คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Before the storm comes the sea will always be calm [ 35 % ] UP
Lucien Life
ห้องนอนแห่งหนึ่ง
ในยามเช้าที่อึมครึมนี้ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังหลับใหลอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ในห้องแห่งนี้ เขามีใบหน้าที่งดงามราวกับรูปปั้น ดวงตาเรียวคมที่กำลังหลับอยู่นั้นเริ่มหรี่ขึ้น
เด็กหนุ่มผู้งดงามลุกขึ้นมาพร้อมท่าทางงัวเงีย เขาเอามือไปขยี้ตาเล็กน้อยก่อนที่จะสำรวจห้องนอนของตัวเองว่าเขาได้ทำอะไรเสียหายไปบ้างในเช้านี้
ผ้าห่มที่เด็กหนุ่มใช้ห่มเมื่อคืนนั้น ในยามเช้านี้กลับตกลงไปอยู่ที่พื้นด้วยสภาพที่ยับสุดๆ บริเวณบนเตียงนอนนั้นมีฝ้ายจำนวนมากและสิ่งที่สมควรเรียกว่าเศษผ้าอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งนั้นก็คือ…
เศษซากหมอนและหมอนข้างที่เด็กหนุ่มใช้เมื่อคืนไงล่ะ
“ คงต้องบอกให้พ่อบ้านมาเปลี่ยนใหม่แล้วแฮะ ” เขาพึมพำออกมา
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยื่นและเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินไปหยิบสร้อยไม้กางเขนสีเงินมาใส่ก่อนที่จะรีบเดินไปยังห้องรับประทานอาหารของคฤหาสน์
ระหว่างที่เขาเดินลงบันไดนั้น เขาเห็นพ่อบ้านประจำตัวของตนกำลังคุยอยู่กับพ่อบ้านคนอื่นๆ เขาจึงเดินเข้าไปหาเพื่อที่จะบอกให้พ่อบ้านของตนไปเปลี่ยนหมอนและทำความสะอาดห้องของเขา
“ พี่ริชาร์ด ช่วยไปเปลี่ยนหมอนแล้วทำความสะอาดห้องให้ผมทีสิ ”
“ คร้าบ คุณชายลูเซียล ไม่ทราบว่ารอบนี้พังไปกี่อันครับ หึๆ ” พ่อบ้านหนุ่มเอ่ยออกมา
ริชาร์ด ทาทาลัส พ่อบ้านมมากความสามารถ เขาเป็นลูกครึ่งแวมไพร์ – สุนัขจิ้งจอก เขานั้นเลี้ยงดูลูเซียลมาตั้งแต่ที่เขาเข้ามาทำงานใหม่ๆ ดังนั้นเขาจึงสนิทกับองค์ชายจนเหมือนกับทั้งสองเป็นพี่น้องกัน
“ …หมอนและหมอนข้าง อย่างล่ะหนึ่งครับ… ” ลูเซียลเอ่ยออกมาพร้อมกับหันหน้าไปมองทางอื่น เขาอายเหลือเกิน ทั้งๆที่เขาก็โตแล้วแท้ๆ แต่ทำไมไอ้นิสัยนอนดิ้นนี้ถึงยังไม่หายอีก !
หลังจากนั้นลูเซียลก็หันไปคุยกับริชาร์ดอีกนิดหน่อยแล้วก็ขอแยกตัวออกมา เพื่อที่จะไปรับประทานอาหาร
Lucien Part
สวัสดีครับ ผมชื่อลูเซียล เป็นแวมไพร์ครับ ตอนนี้ผมกำลังเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร ตระกูลของผมนั้นมีกฎว่าในยามเช้านั้น ทุกคนในครอบครัวต้องมากินอาหารให้พร้อมหน้าพร้อมตาไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องมา ยกเว้นว่าเรื่องนั้นจำเป็นจริงๆ
ตระกูลของผมคือตระกูลแคสเซียส ตระกูลผู้นำของเหล่าแวมไพร์ทั้งหลาย
ตระกูลของผมนั้นมีประวัติยาวนานถึงล้านปี ทุกคนในตระกูลนั้นต้องประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม นั้นก็เป็นกฎเหล็กอีกอัน
แต่ถึงตระกูลของผมจะยิ่งใหญ่ยังไง แต่เราก็เป็นตระกูลที่อบอุ่น ครอบครัวทุกครอบครัวนั้นรักใคร่สามัคคีกลมเกลียวกันดี แถมเวลาปกติ พ่อผมก็มีนิสัยที่ดูเฮฮา สังสรรค์
แทบจะไม่เหลือมาดราชาแห่งแวมไพร์
นั้นเป็นคำประโยคเดียวที่ผมนึกได้ตอนที่ผมเห็นพ่อเมากลับบ้านมาในวันที่พ่อออกไปสังสรรค์กับผู้นำเผ่าอื่น
“ โอ้ มาแล้วหรือไอ้ลูกชาย มานี้มา ” พ่อของเขาเอ่ยเรียกและกวักมือให้ผมไปนั่งข้างๆเมื่อเห็นว่าผมเดินมาถึงแล้ว
“ ครับ ” ผมเอ่ยก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
หลังจากนั้นเขาก็รับประทานอาหารพร้อมพูดคุยกับครอบครัว
“ พี่เซียล วันนี้นิสจะมาเล่นกับหนูล่ะ ” ลลิต น้องสาวของผมเอ่ยขึ้น ผมก็เลยพยักหน้า เพื่อให้อีกคนรับรู้
นิสเรย์ ฮัคเกอร์เวน คุณชายลูกขุนนางคนหนึ่ง เธอเป็นเพื่อนสนิทกับลลิต้า น้องสาวของผม แต่จุดประสงค์ที่เธอเข้ามาสนิทกับน้องสาวของผมนั้นก็เพราะ…
พ่อของผมและขุนนางที่เป็นพ่อของนิสต้องการให้ทั้งสองแต่งงานกัน
พอนึกขึ้นผมก็เหลือบไปมองพ่อ พอเขาเห็นว่าผมมองอยู่ เขาก็หลบตาผมพร้อมทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม
เอาเถอะ อย่างน้อยเด็กที่ชื่อนิสนั้นก็สนิทกับลลิตจริงๆ แถมเข้ามาแบบไม่หวังผลด้วย รอดไปนะ….ถ้าเข้ามาแบบหวังผลล่ะก็ ผมเอาตายแน่
หลังจากที่กินเข้าเสร็จ ผมก็ตัดสินใจที่จะไปเดินเล่นในสวน
สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ทั้งกุหลาบขาวลิลลี่ ดอกท้อ และอีกมากมาย แต่ที่นี้ไม่มีดอกกุหลาบขาว
ผมเกลียดดอกกุหลาบขาว
นั้นคือสาเหตุที่คุณพ่อสั่งให้ทำลายดอกกุหลาบขาวแล้วปลูกดอกเหมยเขาไปแทน
แต่เขาไม่มีทางที่จะทำลายมันได้หมดหรอก
เพราะใจกลางป่าทางฝังเหนือของที่นี้นั้นเต็มไปด้วยดอกกุหลาบขาว
แต่เรื่องนี้ นอกจากผมก็ไม่มีใครรู้ เพราะป่าทางเหนือนั้นติดกับป่าต้องสาป ทุกคนเลยแทบจะไม่กล้าเข้าไปเหยียบที่นั้น
ป่าต้องสาป ป่าแห่งนี้นั้นราวกับถูกแช่น้ำแข็ง ต้นไม้ทุกต้นเกือบแถบจะถูกแช่แข็ง ด้วยบรรยากาศที่หนาวเย็นจนติดลบ แต่นั้นยังไม่อันตรายเท่ากับ
ทุกคนที่เข้าไปในป่านั้นจะหายตัวไปอย่างลึกลับ
ถึงจะดูไม่น่าเชื่อ แต่มันเป็นเรื่องจริง ทุกๆคนที่เข้าไปไม่เคยได้กลับมาจนถึงปัจจุบันก็ยังหาไม่เจอ
หลังจากนั้นผมก็เดินเล่นต่ออีกสักพักจนคุณพ่อเรียกไปคุยเรื่องบางอย่าง
ห้องทำงานราชา
“ มาแล้วครับพ่อ ” ผมเอ่ยบอกพ่อตัวเองที่ตอนนี้กำลังตั้งหนั้งตาอ่านเอกสารอยู่
“ อ่า มานั่งนี้สิ เซียร ” ท่านวางเอกสารแล้วผายมือไปที่เก้าอี้ตรงข้ามตน
ผมเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ตรงนั้นก่อนที่จะเริ่มเปิดประเด็น
“ พ่อมีอะไรหรอครับ ”
“ พอดีพ่อมีคนที่อยากให้ลูกพบนะ ” ท่านพูดออกมาทั้งๆที่เขากำลังหลบสายตาผม
อ่า เรื่องนั้นอีกแล้วสินะ น่าเบื่อจริง
“ จะให้ผมไปดูตัวกับสาวที่ไหนอีกล่ะครับ พ่อ…” ผมเอ่ยออกไปพร้อมมองไปที่พ่อด้วยสายตาที่แฝงความไมพอใจนิดหน่อย
พ่อจับผมดูตัวมาตั้งแต่เด็ก ถ้านับแบบคร่าวๆก็ไม่ต่ำกว่า 100 คนแน่ๆ และผู้หญิงทุกคนที่พ่อพามาดูตัวนั้นต่างเข้าหาเพื่อหวังประโยชน์
คนพวกนั้นนะ เชื่อใจไม่ได้สักนิด…
“ ลูกร้ากก คนนี้ช่วยไปทีเถอะนะ ” “ ไม่ ! ” ผมเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ เฮ้อ พ่อล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าทำไมลูกถึงต้องปฎิเสธการดูตัวทุกครั้ง ”
“ ผมมั่นใจว่าผมบอกพ่อแล้วนะครับ ว่าทำไม ”
“ แต่ลูกควรที่จะเปิดใจบ้างนะ บ้างทีคนที่พ่อหามาคราวนี้อาจจริงใจก็ได้ ” พ่อเอ่ยข้อความที่เขากรอกหูผมอยู่แทบทุกวันออกมา
“ พ่อพูดแบบนี้เป็นครั้งที่เท่าไรของรอบปีแล้วก็ไม่รู้นะครับ และทุกครั้งที่พ่อพูดแบบนั้นก็ไม่มีใครจริงใจสักคน ” ผมตอบกลับไป
“ โธ่ ”
“ ผมขอตัว ” ผมเอ่ยก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องนั้น
สาเหตุที่ผมเอ่ยบอกพ่อไปแทบทุกครั้งก็คือพวกเธอไม่จริงจังกับผมยังไงล่ะ
ในสายตาของทุกคน คงคิดว่าผมคิดในแง่ร้าย
แต่ถ้าคุณเจอเหตุการณ์แบบผม
คุณจะไม่คิดอย่างงั้นแน่นอน
มนุษย์และปีศาจนะมีอยู่มากมาย แต่จะมีสักกี่คนกันนะที่จริงใจกับผมจริง
ดังนั้นถ้าไม่อยากเสียใจจากการโดนหักหลัง
เราก็แค่ไม่ต้องรักใครก็พอ
TREODORE LIFE
ณ สถานที่แห่งหนึ่ง
“ แฮ่กๆ
ยัง ยังไม่พอ แฮ่กๆ ” ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเอ่ยออกมาพร้อมหอบด้วยอาการเหนื่อย
สถานที่แห่งนี้ที่ชายหนุ่มอยู่นั้น
เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอันไม่ค่อยน่าพึ่งประสงค์และซากศพของสัตว์ป่าดุร้าย
ศพของพวกมัน บ้างตัวโดนฉีกท้อง บ้างตัวก็โดนหักคอ และโดนฆ่าด้วยวิธีการแสนโหดร้าย
และคนที่ฆ่าสัตว์ทั้งหมดนี้นั้นก็คือ
ธีโอ ชายหนุ่มที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางศพมากมาย
เขาฆ่าสัตว์ร้ายพวกนั้นด้วยตัวคนเดียวและจัดการพวกมันอย่างโหดเหี้ยม
กองศพเหล่านี้เปรียบเสมือนกับสัญญาลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเขา
แต่ว่าชายหนุ่มก็ยังคงไม่พอใจกับความแข็งแกร่งของเขา
เขาต้องการที่จะเก่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะได้อยู่บนสุดหวงโซ่อาหาร
เพื่อที่เขาจะได้สามารถควบคุมทุกคนให้ทำตามที่เขาปรารถนาได้
“ ชิ ตายหมดทุกตัวแล้วรึ ” ชายหนุ่มสถบออกมาเมื่อสัตว์ร้ายที่เป็นสิ่งที่เขาใช้เป็นเหยื่อในการฝึกฝนของตนนั้นไม่โผล่มาเลยสักตัว
“ เจ้าพวกนี้ยังอ่อนแอ
คงต้องหาเหยื่อที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิมแล้วมั้ง ชิ ” ชายหนุ่มสถบออกมาอีกครา
พร้อมคิดว่าตนจะหาเหยื่อที่แข็งแกร่งกว่านี้ได้ที่ไหน
‘ หรือจะลองไปกวนตีนพวกนักเลงปีศาจกลุ่มใหญ่ๆดูดีนะ
’ ชายหนุ่มคิดพร้อมเดินออกจากป่าเพื่อที่จะกลับไปที่คฤหาสน์ของตน
ณ คฤหาสน์ตละกูลเวนทัส
หลังจากที่เขาเดินกลับมาถึงคฤหาสน์ของตนแล้วนั้น
เขาก็รีบวิ่งเข้าห้องของตนแล้วกระโจนลงกับเตียงทันที
ห้องนอนของธีโอนั้นก็เหมือนกับห้องนอนของผู้ชายทั่วไป ห้องของเขานั้นไม่ได้เรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้รกมาก
เสื้อผ้าบางตัวของเขานั้นกองอยู่กับพื้น
แต่มันก็ไม่ได้มากมายจนทำให้ห้องแห่งนี้ดูสกปรกเกินไป
หนังสือและเครื่องเขียนของเขานั้นถูกจัดอย่างลวกๆตามชั้นหนังสือ
ห้องของเขานั้นหนาวเย็นหากเทียบกับห้องของคนทั่วไปเนื่องจากธีโอป็นคนที่ชื่นชอบความหนาวเย็น เขาเลยมักจะปรับแอร์ให้เย็นไว้เสมอ
เมื่อเขากระโจนลงกับเตียง
เขาก็หลับไปในทันทีด้วยความเหนื่อยล้า
ธีโอนั้นตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตี 3 เพื่อที่จะออกไปฝึกต่อสู้โดยที่ใช้ร่างกายเพียงอย่างเดียวจนตอนนี้เป็นเวลา 7 นาฬิกา
เขาใช้เวลาในการฝึกฝนอย่างหนักไป 4 ชม.
ดังนั้นด้วยความเหนื่อล้าเลยทำให้เขาหลับไปจนถึงเวลา 10 นาฬิกา
“ หาววว กี่โมงแล้วเนี้ย… ” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
ด้วยความที่ตัวเองเป็นปีศาจ
ทำให้ร่างกายของเขาฟื้นฟูได้รวดเร็วมากกว่ามนุษย์หลายเท่าและร่างกายที่เขาฝึกฝนมาอย่างหนักทำให้ตอนนี้อาการเหนื่อยล้าของเขาตอนนี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง
ตรู๊ดๆ ตรู๊ดๆ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
ธีโอจึงเอื้อมมือไปเพื่อจะหยิบโทรศัพท์มารับสาย แต่แทนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์เขาดันเผลอไปคว้าภาพถ่ายบนโต๊ะแทน
เมื่อเขาเห็นภาพถ่ายนั้น อาการงัวเงียก็หายเป็นปลิดทิ้งและถูกแทนที่โดยความโมโห
ความเศร้า ความเจ็บปวด และ ความน้อยใจ
ในภาพนั้นมีผู้ใหญ่อยู่สองคน และระหว่างทั้งสองนั้นมีเด็กคนหนึ่งกำลังยิ้มสดใสอย่างน่ารัก ฉากหลังของภาพนั้นคือทะเลสักแห่งในโลกปีศาจที่ดูงดงาม
ผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ทางขวาของเด็กน้อยนั้นเป็นผู้ชายผิวแทนที่ดูมีอายุ
เส้นผมสีดำสั้นระต้นคอนั้นกำจลังคลอเคลียใบหน้านิ่งและดูเคร่งครึ้ม มือข้างซ้ายของเขานั้นถูกเด็กน้อยจับกุมไว้แน่น
ส่วนมือข้างขวาของเขานั้นถือห่วงยางขนาดพอดีตัวของเด็กไว้ ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มมุมปากที่สามารถเสริมให้เขาดูเป็นคนอบอุ่นได้ทันที
ส่วนผู้ใหญ่อีกคนนั้นยืนอยู่ทางซ้ายของเด็กน้อย
เธอเป็นผู้ใหญ่ที่มีใบหน้างดงามแตกต่างจากอายุจากอายุจริงๆของเธอ ผมสีแดงเพลิงของเธอนั้นพลิ้วไหวไปกับสายลม
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายความอ่อนโยนออกมา มือข้างขวาของเธอโดนจับกุมไว้แน่นเหมือนกับผู้ชายที่ยืนอยู่ทางขวาสุด ตอนนี้ใบหน้าสวยนั้นประดับไปด้วยรอยยิ้มน่ามอง
และที่ดูโดดเด่นที่สุดในภาพคงไม่ใช่ใครนอกจากเด็กผู้ชายตัวน้อยที่ยืมอยู่ระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสอง
เด็กคนนี้มีเรือนผมสีแดงเพลิงเหมือนกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ทางซ้ายของเขา
ใบหน้าของเขาสื่อถึงความรู้สึกดีใจ รอยยิ้มของเด็กหนุ่มนั้นสดใสจนอาจทำให้คนที่นั้นมีความสุขตาม
และเด็กคนนั้นก็คือ ธีโอ นั้นเอง…
ตึง!
ธีโอขว้างภาพถ่ายนั้นจนทำให้กรอบภาพแตกละเอียด เศษกระจกแตกกระจายตามพื้น เขาเดินไปหยิบภาพถ่ายใบนั้น
ทั้งๆที่เขากำลังเดินไปหยิบมันโดยผ่านเศษแก้ว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจความเจ็บปวดที่เขาได้รับบริเวณเท้า
เพราะตอนนี้อารมณืด้านลบทำให้เขาลืมความเจ็บปวดไปทันที
ตอนนี้เขาคิดแค่ว่าต้องทำลายภาพใบนี้พร้อมกับทำให้คนทีเอาภาพใบนี้มาตั้งไว้ที่โต๊ะของเขานั้นต้องเจ็บปวด
หลังจากที่คิดวิธีจัดการกับเสร็จ เขาก็รับโทรศัพท์เพื่อนของเขาและพูดคุยได้ไม่ถึง 1 นาทีก็วางสาย
ธีโอเดินไปที่ห้องอาหารของคฤหาสน์ ครอบครัวของเขานั้นปกติจะกินอาหารเวลา 10 นาฬิกา แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เขาก็มันจะแยกตัวออกไปกินอาหารคนเดียวที่สวนจนกลายเป็นเรื่องปกติ
แต่วันนี้เขากลับตัดสินใจที่จะไปกินอาหารพร้อมพ่อกับแม่ของตนที่ห้องอาหาร
‘ พวกปีศาจไร้สามัญสำนึกนั้นคงตะลึงมากแน่ๆ
’
พอเขาเปิดประตูเข้าไปในห้องอาหาร ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
“ ธะ ธีโอ ลูก…. ” มารีน่า
เวนทัส แม่แท้ๆของธีโอเอ่ยเรียกเขาด้วยสียงสั่นคล่อน ดวงตาสีน้ำตาลของเธอตอนนี้มีน้ำตาคลออยู่
ส่วนพ่อแท้ๆของเขา เคนดี้ เวนทัส
นั้นไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา แต่ดวตาของเขานั้นฉายประกายความตื่นตนกออกมาชัดเจน
“ วันนี้ผมจะกินข้าวที่นี้ คงไม่เป็นไรใช่ไหมครับ ท่านผู้นำตระกูล ” เขาเอ่ยออกไป
“ อื้ม … ” เคนดี้ขานรับ
สรรพนามที่ธีโอเรียกเคนดี้นั้นไม่ได้ทำให้เขาตกใจ
แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกผิด
ผู้นำตระกูล
นั้นคือสิ่งที่เขาสั่งให้ธีโอในวัยเด็กเรียกเขา
ด้วยความที่เขามีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูง นั้นทำให้เขาไม่ชอบเมื่อลูกแท้ๆของตนมาเรียกแทนตนว่า
ท่านพ่อๆ แต่ตอนนี้เขากับหวังให้ธีโอกลับไปเรียกตนแบบเดิม ตอนนี้เขารู้แล้วว่า
การที่มีใครมาเรียกตนเองว่าพ่อนั้นมีค่าขนาดไหน
ด้วยความที่ว่ามารีน่าและเวนทัสนั้นเป็นปีศาจจิ้งจอก
มารีน่าจึงต้องทนเจ็บปวดยาวนานกว่ามนุษย์หลายร้อยปี เธอต้องตั้งครรถ์ถึง 300 ปี เพื่อดูแลเจ้าตัวน้อยในท้องของตน
แต่พอเด็กคนนี้คลอดออกมาและเติบโตขึ้น พวกเขากับไม่ดูแลเด็กคนนี้
แถมยังทำร้ายความรู้สึกของลูกตนเองไปหลายครั้งอีกต่างหาก
ทำร้ายเขาจนเขาต้องทรมาน
ทำร้ายเขาจนเขาไม่หลงเหลือเศษเสี้ยวความรักที่เคยมอบให้ตน
ทำร้ายเขาจนแม้แต่คำว่าพ่อและแม่
เขาก็ไม่สามารถมอบให้ตนได้
พวกเขานะ เป็นพ่อแม่ที่แย่จริงๆ แย่จนแม้แต่คนที่พวกเขาให้กำเนิดยังเกลียดชัง
“ นี้! พวกแกอย่ามั่วแต่ชักช้าสิ! ไปเอาอาหารมาให้ลูกชายฉันได้แล้ว! ” หลังจากที่ตั้งสติได้
มารีน่าก็รีบออกคำสั่งกับเมดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่เหลือมาดเดิมของเธอ
เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกของตน
มาริน่าจะเปลี่ยนจากหญิงสาวเคารพกฏเกณฑ์รักสงบกลับกลายเป็นหญิงสาวที่ลนลาน
ทำทุกอย่างที่คิดว่าลูกของตนจะพึ่งพอใจในทันที
เธอเริ่มกลายเป็นนแบบนี้หลังจากที่ลูกชายของตนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาหาเธอในทันทีเมื่อเห็นลูกของตน
เธอเป็นคนทำให้ลูกเปลี่ยนไป
เธอทำให้ชีวิตลูกแย่ลง
เธอทำให้ลุกของตนต้องทนความเจ็บปวดเป็นเวลานานในป่าเพียงรำพัง
เธอทำความผิดมากมาย
และเธอก็ต้องการจะชดใช้ความผิดครั้งนี้เช่นกัน
หลังจากที่อาหารถูกนำมาเสิร์ฟ
มาริน่าก็รีบตักอาหารมากมายใส่จานของธีโอ เธอพยายามที่จะพูดคุยกับเขา แต่เขาก็เลือกที่จะนั่งก้มหน้ากินข้าวและไม่โต้ตอบกับเธอเลย
หลังจากทานอาหารเสร็จ ธีโอก็เอ่ยอะไรบ้างอย่างขึ้นมา
“ ท่านทั้งสองครับ ผมมีเรื่องอยากถามครับ ” เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับภาพถ่ายที่เขาเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงของตน
“ ใครเป็นคนที่เอาภาพนี้ไปตั้งไว้ที่โต๊ะในห้องนอนของผมครับ
” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เคนดี้และมาริน่าไม่เอ่ยตอบอะไร
ภาพๆนั้นทั้งสองคนตัดสินใจที่จะให้คนทำความสะอาดแอบเอาไปตั้งที่โต๊ะในห้องนอนของธีโอเมื่อตอนที่ธีโอนอนหลับอยู่
ภาพใบนั้นถูกถ่ายเมื่อธีโอยังเด็ก ตอนนั้นครอบครัวของพวกเขายังคงอบอุ่น
ตอนนนั้นเคนดี้คิดจะพาธีโอไปเที่ยวทะเลเพื่อที่จะให้ธีโอสัมผัสกับโลกภายนอกบ้าง ตอนนั้นธีโอเห็นปีศาจตนอื่นกำลังถ่ายรูปด้วยกล้องถ่ายรูป
เขาจึงถามออกมาว่ากล้องนั้นทำอะไรได้บ้าง ทำมาจากอะไร และยังเอ่ยถามคำถามอีกมากมายตามวัยของเด็กที่จะขี้สงสัยไปทุกเรื่อง
เคนดี้ก็เอ่ยตอบคำถามออกไปอย่างไม่อิดออด
อยู่ดีๆตอนนั้นมาริน่าก็เสนอให้ถ่ายรูปครอบครัวกัน
ธีโอก็พยักหน้าทันทีพร้อมเผยรอยยิ้มสดใสตามประสาเด็กออกมา
เคนดี้ก็เลยต้องยอมให้ถ่ายรูปเพราะขัดความต้องการของเมียกับลูกไม่ได้
และนั้นก็เป็นรูปถ่ายเพียงรูปเดียวที่พวกเขาได้ถ่ายกับธีโอ
ถึงตอนนี้พวกเขาจะอยากถ่ายรูปกับลูกของตัวเองก็คงเป็นไปไม่ได้
เพราะว่าธีโอเกลียดพวกเขายังไงล่ะ ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากจะถ่ายรูปกับคนที่เกลียด
จริงไหม
แต่ที่เขาให้คนทำความสะอาดแอบเอาไปวางไว้บนโต๊ะในห้องนอนของธีโอนั้น
พวกเขาแค่คิดว่าหากธีโอเห็นภาพใบนี้นั้นอาจจะรักพวกเขาขึ้นมาบ้าง เพียงสักนิดก็ยังดี….
“ หืม ทำไมพวกท่ายถึงเงียบล่ะ พวกท่านทั้งสองไม่ได้เป็นคนเอามาวางไว้ที่โต๊ะข้างั้นหรอ
งั้นต้องขอโทษด้วยละกันนะที่ถาม ” ธีโอแกล้งทำเสียงสงสัยและสำนึกผิดทั้งๆที่ความจริงเขารู้เรื่องทั้งหดอยู่แล้ว
“ น่าเสียดายจริงๆ… ” ธีโอเอ่ยออกมาก่อนที่จะเอ่ยต่อว่า
“ ถ้าภาพนี้มีเจ้าของผมคงเอาไปคืนแล้ว
แต่ถ้ามันไม่มีเจ้าของผมคงต้อง… ” เมื่อเอ่ยเสร็จเขาก็หยิบไฟแช็คในกระเป๋ากางเกงออกมา…
แล้วจุดไฟแช็คแล้วเผาภาพถ่ายทิ้งในทันที!
“ ผมคงต้องทำลายมันทิ้ง ”
เขาปล่อยให้ภาพถ่ายโดนแผดเผาเป็นเถ้าถ่านแล้วเดินไปที่ประตูทางออกห้องอาหาร ก่อนที่จะหยุดแล้วหันไปพูดกับพ่อแม่ของเขาว่า
“ ต้องขอขอบคุณท่านทั้งสองที่เคยส่งผมไปอยู่ในป่าแสนอันตรายนั้นเป็นเวลา
3 ปีนะครับ เพราะว่ามันทำให้ผมรู้ว่า… ”
“ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ไม่มีที่ยืนสำหรับคนอ่อนแอ คนแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถยืนอยู่เหนือสิ่งมีคนอื่น
ใช่ไหมครับ ท่านทั้งสองที่ข้าเกลียดชัง… ”
หลังเอ่ยเสร็จเขาก็เดินออกมมาจากบริเวณนั้นทันที….
ความแข็งแกร่งคือทุกอย่าง
หากต้องการเอยู่เหนือคนอื่น
ก็จงแข็งแกร่งให้มากกว่าผู้คนเหล่านั้น
นั้นและคือสัจจะแห่งความจริงของผม ธีโอผู้นี้
ความคิดเห็น