชายหนุ่มในร่างเด็กสาวผมทองก็แตก

     

                เรฟราชีลหันมองสายตาที่แสนชื่นชมเขาของพวกชาวเมืองอัศวินทมิฬ ในใจนึกด่าทอไอ้คนที่น่าจะสร้างพายุเจ้าปัญหาไปต่างๆนานา แล้วก็ต้องรีบวิ่งหนีฝูงชนแบบไม่ต้องคิดถ่อมตัวเมื่อประชาชนที่แสนจะน่ารักกล่าวคำสรรเสริญเจ้าชายรัชทายาทแห่งเรเฟโอไนท์ของพวกเขาว่าตัวกาลิกิณี!

     

     

     

    eg

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×