ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✪fic; Wonderland {twice} Fantasians !

    ลำดับตอนที่ #7 : *๐๕,, {White Fantasian เชปเตอร์ . ซีโร่ วัน}

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 53



    colors grace.

    ไวท์ วันเดอร์แลนด์. แฟนตาเชี่ยน สตอรี่

    เชปเตอร์ ; ซีโร่ วัน *

    When do you feel sad and lonely.

    Close your eyes and think of light,

    white wonderland is located in front of you!

     

     

     

     

                    ข้าทำได้แค่เพียงมองชายที่รักอย่างสุดหัวใจอยู่ห่างๆ

                    แต่ถ้าวันนึงชายที่ข้ารักคนนั้นหายไป...ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้มั้ยนะ

     

                   

    เจ้าชายหนุ่มแห่งเมืองเจว์ลูน ที่เพรียบพร้อมไปทั้งหน้าตาและความสามารถ กำลังยืนพิงอยู่ที่ริมขอบหน้าต่าง นัยน์ตาคมคายจับจองไปที่สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่มือขวาของตัวเองส่วนอีกมือก็ยกขึ้นบังแดดจ้าที่ส่องมาทางทะเลกว้าง ลมเย็นๆปะทะเข้าที่ใบหน้า แม้จะมีแดดแรงมากเพียงไร แต่เมืองที่เป็นเกาะอย่างเจว์ลูนนั้นก็มีลมธรรมชาติที่พัดมาจากทะเลอยู่เป็นประจำ ทำให้สภาพอาการของที่นี่ไม่ร้อนอบอ้าวเท่าไหร่นัก

     

                    ‘นกน้อยตัวนี้มันบินมาข้าทุกวันเลยแฮะริมฝีปากหยักได้รูปกำลังเอ่ยปากพูดออกมา ในห้องของพระองค์ช่างเงียบสงัด จะมีก็แต่เสียงเล็กๆของนกที่ร้องออกมาทำลายความเงียบสงบในห้องนี้ได้

     

                    ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าอยากบอกอะไรข้า...ฮ่ะๆ ก็ข้าฟังภาษานกไม่เป็นนี่เจ้าชายหนุ่มหัวเราะออกมาเล็กน้อย มือซ้ายของพระองค์ยกขึ้นมาลูบหัวเจ้านกน้อยอย่างเอ็นดู

     

                    ข้าเบื่อชีวิตในพระราชวังยิ่งนัก ท่านพ่อไม่ยอมให้ข้าออกทะเลเพราะกลัวภยันตราย พระองค์คงลืมไปว่าข้าโตและสามารถดูแลตัวเองได้เจ้าชายยิ้มเศร้าสร้อยก่อนจะเอ่ยต่อ ฮ่ะๆ ข้าไม่มีมิตรสหายมากเท่าไหร่นักหรอกนะ ได้เจ้านี่แหละเป็นที่รับฟัง มันคงจะดีไม่น้อยถ้าข้ามีสตรีสักคนมาคอยรับฟังข้าแบบเจ้า... นกน้อย

     

                    เจ้าชายยิ้มเศร้าสร้อยก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้สักอย่างดี นกน้อยตัวเล็กยังคงเกาะที่ขอบหน้าต่าง ดวงตาของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆจากป่าจ้องมองไปยังเจ้าชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่เพียงลำพัง มันไม่อาจจะพูดอะไรเพื่อเป็นการปลอบใจเจ้าชายได้แม้แต่นิด เพราะเจ้าชายไม่สามารถรับรู้ภาษาของวิหกที่แสนจะต้อยตำเฉกเช่นมันได้เลย

     

                    แต่...ณ เวลานี้ เจ้านกน้อยตัวเล็กรู้แล้วว่าตัวเองจะต้องทำยังไงเพื่อเจ้าชาย

    หนุ่ม คาฟก้า เค. ยูเฟอร์นิอัส!

                   

     

     

    ชายป่ากว้างซึ่งกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณของอณาจักลิเวียน ตัดผ่านสามอณาจักรใหญ่มาจนถึงสุดปลายของรอยต่อเมืองท่าขนาดใหญ่อย่างอณาจักรทรอนซ์กับอณาจักรเลวาลัวร์ นอกจากการเข้าไปหาทรัพยากรอันล้ำค่าในป่าแล้ว ชาวทวีปฝั่งพื้นดินต่างลงความเห็นเอกฉันท์ว่าป่ากว้างแห่งนี้ไม่ควรค่าแก่การนำชีวิตเข้าไปเสี่ยง เพราะมีทั้งสัตว์ร้าย ภูติ ไม่เว้นแม้แต่โจรป่าอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้อย่างลึกลับ หากมนุษย์ตนใดเหยียบย่างกรายเข้าไปในป่าอย่างไม่ระมัดระวังล่ะก็...

                    คงได้กลายเป็นศพไม่มีญาติเน่าสลายอยู่ในป่านั่นแหละ

     

                    แต่ถึงจะมีการกล่าวขวัญอย่างนั้นแล้ว ก็ยังมีผู้คนหรือไม่ก็นักเดินทางเข้าไปเสาะแสวงหาทรัพยากรในป่าแห่งนี้เป็นประจำ เพราะนอกจากป่าลึกที่เป็นรอยต่อระหว่างอณาจักรครอมต์กับไอเซนเบิร์กแล้ว ไม่มีอะไรที่เกินกว่าความสามารถของมนุษย์ที่เปี่ยมไปด้วยความทะเยอะทะยานอยู่เต็มหัวใจ หากแต่ป่าลึกที่อยู่ไกลถึงรอยต่อนั่น ยังไม่มีใครไปถึงและรอดกลับมาได้สักที

     

                    ผู้ที่ได้เชยชมความงามของป่าลึกที่ไม่ถูกมนุษย์ย่ำยีจะมีก็แต่ภูติหรือสัตว์บางชนิดที่อาศัยอยู่ในป่าลึกแห่งนี้ อยู่อย่างมีความสุข หรือไม่ก็รอคอยความหวังว่าสักวันจะมีมนุษย์ผู้กล้าเข้ามาทำให้ป่าแห่งนี้ไม่ต้องเงียบต่อและกลายเป็นสิ่งต้องห้าม

                หรือถ้าไม่...มนุษย์คนนั้นก็ต้องจบชีวิตลงเหมือนคนก่อนๆอยู่ดี

               

     

                   

    ดันเต้ แมคเคอร์ดี้! หยุดบินเดี๋ยวนี้ เจ้ากำลังทำให้ข้าหมดความอดทนนะ!” เสียงทุ้มแผดเสียงก้องไปทั่วป่าลึกแห่งเมืองลิเวียน นกน้อยตัวเล็กสีเหลืองสดใสกำลังบินวนอยู่รอบๆตัวของภูติแมวหนุ่มจอมทะเล้นที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทวีปทริเปียนก้า

     

    เจ้ามีไม่สิทธิ์มาสั่งข้านะ อาร์ลซาสนกน้อยตัวเล็กเอ่ยเสียงแหลมและบินขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้ หรือเจ้าอยากให้ข้าฟ้องท่านอัลฟี่ว่าเจ้าเป็นคนหักกิ่งไม้เล่นจนบรรดาสัตว์เดือดร้อนไปทั้งป่า

     

    ภูติแมวหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเพราะเจ้านกเอ่ยถึงชื่อพี่สาวคนเดียวที่เขานั้นทั้งกลัวแสนกลัว ถ้าจะไป สิ่งเดียวที่อาร์ลซาส ซินเทรย์จะกลัว ก็เห็นจะมีแต่ภูมิแมวสาวที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวแท้ๆของเขาละมั้ง

     

    แล้วนี่เจ้าจะไปไหน ท้องฟ้ายามราตรีมืดออกซะขนาดนี้ ระวังโดนเจ้าฟูคัสโตทำร้ายเอาล่ะ อาร์ลซาสเอ่ยเตือนอย่างหวังดี ทำให้นกน้อยตัวเล็กถึงกับหวั่นเกรงเมื่อนึกถึงภูติหนุ่มที่แสนจะร้ายกาจและน่ากลัวตนนั้น

     

    ฟะ...ฟูคัสโตแล้วยังไงล่ะ! ข้าน่ะเคยบินไปถึงเมืองเจว์ลูนมาแล้วนะ!!!” นกน้อยแผดเสียงเล็กๆของตน

     

    คิดว่าถ้าจะเชื่องั้นหรือดันเต้ เมืองเจว์ลูนเป็นเมืองที่อยู่กลางมหาสมุทร ถ้าจะบินจากที่นี่ไปถึงเมืองนั่นก็กินเวลาหลายเลยทีเดียวอาร์ลซาสเอ่ยเสียงเรียบ ถ้าเจ้าจะไปถึงที่นั่น ดีไม่ดีอาจตายได้นะ

    อย่ามาดูถูกข้านะ อาร์ลซาส!!!!!!” นกน้อยแผดเสียงแหลมของตัวเองดังไปทั่วป่า ก่อนที่จะบินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีสีทะมึนของยามราตรี

     

    ก็ได้...ถ้าเจ้าดูถูกข้าอย่างนั้น นกน้อยตัวนี้จะทำในสิ่งที่เจ้าไม่คิดมาก่อนให้ดู!!

     

     

     

     

     

    กล่าวถึงมหาสมุทรเงียบสงบที่โดนแบ่งแยกออกมาจากมหาสมุทรคิริเวนอย่างเห็นได้ชัด ผืนน้ำกว้างใหญ่นั้นสงบนิ่งไม่มีคลื่นลมอย่างน่าอัศจรรย์ มหาสมุทรเวิ้งว้างไร้ซึ่งปรากฏการณ์ธรรมชาติใดๆแห่งนี้ถูกผู้คนกล่าวขนานนามว่าวิริเซียส ผู้คนมากมายนิยมมาหาความเพลิดเพลินใส่ตัวเองโดยการกระโดดลงแช่น้ำในมหาสมุทรแห่งนี้ ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว มหาสมุทรวิริเซียสคือทะเลธรรมดาทั่วไปที่ใครก็ตามจะกระโดดลงไปเล่นก็ได้

     

    แต่ข้อเท็จจริงนั้นอาจไม่ตรงตามความคิดของมนุษย์เสมอไป...

     

    ไกลจากชายฝั่งของพื้นดินที่แสนจะมั่นคงไปถึงใจกลางมหาสมุทรที่ยากจะหยั่งถึง ที่อยู่อาศัยของอิสตรีที่ไม่มีขาแต่มีเพียงหางดังเช่นมัจฉา พวกนางอาศัยกันอยู่อย่างเป็นกลุ่มก้อน หากแต่ชุมนุมที่น่าพิศวงในใจกลางมหาสมุทรนั้นมีประชากรเหลืออยู่ไม่มากนัก บ้างก็เล่นซุกซนจนต้องไปเป็นอาหารให้สัตว์ร้ายแห่งมหาสมุทรคิริเวน บ้างก็โดนหลุมดำแสนลึกลับดูดหายไป ธรรมชาติของมหาสมุทรแห่งนี้ช่างน่าพิศวงยิ่งนัก!

     

    เสียงเพลงที่ดังขับกล่อมชาวประมงที่ออกเรือมาหาในฝั่งน้ำลึกดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปเพราะไซเรนสาวแสนสวยกำลังขับกล่อมมันออกมาจากหัวใจเลยทีเดียว เสียงเพลงที่แสนยั่วยวนของนางดังจนไปเข้าหูของนางเงือกสาวนามเอโอวี่ คันนิ่งแฮม เงือกสาวแสนสวยเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตกับเรือนผมสีดำขลับโดดเด่นแตกต่างจากนางเงือกทั่วไป

     

    เอาอีกแล้วสินะ คีสแตล่าเอโอวี่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเบือนหน้าหนี นางไม่อยากเห็นการกระทำที่ชวนอาเจียนของไซเรนสาวที่นางรู้จักและรู้จักนางดี

     

    โธ่เอ้ย เอโอวี่ผู้แสนโง่เขลาคีสแตนล้าโบกมือเป็นเชิงให้เจ้าชายหนุ่มหยุดป้อนสาหร่ายสีเขียวให้กับเธอก่อนจะพูดต่อ เจ้าเป็นนางเงือกที่มีใบหน้าสวยหมดจด แถมเสียงเจ้าก็ใสดั่งแก้วที่บริสุทธิ์ เพียงแค่เจ้าเอ่ยปากมาว่าอยากจะเป็นข้า.... นางทิ้งเสียงและปรายตาไปมองที่นางเงือกสาว ข้าก็ยินดีเป็นอาจารย์ให้เจ้า

     

                    คนที่เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับเรืออันแข็งแกร่งของพวกมนุษย์ไม่ใช่หรือ ที่จะเป็นผู้โง่เขลาสิ้นเสียงของเอโอวี่ ไซเรนสาวถึงกับหันมามองตาขวางอย่างไม่พอใจ ข้าไม่เห็นว่าการเอาตัวไปเสี่ยงเพื่อความบันเทิงที่แสนไร้สาระนั่นจะทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้นตรงไหนเลย

    เจ้าลืมไปแล้วหรอว่ากำลังพูดจาเยี่ยงนี้ต่อหน้าใคร!?” คีสแตล่าตวาดเสียงลั่น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นางเงือกสาวรู้สึกหวาดเกรงเลยแม้แต่น้อย

     

    ข้าไม่มีวันเกรงใจไซเรนที่ทำตัวน่าสมเพชเยี่ยงเจ้า!!”

     

    เอโอวี่ คันนิ่งแฮม!!!!!!!!!!!”

     

    คีสแตล่าแผดเสียงดังลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว ดวงตาสีเขียวใสคู่สวยจ้องมองนางเงือกสาวตรงหน้าด้วยความแค้นจัด นางยกมือขึ้นมากั้นกลางระหว่างตัวเองและคู่กรณีเอาไว้ก่อนที่จะดีดนิ้วเรียว เอโอวี่มองภาพของไซเรนสาวตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก แต่ความปั่นป่วนของท้องทะเลก็ทำให้นางรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้!

     

    ครืน...

     

    ทันใดนั้นก็เกิดคลื่นลูกยักษ์ขึ้นที่ใจกลางมหาสมุทร คลื่นยักษ์ใหญ่ขนาดไม่ต่ำกว่าสามสิบเมตรก็ถาโถมเข้ามาที่ตัวนาง นางเงือกสาวยิ้มเหยียดก่อนจะเอ่ยปากตอบโต้

     

    เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร ว่าตัวข้านั้นก็เป็นนางเงือก คลื่นลูกยักษ์แบบนี้ทำอะไรข้าไม่หรอกสิ้นคำพูดของนางเงือกสาว คีสแตล่าก็หัวเราะเสียงดังก่อนจะจรดนิ้วเรียวยาวไปทางชายฝั่งซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเล็กๆ

     

    ข้าไม่ได้อยากเล่นงานเจ้า....หมู่บ้านนั่นต่างหากคือเป้าหมายของข้า! มาดูกันสิว่าเงือกสาวแสนดีอย่างเจ้าจะช่วยเหลือพวกมนุษย์แสนโง่เขลาในหมู่บ้านนั้นได้ยังไงไซเรนสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงชัยชนะ รอยยิ้มแพรวพราวปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยหมดจดก่อนที่นางจะฮัมเพลงซึ่งเปี่ยมไปด้วยความสุขอีก ชายหนุ่มรอบตัวหยิบสาหร่ายของโปรดมาป้อนพร้อมปรนนิบัติไม่ขาด เอโอวี่เบือนหน้าหนีก่อนจะมองไปยังคลื่นลูกยักษ์ที่ถึงแม้จะลดขนาดลงบ้างแล้ว แต่ทว่ามันยังใหญ่พอที่จะทำลายหมู่บ้านริมฝั่งนั่นได้แบบไม่เหลือซาก

     

    นางเงือกสาวว่ายน้ำด้วยความเร็วจนยากที่ใครจะจับตัวได้ไปถึงที่ชายฝั่ง คลื่นลูกใหญ่ที่ลดขนาดลงแล้วแต่ก็ยังคงทวีความรุนแรงได้พัดเข้าไปที่บ้านชาวประมงที่เป็นเพิงเล็กๆ เมื่อคลื่นขนาดใหญ่นั่นกระแทกเข้ากับเพิงไม้ที่ไม่แข็งแรง บ้านทั้งหลังก็พังทลายมาอย่างง่ายดาย เอโอวี่ทำได้เพียงแต่หลบอยู่หลังโขดหินด้วยหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในอก ชาวประมงที่ยังดูหนุ่มแน่นคนหนึ่งพยายามวิ่งหนีคลื่นที่กำลังม้วนตัวไปหาเขา เสียงกรีดร้องของคนในหมู่บ้านทำให้นาเงือกสาวเผลอกัดริมฝีปากสีชมพูอ่อนของตัวเองด้วยความรู้สึกประหลาด เพียงไม่นานนัก ร่างของชาวประมงหนุ่มก็โดนคลื่นดูดกลื่นลงไปเรื่อยๆ ราวกับว่าน้ำทะเลกำลังฉุดขาของชายคนนั้นให้ลงไปในทะเลที่ลึกสุดจะหยั่งถึง ร่างของเขาจมลงไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังระงมไม่หยุดหย่อน

     

    เอโอวี่ถอนหายใจยาวแล้วปรายตามองผ่านหลังโขดหินไปยังพวกมนุษย์ที่นางไม่เคยแม้แต่จะนึกถึง มนุษย์พวกนี้สินะที่ทำให้มหาสมุทรอันเป็นเหมือนกับที่อยู่อาศัยของนาง ไม่ใช่เรื่องที่สมควรเลยแม้แต่นิดถ้านางเงือกสาวจะต้องเข้าไปช่วยพวกมนุษย์เห็นแก่ตัวพวกนี้

     

    ใช่...ไม่สมควรเลย

     

    เดม่อน!!!!!” สตรีนางหนึ่งที่ดูมีอายุวิ่งมาหยุดอยู่ริมหาด ชายหนุ่มหลายพยายามกันไม่ให้เธอวิ่งลงไปในน้ำ นางเงือกสาวถึงกับชะงักเมื่อเห็นน้ำตาที่เอ่อท้วมท้นไปทั่วใบหน้าของหญิงสาวชาวบ้านที่ดูสูงวัยนั่น

     

    ทำไมกัน! ทั้งๆที่เดม่อนลูกชายหน้าไม่เคยก่อความเดือดร้อนให้ใครเลย ทำให้ทะเลต้องพรากเขาไปจากข้าด้วย ทำไม!!!!!!” หญิงสาวกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งราวกับคนเสียสติ ก่อนที่จะทรุดลงนั่งลงบนพื้นทราย เสียงสะอื้นของนางดังลั่นไปทั่วชายหาด นางเงือกสาวเบือนหน้าหนีจากภาพที่น่าเวทนาก่อนจะกำมือแน่น สมองของนางตีรวนไปหมด

     

    ทำไมกันนะ....หัวใจของเข้าถึงได้คับพองในอกอย่างนี้

    ข้าไม่อยากให้ใครต้องมาสังเวยชีวิตแด่มหาสมุทรเพราะอารมณ์ที่แสนจะเกรี้ยวกราดของคีสแตล่า...หรือว่านั่นจะเป็นการสมควรแล้วที่พวกมนุษย์จะต้องเสียใจเพราะการกระทำที่พวกเขาเคยทำ

    หรือคิดอีกที....ทำแบบนี้ข้าก็คือคนเห็นแก่ตัวเหมือนกันสินะ

     

    เสียงน้ำกระจายเหมือนมีสิ่งมีชีวิตกำลังกระโจนลงน้ำ ชาวบ้านริมหาดทำเพียงแค่ชะโงกหน้ามองความเปลี่ยนแปลงหลังโขดหินนั่น... นางเงือกสาวได้ว่ายน้ำจากไปโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นแม้แต่ปลายผม แต่นางไม่สามารถกลับไปที่อาศัยของนางยังใจกลางมหาสมุทรได้

     

    ถ้าไม่ได้ช่วยเขาคนนั้น...!

     

     

     

     

     

    ในป่าลึกแห่งเดิมของเมืองลิเวียน ความมืดยามรัตติกาลเข้าปกคลุมในส่วนลึกของป่าจนแทบมิด หากนักเดินทางที่แสนจะโง่เขลาได้หลงเข้าไปในสถานที่แห่งนี้แล้วล่ะก็ เขาคนนั้นอาจจะขาดใจตายเพราะอาการมองมือตัวเองไม่เห็นและเดินชนต้นไม้ไปทั่วเป็นแน่แท้

     

    มีเพียงเสียงเล็กๆของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาทั้งสองดังขึ้นทำลายความเงียบสงัดของยามวิกาลเช่นนี้ หากมองทะลุเข้าไปในโพรงไม้ใหญ่ในป่าแล้วสังเกตบนกิ่งไม้ที่แสนจะสูงชันสักหน่อย ร่างของสตรีเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป หากแต่นางมีหูกับหางและท่าทางการเคลื่อนไหวไม่ต่างจากสัตว์มีขนสี่เท้าเยี่ยงแมวก็เท่านั้น ท้องฟ้าในบริเวณนี้อาจดูสว่างจ้าขึ้นมาเล็กน้อย เพราะสตรีอีกนางที่รูปร่างหน้าตาสวยหมดจด ผิวขาวนวลดุจดั่งแสนจันทร์กำลั่งนั่งอยู่บนก้อนเมฆสีขาว
    เหมือนปุยนุ่ย นางทั้งสองกำลังเจรจากันอย่างออกอรรถรส



                            

    เจ้าที่ช่างมีอารมณ์ขันยิ่งนัก ไม่เสียแรงที่ข้าอุตส่าห์ลงทุนแอบพี่ชายมานั่งสนทนายามวิกาลกับเจ้าสตรีที่อยู่บนก้อนเมฆป้องปากหัวเราะอย่างชอบใจ ส่งผลให้ภูติแมวสาวที่นั่งห้อยขาอยู่บนกิ่งไม้ฉีกยิ้มแพรวพราว

     

    พี่ชายของเจ้าเป็นถึงเทพสุริยา ไยถึงไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่าน้องสาวคนเดียวที่เป็นเทพแห่งจันทราแอบหนีมาสนทนากับภูติแมวที่แสนต้อยต่ำเยี่งข้าเล่านางกดปลายเสียงให้ต่ำลงเหมือนต้องการจะหยั่งเชิง แต่ในใจรู้ดีอยู่แล้วว่าเทพจันทราไอร์คาลิส พาแอชเชอร์ นางนี้ไม่มีวันหวั่นไหวกับเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นเป็นแน่แท้

     

    ถึงพี่ข้ารู้ เจ้าคิดหรือว่าข้าจะยอมปล่อยให้เขามาทำอะไรข้าไอร์คาลิสหัวเราะชอบใจอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ ข้าต้องการเพียงแค่เพื่อนคุยสักคน

     

    ภูติแมวสาวยิ้มกว้างอีกครั้ง นางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะปีนขึ้นไปนั่งยังกิ่งไม้ที่อยู่สูงขึ้นไป ถ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคงทำแบบนางไม่ได้ อย่าว่าแต่ปีนขึ้นมาสูงเกือบถึงเมฆเลย...แค่ขึ้นมาเหนือพื้นดินไม่ต่ำกว่าสามเมตรก็น่าจะขาสั่นไม่กล้าปีนต่อแล้วก็เป็นได้

     

    ข้ายินดีเป็นเพื่อนคุยให้เจ้า แต่ขอบอกไว้ก่อน...ภูติแมวสาวกดหางเสียลงต่ำอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเทพจันทราที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆ ข้าคือภูติแมวอัลเฟย์ ซินเทรย์ ผู้ไม่เคยก้มหัวให้ใครไม่เว้นแต่เจ้ามนุษย์หมาป่ากระหายเลือดท ข้าเกรงว่าอาจจะไม่สามารถยกย่องเจ้าอย่างสมฐานะได้หรอก

     

    เทพจันทราเจ้าของใบหน้าสวยหมดจดอดทึ่งไปกับกริยาของภูติแมวตนนี้ไม่ได้ นางยิ้มให้กับตัวเองอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ

     

    ข้าไม่อยากได้เพื่อนที่ยกย่องข้า แต่ข้าอยากให้เพื่อนที่รับฟังและมองข้าเป็นเพื่อนเหมือนกับเ เพราะฉะนั้นเจ้าเรียกว่าข้าว่าไอลิสดีกว่า ชื่อนี้มีแต่พี่ชายของข้าเท่านั้นที่จะเรียกไอร์คาลิสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

     

    งั้นเจ้าเรียกว่าอัลฟี่แล้วกันอัลเฟย์เอ่ยก่อนจะยื่นมือของนางไปยังสตรีที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆ มือของสตรีสองนางประสานกันเป็นเวลาเพียงสั้น ก่อนที่เสียงปริศนาจะดังขึ้นทำลายความสงบ

     

    ฮ่าๆๆ~ เจ้าเห็นเหมือนที่ข้าเห็นหรือเปล่าฟูคัสโต ภูติแมวของพวกเรากำลังผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ที่เป็นถึงเทพจันทราเชียวนะภูติสาวที่มีใบหน้าสวยงามไม่แพ้ภูติหรือมนุษย์หน้าไหนเดินออกมาจากความมืด ก่อนที่ภูติเงาที่ความร้ายกาจนั้นไม่เป็นรองใครจะเดินตามออกมา

     

    ข้าไม่คิดมาก่อนว่าภูติในป่าแห่งนี้อยากจะผูกมิตรกับเทพที่มาจากท้องฟ้าเบื้องบนภูติฟูคัสโตยิ้มเหยียด ช่างหน้าขันเสียนี่กระไร

    จบประโยคของฟูคัสโต เขากับภูติสาวเกรเทลก็แผดเสียงหัวเราะที่ฟังดูน่าขนลุก ภูติแมวอัลเฟย์ฉีกยิ้มเย็นชืดก่อนจะกระโดดลงจากต้นไม้มายืนประจันหน้ากับภูติสองตนอย่างเอาเรื่อง

     

    พวกเจ้า....!” นางถลึงตามองไปยังคู่กรณีที่ฉีกยิ้มอย่างเคลือบแคลงมาให้ ก่อนที่มือเรียวกับกรงเล็บยาวและแข็งแกร่งจะยื่นไปที่หน้าของภูติทั้งสอง

     

    ข้าเดาว่าพวกเจ้าของไม่อยากมีเรื่องกับข้าในยามวิกาลเยี่ยงนี้หรอก โดยเฉพาะ...นางเว้นช่วงก่อนจะปรายตามองไปยังก้อนเมฆที่มีเทพจันทราไอคาลิสนั่งอยู่บนนั้น เวลาที่เทพจันทราอยู่ฝั่งเดียวกับข้าแล้วด้วยอย่างนี้น่ะ!”

     

    กรงเล็บแข็งของนางตวัดไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของภูติเงาฟูคัสโต โลหิตสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผลเป็นทางยาวที่แก้มด้านขวา ทำเอาเจ้าตัวเม้มปากสีซีดเข้าหากันอย่างแสดงควาไม่พอใจสุดขีด ภูติสาวเกรเทลเดินตรงเข้ามาหาอัลเฟย์อย่างหมายจะเอาเรื่อง แต่ก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นก่อนที่สายฟ้าขนาดย่อมจะผ่าเปรี้ยงเข้าที่พื้นดินตรงหน้านาง

     

    ฮึ่ม!!” เกรเทลกำมือแน่นก่อนจะหันไปมองฟูคัสโตที่มีสภาพโกรธไม่แพ้กัน ความสามารถควบคุมสภาพอากาศในเวลากลางคืนแบบนี้ ไม่แปลกนักหรอกที่ไอร์คาลิสจะสามารถใช้มันได้ ก็นางเป็นถึงเทพจันทรานี่!

     

    พวกเจ้าจะหนี...งั้นหรอ?” อัลเฟย์พูดจาหยั่งเชิงเหมือนต้องการจะยั่วโมโห จนภูติทั้งสองถึงกับกัดฟันกรอดอย่างไม่พอใจ เสียงหัวเราะอย่างสะใจดังมาจากบนก้อนเมฆ นั่นยิ่งทำให้คู่กรณีทั้งสองทวีความโกรธเคืองยิ่งขึ้นไปอีก แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ทำอะไร ก็มีชายปริศนาเดินแหวกความมืดและตรงเข้ามาในวงล้อมแห่งการวิวาท เขาฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรแต่แฝงไปด้วยปริศนาก่อนจะเหลือบมองขึ้นไปบนก้อนเมฆและคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง

     

    เจ้าเป็นใคร!?” อัลเฟย์มองหน้าชายหนุ่มปริศนาด้วยความฉงน ชายหนุ่มเอามือเสยผมก่อนจะปรายตามองมายังภูติแมวสาวอย่างจะต้องการยั่วโมโห ริมฝีปากหยักได้รูปขยับขึ้นลงเปล่งคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอวดดี

     

    ข้าคือแบรนด์ เฮฟเว่น…..!!”

     

     

     





    จบอย่างมึนงงสงสัยกับไวท์ตอนแรก . ที่ตูนบอกว่าจะออกมาสี่คนนั้นไม่น่าไหวแล้วค่ะ
    เพราะว่าคนแต่งมึนกับนิยายตัวเองมาก เป็นแฟนตาซีเรื่องแรกที่แต่งอย่างจริงจัง
    แถมยังต้องแต่งถึงเจ็ดหน้า TOT ถ้าสำนวนภาษามันแปร่งไปก็ขอโทษด้วยนะคะ
    แทบไม่มีฉากหวือหวาฮือฮาอะไรเลย ไวท์มันก็เงี้ยแหละ (คนแต่งมันป๊อดเอง! T_T)
    แนวการแต่งของตูนอาจจะไม่เหมือนพี่ยู . แต่ก็ดีใจนะที่แต่งจนจบมาได้ตอนนึง
    สัญญาว่าจะไม่ให้ดาร์กแซงหน้าและจะเอาพระเอกมาปู้ยี่ปู้ยำบ้าง 5555555
    สาวปริศนาของคนที่ออกมาในย่อหน้าสุดท้าย คือตัวละครสุดพิเศษ
    ที่ตูนกับพี่ยูคิดกันขึ้นมาเองแหละค่ะ !! ตัวละครที่อยู่ในโปสเตอร์หลักยังไงล่ะ ><
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×