คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ผนึกที่ 6 : ข้อแลกเปลี่ยน
ผนึกที่ 6 : ข้อแลกเปลี่ยน
กลิ่นของจัสมินไม่เคยจางหายจากรอบกาย
แต่ในค่ำคืนนั้น
เจ้าของกลิ่นหอมที่ชวนให้สุขใจนั่นได้เลือนหายไป
กึก….
ร่างที่กำลังหลบหนีชะงักเมื่อมาถึงปลายถนนริมน้ำที่ไร้ทางต่อ กายบางใต้ชุดราตรีสีนิลมองซ้ายมองขวาหาทางที่จะไปต่อ หากแต่ไม่พบอะไร เนลล่าที่กำลังวิ่งตามมายิ้มบางๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไร้ทางไปต่อ ร่างของหญิงสาวในชุดเดรสสีรัตติกาลหันมามองเนลล่าที่วิ่งตามมาครู่หนึ่ง ริมฝีปากแดงสดคลี่ยิ้มบางราวสมเพชเหนื่อยหน่าย ก่อนจะกระโดดลงน้ำไป
เนลล่าเบิกตากว้างมองตกใจ
นี่กล้าถึงกับกระโดดลงน้ำไปเลยหรือ!
...หากเสียงที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่เสียงตูมใหญ่ของวัตถุที่หล่นลงสู่น้ำ
จ๋อม..
ปลายรองเท้าสีแดงสดเท้าสัมผัสผิวบนของน้ำ กระโปรงฟูฟ่องลากยาวนั้นระเรื่อยบนผิววารีราวกับลากไล้ไปบนผืนดิน หญิงสาวก้าวเดินอย่างสง่างามโดยไม่ลืมหันมายิ้มเย้ยหยันให้เนลล่าที่ตามตนวิ่งมา ก่อนที่จะก้าวเดินต่อไปอย่างเชื่องช้าและใจเย็น ร่างของเด็กหนุ่มที่วิ่งตามมาหยุดลงเมื่อสุดถนนเดิน ดวงตาส่องประกายร้อนรน มองซ้ายมองขวาหาทางไป ริมฝีปากบางขบกัดแน่น ทำท่าจะก้าวลงไปในน้ำ แต่แล้วก็ถูกดึงแขนไว้ด้วยมือของชายหนุ่มร่างสูง ..เพื่อนร่วมทางของตน
โครม!
เนลล่าถูกดึงให้ล้มลงกับพื้นโดนแผ่นหลังพิงกับแผ่นอกของชายร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงิน ดวงตาที่คลอหน่วงด้วยหยาดน้ำตามองตามแผ่นหลังสีรัตติกาลไปด้วยความสับสนร้อนใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเตรียมต่อว่าผู้ที่ดึงไม่ให้ตนตามไป
โป๊ก!
...........
“โอ๊ยยยยย เจ็บ !!”ร้องเสียงดังแล้วกุมหัวตัวเอง ครางโหยหวนในลำคอ แล้วจึงเงยมองหน้าคมอีกครั้งด้วยแววตาที่ดีกว่าเดิม“ตีหัวผมทำไมครับ!”
“ใครใช้ให้เธอสะบัดมือฉัน ใครใช้ให้เธอวิ่งมาโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ใครใช้ให้เธอทำท่าเหมือนจะกระโดดลงไปในน้ำให้ฉันหัวใจวายเล่นๆ หา!!”
ตะโกนใส่แล้วตบหน้าของเด็กหนุ่มเบาๆ มือสั่นด้วยระงับอารมณ์ไม่ให้ทำอะไรที่รุนแรงไปมากกว่านี้ ก่อนจะหันร่างที่เพรียวกว่าตนให้มาประจันหน้ากัน มองอย่างผู้ใหญ่ที่กำลังจะดุเด็กๆ
“ฉันเคยบอกเธอตั้งแต่วันที่เราเริ่มออกเดินทางกันแล้วใช่ไหม? ว่าฉันจะไม่ปล่อยให้เธอไปไหนคนเดียว!”
ขอโทษนะที่ปล่อยทิ้งไว้..
จากนี้..จะไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว
เนลล่าเงยมองดวงตาจริงจังของอีกฝ่าย ก่อนจะก้มหน้าแล้วเอ่ยพึมพำขึ้นมา
“.................”
“ว่าไง?”
“ขอโทษครับ อิลเวส......”
“วันนี้เธอดูสับสนมากเลยนะรู้ไหม..นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
อิลเวสเอ่ยถาม มองเด็กหนุ่มร่างบางที่นั่งอยู่เบื้องหน้าตน เนลล่าเงยมอง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยดวงตาที่ยังสับสนอยู่
“ผม..เห็น.....เธอคนนั้นเดินออกมาจากที่เกิดเหตุโดยไม่มีทีท่าตกใจ..แล้วก็สงบนิ่งมาก นอกจากนั้น
...ผมได้กลิ่นของจัสมิน มาจากผู้หญิงคนนั้น...
ผมก็เลย......”
เสียงต่อมากลืนหายไปกับความเงียบ แต่เพียงเท่านั้นก็มากพอจะทำให้ชายร่างสูงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
“...เข้าใจแล้ว...”
บาดแผลทางใจ..ทั้งของเขาและของเด็กคนนี้..
อิลเวสถอนหายใจเฮือก ก่อนจะแบกเนลล่าขึ้นพาดกับไหล่ตัวเองท่ามกลางความงุนงงของคนที่จู่ๆก็โดนจับลอยขึ้นมา เนลล่าที่กำลังอึ้งดิ้นพล่าน โวยวายขึ้นอย่างตกใจ แล้วตะโกนใส่หูคนที่ยกตัวเองลอยขึ้นด้วยความโมโหหงุดหงิดใจ “ทำอะไรน่ะครับ!”
“ก็จะข้ามน้ำนี่ไปน่ะสิ ฉันเป็นผู้ควบคุมน้ำนะ”
“งั้นผมข้ามเองก็ได้ ไม่ต้องแบกหรอก”
“ไม่ละ ขี้เกียจรอ เวลาเธอเดินข้ามน้ำน่ะขาสั่นประจำไม่ใช่เรอะ” ว่าพลางกระโดดลงไปบนผิวน้ำแล้ววิ่งไปอย่างง่ายดาย รองเท้าที่สัมผัสผิวน้ำสะบัดเอาหยดน้ำให้กระจายแล้วร่วงหล่นสู่ผืนน้ำนิ่งเป็นเสียงอันแผ่วเบา พร้อมกับกระโดดขึ้นถนนไปโดยไม่ฟังคำโวยวายของเนลล่าว่าให้ปล่อยลงเสียที
“บอกมาว่ากลิ่นไปทางไหน”
“ฮึ่ย...ตรงไปครับ.........”เนลล่าที่เลิกจะโวยวายกล่าวขณะถูกจับพาดไหล่แล้ววิ่งไปตามถนนจนตาลาย บ่นพึมพำไม่พอใจหากก็เลิกที่จะดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์เสียที อิลเวสยิ้มอย่างพึงพอใจ ถึงปากจะบอกว่าขี้เกียจรอ แต่ใจจริงแล้ว...
..ก็แค่อยากแกล้งเจ้าเด็กนี่คืนบ้างก็เท่านั้น ข้อหาทำให้เป็นห่วงกับใจหายครั้งแล้วครั้งเล่า!
ตุบ..
ฝีเท้าหยุดลงเมื่อพบเข้ากับทางตัน ดวงตาของอิลเวสเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะปล่อยร่างของเนลล่าลงกับพื้น ดวงตาสองคู่มองซ้ายแลขวาหาร่างของหญิงสาวที่พวกตนวิ่งตามมา ชายหนุ่มร่างสูงมองไปรอบกาย ก่อนจะหันไปทางเด็กหนุ่มร่างบางที่กำลังมองไปรอบด้านอย่างงุนงง
“หายไปแล้ว?”เนลล่าพึมพำ..
“แน่ใจนะว่าเธอนำมาถูกทางน่ะ เนลล่า?”
“...ไม่รู้สิ แต่ผมได้ยินเสียงกระดิ่งดังมาทางนี้จริงๆ...ส่วนกลิ่นดูเหมือนจะจางไปแล้ว...”เนลล่ากล่าว ดวงตามองไปรอบด้านซึ่งรายล้อมด้วยตึกอิฐที่ก่อร่างสูงขึ้นโอบล้อมจากทุกทิศยกเว้นด้านที่เข้ามา ลักษณะเป็นช่องว่างแคบๆที่เกิดเป็นช่องว่างระหว่างบ้านคน ตึกนี้สูงราวสามสี่ชั้นเพราะฉะนั้น สตรีที่สวมชุดกระโปรงยาวกรอมพื้นแบบนั้นคงยากที่จะปีนได้โดยเร็ว แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น
..เธอคนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ...
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังกังวานขึ้นในความเงียบงัน
“เก่งนะที่ตามมาได้ถึงขนาดนี้ ขอชมเชยจริงๆ”
กริ๊ง..
เสียงหวานทรงเสน่ห์ดังขึ้นจากด้านบนพร้อมกับเสียงของกระดิ่งที่ดังกังวาน ดวงตาสองคู่พลันหันขวับขึ้นมองตามต้นเสียง ก่อนจะเจอร่างของหญิงสาวเจ้าของอาภรณ์สีรัตติกาลนั่งอย่างสง่างามอยู่บนหลังคาตึกสูงสีอิฐแดง มือเรียวสองข้างท้าวขอบอิฐเบ้องหลังพร้อมนั่งไขว่คว้าอย่างมั่นอกมั่นใจ ชุดกระโปรงสีรัตติกาลฟูฟ่องพลิ้วไสวตามแรงของสายลม.. อาภรณ์รุ่มร่ามจนรู้สึกร้อนแทน ร่างนั้นยิ้มลงมาให้ด้วยสีหน้าที่เดาไม่ออก..สุริยันสีแสดที่กำลังลาลับบอบฟ้านั้นสาดแสงจนร่างอาภรณ์สีดำยิ่งมืดมิดลงอย่างน่าเกรงขามและชวนหวาดหวั่น
“คุณ...”
“ชู่ว..อย่าใจร้อนสิ”แตะนิ้วสีขาวซีดที่ริมฝีปากแดงสดของตนเป็นสัญญาณให้เงียบ ก่อนจะหัวเราะกังวานแล้วลุกขึ้นยืน “จะลงไปแล้วล่ะ”
เอ่ยเสร็จก็กระชับร่มลูกไม้สีดำของตนพร้อมกางออก ก่อนจะกระโดดโรยตัวลงมาอย่างเชื่องช้าโดยมีร่มค่อยๆพยุงตัวให้ร่วงโรยอย่างงดงาม กระทั่งรองเท้านุ่มสัมผัสพื้นพร้อมเสียงกระดิ่งที่กังวานตามมา
..กลิ่นของดอกจัสมินหายไปแล้ว...
“ขออภัยด้วย ผู้พรากความตายทั้งสอง”ร่างของหญิงสาวที่โรยตัวลงมาเอ่ย พับเก็บร่มสีราตรีแล้ววางไว้ข้างกายราวอาวุธประจำตัว ใบหน้างามเงยขึ้นมองแขกผู้มีเกียรติทั้งสองคนที่ตนเชิญมา “เราต้องการพบพวกเจ้า แต่มีผู้ที่เราไม่ต้องการพบตามพวกเจ้าทั้งสองมา เราจึงจำเป็นต้องหนีโดยล่อให้ทั้งสองท่านตามเรามา ..เพื่อสลัดคนผู้นั้น”
“...สลัดใคร? แล้วทำไมถึงรู้ว่าเราเป็นผู้พรากความตาย”อิลเวสกล่าวถาม ระแวดระวังตัวด้วยรู้สึกถึงความไม่ธรรมดาจากหญิงสาวคนตรงหน้า
“....เราแค่ไม่อยากใครคนนั้นรู้ถึงสิ่งที่เราจะพูดกับเจ้าทั้งสองน่ะ ส่วนเรื่องที่ทำไมถึงรู้...มีคนผู้หนึ่งบอกเราเอาไว้...เกี่ยวกับผู้พรากความตายที่เฝ้าตามหาตำนานแห่งโบราณกาล..”หญิงสาวเลือกที่จะเลี่ยงคำถามแรกและตอบเพียงคำถามที่สอง
“งั้นจะช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมครับ ว่าเขาคนที่บอกคุณไว้นั้นเป็นใคร”เนลล่าเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม หากเนตรกลับมองเขม็งไม่ไว้ใจ หญิงสาวมองตอบกลับดวงตานั้นแล้วยิ้มเยือน ก่อนจะส่ายหัวไปมาแล้วหัวเราะแผ่วเบา“เราคงไม่อาจบอกเจ้าได้ในตอนนี้ เด็กน้อย”
เนลล่าชักสีหน้า ก่อนจะยิงคำถามต่อไป“งั้นขอถามอีกข้อนะครับ ทำไมคุณถึงมีกลิ่น.....ของ......ดอกจัสมิน...ติดตัว...”
ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของเรย์
หญิงสาวนิ่งเงียบ มองผู้พรากความตายตัวน้อย ก่อนจะว่าต่อไป
"เราไม่ได้มีกลิ่นนั้นติดตัวหรอกนะ แต่ทำเพื่อล่อให้พวกเจ้าตามมา.. ด้วยคำแนะนำกับบุรุษคนเดียวกันนี้ ชายผู้นั้นบอกว่า..เจ้ามีความหลังกับกลิ่นของดอกจัสมิน....หากว่าใช้มันล่ะก็ จะต้องล่อให้เจ้าตามมาโดยไร้เหตุผลได้แน่นอน”
ทั้งเนลล่าและอิลเวสสะดุ้งเฮือก มองใบหน้าของหญิงสาวที่บัดนี้ส่วนหนึ่งยังคงถูกซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าอันเบาบาง ประโยคท้ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสนุกสนานที่ราวกับจะเคยคุ้นในอดีตกาล ..เสียงที่ไม่ใช่ของหล่อน
เรื่องนั้น เป็นเรื่องที่รู้กันแค่พวกเขาสองคน..ในตอนนั้น..มีใครอีกที่รับรู้เรื่องนี้..
ไม่มีแล้วไม่ใช่หรือ..?
..หรือว่าคนที่ว่านั่น..!
"เขาชื่ออะไร..!!"เนลล่าเอ่ยถามร้อนรน ความหวังเหมือนจะผุดขึ้นมา และพลันดับลงด้วยคำพูดของหญิงสาว
"ชายคนนั้นไม่ได้เป็นคนที่เจ้าคิดถึง..บุรุษผู้นั้นเป็นเพียงผู้ที่แส่เรื่องคนอื่นเสียทั่ว...เพียงเท่านั้น"
“แล้ว..ต้องการอะไร”อิลเวสเอ่ยถามออกไปบ้าง ดวงตาหรี่มองด้วยแววตาที่ต้องการคำตอบ หญิงสาวผงกหัวราวกับจะบอกว่ามีเรื่องที่ต้องการให้ช่วย ก่อนจะดึงผ้าคลุมหน้าออก เผยสีผมและโครงใบหน้าให้ได้เห็นอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก
โครงใบหน้ารูปไข่นั้นถูกล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีขาวซีดโพลนดังหิมะที่เรียงตัวยาวตรงคลอเคลียไหล่อย่างอ่อนหวาน ผิวขาวซีดประดุจไข่มุกแห่งผืนทะเล ดวงตาสีรัตติกาลลึกล้ำคมกริบที่ราวกับจะมองทะลุถึงหัวใจของผู้คนได้ จมูกโด่งสวยรับกับใบหน้าโครงสวย ตบท้ายด้วยริมฝีปากแดงสดราวกับใช้โลหิตทาทับลงไป..
ความงามอันลึกล้ำที่ชวนให้หวาดหวั่นมากกว่าจะหลงใหล
“เราได้ยินข่าวลือหนาหู ว่าพวกเจ้ามาที่แห่งนี้เพื่อพบภูติสายน้ำที่อาวุโสที่สุด”กล่าวระหว่างทบผ้าคลุมหัวลงบนแขนตน แล้วเงยหน้าขันกล่าวด้วยสีหน้าสนุกสนานและรอยยิ้มบาง “แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะพบ เพราะภูติตนนั้นหลบอยู่ในเขตอาคมที่ลึกล้ำและแข็งแกร่งที่สุด..เขตอาคมที่มีผลอย่างยิ่งต่ออมนุษย์ทุกตน โดยเฉพาะผู้พรากความตาย..”
คำสุดท้ายราวกับจะเน้นย้ำถึงความโชคร้ายของผู้มาเยือน เนลล่ายกมุมริมฝีปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวจะประชดประชัน “กำลังจะบอกว่า เป็นไปไม่ได้เลยสินะครับที่พวกเราจะพบเขาได้?”
“ถูกต้อง และไม่ถูกต้องเสียทีเดียว”
“..หมายความว่า สามารถไปพบได้”
“ถ้ามีใบผ่านทาง ต่อให้คนในเขตอาคมไม่เต็มใจก็ย่อมผ่านได้”หญิงสาวกล่าวเนิบช้าระเรื่นหู ตอชายหนุมร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงิน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “และเรามีสิ่งนั้น”
หญิงสาวดีดนิ้ว พลันสายน้ำก็หมุนวนปรากฏกริชสีฟ้าสวยอันเบาบางที่ส่วนด้ามประดับด้วยหินสีขาวสวยเรียบมัน ส่วนคมของกริชนั้นวาววับราวกับทำด้วยน้ำแข็งอันไม่มีวันละลาย ร่างของสุภาพสตรีผู้งดงามกระชับมันไว้ในมือ ก่อนจะยื่นให้สองผู้พรากความตายได้เห็นชัดถนัดตา “สิ่งนี้แหละ คือใบผ่านทาง ..กริชน้ำแข็งที่ลงมนต์โดยเทพแห่งเหมันต์ สิ่งที่ทำลายและผ่านเขตอาคมได้ทั้งมวล..ไม่ว่าจะเป็นเขตอาคมของธาตุใดใดในโลกก็ตาม
..ต้องการมันสินะ?”
“.....แน่อนว่าต้องมีของแลกเปลี่ยน ใช่ไหม?”อิลเวสเอ่ยถามลองเชิง และได้คำตอบเป็นเสียงหัวเระอย่างถูกอกถูกใจ
“ฉลาด..สมกับที่คงอยู่มาหลายพันปี ..ฮาร์ท เอซ(Heart Aces) แห่งโป๊กเกอร์รูล”
แม้แต่เรื่องนี้ก็รู้งั้นหรือ!
อิลเวสกัดริมฝีปาก แม้ไม่ใช่เรื่องทีเป็นความลับแต่เขาก็ไม่เคยปริปากบอกแก่ใคร..ไม่แม้แต่คนที่อยู่ข้างกาย ตำแหน่งนั้นเป็นตำแหน่งที่น่ารำคาญเกินกว่าเขาจะต้องการมัน ดังนั้นจึงปิดเอาไว้เป็นความลับตลอด..แต่
..บัดนี้สายตาแห่งความสงสัยได้พุ่งตรงมาจากเนลล่าเสียแล้ว
“..ดูเหมือนเราจะทำให้เจ้าลำบากสินะ อิลเวส ลินสแตรงก์ ... ‘ฮาร์ท’เอ๋ย”หัวเราะคิกคักราวตั้งใจจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน หญิงสาวยกมือข้าหนึ่งขึ้นปิดริมฝีปากบางแดงสวยแล้วหัวเราะแผ่วเบาราวพึงใจกับการได้กลั่นแกล้งผู้อื่นนอกเหนือจากตนเอง
“ต้องการอะไร”อิลเวสขมวดคิ้ว เอ่ยถามด้วยความรู้สึกที่รำคาญเต็มที่ หากเป็นที่ชอบใจนักของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีเหมันต์
“เจ้ารู้แล้วสินะ...คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองนี้ ..Red Lady(สุภาพสตรีสีแดง)”
“หมายถึงคดีที่คุณเดินออกมานั่นน่ะหรือครับ?”
หญิงสาวผงกหัวยอมรับ ก่อนจะเอ่ยต่อไป“เราคิดว่าพวกเจ้าคงยังไม่รู้เรื่องของคดีนี้มากนัก..ดังนั้น เราจะเล่าให้ฟัง..
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อราวสองสัปดาห์ก่อน
มีผู้ได้ยินเสียงกรีดร้องของชายคนหนึ่ง เสียงกรีดร้องนั้นดังโหยหวนและขาดช่วงอย่างน่าหวาดกหวั่น ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปด้วยความหวาดกลัว กระทั่งเสียงเงียบไปจึงลองเดินไปตรวจสอบที่มาของเสียงกดู และสิ่งที่พบ..
คือซากศพที่ถูกผ่าแยกร่างกายออกเป็นส่วนๆ”
หญิงสาวหยุดพูด ก่อนจะว่าต่อไป
“ซากศพนั้นถูกกรีดหน้าท้องออก เครื่องในทั้งหลายถูกควักออกมาประดับเรียงตามร่างกายอย่างน่าสยดสยอง ตามเนื้อตัวมีรอยกรีดแทงนีบไม่ถ้วนจนเลือดอาบย้อมร่างกายราวกับสวมชุดสีแดง ..รอยกรีดสวยมากเสียจนรู้สึกได้ว่าผู้ที่ใช้อาวุธเป็นผู้ชำนาญการ อาวุธที่ใช้เป็นของมีคมขนาดเล็กแต่มีความคมกริบ ดูจากบาดแผลที่ไม่ลากยาวเหมือนถูกบั่นกระดูก หากเป็นรอยเล็กๆที่รอยเฉือนสวยเสียจนอิจฉาเจ้าของฝีมือ..”หญิงสาวหัวเราะคิกคักอีกครา
“แน่นอนว่าไร้พยานผู้พบเห็น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และฆาตกรเป็นใคร และเพราะผู้ตายเป็นโสเภณีชายที่ไร้ที่อยู่ คดีนี้จึงปิดตัวไปโดยไม่มีการสืบสวนต่อ..”
“เดี๋ยวครับ โสเภณีชายที่ว่านี้..”สีหน้าของเนลล่าดูซีดๆ
“ตามชื่อนั่นแหละ แค่เปลี่ยนจากหญิงเป็นชาย และคนใช้บริการก็มีทั้งบุรุษและสตรี..เมืองนี้ค่อนข้างเปิดกว้างน่ะนะ”หญิงสาวหัวเราะเอ็นดู แต่ตอนนี้เนลล่าแทบจะหันหลังไปอ้วกเสียแล้ว
“แต่เหตุการณ์ไม่ได้จบเพียงเท่านั้น..มีผู้ที่ได้ตายลงด้วยสภาพเช่นนี้อีกสามราย สองรายแรกเป็นโสเภณีชายเช่นเดิม หากรายหลังเป็นถึงแพทย์ที่เก่งที่สุดในเมือง ทั้งยังเป็นบุตรชายของมหาเศรษฐี...คดีนี้จึงถูกรื้อขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ยังตามมือใครมาจับดมไม่ได้ ข้อมูลตอนนี้มีเพียงสาม คือ หนึ่ง ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น คือช่วงย่ำสนธยาโดยคลาดเคลื่อนราวสามสี่ชั่วโมง สอง วิธีการฆ่าที่เป็นเอกลักษณ์จนได้รับฉายาว่า สุภาพสตรีสีแดง สุดท้าย...
ผู้ตายทุกคนเป็นบุรุษเพศที่มีรูปร่างบอบบาง...และมีเสน่ห์กับเพศเดียวกัน”
“....ขอถามหน่อยได้ไหมครับ? ว่าคดีนี้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ”เนลล่าที่หน้าซีดๆกับข้อมูลคดีเอ่ยถาม หญิงสาวขมวดคิ้ว ถอนหายใจยาวราวกับเด็กหนุ่มร่างบางได้ไปสะกิดเอาต่อมหงุดหงิดรำคาญของหล่อนเข้า
ตึง!
มือเรียวซีดขาวกระแทกปลายร่มลงกับพื้นหินโดนประสานมือไว้ที่ส่วนด้ามจับ ดวงตาเปล่งประกายอำนาจและเอ่ยกังวาน
“เราเป็นผู้คุ้มครองสนธยา ผู้ที่มีสิทธ์กำหนดชีวิตผู้คนที่เดินย่ำอย่างโดดเดี่ยวในยามฟ้าสีแสดได้มีเพียงเรา! เราไม่อาจให้อภัยความยโสทีบังอาจคร่าชีวิตในอาณาเขตของเราได้ ...อีกทั้งถนนหนทางที่เกิดเหตุเป็นย่านถนนเลดเซที่อำนาจแห่งภูติน้ำไม่อาจเข้าถึง จึงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ ตัวเราเองก็ไม่อาจสืบหาเองได้ ด้วยคนผู้นั้นไวต่อกลิ่นและเสียงแห่งสนธยา..กลิ่นที่มีเพียงผู้แปดเปื้อนเลือดจักรับรู้
..เราจึงอยากขอแรงของพวกเจ้าทั้งสองคนให้ช่วยไขคดีนี้ โดยมีกริชน้ำแข็งนี้เป็นของแลกเปลี่ยน”
ความเงียบปกคลุมครู่หนึ่ง..สายลมแห่งยามสนธยาพัดต้องจนหนาวเหน็บ
“......ตกลงครับ”
เนลล่ารับคำ เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าหญิงสาว “ขอบใจมาก แบบนี้ก็ค่อยโล่งไปเปลาะหนึ่ง”
หญิงสาวหันหลัง หยิบร่มขึ้นพาดกับไหล่พร้อมกางออก เดินหน้าเข้าสู่กำแพงทำท่าจะจากไป แต่อิลเวสก็เรียกรั้งไว้พร้อมเอ่ยถามขึ้น
“คำถามสุดท้าย..! เธอเป็นใคร..”
หญิงสาวหันมามอง รอยยิ้มเอื้อเอ็นดูคล้ายเหนื่อยหน่าย
“เราคือผู้ครอบครองช่วงเวลาแห่งสนธยา และเป็นผู้ที่ท่องไปในรัตติกาล ..บุคคลซึ่งบันทึกเรื่องราวและเฝ้าดูความเป็นไปภายใต้สีสันแห่งนิลกาฬ..ผู้คนเรียกเราว่าน้ำหมึกแห่งราตรี แต่...
นามของเราคือ ซินเธีย”
สายลมพัดกรรโชกอีกครั้งจนทั้งสองคนต้องหลับตาลง และเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกที..
สตรีแห่งอาภรณ์สีนิลก็ได้หายไปเสียแล้ว
++++++++++++++
หลังจากที่ซินเธียหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว เนลล่าและอิลเวสก็พากันเดินไปยังส่วนที่มีการเช่าเรือโดยสารแล้วพากันเดินต่อมาถึงย่านทีพักของนักเดินทาง ก่อนจะไปนั่งทานอาหารในร้านข้างๆกันที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา เสียงสรวลเฮฮาดังขึ้นรอบกาย หากกระนั้นความเงียบกลับคลอบคลุมรอบกายชายหนุ่มทั้งสองคนที่กำลังทานข้าวอย่างเคร่งเครียด ไร้การผ่อนคลาย
...กระทั่งเสียงทุ้มหวานดังขึ้นทำลายความเงียบนั้น
“เรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นพูด...เชื่อได้ไหมครับ”
“อา..คิดว่านะ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ”
“...แล้วจะสืบหาข่าวยังไงล่ะครับ”
“ก็คงต้องถามๆกันไป ไม่ก็ไปที่กรมข่าวสารเลย"
“...........อืม..................”ความเงียบปกคลุมอีกครา และพลันเสื่อมหายไปด้วยบุคคลเดิม
“อิลเวส บอกผมหน่อยสิ”
“อะไร”
“...ฮาร์ท เอช”
“.........................”
“โป๊กเกอร์รูลด้วย”
“.................................”
“มันคืออะไร?”
“…….”อิลเวสวางช้อนส้อมลงกับจานทันที ก่อนจะท้าวคางแล้วเมินหน้ามองไปทางอื่น เนลล่าที่เห็นแบบนั้นจึงยิงคำถามซ้ำอีกครั้ง “อิลเวส ตอบผมมานะครับ”
อิลเวสที่เมินหน้าไปเหล่มองเนลล่า ก่อนจะถอนหายใจเมื่อเผลอสบตากับเนตรใสกระจ่างคาดคั้นเข้าตรงๆ
..แพ้แล้ว
“.....ผู้พรากความตายเป็นพวกที่มีอิสระ ถูกไหม?”เนลล่าผงกหัวกับคำนั้น ก่อนจะฟังชายร่างสูงกล่าวต่อไป “แต่ถึงจะมีอิสระอย่างไรก็จำต้องมีกฏเกณฑ์..
ในอดีตผู้พรากความตายเกิดขึ้น และได้พรากความตายของผู้คนไปเป็นจำนวนมาก ทำให้มีอัตราผู้อาศัยบนโลกมนุษย์กับวิญญาณในนรกไม่เท่ากัน ซึ่งสร้างปัญหาให้กับเหล่ายมทูตที่ไม่อาจรับวิญญาณผู้คนได้ตามกำหนดการ ด้วยเหตุนี้จึงมีการล้างพันธุ์ผู้พรากความตายเกิดขึ้น ด้วยไม่อาจตายได้จึงเป็นการฆ่าโดยทำลายวิญญาณ ในตอนนั้นเอง มีผู้พรากความตายคนหนึ่งยืนหยัดขึ้นมาแล้วทำสัญญากับยมทูตไว้ ว่าจะทำตามกฎที่ตั้งมา
ข้อแรก คือจะกลืนกลินความตายของผู้คนได้ ต้องได้รับการยินยอมจากคนคนนั้น ข้อสอง ผู้พรากความตายไม่มีสิทธิจะฆ่าคนโดยเด็ดขาด และข้อสาม ต้องปฏิบัติตามคำขอร้องที่ยมทูตขอมาทั้งสิ้นโดยไม่มีการบิดพลิ้ว
ถึงจะเป็นการทำสนธิสัญญาที่แปลกประหลาดและไม่ปรากฏผู้นำในตอนนั้น แต่ก็ทำให้มีพวกเราในวันนี้”
“เรื่องนี้อิลเวสบอกผมแล้ว”
“ฟังก่อนสิ”เอ่ยรำคาญ มองใบหน้าหวานที่ดูจะฉายแววเอือมระอาครู่หนึ่ง ท้าวคางแล้วว่าต่อ “ตอนนั้นเองที่มีการเลือกผู้ปกครองสูงสุดของเผ่าพันธุ์ขึ้น ระดับสูงในสภามีทั้งหมด 52 คน เราเรียกพวกเขาว่า 'โป๊กเกอร์รูล' ประกอบด้วยกลุ่มคนสี่กลุ่ม คือ ดอกจิก ข้าวหลามตัด โพธิ์แดง และโพธิ์ดำ แต่ละกลุ่มประกอบด้วยคนสิบสามคน เรียงตั้งแต่สองขึ้นไปถึงแจ๊ค ควีน คิง และผู้นำสูงสุดก็คือ เอซ(Aces) ของทั้งสี่กลุ่ม โดยมีเอซโพธิดำเป็นผู้นำสูงสุด....แค่นี้คงเข้าใจสินะ?”
“ฮาร์ท เอช งั้น....อิลเวสก็เป็นหนึ่งในผู้นำสูงสุดน่ะสิ!!”ทุบโต๊ะแล้วตะโกนใส่ ความรู้สึกแปลกใจปะปนกับความโกรธขึ้ง เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนด้วยแรงโกรธอันลุกโหมทันที “แล้วทำไมไม่บอกผม!!”
“มันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรซักหน่อย !!อีกอย่างที่โดนจับไปเป็นแบบนั้นก็แค่เพราะฉันอยู่มานานเท่านั้นเอง!!”อิลเวสว่าพลางทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นจ้องหน้าบ้าง คราวนี้ต่างฝ่ายเลยต่างใช้อารมณ์เข้าหากันก่อนชายหนุ่มร่างสูงจะกล่าวต่อ “อีกอย่างมันน่าเบื่อจะตายชัก หน้าที่ของพวกนั้นก็แค่ส่งต่องานให้พวกผู้พรากความตายที่ลงทะเบียนสาบานไว้ คอยลงโทษคนที่ทำผิดกฎ หารือเรื่องบ้าโน่นนี่อยู่ในปราสาทรูปทรงงี่เง่า เรียกประชุมอย่างไร้ประโยชน์ครั้งสองครั้ง ไม่งั้นฉันจะหนีออกมาไหมเล่า!”
เสียงทะเลาะกันของทั้งสองเริ่มดังขึ้นและกลายเป็นจุดสนใจเรื่อยๆ ต่าฝ่ายต่างเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมรามือ ผู้คนรอบด้านหัวเราะกระซิบกระซาบกันอย่างสอดรู้สอดเห็น แต่ดูเหมือนผู้แสดงโชว์ชาวบ้านชั้นเยี่ยมทั้งสองคนจะยังไม่รู้ตัว
“เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้นสิ แต่อิลเวสน่ะทำไมไม่บอกอะไรผมเลยล่ะ ไหงเพิ่งมาพูดกันตอนนี้ทั้งๆที่ผมก็เป็นผู้พรากความตายเหมือนกัน เป็นมาตั้ง 10 ปีแล้วด้วย! จะว่าไป ไอ้ทะเบียนสาบานนั้นไม่เห็นอิลเวสจะพาผมไปทำบ้าอะไรเลย!”
“ก็เพราะมัน..................!!”คำพูดที่กำลังจะกล่าวต่อไปถูกกลืนลงไปในลำคอ อิลเวสส่ายหัวไปมาอย่างหงุดหงิด คิ้วยังขมวดเป็นปมไม่หาย “ก็เพราะมันไม่สำคัญ!”
“ไม่สำคัญยังไงล่ะ! ทำไมอิลเวสถึงไม่เคยบอกอะไรผมเกี่ยวกับสิ่งที่ผมก็รอให้พูดอยู่ตลอดแท้ๆ ผมอยู่กับอิลเวสมาสิบปีแล้วนะ แต่แค่ปราสาทของผู้พรากความตายยังไม่เคยให้ไปด้วยเลยด้วยซ้ำ! นี่อิลเวสเห็นผมเป็นอะไรกัน.......!!”
“อ๋า ระวัง.........!”
โครม!
ซ่า.....!!
น้ำเหยือกใหญ่เทราดลงบนหัวของเนลล่า พร้อมกับที่เหยือกตกลงมาบนกบาลที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงจนเจ้าของศีรษะรู้สึกเจ็บแปลบ เนลล่าคลางเบาๆพลางลูบหัวตัวเองที่ดูท่าจะมีอะไรปูดออกมา ก่อนจะหันไปมองตัวการที่ยืนอยู่ข้างหลังตน
“อ๋า ..ขะ..ขอโทษครับ”
เจ้าของเสียงนั้นเป็นชายร่างผอมก้างก้างที่มีแววตาไม่มั่นใจ ..เจ้าของดวงตาสีฟ้าครามใสกระจ่างและเรือนผมตัดสั้นเรียบร้อยสีดำ ชายหนุ่มสวมใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีน้ำตาลและกางเกงทรงกระบอกสีเขียวเข้ม ร่างนั้นนั่งกับพื้นหลังจากล้มโครมลงราวกับสะดุดอะไรบางอย่างจนเหยือกน้ำกระเด็นลอยมาโดนหัวเนลล่าพร้อมน้ำในเหยือกที่สาดใส่ตัวเต็มๆ ร่างนั้นรีบลนลานลุกขันมาแล้วเอาเหยือกออกจากหัวเนลล่าทันที ก่อนจะลื่นล้มลงไปอีกครั้งเพราะน้ำที่นองเต็มพื้นร้านมีน้ำตาล เป็นผลให้เสียงหัวเราะดังครืนขึ้นมา
“ขอโทษครับ ขอโทษครับ ขอโทษครับ!!”เอ่ยลนลานแล้วรีบเอาผ้าที่ติดตัวตนมาเช็ดหัวของเนลล่า เด็กหนุ่มร่างบางชะงักกึกก่อนจะผลักร่างนั้นออกไปแล้วสะบัดหัวตัวเอง..หัวเย็นลงได้ทันตาเห็นเลยแฮะ
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษ คุณไม่ได้ตั้งใจนี่”สะบัดหัวอีกรอบ สำรวจเสื้อผ้าตัวเองที่เปียกซกไปหมด ก่อนหันขวับไปทางอิลเวสที่บัดนี้กำลังนั่งกลั้นหัวเราะกับโต๊ะอยู่อย่างเต็มที่
ได้ทีก็เอาเลยนะ!
“เอ้อ....ถ้ายังไง...”น้ำเสียงนั้นเอ่ยตกใจ ตื่นเต้น ปนรู้สึกผิด “ถ้ายังไง ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่บ้านของผมก่อนไหมครับ?”
ความคิดเห็น