NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จักรวาลหมุนรอบความสุข (Spin off เล่มพี+เขตต์)

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 7 ✿ ความสุขของคนเคยรักกัน

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 67


     

    7

    ความสุขของคนเคยรักกัน 

     

    “ฉันดูดีหรือยังคุณแหวว”

    “หล่อแล้วค่ะคุณผู้ชาย นัดวันนี้คุณผู้หญิงคงประทับใจแน่นอนค่ะ” 

    “ได้ยินแบบนี้ค่อยอุ่นใจหน่อยน่ะนะ...ฉันไปล่ะ ฝากดูแลบ้านด้วยนะคุณแหวว”

    “เดินทางปลอดภัยนะคะ” 

    แผ่นหลังของผู้ชายวัยกลางคนในชุดสูทตัดเย็บอย่างดีห่างไกลออกไปหลังจากบทสนทนากับแม่บ้านจบลง ธนวรรธน์ยิ้มให้คนขับรถก่อนจะรับกุญแจไปขับเอง ไม่นานนักรถเบนซ์คันสีดำมันปลาบก็แล่นออกจากคฤหาสน์หลังละร้อยกว่าล้านที่เงียบเหงาจนน่าใจหาย

    รถคันเดิมแล่นมาจอดในลานจอดรถคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท เจ้าของรถลงจากพาหนะแล้วพาตนเองขึ้นไปหาบุคคลที่นัดเอาไว้ถึงหน้าห้อง ธนวรรธน์ยืนรออยู่ตรงหน้าหมายเลขห้องที่คุ้นเคยอย่างใจเย็นเพื่อรอให้บุคคลในห้องเปิดประตูให้

    คอนโดห้องนี้เป็นของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาเอง เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้วก็ถือได้ว่าเป็นความภูมิใจเล็ก ๆ ที่เขตต์ใช้เงินของตนเองซื้อมันได้ ทว่าคนที่เขาจะมารับออกไปไม่ใช่ลูกชาย แต่เป็นภรรยา 

    ภรรยาในทะเบียนสมรส แต่แยกกันอยู่มานานเสียจนเกือบจำไม่ได้ว่ากี่ปีแล้ว 

    นานเสียจนธนวรรธน์ชินชากับการอยู่คนเดียว คลายความเหงาเปลี่ยวด้วยการทำงานหนัก น่าตลกดีใช่ไหมล่ะที่เขาไม่เคยคิดจะไปหาเศษหาเลยนอกบ้านทั้ง ๆ ที่สามารถทำได้โดยไม่มีใครลำบากใจทั้งนั้น

    ใช่ น่าตลกเสมอละเมื่อเป็นเรื่องของความรัก 

    “มาแล้วเหรอคะคุณ รอนานไหม” 

    “ไม่นานค่ะ” ธนวรรธน์ตอบกลับผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังคงสวยสะพรั่งไม่ค่อยต่างจากในความทรงจำของเขาเมื่อหลายสิบปีก่อนด้วยใบหน้าผ่อนคลายพร้อมใช้น้ำเสียงนุ่มลึก นวินดายังคงสวยเสมอแม้เวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สำคัญ เป็นแม่ของลูกชายคนเดียวของเขา เป็นคนที่ธนวรรธน์รักไม่เสื่อมคลาย เป็นผู้หญิงที่เขาอยากให้เธอมีความสุข แม้จะแปลว่าเขาต้องปล่อยแม่นกน้อยออกจากกรงทองก็ตาม 

    “สักครู่นะคะ ฉันไปหยิบกระเป๋าก่อน”

    “ตามสบายนะคุณ” 

    หลังจากนวินดาหายเข้าไปในห้องไม่นาน เธอก็เดินออกมาจากห้องนั้น จับจองแขนข้างขวาของเขาอย่างมั่นคงพร้อมเดินเคียงคู่กันออกมาอย่างสง่างาม 

     

     

     

     

     

     

    หากมีคนพูดว่าผู้ชายดี ๆ นั้นหายาก นวินดาคงเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าประโยคนั้นมันช่างจริงแท้เสียเหลือเกิน ทว่าเธอคงต้องขอยกเว้นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกับสามีที่ยังมีใบทะเบียนสมรสตามกฎหมาย แต่แยกย้ายกันอยู่คนละบ้านมาไม่ต่ำกว่าสิบปีแล้วเอาไว้ 

    สำหรับเขตต์ผู้เป็นลูกชายและเป็นเจ้าของห้องชุดที่เธอมักจะแวะมาพักอาศัยเวลาเข้ากรุงเทพฯ เธอกล้าพูดว่าเธอสั่งสอนเขาให้เติบโตมาอย่างดี รู้จักมารยาทการให้เกียรติคนทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร การดูแลใส่ใจคนรอบข้างเป็นที่หนึ่ง ยิ่งเรื่องหน้าตาบุคลิกภาพคงไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะมันจะดูน่าหมั่นไส้จนเกินเรื่อง ติดอยู่แค่นิสัยบ้างานจนน่าเป็นห่วง กลัวว่าจะหาแฟนไม่ได้ ต้องอยู่เหงา ๆ คนเดียวกับงานจนแก่ตาย เธอจึงมักชอบแซวเรื่องลูกสะใภ้กับเขาช่วงหลายปีก่อนเป็นพัก ๆ แต่ปัจจุบันนี้เจ้าเขตต์น่ะเป็นฝั่งเป็นฝาไม่น่าเป็นห่วงแล้ว แถมยังหาลูกสะใภ้มาให้แม่ได้ถูกใจมาก แล้วจะนับเขาเข้าไปในผู้ชายที่ไม่ดีได้อย่างไร 

    ส่วนธนวรรธน์ผู้เป็นสามี ผู้ซึ่งมีหน้าตาและบุคลิกภายนอกล่อตาล่อใจสาว ๆ ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่มาตั้งแต่สมัยยังรู้จักดูใจกัน กาลเวลาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าธนวรรธน์ไม่ใช่ผู้ชายมักง่ายเอาแต่ได้ แม้เขาจะดูเจ้าชู้แพรวพราวหล่อเหลาพร้อมเปย์สาวเล็กสาวใหญ่ขนาดไหน ความจริงแล้วเขากลับเป็นเพียงผู้ชายที่ใช้ชีวิตได้แสนเหี่ยวเฉา ตั้งแต่แยกกันอยู่กับเธอ เขาดูปิดตัวเองและไม่ค่อยอยากเปิดรับใครหน้าไหน แม้ภายนอกจะแสดงออกว่ามีความสุขสำราญกับชีวิตเพียงใด ความรู้สึกของนวินดาเมื่อได้ทอดสายตามองพินิจไปยังธนวรรธน์เมื่อใดก็ยังคงเป็นอย่างนั้น...น่าใจหาย เศร้าจัง

    แต่จะพูดว่าเข้าใจชายผู้เป็นสามีหรือความรู้สึกที่เธอรับรู้ได้นั้นเป็นเรื่องจริงก็คงจะพูดไม่ได้ หากเธอเข้าใจ เธอกับเขาคงไม่แยกกันอยู่อย่างนี้ 

    บางทีเรื่องผิดพลาดที่ทำให้พวกเขาต้องแยกย้ายกลายเป็นเพียงเส้นขนานที่เดินทางไปพร้อมกันแต่ไม่มีวันกลับมาบรรจบกันได้คงไม่เกิดขึ้น 

    ทว่ากาลเวลานั้นไม่มีวันหวนคืน ไร้ประโยชน์หากมามัวนั่งคิดถึงอดีตอย่างเสียดาย ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลง เหลือไว้เพียงเรื่องจริงในอดีต มิตรภาพ และกัลยาณมิตรที่ยังคงหวังดีต่อกันจนถึงปัจจุบันนี้

    ความสัมพันธ์ของเธอกับธนวรรธน์นั้น หากเธอพูดให้คนอื่นฟังก็คงไม่ค่อยมีคนเข้าใจ นอกจากนั้นอาจโดนถามซอกแซกอีกว่าแยกกันอยู่ทำไมในเมื่อก็ยังดูรักกันดี

    นั่นสิ…

    นวินดาตอบคำถามนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันคงเป็นเรื่องของจังหวะชีวิต ความคิด ความฝัน ความคาดหวัง ความไม่เข้าใจกัน รวมถึงความดื้อรั้นในช่วงอายุที่ยังไม่รู้จักชีวิตมากมายเท่าทุกวันนี้ของพวกเขาทั้งสองเอง แล้วจะกลับไปแก้ไขได้อย่างไร

    ต่อให้เธอไม่อยากให้ธนวรรธน์เสียใจ แต่ก็ทำให้เขาเสียใจไปแล้ว

    ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดว่าตนเองในตอนนั้นตัดสินใจหย่ากับเขาเพราะปัญหาใด 

    ในเมื่อเขาต้องการปกปิด ไม่อยากแก้ไขความเข้าใจผิดของเธอจนเวลาล่วงเลยมาเกินคำว่าสายไปเสียขนาดนั้น ในวันที่ชีวิตมั่นคงมีความสุข และได้ทำความฝันเป็นของตนเอง เธอก็ไม่อยากกลับไปจุกจิกกับความรักฉันชายหญิงอีกแล้ว

    ความรักน่ะ มีหลายรูปแบบ เธอมาเข้าใจเอาก็ตอนแก่ลงทุกวัน

    ตอนนี้นวินดารู้แค่ทุกวันนี้เธอกับธนวรรธน์เป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นคนที่หวังดีอยากให้มีความสุข เป็นเพื่อนคู่คิดสามารถปรึกษาพูดคุยกันเรื่องลูกได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เป็นคนคนหนึ่งที่เธอหวังอยากให้เขามีความสุขจากใจจริง แม้ความสุขในบางสิ่งเธอจะทำให้เขาไม่ได้

    ที่เธอให้เขาได้ คงเป็นความสัมพันธ์ฉันครอบครัวคนสำคัญที่พร้อมจะกางปีกปกป้องเขาในวันที่เขาไม่มีใคร ทำตามคำขอในเรื่องเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ความรักแสนโรแมนติกหวือหวา หรือสมบูรณ์แบบอย่างใครวาดหวังไว้

    อย่างเช่น การยอมรับนัดทานข้าวด้วยกันพร้อมกับอัปเดตชีวิตในวันครบรอบแต่งงานให้เขาฟังทุกปี

    ใช่แล้ว...วันนี้

    วันครบรอบแต่งงาน

     

     

     

     

     

     

    “ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้างคะ ได้คุยกับลูกบ่อยไหม” คุณผู้หญิงถาม

    “ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกับน้องเขตต์เท่าไรค่ะ เห็นว่าช่วงนี้ลูกยุ่ง ๆ” เจ้าของกระแสเสียงนุ่มทุ้มลึกตอบกลับ 

    ธนวรรธน์สนิทกับลูกชายมาก ไม่แพ้กับที่ลูกชายสนิทกับแม่ของเขา เสียอยู่ก็แต่เขากับแม่ของลูกชายไม่ค่อยสนิทกันเท่าไรในปัจจุบันแล้ว เรียกว่าเป็นครอบครัวแต่ยังมีความเกรงอกเกรงใจกันมาก อีกทั้งธนวรรธน์ยังค่อนข้างกังวลว่าตนจะล้ำเส้นที่นวินดาขีดไว้ในบางคราว

    “นั่นสิคะ ฉันเองก็เหมือนกัน ตาเขตต์นะตาเขตต์ นี่ขนาดแต่งงานแล้ว แทนที่จะมีหลานให้แม่อุ้ม เปล๊า! ก็บ้างานเหมือนเดิมนั่นแหละ แถมหนูจูก็ให้ท้ายเจ้าตัวไปเรื่อยอีก” 

    ธนวรรธน์นั่งยิ้มฟังผู้หญิงมีอายุคนสวยบ่นลูกชายของพวกเขาพร้อมอมยิ้มในหน้า นวิดาส่ายหน้าเล็กน้อยขณะกำลังใช้มีดหั่นสตูเนื้อในจานให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย 

    “ยิ้มอะไรคะคุณ” เธอตวัดสายตาขึ้นมาเจอสีหน้าของธนวรรธน์พอดีจึงเอ่ยถาม ฝ่ายสามีที่แยกบ้านกันอยู่หัวเราะเบา ๆ จนตาเป็นสระอิ หางตาขีดตามร่องรอยแห่งวัยดูคล้ายตากำลังยิ้ม 

    “ยิ้มเพราะมีความสุขค่ะ คุณดาก็อย่าไปเซ้าซี้ลูกเรื่องนี้นักเลยน่า เดี๋ยวลูกอยากมีเจ้าตัวเล็กก็คงมีเองนั่นละ” 

    “แหม คุณก็พูดได้สิคะ ฉันเหงาอยากอุ้มหลานตัวเล็ก ๆ นี่” 

    “สมัยสาว ๆ คุณก็ไม่ได้อยากจะมีเจ้าเขตต์ไวนี่คะ กว่าผมจะได้มีเจ้าตัวเล็กให้ช่วยเลี้ยงก็หลายปีนะคะคุณดา”

    “...” นวินดาเงียบกริบเมื่อได้ฟังความหลังครั้งวันวานสมัยที่ยังรักกับธนวรรธน์ดี ไม่มีเรื่องเข้าใจผิด ไม่ได้แยกย้ายกันอย่างทุกวันนี้ พอมาฟังตอนนี้ก็จั๊กจี้หูดีเหมือนกัน ภาพความทรงจำแสนหอมหวาน นึกถึงกี่ครั้งก็ยังคงเป็นวันวานที่ทั้งหวานทั้งขมเสียจริง

    เธอรีบสลัดความคิดไม่จำเป็นออกจากหัวแล้วฟังคนตัวล่ำสันตรงหน้าต่อ

    “ถ้าคุณเหงาก็กลับมาอยู่บ้านใหญ่ด้วยกันสิ แล้วคุณอยากจะทำอะไรที่บ้านก็ตามสบาย ถ้าอยากเปิดร้านสาขาที่กรุงเทพฯ ผมจะให้คนไปดูที่ทางให้” 

    แกร๊ก!

    ธนวรรธน์หน้าตาตื่นกลัวว่าสิ่งที่พูดจะทำให้เธอไม่พอใจ 

    “ขอโทษค่ะ ช้อนบินจนได้” คุณผู้หญิงของคืนนี้พูดเขิน ๆ พร้อมรอยยิ้มที่เห็นเมื่อไรก็ตกหลุมรัก รู้สึกคิดถึงคล้ายอยากจะขาดใจให้ได้ทุกที 

    ธนวรรธน์มีสีหน้าผ่อนคลายเมื่อพบว่าเธอไม่ได้หงุดหงิด เขายิ้มส่ายหน้าเล็ก ๆ อย่างอ่อนใจ เรียกพนักงานมาทำความสะอาดให้และขอช้อนใหม่ให้เธอ 

    ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าลูกชายของธนวรรธน์โก๊ะได้ใคร...ไม่ใช่เขาแน่นอน

    แล้วมันจะเป็นใครที่ไหนเล่า ก็ได้แม่มาเต็ม ๆ เลยน่ะสิ 

    คืนพระจันทร์นวลผ่องส่องสว่างเต็มดวง ธนวรรธน์นั่งทานมื้อค่ำกับภรรยาคนสวยอยู่บนรูฟท็อปบาร์หรูย่านใจกลางเมือง เป็นร้านที่เขาตั้งใจเลือกมาเพื่อวันครบรอบแต่งงาน อย่างน้อยมันทำให้หายคิดถึงผู้หญิงที่มานั่งร่วมโต๊ะด้วยกันในคืนนี้ได้บ้าง 

     

     

     

     

     

     

    สิบห้าปีที่แล้ว 

    “เราหย่ากันนะคะ”

    ประโยคแสนเจ็บปวดที่เจ้าของริมฝีปากสวยเปล่งออกมาบาดลึกเหมือนกริชแทงลงกลางหัวใจของธนวรรธน์ มันยังคงแจ่มชัดอยู่ในห้วงความทรงจำ ครั้งแรกที่นวิดาพูดประโยคนี้คือเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ครึ่งปีก่อนที่ชีวิตอันแสนเหมือนสวรรค์ของเขาจะถูกทำลายลง 

    ธนวรรธน์ได้แต่มองผู้หญิงที่ได้ชื่อว่ายังคงเป็นภรรยาคนสวยที่ยังคงถูกต้องตามกฎหมายของเขาลากกระเป๋าใบโตซึ่งเป็นสัมภาระชิ้นสุดท้ายของเธอขึ้นรถเก๋งคันงาม 

    ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สะสมในชีวิตแต่งงานยี่สิบปี ครั้งหนึ่งเคยคิดว่ามันคงหายไปเองโดยไม่ควรไปสะกิดขึ้นมาสะสางใหม่ เพียงยกมาปรับความเข้าใจแค่เพื่อให้เธอสบายใจก็พอแล้ว ใครจะคิดเล่าว่าวันหนึ่งปัญหาที่สะสางไม่ทันเสร็จดีเหล่านี้จะสะสมจนกลายเป็นค้อนตะบันฟางเส้นสุดท้ายของภรรยา 

    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหึงหวงที่เขามักรายล้อมไปด้วยสาวสวยมากหน้าหลายตาตามประสานักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เรื่องที่เขาไม่มีเวลาให้คนที่บ้านเพราะมัวแต่ทำงาน เรื่องที่มักจะยกหน้าที่การออกงานสังคมให้นวินดาแบกรับจัดการทั้งที่เธอไม่ชอบนัก เรื่องที่ในช่วงหลังไม่ค่อยหือค่อยอือหรือมีส่วนร่วมกับกิจกรรมครอบครัวใด ๆ เพราะมองว่าค่อยให้ความสำคัญในวันหลังก็ได้ ธนวรรธน์มักจัดการปัญหาเหล่านั้นผ่าน ๆ ไม่ได้เด็ดขาดจนทำให้เธอสบายใจได้อย่างแท้จริง เมื่อเวลาล่วงผ่านจนมาถึงวินาทีปัจจุบัน เขาก็พบว่าตนเองไม่สามารถหาเหตุผลได้แล้วว่าเธอนั้นเดินจากกันไปเพราะสาเหตุที่แน่ชัดประการใด

    เหตุปัจจัยมีมากมายเกินกว่าจะระบุมัน

    แม้พวกเขาจะไม่ได้หย่ากันตามกฎหมาย เนื่องจากคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกชายเป็นหลัก ทว่าพวกเขาตัดสินใจแยกบ้านกันอยู่ เลิกเป็นสามีภรรยากันในทางพฤตินัย

    ธนวรรธน์รู้แค่ว่านวินดาคงอึดอัดกับสภาพที่เหมือนนกน้อยในกรงทองโดยไม่เต็มใจ 

    วันนี้เธอจึงเลือกเดินจากไป ไม่มีใจจะรักกันดังเช่นวันวานที่ผ่านมา

    วินาทีที่รถคันงามแล่นออกจากอาณาเขตคฤหาสน์เรือนงามหรูหรา ธนวรรธน์พบว่าเขาใช้ชีวิตในส่วนของครอบครัวผิดพลาดไป 

    แต่มันสายเกินกว่าจะแก้ไขให้ทุกอย่างกลับมา 

    แก้วที่ร้าวไม่มีทางซ่อมให้เหมือนเดิมได้ด้วยมือเปล่า 

    ความรักของเขากับนวินดาก็คงไม่ต่างจากมัน 

    หรือหากมีวิธีที่พอจะเอากลับมาได้เขาก็คงไม่อยากทำ 

    เพราะการอยากให้เธอกลับมาอยู่เคียงข้างกันนั้นมันดูเห็นแก่ตัวมากจนเกินไป…

    .

    ปัจจุบัน

    “คุณวรรธน์คะ”

    “...”

    “คุณคะ เหม่ออะไร”

    “เปล่าจ้ะ” ธนวรรธน์ยิ้มตอบกลับภรรยาคนสวยหลังจากเธอเรียกเขากลับมาสู่โลกปัจจุบัน ไม่มีทีท่าสะดุ้งตกใจใด ๆ ให้เธอสังเกตทั้งนั้น ทว่าเมื่อครู่เผลอหลุดเข้าไปในภวังค์ความคิดของตนเองเสียได้ 

    นวินดายืนส่งยิ้มให้เขา ในอ้อมกอดมีดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ ซึ่งเขามักให้เธอปีละครั้ง ไม่ได้ให้ในวันวาเลนไทน์ดังเช่นช่วงเวลาเมื่อครั้งยังรักกัน แต่ให้ในวันครบรอบแต่งงานในฐานะมิตรภาพของคนในครอบครัว 

    มันแปลก มันเข้าใจยาก เขาเองก็ไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้

    แต่เรื่องภายในครอบครัวนั้นไม่จำเป็นต้องอธิบายให้บุคคลภายนอกเข้าใจ 

    เพียงแค่นวินดาอนุญาตให้ทำได้ก็พอแล้ว

    “เปล่าก็ดีแล้วค่ะ อย่าเหม่อลอยนัก ขับรถกลับดี ๆ นะคะคุณ”

    “ค่ะ ถ้าถึงแล้วเดี๋ยวผมบอกนะ”

    มีเพียงรอยยิ้มใจดีของนวินดาที่ตอบกลับเท่านั้น เธอคงมองเขาเป็นคนในครอบครัว เสมือนเพื่อนคู่คิดเรื่องลูกชายมากกว่ามองเป็นสามีในเชิงโรแมนติกไปเสียแล้วกระมัง 

    “งั้นผมกลับละ”

    “ขับรถดี ๆ นะคะคุณวรรธน์” 

    เขาพยักหน้าน้อย ๆ ให้เธอก่อนจะหมุนตัวกลับ เดินอ้อมหน้ารถมาเปิดประตูรถหรูฝั่งคนขับออก จากนั้นเบนสายตาขึ้นมาโฟกัสไปยังเธออีกรอบโดยยังไม่ยอมขึ้นรถ 

    นวินดาเลิกคิ้วพร้อมรอยยิ้มราวกับกำลังถามว่าทำไมเขาไม่ขึ้นไปเสียทีล่ะ 

    ในใจตอนนี้ของเขามันโลภน่ะ 

    มันคิดถึง โหยหา แต่ก็ไม่อยากจะเห็นแก่ตัวกับนวินดาไปมากกว่านี้แล้ว 

    ปัญหาบางอย่างพอล่วงเลยมานาน ๆ มันก็ไร้หนทางแก้ไข ทำได้เพียงเดินต่อไปข้างหน้า

    “ผมคิดถึงคุณนะดา”

    “...”

    “ฝันดีนะคะคุณ” เขาพูดออกมาในที่สุด

    เธอนิ่งชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่นานรอยยิ้มใจดีก็คลี่ออกมารับคำบอกกล่าวนั้นไว้

    “ขอบคุณค่ะ ไม่ต้องคิดถึงฉันมากนะคะ”

    “...”

    “ฝากบอกป้าแหววให้หน่อยได้ไหมว่า ถ้าว่าง ๆ ฉันจะเข้าไปทานอาหารเย็นที่บ้านใหญ่กับคุณค่ะ” 

    ดวงตาของเธอโค้งเป็นสระอิ น่ารัก คงเป็นจังหวะเดียวกันที่หัวใจอันบอบช้ำถูกเด็ดปีกของธนวรรธน์กลับมาโบยบินได้ เขาคลี่ยิ้มรับคำไหว้วานของคุณนาย ยิ้มในรอบหลายวัน 

    จากนั้นก็ถึงเวลาจากกันจริง ๆ แล้ว

    ความสุขของธนวรรธน์คงเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่ไม่เอาความรักของตนเองไปทำร้ายภรรยาด้วยการเห็นแก่ตัวซ้ำ ๆ และมีชีวิตอยู่บนโลกนี้นาน ๆ เพื่อมองดูลูกชายสุดที่รักเติบโตอย่างงดงามในอนาคตได้

    รถคันละหลายล้านแล่นออกไปจากคอนโด...

     

     

     

     

     

     (จบบริบูรณ์) 

    #จักรวาลหมุนรอบความสุข

    ขอบคุณที่แวะมาอ่านจนจบนะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×