ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Alice's good brother พี่ชายที่แสนดีของอลิซ(Aill fic รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #7 : ความสงบสุขที่เริ่มจะหายไปทีละนิด

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 65


    เวลา สองทุ่ม ณ โรงงานร้าง

     

    ตึก…ตึก…ตึก

     

    ท่ามกลางความเงียบสะงัด ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เป็นฝีเท้าของคนสองคนที่เดินมาประจบพบเจอกัน

     

    "มาแล้วสินะครับคุณเกลนดอน เป็นเกียรติจริงๆที่ได้มานะครับ"

     

    แดเนียลกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ

     

    “เห้อ คิดว่าอยากมาหรือไง ถ้าไม่ติดที่ว่าโดนรู้เรื่องนี้นะ”

     

    "แหมๆ ผมก็จำเป็นต้องทำแบบนี้นะครับคุณเกลนดอน แต่ก่อนจะเริ่ม คุณอยากจะถามอะไรผมก่อนรึเปล่าครับ?"

     

    “ไม่มีหรอก ฉันไม่อยากรู้ว่านายใช้หลักการอะไรดัดแปลงร่างกายนายให้เป็นแบบนั้นหรอก”

     

    "โอ๊ะ? รู้เรื่องของผมด้วยหรอครับเนี่ย? น่าทึ่งจริงๆ สมแล้วที่เป็นผู้ครองพลังที่แข็งแกร่งที่สุด"

     

    แดเนียลกล่าวพลางนวดมือตัวเองเบาๆ

     

    “พอดีทางฉันก็มี สายข่าว ละนะ ถึงเจ้านั้นจะไม่ใช่มนุษย์ก็เถอะ”

     

    "แหมๆ~ ผมล่ะอยากเจอจริงๆ แต่ว่าวันนี้ต้องเริ่มที่คุณก่อนก็แล้วกันนะครับ ให้ผมให้เห็นสิ่งที่ผมต้องการทีเถอะนะครับ"

     

    แดเนียลกล่าวแบบนั้นแล้วเดินเข้าไปหาเกลนดอนทีละก้าวๆ

     

    “นายต้องการอะไร?”

     

    "ผมแค่ยากจะรู้ว่า อะไรที่ทำให้คุณเกลนดอนได้รับฉายาว่า ผู้ครองพลังที่แข็งแกร่งที่สุดยังไงล่ะครับ"

     

    “ไม่ต้องรู้หรอก แต่ฉันสงสัยนะ ไปเอาฉายางี้เง่านี้มาจากไหนกัน ฉันจำได้ว่าฉันใช้แค่ตอนนั้นไปแค่ครั้งเดียวนะ ผ่านไปแค่ไม่กี่วันก็มีฉายาพวกนี้ผุดมาแล้วหรอ?”

     

    "พอดีคนในวงการมืดตั้งฉายาให้หลังจากเห็นคลิปสั้นๆจากคุณ….เท่านั้นเองล่ะครับ!"

     

    แดเนียลพูดจบ เขาก็แบมือและทำมือคล้ายรูปมีดแล้วแทงโจมตีเกลนดอน

     

    ฟึบ!

     

    แต่มือของแดเนียลก็เหวียงออกไปจากเป้าหมาย โดยที่เกลนดอนยังอยู่ที่เดิม

     

    “ฉันหาข้อมูลมามากพอควรนะ รู้ว่าคุณมันชำแหละสิ่งที่คุณสนใจเนี้ย แต่ไม่คิดว่ากะชำแหละสิ่งมีชีวิตนะ”

     

    "แหมๆ คงจะเรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกส่วนตัวของผมก็ได้นะครับ แต่เหมือนว่าคุณจะมีอะไรดีๆซ่อนอยู่เยอะกว่าที่คิดไว้ นึกว่าแขนผมจะกระจุยไปแล้วซะอีก"

     

    “โทษทีละกัน ฉันยังไม่อยากใช้พลังมากเท่าไหรหรอก เพราะฉันตัดสินใจที่ะใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนคนปกติ”

     

    "หืม?"

     

    แดเนียลแอบเลิกคิ้วเบาๆด้วยความสงสัยในคำพูดของเกลนดอน

     

    “และฉันก็ไม่อยาก ฆ่า อะไรเพิ่มหรอกนะ”

     

    "....."

     

    แดเนียลยิ้มมุมปากเหมือนจะคิดอะไร ก่อนจะถามเกลนดอนไปว่า

     

    "อะไรที่ผลักดันคุณให้ทำหรืออยากมีชีวิตอย่างคนปกติหรอครับ?"

     

    “ถามงี้คิดว่าฉันจะตอบหรือไง?”

     

    "มนุษย์น่ะ มักจะมีอะไรมากระตุ้นที่ทำให้ตนมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อแม้ว่ามันจะน่ำแย่เพียงใดก็ตาม ผมถึงได้สนใจและถามคุณว่าอะไรที่ผลักดันคุณให้อยากมีชีวิตแบบปกติสุขยังไงล่ะครับ หรือคำถามของผมมันทำให้คุณตอบไม่ได้? ผมคงจะลุกล้ำมากไปสินะ"

     

    แดเนียลพูดจบก็ทำการสะบัดมือของตนฟาดไปที่คอของเกลนดอนอีกที

     

    “อ่า เพราะนี้มันส่งผลถึงความปลอดภัย ฉันก็ขอไม่บอกละนะ”

     

    เกลนดอนกล่าว ขณะที่มีม่านควันสีดำโผล่มาป้องกันเอาไว้อย่างน่าแปลกประหลาด

     

    "คุณรู้ไหมครับว่าในจะมีคนจ้องจะจัดการคุณที่นอกจากผมอยู่น่ะ?"

     

    (ซีโร่ : พวกมรึงนี้ตีไปคุยไปกันอย่างใจเย็นกันจังวะ)

    (แมวดำ: มันก็มีไอฉากที่ตีไปคุยไปอยู่นะ0^0)

     

    “ฉันไม่สนหรอกนะ ถ้าพวกมันโจมตีมา ฉันก็แค่ป้องกันกลับไป”

     

    "แม้จะมีคนที่สามารถจัดการคุณได้อย่างงั้นหรอครับ?"

     

    “ฉันคิดว่าบนโลกนี้ไม่น่าจะมีนะ ถ้าความแข็งแกร่งยังไม่มากพอที่จะฆ่าพระเจ้า ได้นะ”

     

    "โห?"

     

    แดเนียลลดมือลง แล้วยืนเงียบๆเหมือนกับคิดอะไรอยู่ แล้วพูดต่ออีกว่า

     

    "อาจจะนอกเรื่องไปหน่อย แต่ผมอยากรู้ว่าคุณมีวิธีตัดสินใจคนว่าคนไหนเป็นคนดีไม่ดีอย่างไรหรอครับคุณเกลนดอน?"

     

    “ของแบบนั้นฉันไม่มีหรอก เพราะไอสิ่งที่เรียกว่าความดีและความเลวมันก็แค่นิยามที่ผู้คนเอาไว้แบ่งแยกคนอื่นๆที่ไม่เหมือนตัวเองไม่ใช่หรือไง?”

     

    "...แล้วถ้าเป็นคุณเกลนดอน คุณมองผมว่าเป็นคนยังไงหรอครับ?"

     

    “ผู้สูงอายุที่ดันหน้าหนุ่มผิดวัยละนะ”

     

    "...อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆ!!"

     

    จู่ๆแดเนียลก็หลุดขำออกมาจนน่าตกใจ

     

    “มีอะไรน่าขำละนั้น?”

     

    "ฮ่าๆๆ อุ๊บ! ขอโทษทีนะครับ ผมน่ะไม่ได้มีเจตนาจะล้อเลียนคุณหรือกล่าวอะไรในทางที่ไม่ดีหรอกนะครับ แต่ผมน่ะชักจะเริ่มสนใจเข้าให้แล้วสิครับ"

     

    แดเนียลกล่าวตอบโดยที่เขาพยายามกลั้นขำตัวเอง

     

    “สนใจ?”

     

    "นานแล้วนะที่ไม่ได้ขำหรือรู้สึกในแง่บวกมานานแล้วนะ เรื่องชำแหละคุณผมคงต้องวางมือไปก่อนแล้วสิครับ"

     

    “นี้คิดชำแหละจริงๆดิ”

     

    "ผมบอกว่าแค่วางมือก่อน นั่นหมายถึง ผมจะไม่ชำแหละคุณไปซักพัก เพื่อผมจะคอยอะไรที่น่าสนใจในตัวคุณไปก่อน"

     

    “ไม่ต้องแค่วางมือแล้วหายไปเลยจะน่าขอบคุณมากกว่าเยอะ”

     

    "ใจร้ายจังเลยนะครับ ผมน่ะเป็นคนประเภทที่ว่า จะช่วยคนที่ผมคิดว่าดีจริงๆเท่านั้น และผมก็เจอเข้าให้แล้วล่ะครับ"

     

    แดเนียลกล่าวพร้อมชี้ไปที่เกลนดอน

     

    "นั่นก็คือคุณ...คุณเกลนดอน ผมจะยอมวางมือไม่ชำแหละคุณถ้าคุณต้องการ ผมยอมให้คุณตั้งข้อเสนอให้ผมทำตามได้ ถือว่าเป็นสิทธิ์เพื่อคุณโดยเฉพาะ"

     

    “เห้อ…”

     

    เกลนดอนถอยหายใจเบาๆ ทำไมมันวุ่นวายเพียงนี้ฟะ

     

    "หืม? เป็นอะไรไปหรอครับ? นี่ผมขออะไรมากไปรึเปล่าครับ?"

     

    “ไม่หรอก”

     

    "งั้นก็ดีแล้วล่ะครับ"

     

    แดเนียลตบไหล่เกลนดอนเบาๆก่อนจะก้มไปกระซิบข้างหูเกลนดอนว่า

     

    "รีบกลับบ้านไปก่อนจะดีกว่านะครับ พอดีมีแขกมาที่นี่ ผมต้องไปต้อนรับเขาน่ะ"

     

    แดเนียลกล่าวแบบนั้นก่อนจะปล่อยมือแล้วถอยออกมาจากเกลนดอนเล็กน้อย

     

    “อ่า ขอให้โชคไม่ดีไม่มีชัย”

     

    "ฟังแล้วรู้สึกเจ็บจัง แต่ผมก็ขออวยพรให้คุณกลับบ้านอย่างปลอดภัยก็แล้วกันนะครับคุณเกลนดอน"

     

    สิ้นเสียง ทั้งคู่ก็หันหลังและแยกทางกันไป

     

    "......."

     

    แดเนียลยังคงยืนอยู่ที่เดิม เพื่อให้'คนๆนั้น'โผล่ออกมา

     

    ฟึบ!

     

    ฟุบ!!

     

    หมับ!

     

    แดเนียลทำการใช้มือซ้ายรับการโจมตีจากของแข็งที่เหมือนเป็นท่อนเหล็กจากร่างของคนๆนึงที่กระโดดโผล่พุ่งตัวออกมาด้วยความเร็วเหนือมนุษย์

     

    "อุ๊บ! มาเร็วเหมือนกันนะครับ"

     

    "ห๊าาา?~ แล้วตาแก่อย่างนายทำไมถึงปล่อยเหยื่อไปแบบนั้นล่ะ?"

     

    คนๆนั้นมีน้ำเสียงแหบพร่าและยานคาง แต่แฝงไปด้วยความฉุนฉิวอย่างรุนแรง

     

    "ผมแค่จะลองย้ายฝั่งดู เพราะผมนั้นสนใจในตัวเขาขึ้นมา เพราะงั้นผมจะไม่ให้ใครมารังความชีวิตของคุณเกลนดอนเด็ดขาดหรอกครับ!"

     

    แดเนียลกล่าวแบบนั้นแล้วจับคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วเหวียงลงกับพื้น

     

    "อึก?! หนอย..!! นายนี่มัน...เหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกเห็นจริงๆ"

     

    "หึๆ นานๆทีจะออกแรงเองแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันครับ ว่าไงล่ะครับคุณผีปอบญี่ปุ่น"

     

    "ก็เข้ามาเด้ไอ้ตาแก่หนังซีด!"

     

    แล้วหลังจากนั้น เสียงการเข้าปะทะก็ดังขึ้น ๆม่มีใครอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือฝ่ายใดแพ้ชนะแต่อย่างใด ปล่อยให้ค่ำคืนไร้คนคืนนี้เป็นพยานของเหตุการณ์นั้นไป….

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    วันต่อมา วันหยุดจ๊ะ

     

    แกร๊ก

     

    “ให้ตายสิ เพราะเมื่อวานกลับบ้านมาดึก เล่นซะตื่นสายเลยเหะ”

     

    เกลนดอนกล่าวเบาๆขณะเปิดประตูออกมาและเดินลงบันได

     

    "นี่ๆพี่ไอจัง อันนั้นมันอะไรหรอ?"

     

    "โอ๊ะ อันนั้นก็เป็นของเล่นนะ เป็นตัวต่อล่ะนะ"

     

    "เอ๋?~ จริงหรอคะ แต่เยอะจังเลยอะ"

     

    "ฮิๆ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่ไอจังคนนี้จะสอนและช่วยน้องอลิสจังเอง!"

     

    เมื่อก้าวเท้าของเกลนดอนลงมาที่ขั้นบันไดหนึ่งขั้น ก็ได้ยินเสียงอลิสที่กำลังพูดคุยกับเสียงของเด็กสาวที่ตนไม่คุ้นหูอย่างแรง ไม่ดิ น่าจะเรียกว่าไม่อยากได้ยินเสียงนี้มากกว่า

     

    “.....ยัยนั้นอีกแล้วหรอ?”

     

    เกลนดอนบ่นออกมาก่อนจะเดินลงบันไดมาเจอคนคุ้นหน้าอีกคน

     

    "อ้าว? อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่เกลนดอน!"

     

    อลิสโบกมือทักทาย

     

    "สวัสดีจ้า~....พี่เกลนดอน!"

     

    “มาบ้านฉันอีกทำไมฟะยัยไอ เงินหมดอีกแล้วหรอ?”

     

    "มาเล่นกับอลิสไง...แล้วใช่ เงินของไอจังหมดแล้วอะ แหะๆ~"

     

    เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม นัยน์ตาสีท้องนภา กับการกระทำที่ขัดกับบุคลิกอย่างมาก กล่าวออกมาแล้วทำหน้าแอ๊บแบ๊วเขกหัวตัวเองเบาๆ

     

    “.....สงสัยต้องไปหาเกลือมาวางไว้รอบบ้านๆแล้วสิ จำได้ว่าเมื่อสองสามวันก่อนหล่อนเพิ่งจิ๊กเงินฉันไปเองนะ”

     

    "ใจร้ายอะ! ไอ้พี่กระเป๋าตังค์เคลื่อนที่ แต่ตอนนี้อลิสจังหิวข้าวแล้วนะ ฉันก็ด้วย ช่วยทำอาหารให้ทีสิพี่เกลนดอน~"

     

    ไอกล่าวแบบนั้น อลิสจังก็เริ่มหิวแล้วด้วย

     

    “เอ่อ กำลังจะไปทำเนี้ยแหละ”

     

    "เย้!!~~"

    .

    .

    .

    .

    .

    "...ทำไมมีแค่สองจานอะ?"

     

    ไอถาม

     

    “ก็จานของฉันกับอลิสไง”

     

    "แล้วของฉันอะ?!"

     

    “ไม่มี…..”

     

    "ใจร้ายอะQAQ?!"

     

    “ก็ไม่ยอมถนอมเงินไว้ซื้ออาหาร และไม่ยอมหางานเองนี้”

     

    "งือออออTAT~"

     

    "นี่ๆ พี่เกลนดิน หนูขอถามอะไรหน่อยสิ"

     

    อลิสถาม

     

    “อะไรงั้นหรออลิส?”

     

    "คนนั้นใครอะ? หนูว่าคุ้นๆแต่จำชื่อไม่ได้"

     

    อลิสกล่าว

     

    “หืม? ใครหรอ?”

     

    "นั่นน่ะๆ"

     

    อลิสชี้ไปที่แถวหลังกำแพงที่มีเด็กหนุ่มผมสั้นสีขาวแซมดำ หน้าตาน่ารักสมวัยที่แอบย่องๆมองๆพวกเกลนดอนอยู่

     

     

    “เอ่อ น่าคุ้นๆจริงด้วยเหะ……แต่เดียวเฮ้ย! เข้าบ้านมาได้ไงฟะ?!”

     

    "เอ่อ...หวัดดีฮะ ชื่ออะไรบ้างหรอฮะ? ผมชื่อโอคุโอกะ รินเซย์ฮะ"

     

    "รินเซย์?...รินเซย์…."

     

    อลิสนั่งคิดแล้วท่องชื่อของเด็กหนุ่ม

     

    "เด็กคนนั้นมันมาอยู่บ้านพี่เกลนดอนมาซักระยะแล้วล่ะ0^0"

     

    ไอกล่าว(ที่ไอเห็นได้ คนสร้างตัวละครไม่ได้เขียนว่าไอเห็นได้ แต่พวกเราใส่กันเองแหละ)

     

    “เอ่อ แปบนะนึกก่อนชื่อคุ้นๆนะ…..อ๋อ! เจ้าเด็กผีนี้เอง!”

     

    "เอ๋? ผีหรอ??"

     

    อลิสช็อค

     

    "ผมจำไม่ได้ว่าผมมาที่นี่ได้ยังไง แต่ผมมาดีฮะ!

    ...ว่าแต่มีซักสองร้อยเยนให้ผมไหมฮะ?"

     

    "เอาไปทำไรอะ?"

     

    อลิสถาม

     

    "ไปซื้อหนมฮะ"

     

    “ผีมันไปซื้อขนมได้ด้วยหรอ?”

     

    "เอ๋?"

     

    รินเซย์ทำหน้าแบบเด๋อขึ้นมาเลย

     

    "0^0;"

     

    "0.0;"

     

    ไอจังงง อลิสก็งง

     

    "น้องเป็นผีไม่ใช่หรอ?"

     

    "เอ๋? ผมหรอ? อืม….."

     

    รินเซย์ยืนคิด แต่ก็มานึกออกว่าตัวเองเป็นผีจริงๆ เพราะตนเพิ่งมาดูขาตนที่จางๆเหมือนเด็กไม่มีขาเมื่อตะกี้

     

    (ซีโร่ : ลืมกระทั่งว่าตัวเองเป็นผีก็เกิ๊นปายยยย)

    (แมวดำ: เหอะๆ เกินจริงๆ ถ้าอั้วคุมตัวละครผิดแปลดยังไงก็มาเตือนด้วยละกันนะ)

     

    "ยังไงก็เถอะ! มาเล่นกับผมหน่อยสิฮะ ผมเหงาอะ~"

     

    รินเซย์กล่าวด้วยสีหน้าที่ดูหงอยๆ เมื่อกี้ยังมาขอตังค์เค้าอยู่แล้ว ตอนนี้ก็มาขอเล่นละ นี่น้องลืมหรอน่ะ?!

     

    "แต่ฉันเพิ่งจะได้กินข้าวเองนะ"

     

    อลิสกล่าว

     

    "ค่าข้าวเท่าไหร่ฮะ?"

     

    “40 บา—เฮ้ย! ไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่ง!”

     

    "แหะๆ โทษทีฮะ แต่ผมยังไม่รู้สึกหิวตอนนี้หรอกฮะ"

     

    รินเซย์กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่อารมณ์ดีตามประสาเด็ก

     

    “เห้อ….แค่ตัวป่วนตัวเดียวก็ปวดหัวจะแย่แล้ว”

     

    "เมื่อกี้พี่ว่าไงฮะ0^0?"

     

    รินเซย์ถาม

     

    “แค่บ่นเท่านั้นแหละ”

     

    "ดูเข้าสิๆ~ พี่เกลนดอนโดนเด็กป่วนล่ะ!"

     

    ไอเองก็ยังมาแซะกวนเกลนดอนอีกโดยที่ตนใช้นิ้วชี้จิ้มแก้มเกลนดอนสองสามทีหยอกๆ

     

    “ก็ยังดีกว่าคนที่ชอบจิ๊กเงินละกัน”

     

    "งะ0□0?!!"

     

    “ไม่ต้องมางะเลย! มาทีไร ฉกเงินฉันไปทุกครั้ง! ถึงจะมีคืนด้วยก็เถอะ”

     

    ติ๊งต่องๆ!

     

    ในตอนนั้นเองก็มีเสียงกริ่งหน้าประตูบ้านดังขึ้น ทำให้เกลนดอนต้องลุกไปเปิดดูว่าใครมา

     

    "อรุณสวัสดิ์ครับคุณเกลนดอน"

     

    อือหือ….น้ำเสียงที่สุภาพ ทุ้ม แต่ค่อนข้างแหบแห้งเล็กน้อยที่คุ้นเคยนี่มัน….

     

    ปึง แกร๊ก

     

    ไม่รอคำเพิ่มเติม เกลนดอนก็ปิดประตูแล้วก็ล็อคซ้ำไปด้วย

     

    ก็อกๆๆ

     

    "คุณเกลนดอนครับผมแค่มาเอาของฝากให้คุณเท่านั้นแหละครับ"

     

    แดเนียลขานบอกเกลนดอนจากข้างนอก

     

    “ไม่ละเกรงใจมากมาย”

     

    "พี่ชาย ใครมาหรอคะ?"

     

    อลิสเดินไปหาเกลนดอนแล้วถาม เพราะได้ยินเสียงเปิดประตูและปิดประตูแปบเดียวเอง

     

    “คนขายประกันเจ้าเดิมนะ”

     

    เกลนดอนกล่าว….แล้วไหงยังเป็นคนขายประกันอีกละ?

     

    (ซีโร่ : ยัง…ยังแกงอยู่อีก)

    (แมวดำ: เดี๋ยวก็มีคนให้แกงเพิ่มในตอนถัดไปเนี่ยแหละ เพราะผี(คนที่ตามมารังควานเกลนดอน)มันเยอะ)

    (แดนเนียล : รู้สึกสังหรไม่ดีเลยเหะ)

     

    "เอ๋? เมื่อคืนเขาก็มาไม่ใช่หรอคะ?"

     

    อลิสสงสัย

     

    “ก็นะ ตอนนี้ไปกินข้าวให้เสร็จก่อนดีกว่านะ”

     

    "หนูกินข้าวเสร็จแล้วค่า และกำลังจะไปเล่นกับพี่ไอจังด้วย พี่ชายจะไปเล่นกับหนูด้วยกันไหมคะ?"

     

    “เอาสิ แต่พี่ขอคุยกับคนขายประกันก่อนนะ ไปเล่นกับไอก่อนเลยนะอลิส”

     

    "ได้ค่า~"

     

    อลิสขานตอบแล้ววิ่งกลับไปเล่นกับไอต่อ

     

    แกร๊ก

     

    แล้วเกลนดอนก็ปลดล็อคประตูแล้วแง้มประตูออกมา

     

    “มาทำไรอีกเนี้ย”

     

    "ผมแค่มาเอาของฝากให้เพื่อนบ้านอย่างคุณไงล่ะครับ"

     

    แดเนียลกล่าวตอบแบบนั้น แล้วมอบเป็นตะกร้าที่มีขนมของหวานที่ดูน่าทานน่ากินให้เกลนดอน

     

    “เพื่อนบ้าน?”

     

    "หืม? ไม่รู้หรอครับ? บ้านผมอยู่ใกล้ๆหมู่บ้านที่คุณอยู่ ผมเดินทางผ่านมาที่หมู่บ้านนี้ประจำ ผมเลยนับคุณเป็นเพื่อนบ้านที่ผ่านทางมาอะไรแบบนี้น่ะครับ"

     

    “เอาจริง?”

     

    "คิดว่าผมโกหกหรอครับ?"

     

    “เห้อ…ให้ตายสิ”

     

    "แต่ผมก็ไม่ได้มีเจตนามาทำอะไรไม่ดีคุณเลยนะครับ ผมมาดี อีกเดี๋ยวก็ไปทำงานแล้วล่ะครับ"

     

    “น่าเชื่อถือตายละ”

     

    "ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ ผมมาดีจริงๆ"

     

    “จะพยายามเชื่อละกัน”

     

    "ถ้างั้นผมขอตัวก่อนก็แล้วกันนะครับ"

     

    แดเนียลกล่าวลาแล้วเดินจากไป 

     

    “เห้อ…สงสัยจะอยู่สงบยากแล้วสิ”

     

    พูดจบเกลนดอนก็หยิบตะกร้าขนมเข้าบ้านมา ดูท่า จะอยู่อย่างสงบสุขลำบากแน่นอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×