คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 7 ✿ ความสุขของคนเคยรักกัน
7
ความสุขของคนเคยรักกัน
“ฉันดูดีหรือยังคุณแหวว”
“หล่อแล้วค่ะคุณผู้ชาย นัดวันนี้คุณผู้หญิงคงประทับใจแน่นอนค่ะ”
“ได้ยินแบบนี้ค่อยอุ่นใจหน่อยน่ะนะ...ฉันไปล่ะ ฝากดูแลบ้านด้วยนะคุณแหวว”
“เดินทางปลอดภัยนะคะ”
แผ่นหลังของผู้ชายวัยกลางคนในชุดสูทตัดเย็บอย่างดีห่างไกลออกไปหลังจากบทสนทนากับแม่บ้านจบลง ธนวรรธน์ยิ้มให้คนขับรถก่อนจะรับกุญแจไปขับเอง ไม่นานนักรถเบนซ์คันสีดำมันปลาบก็แล่นออกจากคฤหาสน์หลังละร้อยกว่าล้านที่เงียบเหงาจนน่าใจหาย
รถคันเดิมแล่นมาจอดในลานจอดรถคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท เจ้าของรถลงจากพาหนะแล้วพาตนเองขึ้นไปหาบุคคลที่นัดเอาไว้ถึงหน้าห้อง ธนวรรธน์ยืนรออยู่ตรงหน้าหมายเลขห้องที่คุ้นเคยอย่างใจเย็นเพื่อรอให้บุคคลในห้องเปิดประตูให้
คอนโดห้องนี้เป็นของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาเอง เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้วก็ถือได้ว่าเป็นความภูมิใจเล็ก ๆ ที่เขตต์ใช้เงินของตนเองซื้อมันได้ ทว่าคนที่เขาจะมารับออกไปไม่ใช่ลูกชาย แต่เป็นภรรยา
ภรรยาในทะเบียนสมรส แต่แยกกันอยู่มานานเสียจนเกือบจำไม่ได้ว่ากี่ปีแล้ว
นานเสียจนธนวรรธน์ชินชากับการอยู่คนเดียว คลายความเหงาเปลี่ยวด้วยการทำงานหนัก น่าตลกดีใช่ไหมล่ะที่เขาไม่เคยคิดจะไปหาเศษหาเลยนอกบ้านทั้ง ๆ ที่สามารถทำได้โดยไม่มีใครลำบากใจทั้งนั้น
ใช่ น่าตลกเสมอละเมื่อเป็นเรื่องของความรัก
“มาแล้วเหรอคะคุณ รอนานไหม”
“ไม่นานค่ะ” ธนวรรธน์ตอบกลับผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังคงสวยสะพรั่งไม่ค่อยต่างจากในความทรงจำของเขาเมื่อหลายสิบปีก่อนด้วยใบหน้าผ่อนคลายพร้อมใช้น้ำเสียงนุ่มลึก นวินดายังคงสวยเสมอแม้เวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สำคัญ เป็นแม่ของลูกชายคนเดียวของเขา เป็นคนที่ธนวรรธน์รักไม่เสื่อมคลาย เป็นผู้หญิงที่เขาอยากให้เธอมีความสุข แม้จะแปลว่าเขาต้องปล่อยแม่นกน้อยออกจากกรงทองก็ตาม
“สักครู่นะคะ ฉันไปหยิบกระเป๋าก่อน”
“ตามสบายนะคุณ”
หลังจากนวินดาหายเข้าไปในห้องไม่นาน เธอก็เดินออกมาจากห้องนั้น จับจองแขนข้างขวาของเขาอย่างมั่นคงพร้อมเดินเคียงคู่กันออกมาอย่างสง่างาม
หากมีคนพูดว่าผู้ชายดี ๆ นั้นหายาก นวินดาคงเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าประโยคนั้นมันช่างจริงแท้เสียเหลือเกิน ทว่าเธอคงต้องขอยกเว้นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกับสามีที่ยังมีใบทะเบียนสมรสตามกฎหมาย แต่แยกย้ายกันอยู่คนละบ้านมาไม่ต่ำกว่าสิบปีแล้วเอาไว้
สำหรับเขตต์ผู้เป็นลูกชายและเป็นเจ้าของห้องชุดที่เธอมักจะแวะมาพักอาศัยเวลาเข้ากรุงเทพฯ เธอกล้าพูดว่าเธอสั่งสอนเขาให้เติบโตมาอย่างดี รู้จักมารยาทการให้เกียรติคนทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร การดูแลใส่ใจคนรอบข้างเป็นที่หนึ่ง ยิ่งเรื่องหน้าตาบุคลิกภาพคงไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะมันจะดูน่าหมั่นไส้จนเกินเรื่อง ติดอยู่แค่นิสัยบ้างานจนน่าเป็นห่วง กลัวว่าจะหาแฟนไม่ได้ ต้องอยู่เหงา ๆ คนเดียวกับงานจนแก่ตาย เธอจึงมักชอบแซวเรื่องลูกสะใภ้กับเขาช่วงหลายปีก่อนเป็นพัก ๆ แต่ปัจจุบันนี้เจ้าเขตต์น่ะเป็นฝั่งเป็นฝาไม่น่าเป็นห่วงแล้ว แถมยังหาลูกสะใภ้มาให้แม่ได้ถูกใจมาก แล้วจะนับเขาเข้าไปในผู้ชายที่ไม่ดีได้อย่างไร
ส่วนธนวรรธน์ผู้เป็นสามี ผู้ซึ่งมีหน้าตาและบุคลิกภายนอกล่อตาล่อใจสาว ๆ ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่มาตั้งแต่สมัยยังรู้จักดูใจกัน กาลเวลาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าธนวรรธน์ไม่ใช่ผู้ชายมักง่ายเอาแต่ได้ แม้เขาจะดูเจ้าชู้แพรวพราวหล่อเหลาพร้อมเปย์สาวเล็กสาวใหญ่ขนาดไหน ความจริงแล้วเขากลับเป็นเพียงผู้ชายที่ใช้ชีวิตได้แสนเหี่ยวเฉา ตั้งแต่แยกกันอยู่กับเธอ เขาดูปิดตัวเองและไม่ค่อยอยากเปิดรับใครหน้าไหน แม้ภายนอกจะแสดงออกว่ามีความสุขสำราญกับชีวิตเพียงใด ความรู้สึกของนวินดาเมื่อได้ทอดสายตามองพินิจไปยังธนวรรธน์เมื่อใดก็ยังคงเป็นอย่างนั้น...น่าใจหาย เศร้าจัง
แต่จะพูดว่าเข้าใจชายผู้เป็นสามีหรือความรู้สึกที่เธอรับรู้ได้นั้นเป็นเรื่องจริงก็คงจะพูดไม่ได้ หากเธอเข้าใจ เธอกับเขาคงไม่แยกกันอยู่อย่างนี้
บางทีเรื่องผิดพลาดที่ทำให้พวกเขาต้องแยกย้ายกลายเป็นเพียงเส้นขนานที่เดินทางไปพร้อมกันแต่ไม่มีวันกลับมาบรรจบกันได้คงไม่เกิดขึ้น
ทว่ากาลเวลานั้นไม่มีวันหวนคืน ไร้ประโยชน์หากมามัวนั่งคิดถึงอดีตอย่างเสียดาย ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลง เหลือไว้เพียงเรื่องจริงในอดีต มิตรภาพ และกัลยาณมิตรที่ยังคงหวังดีต่อกันจนถึงปัจจุบันนี้
ความสัมพันธ์ของเธอกับธนวรรธน์นั้น หากเธอพูดให้คนอื่นฟังก็คงไม่ค่อยมีคนเข้าใจ นอกจากนั้นอาจโดนถามซอกแซกอีกว่าแยกกันอยู่ทำไมในเมื่อก็ยังดูรักกันดี
นั่นสิ…
นวินดาตอบคำถามนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันคงเป็นเรื่องของจังหวะชีวิต ความคิด ความฝัน ความคาดหวัง ความไม่เข้าใจกัน รวมถึงความดื้อรั้นในช่วงอายุที่ยังไม่รู้จักชีวิตมากมายเท่าทุกวันนี้ของพวกเขาทั้งสองเอง แล้วจะกลับไปแก้ไขได้อย่างไร
ต่อให้เธอไม่อยากให้ธนวรรธน์เสียใจ แต่ก็ทำให้เขาเสียใจไปแล้ว
ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดว่าตนเองในตอนนั้นตัดสินใจหย่ากับเขาเพราะปัญหาใด
ในเมื่อเขาต้องการปกปิด ไม่อยากแก้ไขความเข้าใจผิดของเธอจนเวลาล่วงเลยมาเกินคำว่าสายไปเสียขนาดนั้น ในวันที่ชีวิตมั่นคงมีความสุข และได้ทำความฝันเป็นของตนเอง เธอก็ไม่อยากกลับไปจุกจิกกับความรักฉันชายหญิงอีกแล้ว
ความรักน่ะ มีหลายรูปแบบ เธอมาเข้าใจเอาก็ตอนแก่ลงทุกวัน
ตอนนี้นวินดารู้แค่ทุกวันนี้เธอกับธนวรรธน์เป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นคนที่หวังดีอยากให้มีความสุข เป็นเพื่อนคู่คิดสามารถปรึกษาพูดคุยกันเรื่องลูกได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เป็นคนคนหนึ่งที่เธอหวังอยากให้เขามีความสุขจากใจจริง แม้ความสุขในบางสิ่งเธอจะทำให้เขาไม่ได้
ที่เธอให้เขาได้ คงเป็นความสัมพันธ์ฉันครอบครัวคนสำคัญที่พร้อมจะกางปีกปกป้องเขาในวันที่เขาไม่มีใคร ทำตามคำขอในเรื่องเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ความรักแสนโรแมนติกหวือหวา หรือสมบูรณ์แบบอย่างใครวาดหวังไว้
อย่างเช่น การยอมรับนัดทานข้าวด้วยกันพร้อมกับอัปเดตชีวิตในวันครบรอบแต่งงานให้เขาฟังทุกปี
ใช่แล้ว...วันนี้
วันครบรอบแต่งงาน
“ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้างคะ ได้คุยกับลูกบ่อยไหม” คุณผู้หญิงถาม
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกับน้องเขตต์เท่าไรค่ะ เห็นว่าช่วงนี้ลูกยุ่ง ๆ” เจ้าของกระแสเสียงนุ่มทุ้มลึกตอบกลับ
ธนวรรธน์สนิทกับลูกชายมาก ไม่แพ้กับที่ลูกชายสนิทกับแม่ของเขา เสียอยู่ก็แต่เขากับแม่ของลูกชายไม่ค่อยสนิทกันเท่าไรในปัจจุบันแล้ว เรียกว่าเป็นครอบครัวแต่ยังมีความเกรงอกเกรงใจกันมาก อีกทั้งธนวรรธน์ยังค่อนข้างกังวลว่าตนจะล้ำเส้นที่นวินดาขีดไว้ในบางคราว
“นั่นสิคะ ฉันเองก็เหมือนกัน ตาเขตต์นะตาเขตต์ นี่ขนาดแต่งงานแล้ว แทนที่จะมีหลานให้แม่อุ้ม เปล๊า! ก็บ้างานเหมือนเดิมนั่นแหละ แถมหนูจูก็ให้ท้ายเจ้าตัวไปเรื่อยอีก”
ธนวรรธน์นั่งยิ้มฟังผู้หญิงมีอายุคนสวยบ่นลูกชายของพวกเขาพร้อมอมยิ้มในหน้า นวิดาส่ายหน้าเล็กน้อยขณะกำลังใช้มีดหั่นสตูเนื้อในจานให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ยิ้มอะไรคะคุณ” เธอตวัดสายตาขึ้นมาเจอสีหน้าของธนวรรธน์พอดีจึงเอ่ยถาม ฝ่ายสามีที่แยกบ้านกันอยู่หัวเราะเบา ๆ จนตาเป็นสระอิ หางตาขีดตามร่องรอยแห่งวัยดูคล้ายตากำลังยิ้ม
“ยิ้มเพราะมีความสุขค่ะ คุณดาก็อย่าไปเซ้าซี้ลูกเรื่องนี้นักเลยน่า เดี๋ยวลูกอยากมีเจ้าตัวเล็กก็คงมีเองนั่นละ”
“แหม คุณก็พูดได้สิคะ ฉันเหงาอยากอุ้มหลานตัวเล็ก ๆ นี่”
“สมัยสาว ๆ คุณก็ไม่ได้อยากจะมีเจ้าเขตต์ไวนี่คะ กว่าผมจะได้มีเจ้าตัวเล็กให้ช่วยเลี้ยงก็หลายปีนะคะคุณดา”
“...” นวินดาเงียบกริบเมื่อได้ฟังความหลังครั้งวันวานสมัยที่ยังรักกับธนวรรธน์ดี ไม่มีเรื่องเข้าใจผิด ไม่ได้แยกย้ายกันอย่างทุกวันนี้ พอมาฟังตอนนี้ก็จั๊กจี้หูดีเหมือนกัน ภาพความทรงจำแสนหอมหวาน นึกถึงกี่ครั้งก็ยังคงเป็นวันวานที่ทั้งหวานทั้งขมเสียจริง
เธอรีบสลัดความคิดไม่จำเป็นออกจากหัวแล้วฟังคนตัวล่ำสันตรงหน้าต่อ
“ถ้าคุณเหงาก็กลับมาอยู่บ้านใหญ่ด้วยกันสิ แล้วคุณอยากจะทำอะไรที่บ้านก็ตามสบาย ถ้าอยากเปิดร้านสาขาที่กรุงเทพฯ ผมจะให้คนไปดูที่ทางให้”
แกร๊ก!
ธนวรรธน์หน้าตาตื่นกลัวว่าสิ่งที่พูดจะทำให้เธอไม่พอใจ
“ขอโทษค่ะ ช้อนบินจนได้” คุณผู้หญิงของคืนนี้พูดเขิน ๆ พร้อมรอยยิ้มที่เห็นเมื่อไรก็ตกหลุมรัก รู้สึกคิดถึงคล้ายอยากจะขาดใจให้ได้ทุกที
ธนวรรธน์มีสีหน้าผ่อนคลายเมื่อพบว่าเธอไม่ได้หงุดหงิด เขายิ้มส่ายหน้าเล็ก ๆ อย่างอ่อนใจ เรียกพนักงานมาทำความสะอาดให้และขอช้อนใหม่ให้เธอ
ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าลูกชายของธนวรรธน์โก๊ะได้ใคร...ไม่ใช่เขาแน่นอน
แล้วมันจะเป็นใครที่ไหนเล่า ก็ได้แม่มาเต็ม ๆ เลยน่ะสิ
คืนพระจันทร์นวลผ่องส่องสว่างเต็มดวง ธนวรรธน์นั่งทานมื้อค่ำกับภรรยาคนสวยอยู่บนรูฟท็อปบาร์หรูย่านใจกลางเมือง เป็นร้านที่เขาตั้งใจเลือกมาเพื่อวันครบรอบแต่งงาน อย่างน้อยมันทำให้หายคิดถึงผู้หญิงที่มานั่งร่วมโต๊ะด้วยกันในคืนนี้ได้บ้าง
สิบห้าปีที่แล้ว
“เราหย่ากันนะคะ”
ประโยคแสนเจ็บปวดที่เจ้าของริมฝีปากสวยเปล่งออกมาบาดลึกเหมือนกริชแทงลงกลางหัวใจของธนวรรธน์ มันยังคงแจ่มชัดอยู่ในห้วงความทรงจำ ครั้งแรกที่นวิดาพูดประโยคนี้คือเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ครึ่งปีก่อนที่ชีวิตอันแสนเหมือนสวรรค์ของเขาจะถูกทำลายลง
ธนวรรธน์ได้แต่มองผู้หญิงที่ได้ชื่อว่ายังคงเป็นภรรยาคนสวยที่ยังคงถูกต้องตามกฎหมายของเขาลากกระเป๋าใบโตซึ่งเป็นสัมภาระชิ้นสุดท้ายของเธอขึ้นรถเก๋งคันงาม
ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สะสมในชีวิตแต่งงานยี่สิบปี ครั้งหนึ่งเคยคิดว่ามันคงหายไปเองโดยไม่ควรไปสะกิดขึ้นมาสะสางใหม่ เพียงยกมาปรับความเข้าใจแค่เพื่อให้เธอสบายใจก็พอแล้ว ใครจะคิดเล่าว่าวันหนึ่งปัญหาที่สะสางไม่ทันเสร็จดีเหล่านี้จะสะสมจนกลายเป็นค้อนตะบันฟางเส้นสุดท้ายของภรรยา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหึงหวงที่เขามักรายล้อมไปด้วยสาวสวยมากหน้าหลายตาตามประสานักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เรื่องที่เขาไม่มีเวลาให้คนที่บ้านเพราะมัวแต่ทำงาน เรื่องที่มักจะยกหน้าที่การออกงานสังคมให้นวินดาแบกรับจัดการทั้งที่เธอไม่ชอบนัก เรื่องที่ในช่วงหลังไม่ค่อยหือค่อยอือหรือมีส่วนร่วมกับกิจกรรมครอบครัวใด ๆ เพราะมองว่าค่อยให้ความสำคัญในวันหลังก็ได้ ธนวรรธน์มักจัดการปัญหาเหล่านั้นผ่าน ๆ ไม่ได้เด็ดขาดจนทำให้เธอสบายใจได้อย่างแท้จริง เมื่อเวลาล่วงผ่านจนมาถึงวินาทีปัจจุบัน เขาก็พบว่าตนเองไม่สามารถหาเหตุผลได้แล้วว่าเธอนั้นเดินจากกันไปเพราะสาเหตุที่แน่ชัดประการใด
เหตุปัจจัยมีมากมายเกินกว่าจะระบุมัน
แม้พวกเขาจะไม่ได้หย่ากันตามกฎหมาย เนื่องจากคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกชายเป็นหลัก ทว่าพวกเขาตัดสินใจแยกบ้านกันอยู่ เลิกเป็นสามีภรรยากันในทางพฤตินัย
ธนวรรธน์รู้แค่ว่านวินดาคงอึดอัดกับสภาพที่เหมือนนกน้อยในกรงทองโดยไม่เต็มใจ
วันนี้เธอจึงเลือกเดินจากไป ไม่มีใจจะรักกันดังเช่นวันวานที่ผ่านมา
วินาทีที่รถคันงามแล่นออกจากอาณาเขตคฤหาสน์เรือนงามหรูหรา ธนวรรธน์พบว่าเขาใช้ชีวิตในส่วนของครอบครัวผิดพลาดไป
แต่มันสายเกินกว่าจะแก้ไขให้ทุกอย่างกลับมา
แก้วที่ร้าวไม่มีทางซ่อมให้เหมือนเดิมได้ด้วยมือเปล่า
ความรักของเขากับนวินดาก็คงไม่ต่างจากมัน
หรือหากมีวิธีที่พอจะเอากลับมาได้เขาก็คงไม่อยากทำ
เพราะการอยากให้เธอกลับมาอยู่เคียงข้างกันนั้นมันดูเห็นแก่ตัวมากจนเกินไป…
.
ปัจจุบัน
“คุณวรรธน์คะ”
“...”
“คุณคะ เหม่ออะไร”
“เปล่าจ้ะ” ธนวรรธน์ยิ้มตอบกลับภรรยาคนสวยหลังจากเธอเรียกเขากลับมาสู่โลกปัจจุบัน ไม่มีทีท่าสะดุ้งตกใจใด ๆ ให้เธอสังเกตทั้งนั้น ทว่าเมื่อครู่เผลอหลุดเข้าไปในภวังค์ความคิดของตนเองเสียได้
นวินดายืนส่งยิ้มให้เขา ในอ้อมกอดมีดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ ซึ่งเขามักให้เธอปีละครั้ง ไม่ได้ให้ในวันวาเลนไทน์ดังเช่นช่วงเวลาเมื่อครั้งยังรักกัน แต่ให้ในวันครบรอบแต่งงานในฐานะมิตรภาพของคนในครอบครัว
มันแปลก มันเข้าใจยาก เขาเองก็ไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้
แต่เรื่องภายในครอบครัวนั้นไม่จำเป็นต้องอธิบายให้บุคคลภายนอกเข้าใจ
เพียงแค่นวินดาอนุญาตให้ทำได้ก็พอแล้ว
“เปล่าก็ดีแล้วค่ะ อย่าเหม่อลอยนัก ขับรถกลับดี ๆ นะคะคุณ”
“ค่ะ ถ้าถึงแล้วเดี๋ยวผมบอกนะ”
มีเพียงรอยยิ้มใจดีของนวินดาที่ตอบกลับเท่านั้น เธอคงมองเขาเป็นคนในครอบครัว เสมือนเพื่อนคู่คิดเรื่องลูกชายมากกว่ามองเป็นสามีในเชิงโรแมนติกไปเสียแล้วกระมัง
“งั้นผมกลับละ”
“ขับรถดี ๆ นะคะคุณวรรธน์”
เขาพยักหน้าน้อย ๆ ให้เธอก่อนจะหมุนตัวกลับ เดินอ้อมหน้ารถมาเปิดประตูรถหรูฝั่งคนขับออก จากนั้นเบนสายตาขึ้นมาโฟกัสไปยังเธออีกรอบโดยยังไม่ยอมขึ้นรถ
นวินดาเลิกคิ้วพร้อมรอยยิ้มราวกับกำลังถามว่าทำไมเขาไม่ขึ้นไปเสียทีล่ะ
ในใจตอนนี้ของเขามันโลภน่ะ
มันคิดถึง โหยหา แต่ก็ไม่อยากจะเห็นแก่ตัวกับนวินดาไปมากกว่านี้แล้ว
ปัญหาบางอย่างพอล่วงเลยมานาน ๆ มันก็ไร้หนทางแก้ไข ทำได้เพียงเดินต่อไปข้างหน้า
“ผมคิดถึงคุณนะดา”
“...”
“ฝันดีนะคะคุณ” เขาพูดออกมาในที่สุด
เธอนิ่งชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่นานรอยยิ้มใจดีก็คลี่ออกมารับคำบอกกล่าวนั้นไว้
“ขอบคุณค่ะ ไม่ต้องคิดถึงฉันมากนะคะ”
“...”
“ฝากบอกป้าแหววให้หน่อยได้ไหมว่า ถ้าว่าง ๆ ฉันจะเข้าไปทานอาหารเย็นที่บ้านใหญ่กับคุณค่ะ”
ดวงตาของเธอโค้งเป็นสระอิ น่ารัก คงเป็นจังหวะเดียวกันที่หัวใจอันบอบช้ำถูกเด็ดปีกของธนวรรธน์กลับมาโบยบินได้ เขาคลี่ยิ้มรับคำไหว้วานของคุณนาย ยิ้มในรอบหลายวัน
จากนั้นก็ถึงเวลาจากกันจริง ๆ แล้ว
ความสุขของธนวรรธน์คงเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่ไม่เอาความรักของตนเองไปทำร้ายภรรยาด้วยการเห็นแก่ตัวซ้ำ ๆ และมีชีวิตอยู่บนโลกนี้นาน ๆ เพื่อมองดูลูกชายสุดที่รักเติบโตอย่างงดงามในอนาคตได้
รถคันละหลายล้านแล่นออกไปจากคอนโด...
(จบบริบูรณ์)
#จักรวาลหมุนรอบความสุข
ขอบคุณที่แวะมาอ่านจนจบนะคะ
ความคิดเห็น