คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7 ปริศนา
Chapter 7 ปริศนา
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้า คือซากปรักหักพังกับปราสาทเหล็กที่สนิมขึ้นเขอะ ที่ล้อมรอบไปด้วยหลอดแก้วขนาดยักษ์ที่บรรจุของเหลวจำนวนมาก ผู้คนที่เดินผ่านไปมาใบหน้าซีดเผือดจนดูเหมือนเป็นโรค
เมืองนี้มันเหมือน นรก บรรยากาศโดยรอบทำให้พวกเขาคิดเช่นนั้น ทั้งสองยังคงยืนตลึงกับสิ่งที่พบเจอ เจ้าแมสคอทโผ่หัวขึ้นมาดูโลกภายนอก ไบรนรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาดึงที่ชายเสื้อของเขา
เขามองลงไปที่ชายเสื้อเจอเด็กน้อยอายุราวซัก 5 ขวบ น่าตาน่ารัก เนื้อตัวมอมแมมใส่เสื้อผ้าสกปรกที่คุกไปด้วยฝุ่น ส่งยิ้มให้
“ พี่จ๋า ขอตังค์ซื้อข้าวกินหน่อย หนูหิว ” เด็กน้อยแบมือขอตังค์พร้อมกับฉีกยิ้มให้ด้วยความหวัง
เซลมองไปตามท้องถนนที่มีเด็กกับคนแก่ที่นอนกันเรียงรายตามพื้นถนน ในหัวคิดวกไปวนมา ถ้าให้ตังค์ไป เกรงว่าตังค์จำไม่พอใช้ในการเดินทาง
“ หนูน้อย พี่ไม่มีตังค์ให้หรอกนะ พี่มีแต่ขนมปังไม่กี่ชิ้นน่ะ ” ไบรนพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกับร้อยยิ้มที่แห้ง ๆ ของเขา เขาหยิบขนมปังให้เด็กน้อยที่กำลังหิว เด็กน้อยรีบคว้าขนมปัง แล้วรีบวิ่งไปทางเดินทางเท้า
“ ขอบคุณค่ะ พี่ชาย ”
“ หิว....หิว...หิวเหลือเกิน...” เสียงโอดครวนดังระงม คนแก่และเด็กที่นอนสลบไร้เรี่ยวแรง กับลุกขึ้น วิ่งตรงเข้ามาแย่งขนมปังที่อยู่ในมือของเด็กน้อย ไบรนและเซลรีบวิ่งเข้าไปช่วยเด็กน้อยจากผู้คนที่บ้าคลั่งที่รุมแย่งขนมปังจากเด็กน้อยด้วยความหิวโหย
ไบรนกับเซล ทั้งฉุดกระชากชายแก่และหญิงแก่เพื่อเอาตัวเด็กน้อยออกมาก่อนที่จะถูกคนพวกนี้ทับตายเสียก่อน
“ แฮ่ก ...แฮ่ก... ให้ตายเหอะ ทำไมคนแก่พวกนี้ถึงแรงเยอะนักนะ” เซลสบถ
“ แฮ่ก ... แฮ่ก ... นั่นสิ ยังกับไม่ใช่คนแก่แนะ”
ผู้คนที่ดูหิวโหยพากันวิ่งกรูมาหาพวกเขา เซลและไบรน ปัดป้องมือที่มามากมาย ที่ยื้อยุทฉุดกระชากสัมภาระกระเป๋าสะพายของพวกเขา กระเป๋าที่เซลสะพานอยู่ สายสะพายโดนดึงจนขาด
เจ้าแมสคอทตกใจกับความชุลมุนตุเกียกตะกายออกมาจากเสือของเซล วิ่งไล่กัดและถีบผู้คนที่เขามาทำร้ายเซลและไบรนด้วยความบ้าคลั่งเหมือนกระต่ายยักษ์ตกมัน ไบรนและเซลวิ่งไปป้องเด็กน้อย
เซลอุ้มเด็กน้อยพาดบ่าและพยักหน้าให้ไบรนและวิ่งหนีนำหน้าไป ไบรนพลิวปากเรียกเจ้าแมสคอทที่กำลังบ้าคลั่ง
“ มาเร็ว แมสคอทอยู่ไม่ได้แล้ว” แมสคอทรีบวิ่งมา ไบรนอุ้มมันหนี และวิ่งหนีตามเซลไปอย่างไม่ลังเล พวกเขาวิ่งหนี ลึกเข้าไป ลึกเข้าไปยังตัวประสาท เสียงตะโกนดังมาลิบ ลิบ
“ เซลนั่นประตูเปิดประตูเร็ว” เซลรีบวิ่งไปเปิดประตู
“ แกรก ..แกร็กก...........”
“ ไบรนฉันเปิดไม่ออก” ผู้คนที่ดูเหี่ยวแห้งเหมือนฝูงซอมบี้วิ่งตามไบรนมาอย่างกระชั้น
“ แกรก ... แกร็ก.... แอ๊ดดดดดดดดดดดดด” เสียงสนิมที่เกาะประตูดัง ราวกับว่าประตูไม่ได้ถูกเปิดใช้มากนาน
“ เร็วเข้าไบรน.........” เซลตะโกนร้องเรียกอยู่ที่หน้าประตู
“ เออ....ฉันก็กำลังรีบอยู่นี่ไงเล้า”
“ แอ๊ดดดดดดดดดดดด.........ปัง!”
“ แก็รก....แกร็ก...แกร็ก...” เขาสองคนมองหน้ากัน เซลเหลือบไปมองเด็กน้อยที่อยู่บนบ่าของเซล เซลมองเจ้าแมสคอทอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองกับสิ่งที่ทำแมสคอททำในไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
“ เซลนายล็อกประตูรึป่าว” เซลมองหน้าไบรน
“ ฉันล็อกเป็นซะที่ไหนเล้า เปิดได้นี่ก็บุญมากแล้ว” เค้าสองคนมองหน้ากัน
“ แล้วเสียงเมื่อกี้นี้ประตูมันล็อกเองรึไงเล้า” ไบรนเริ่มใส่อารมณ์
เซลนิ่ง
“ ช่างเถอะ มันล็อกไปแล้วนิ ” ไบรนเอามือจับกอนประตูที่เปิดไม่ออก เขาหันหลังกลับไปมองด้านในของปราสาทไม่ต่างจากที่เขาคิดซักเท่าไหร่ กำแพงและตัวปราสาททำด้วยเหล็ก
สนิมขึ้นเขอะตรงรอยต่อระหว่างที่เชื่อมเหล็กแผ่นต่อแผ่น กลิ่นของสนิมลอยฟุ้ง เสียงเล็กที่ฟังดูเศร้าผุดขึ้น
“ พี่ชาย หนูขอโทษนะคะ เพราะหนูแท้ ๆ ที่ทำให้พวกพี่ต้องทะเลาะกัน” เด็กน้อยร้องไห้ขอโทษ พวกเค้าทะเลาะกันจนลืมเด็กน้อยที่พวกเขาช่วยเหลือมาจากฝูงผู้คนที่เหมือนฝูงซอมบี้
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่หรอก ธรรมดาถึงไม่เกิดเรื่องพวกเราก็ทะเลาะกันเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว ใช่มั้ยเจ้าแมสคอท” เจ้าแมสคอทกระโดด ดึ๋ง ดึ๋ง แสดงความเห็นด้วย เซลและไบรนยิ้มแห้ง ๆ ให้กันแสดงความรักใคร่กลมเกลียวใส่กัน เหมือนกับแสดงละครปาหี่หลอกเด็กน้อย
“ ซิก...ซิก...” เสียงสะอื้นไห้เริ่มจางลง
“ เออ...แม่หนูน้อยแล้วพ่อกับแม่ของหนูหล่ะ” เซลถาม
“ หนูไม่รู้....” น้ำตาเริ่มไหลริน
“ หนูจำไม่ได้ ... หนูไม่รู้...หนูจำไม่ได้ หนูจำไม่ได้” เด็กน้อยเอามือกุมหัวราวกับจะเค้นความจำออกมา
“ อย่าถามหนู หนูจำไม่ได้ .. อย่าถามหนู” เด็กน้อยพร่ำเพ้อราวกับคนเสียสติ เจ้าแมสคอท เลียน้ำตาที่เปรอะแก้มของเด็กน้อย เซลเข้ามากอดเด็กน้อยกับเจ้าแมสคอทไว้ด้วยกัน
“ ฉันเข้าใจ...ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไร” ไบรนเข้ามารวบกอดทั้งสามไว้
“ นั่นสิ...พวกเราจะดูแลเธอเอง ไม่เป็นไรแล้วนะ” เด็กน้อยรู้รึกถึงความอบอุ่นที่พวกเขามอบให้ถึงได้มีสติกลับคืนมา
“ หิวแล้วหล่ะ เซลเอาขนมปังมากินหน่อย” เซลเงียบส่งยิ้มให้ไบรน
“ แฮะ แฮะ คือว่า.....”
“ อย่าบอกนะว่า..........” ไบรนเอามือกุมหัวราวกับจะเป็นบ้า
“ เอ้ย........ให้มันได้หยั่งงี้สิ” ไบรนสบถแล้วเดินเข้าไปข้างในตัวปราสาท เสียงร้องเท้าบู๊ทที่กระทบกับเหล็กที่ขึ้นสนิม ดังกระทบกันเสียงก้องสะท้อนกันไปมา
“ เออ.....ออออ หนูน้อย ....น้อยยยย ชื่ออะไรหล่ะ...หลลลล่ะ” เสียงที่ไบรนถามสะท้อนกันไปมาเมื่ออยู่ในตัวปราสาท
“ คาริน....รินนนน หนูชื่อคาริน....รินนนน ค่ค่ค่ค่ค่ค่ค่ะ” เด็กน้อยตอบอย่างอารมณ์ดีมือก็อุ้มเจ้าแมสคอทที่ตัวเท่ากับตัวเองไว้
“ ชื่อเพราะดีเนอะ ว่ามั้ยเซล.....เซลลลลลลลลล”
“ อื้ม...นั่นสิ.....สิสสสสสส”
“ แต่ว่าไปยังไม่เจอคนในปราสาทเลยนิ”
“ แอ๊ดดดดดดดดดดด............แกรก แกรก” เสียงประตูเปิดออก เสียงฝีเท้าที่เดินลากเท้าดังตามหลังมาพร้อมกับเสียงเปิดประตู ทุกคนอยู่ในความเงียบกริบ มองหน้ากันเลิ่กหลั่ก แสงไฟที่ดูสลัว ชวนให้บรรยากาศอึมครึ้ม
“ แกรก แกรก” เสียงเดินลากเท้าดังออกไป ดังออกไป จนรู้สึกได้
“ ฉันว่าเรารีบเดินไปกันเถอะ เซลนายเอาเจ้าแมสคอทไปยังไงมันก็ช่วยป้องกันนายได้ เดี๋ยวฉันแบกคารินไปเอง ”
“ แต่...” เซลอ้าปากที่จะพูด แต่ไบรนเอามือปิดปากของเซลไม่ให้พูดต่อ
“ ทำตามที่ฉันพูด ฉันสัญญาว่าเราต้องรอดออกไปด้วยกัน” ไบรนมองลึกลงไปนัยย์ตาของเซล เซลได้แต่พยักหน้ารับอย่างเชื่อใจ ทั้งที่ไม่เต็มใจ
“ ช่วยไม่ได้นะก็นายเองที่เลือกฉันให้เดินทางมากลับนายน่ะ” ไบรนขยิบตาให้
“ เฮ้อ..........” เสียงลมหายใจที่ถอดถอนทิ้ง จนทำให้รู้ได้ถึงความระอาเหนื่อยใจที่จะพูด
“ ชู่ว์....ตามมา” ไบรนเดินนำหน้าเซลโดยแบกคารินไว้ที่หลัง เจ้าแมสคอทมุดเข้าไปในเสื้อของเซลโผล่หัวขึ้นมาทำตาปิบ ปิบ เซลรีบเดินตามอย่างไม่รั้งรอ
เสียงบู๊ทกระทบกับเหล็ก แกร็ก แกร็ก เบา เบา พวกเขาเดินสำรวจภายในปราสาทเพื่อหาทางออกอย่างเงียบ เงียบ พวกเข้าเดินเข้าไปจนเจอทางแยกสองทาง พวกเค้าหยุด ไบรนเลือกที่จะไปทางขวา เขาพยักหน้าให้เซลเดินตามเค้ามา ไบรนรีบเดินตามไป
“ ซ่า ซ่า.........” เสียงน้ำที่ดังมาจากข้างล่าง พวกเค้ามองหน้ากัน
“ จะไงต่อ” เซลกระซิบถามเบา เบา
“ ลงไปข้างล่าง มีน้ำก็ต้องมีทางออก” ไบรนพูดเสียงเข้ม
“ ถ้านายว่างั้นอ่ะนะ”
พวกเค้าไปออกเดินลงไปใต้ประสาท เดินลงไป เดินลงไป อากาศรอบตัวเริ่มเย็นลง เสียงของน้ำก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ
“ โอ๊ยยยยยยยย..........โอ๊ย”
“ คาริน!!!!” คารินร้องด้วยเสียงโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เอามือจิกที่หัว จนแทบอยากจะดึงมันออกมา
“ หนูปวด .... ปวดหัวเหลือเกิน”
“ เรารีบไปกันเหอะ” ไบรนแบกคารินรีบวิ่งลงไปข้างล่างปราสาท เซลเอาเจ้าแมสคอทวางไว้บนบ่า เจ้าแมสคอทเกาะหัวเซลไว้แน่น เข้าวิ่งลงไป ลงไปเสียงน้ำยิงดังขึ้น ดังขึ้น เสียงฝีเท้าที่ดัง กลับเงียบลง
“ ไบรนนี่มันอะไรกันเนี่ย” เซลยืนตะลึงกับคำถามที่งงงวย เด็กน้อยที่เจ็บปวดกลับหยุดร้อง ชายผู้เป็นผู้นำกับงงกลับการตอบคำถามของผู้ตาม เจ้ากระต่ายกลับเชื่องไม่ดื้อเหมือนเก่า สิ่งที่พวกเขาเจออยู่เบื้องหน้า คือศพร้อยพันที่ลอยเหนือผิวน้ำของตัวปราสาท
“ ไบรน คนเรามันจะโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ” เสียงของเซลสั่นเครือ
“ นั่นสิคนเรามันจะโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ” ไบรนทวนคำถามซ้ำด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“ พี่ชาย........ฮึ......ฮือ......” ไบรนอุ้มคารินมากอดและปิดตาไม่ให้ดูสิ่งที่เกิดอยู่เบื้องหน้า
เซลมองไปรอบ ๆ สำรวจทางที่จะออกกลับไม่เจอทางออก กำแพงเหล็กที่ร้อมรอบเชื่อมสนิทจนไม่มีช่องโว่ที่พอจะออกไปได้ เซลเดินสำรวจไปรอบ ๆ ผ่านศพที่ลอยน้ำ
“ ไบรน !!” เซลตะโกนเรียกอย่างตกใจ
“ นี่มันมีตัวอักษรไว้ด้วย
วารีสีเขียว ใสสาด สะท้อนความคิด
ทำให้จิต หวั่นไหว ถึงการก่อน
ธารชีวิต ดังวารี ที่ไหลย้อน
คืนชีวี กลับมา ดั่งใจหมาย
จะว่าไป สติมั่น ไขปัญหา
ทำให้ชีวา มีชีวี สุดสดใส
ปริศนา ที่อยากไข อยู่ไม่ไกล
น้ำสีใส ช่วยย้อนคืน ชีวีเอย
“ มันอะไรกันเนี่ย”
“ บุ๋ง บุ๋ง” ฟองอากาศผุดขึ้น
พวกเขาหัวไปมอง แต่กลับไม่เจออะไร พวกเค้ามองหน้ากันแล้วก็หันไปไขปริศนาต่อ
“ บุ๋ง บุ๋ง” ฟองอากาศผุดขึ้นอีกครั้ง
“ เซลฉันรู้แล้วหล่ะว่ามันหมายความว่าไง ” ไบรนรีบหันไปบอกเซลด้วยความดีใจ แต่เขาไม่เจอเซล
“ เซลนายอย่าเล่นอย่างนี้นะ ฉันใจไม่ดีอยู่ด้วย” ไบรนตะโกนร้องเรียก
“ เซล”
“เซล........”
ความคิดเห็น