คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ผู้ต่อต้าน
บัลลังก์เงา
ร่างสูงโปร่งนั่งเท้าคางมองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้า
คนอื่นๆอาจมองไม่เห็นอะไร แต่กับชายคนนี้
มันแตกต่าง
“โรแลนด้า”
เสียงทุ้มๆเอ่ยเรียกเบาๆ
เพียงไม่นานร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมา
“เพคะนายท่าน” เสียงทุ้มหวานดังขึ้นก่อนร่างของหญิงสาวจะก้มลงคำนับผู้เป็นนาย
“อยากไปรับเหรอหืม” คนด้านบนว่าพลางจ้องหน้าหญิงสาวตรงหน้า ดวงไฟเล็กๆสีขาวและดำเริ่มปรากฏออกมา
ลอยไปมาล้อมรอบร่างบางไว้
เรียกให้ดวงตาสีนภายามวิกาลปรากฏขึ้น
สบเข้ากับดวงตาสีหมอกของผู้เป็นนาย
เหมือนมีกระแสไฟฟ้าบางอย่างแล่นตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาถึงศีรษะ
ทำเอาหญิงสาวชะงัก
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชายหนุ่มยกยิ้ม
แล้วเท้าคางอีกครั้งตามนิสัยของตน
“ข้าไม่อนุญาต ไปพักที่ห้องของเจ้าได้แล้ว งานนี้ข้าจะให้รีเวนจไปแทนเจ้าเอง” ว่าจบ ลูกไฟทั้งหมดก็หายไปทันที
พร้อมกับชายหนุ่มที่หลับตาลงอีกครั้ง แต่.....
“นายท่านเพคะ
ให้โอกาสข้าพิสูจน์สักครั้งเถอะเพคะ”
เสียงหวานเอ่ยเสียงเบา
แอบแฝงไปด้วยความสั่นสะเทือนในน้ำสียงนั้น
ดวงตาสีม่านหมอกจ้องมองนิ่งๆสักระยะ
ก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้งเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนออกมา
“ได้ ข้าจะให้เจ้าได้พิสูจน์” เสียงอ่อนทุ้มเอ่ย
ทำให้หญิงสาวค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง
“จริงรึเพคะ”
ดวงตาสีนิลกาล จ้องมองผู้เป็นนาย คาดหวังในสิ่งที่ตนต้องการ
“ข้าพูดคำไหนคำนั้น เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ”
สิ้นสุดคำ ร่างของหญิงสาวก็แทบจะหายไปทันที
ทิ้งไว้เพียงเสียงเบาๆลอยมา ตามลม
“ขอบพระทัยเพคะ”
“ปล่อยเธอไปจะดีเหรอคะ”
เสียงนุ่มๆดังขึ้นก่อนร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งจะเดินออกมา
ดวงตาใสใต้กรอบแว่นฉายแววกังวลเล็กๆ
แต่ดูคนที่คุยด้วยจะไม่ค่อยกังวลมากนัก
นายท่านยิ้มก่อนที่มือเรียวยกขึ้นมาเท้าคางแล้วจ้องมองไปในความมืด
ปากบางขยับเบาๆ
“อย่าห่วงไปเลย เชนจ
ถึงเธอจะเป็นแบบนั้น
แต่เธอแข็งแกร่งมากนะ เชื่อใจเธอเถอะ แล้วคนที่ไปรับนี่ อืม......ก็ น่าจะไปรอดนะ”
ว่าแล้วก็หัวเราะเบาๆกับคำพูดของตัวเอง
หญิงสาวมองผู้เป็นนายแล้วถอนหายใจ ก่อนก้าวถอยหลังกลับไปในความมืดดังเดิม
Fiary kingdom
ร่างเล็กๆของเด็กหนุ่มเดินเข้าหาสวนสาธารณะ
ดวงตาสีอเมทิสสอดส่ายไปมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
ขาเล็กๆล็อคเป้าหมายก่อนเดินไปนั่งบนชิงช้าเล็กๆแล้วแกว่งไปมา
ช่างดูน่ารักเมื่อรอยยิ้มเล็กๆนั้นถูกระบายอยู่บนในหน้าน่ารัก เส้นผมสีพิสุทธิ์สะบัดตามแรงลม
ขัดใบหน้าให้ดูไร้เดียงสาน่าถนุถนอมยิ่งขึ้น
แต่ใครจะรู้ว่าตัวจริงของเด็กคนนี้ไม่ได้เปล่งประกายอย่างที่คิด
ภายนอกที่ดูสดใสและงดงามใครจะรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่ใช่เพียงเด็กหนุ่มแห่งแสงสว่างที่ไร้พิษภัย ภายในนั้นยากที่ใครจะเข้าใจ
เลนนี่ อูซี่
หรือ เลนนี่
เด็กหนุ่มสายเลือดความมืด
ใช่เข้าใจไม่ผิด เด็กน้อยน่ารักคนนี้เป็นสายเลือดแห่งความมืด
หลังจากที่ต้องเผชิญสิ่งหลายๆอย่างที่สถานที่นั้น
ที่เขาเรียกมันว่าบ้าน แต่...จริงๆ
มันไม่มีครั้งไหนที่สามารถพูดได้เต็มปากว่านั่นคือ “บ้าน”
แต่
หลักจากที่ต้องเผชิญสิ่งพวกนั้นมาไม่พอ
ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นเงาอะไรสักอย่างที่เขาเองก็มาเข้าใจนัก
แถมคนที่พอจะตอบคำถามได้
ดันมาตายไปหมดซะก่อน......................
แล้วไม่นานมานี้
เขากลับถูกใครก็ไม่รู้หรืออะไรสักอย่างพาตัวออกมา
ถือเป็นเรื่องดี เพราะไม่งั้นเขาก็คนโดนฆ่าอยู่ในบ้านหลังนั้น
ขาเล็กแกว่งชิงช้าไปเรื่อยๆ ไร้จุดหมาย
ไร้ที่อยู่ แต่ก็เป็นอิสระ
“ไปได้แล้ว”
“อ้ะ!!!!!!”
เสียงร้องดังขึ้นก่อนเด็กหนุ่มจะสะดุ้งสุดตัวแล้วลุกมาเผชิญหากันใครบางคนที่กระซิบอยู่ด้านหลัง
เมื่อหันไปก็พบกับชายร่างสูงสง่า
ดวงตาเย็นชาที่ส่งมาให้เขาดูน่ากลัวสำหรับเลนนี่ไม่น้อย แต่ ถึงจะเป็นแบบนั้น เขาก็มีสติพอจะไม่ทำอะไรบ้าๆอย่างวิ่งหนีไปดื้อๆหรือเข้าปะทะ โอเคตัดอันที่สองออกไป ดูจากรังสีที่แผ่ออกมาจากตัวของคนตรงหน้าแล้ว
ไม่มีทางไหนเลยที่เขาจะปะทะด้วยแล้วมีชีวิตรอด
ดวงตานั้นยังคงจ้องมาโดยไม่กระพริบ
ริมฝีปากบางยังคงนิ่ง ไร้เสียงพูดหรืออะไรก็ตาม
“คุณ
เป็นใครเหรอครับ”
เสียงเล็กๆเอ่ยออกไป
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยสายตาคมกริบและใบมีดที่ประดับข้างเอวนั้นก็ไม่ได้ทำให้เลนนี่อยากเดินเข้าไปหาแม้แต่น้อย
กลัวแล้ว
ไปที่บัลลังก์เงากับผม พิสูจน์ตัวคุณเอง
“ห้ะ”
อดจะส่งเสียงออกมาไม่ได้ เมื่ออยู่ก็มีเสียงทุ้มๆลอยเข้ามาในหัว ทั้งๆที่ไม่มีใคร
“เมื่อกี้...เสียงคุณเหรอครับ” เอ่ยถามออกไป และสิ่งที่ได้รับมาก็คือ
การพยักหน้าเบาๆจากคนตรงหน้า
“แล้ว...จะให้ผมไปไหน แล้วพิสูจน์อะไรกันครับ”
สิ่งที่ถามออกไป ไม่ได้รับการตอบรับ
ชายตรงหน้าทำแค่หลับตาลงแล้วเปิดตาอีกครั้ง
ใบหน้าหล่อค่อยๆหันไปข้างกาย ทำให้เด็กหนุ่มต้องหันตาม
ประตูมิติขนาดใหญ่ ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน
ชายหนุ่มค่อยๆหันกลับมา พร้อมๆกับยื่นมือเรียวเข้าหาเด็กหนุ่มร่างเล็ก
ตาวตาต่างสีสบกับเพียงครู่หนึ่ง
เลนนี่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขายื่นมือไปวางซ้อนบนมือขอองคนร่างสูงเมื่อไร ในหัวขาวโพลน
เพียงแค่สบกับดวงตาเย็นชานั้น.....ไม่
ไม่ได้เย็นชาย หรือเป็นเพราะเขาไม่เคยได้รับดวงตาที่อบอุ่นจากที่ที่เขาจากมา เห็นเพียงดวงตาที่เฉยเมย ดูถูก ไร้หัวใจ
มันจึงทำให้เขามองว่าดวงตาสีไพลินคู่นั้นกำลังมองเขาด้วยสายตาที่
อ่อนโยนและอบอุ่นอย่างที่เขาไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน
และเสี้ยวหนึ่งในความคิด ในสัญชาตญาณ
มันบอกกับเขาว่า ทุกอย่างจะดีขึ้น
เมื่อเขาก้าวเข้าไปในประตูนั้น
ไปกับผม...........
“ครับ”
.........................................50%...........................................
เดี๋ยวมาต่อน้าาาาาา
ความคิดเห็น