ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1D: Still the one (One direction fanfic)

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 56


    Chapter 5
     

                หลังจากที่ฉันกลับมาจากรพ.พร้อมกับลูอิส เขาก็มาช่วยฉันขนของและพาฉันย้ายออกไปทันที และก็พาฉันมุ่งหน้าไปที่อพาร์ทเมนต์สุดหรูที่พวกดาราชอบมาพักกัน

                    “เธอนอนห้องนี่ก็แล้วกัน มันว่างพอดีเลย”

                    เขาเดินนำฉันมาที่ห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องนอนของเขา ขอบอกว่า ห้องใหญ่กว่าอพาร์ทเมนต์ที่ฉันพักซะอีก

                    “อืม”

                    ฉันพยักหน้ารับคำ และก็จัดของเข้าห้อง

                    “นี่ ให้ช่วยอะไรหรือเปล่า”

                    ลูอิสยืนดูฉันจัดของอยู่ก็พูดขึ้นมา

                    “ไม่ต้องหรอก ขอบใจ”

                    ฉันพูดโดยไม่มองหน้าเขาแม้แต่นิด

                    เหมือนลูอิสจะไม่ค่อยชอบที่ฉันมีท่าทางเมินเฉย เขาเลยพ่นลมหายใจออกมา

                    “ตามใจ งั้นฉันจะไปทำอาหารเย็นก็แล้วกัน”

                    “ฉันไม่หิว”

                    “ใครว่าฉันจะทำให้เธอกิน เธอก็หาเองก็แล้วกัน วันนี้ฉันต้องเข้าบริษัท อาจจะกลับดึกหน่อย เธอเอากุญแจสำรองไว้กับเธอก็แล้วกัน”

                    “อืม”

                    ฉันเก็บหนังสือทั้งหลายแหล่ของฉันเข้าชั้นวางหนังสืออย่างเป็นระเบียบ ส่วนลูอิสก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายและปิดประตูห้องฉันตามหลัง

                    ส่วนฉันก็ปาดน้ำตาที่ไหลลงมาและก็จัดหนังสือต่อ

                    ฉันเสียใจ กับท่าทางของลู

                    สัญญาของเรา คงไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้วใช่มั๊ยลู

     

                ฉันหยิบกีต้าร์ตัวโปรดของตัวเองมานั่งเล่นในห้องรับแขก เพราะฉันรู้สึกว่าฉันนอนไม่ค่อยหลับ ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว น่าแปลกที่ทำไมฉันไม่รู้สึกง่วงเลยนะ

                    ไม่เรียกร้องให้กลับมา หรือว่าผลักไส...

                    แอ๊ดดด...!

                เสียงประตูที่เปิดขึ้นมาทำให้ฉันรู้ว่าลูอิสกลับมาแล้ว

                    “ยังไม่นอนอีกหรอ”

                    เขาถามทั้งๆที่ตาปรือๆเหมือนคนที่เหนื่อยและง่วงมาก

                    “ไม่ค่อยง่วงน่ะ”

                    ฉันตอบไป

                    จู่ๆลูอิสก็ล้มตัวนอนลงบนโซฟาตัวยาวข้างๆและก็หลับตาลง

                    “ร้องเพลงให้ฟังหน่อยสิ”

                    ลูอิสพูดขึ้นทั้งๆที่ตายังหลับอยู่อย่างนั้น

                    ฉันมองหน้าเขา แล้วก็เริ่มดีดกีต้าร์และก็ร้องเพลงที่เข้ากับสถานการณ์ในช่วงนี้มากๆ

                   

    ไม่เรียกร้องให้กลับมา หรือว่าผลักไส หรืออะไรทั้งนั้น

    เก็บเอาไว้ในส่วนลึก ซ่อนอยู่อย่างนั้น รู้ว่ามันไม่ไปไหน

    แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังอยู่ตรงนี้ ในภาพทรงจำสีจางๆ

    เหมือนว่าจะเลือนหาย คล้ายว่าจะเลือนลาง บางอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนไป...

     

                    ฉันร้องจบท่อนนี้แล้วก็หยุดเล่น และก็หันไปมองร่างสูงที่นอนอยู่ใกล้ๆ

                    “ถึงลูจะเริ่มจางหายจากความทรงจำของฟ้าไปบ้าง แต่ความรู้สึกที่ฟ้ามีให้ลูมาตลอดเกือบสิบกว่าปี มันไม่เคยจางหายไปหรอกนะ”

                    ฉันพึมพำเบาๆเพราะรู้ว่าเขาคงหลับไปแล้ว และคงไม่ได้ยินฉัน ฉันเลยเดินเข้าห้องไป

                   

                    Situation part

                พอแอมเบอร์ลีย์ปิดประตูห้องไปแล้ว ลูอิสก็ลืมตาขึ้นมา หันหน้าไปมองห้องของแอมเบอร์ลีย์ และก็พูดขึ้นมาเบาๆ

                    “ฉันก็รู้สึกเหมือนเธอนะฟ้า แต่ไม่รู้จะพูดมันออกมายังไง และก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง”

                    เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ คิดถึงแอลเลนเนอร์ที่ตอนนี้อยู่อีกฟากของเมือง แต่ทันทีที่เขาคิดถึงแอลเลนเนอร์ หน้าของแอมเบอร์ลีย์ก็โผล่ขึ้นมาทุกที

                    เขาค่อยๆหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า เสียงเพลงของแอมเบอร์ลีย์ก็ยังคงติดอยู่ในหูเขาอย่างนั้น ถึงเขาจะไม่เข้าใจว่ามันแปลว่าอะไร แต่เสียงเศร้าๆของแอมเบอร์ลีย์ก็ทำให้เขาไม่สงสัยอะไรมาก

                    เพราะเขารู้ว่า เพลงนี้ต้องหมายถึงเขาอย่างแน่นอน

     

                    เช้าวันต่อมา

                    Amberley’s part

                ฉันตื่นขึ้นมาตามปกติ ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว และเตรียมตัวจะออกไปทำงาน

                    “อะแฮ่ม คุณภรรยาครับ จะไม่บอกลาสามีก่อนออกไปทำงานหน่อยหรอครับ”

                    เสียงลูอิสดังขึ้นมาจากในครัว ฉันถอนหายใจเบาๆ แล้วก็หันไปย้อน

                    “เราเป็นแค่ คู่หมั้น ใช้คำให้ถูกด้วย และฉันต้องไปทำงาน”

                    “โอเคๆ คุณคู่หมั้น แล้วนี่จะไม่กินอะไรก่อนหรอ”

                    ลูอิสถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด

                    “ไม่หละ เดี๋ยวฉันค่อยไปหาอะไรกินที่โรงพยาบาลทีเดียว”

                    ฉันตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

                    “ตามใจละกัน”

                    ฉันพยักหน้าเบาๆ หันหลังเตรียมจะออกไป แต่แล้วฉันก็ฉุกคิดได้

                    “นี่ เย็นนี้นายไปเยี่ยมทรอยหน่อยก็ดีนะ”

                    ลูอิสหยุดเคี้ยวแซนวิชและก็หันขวับมาทางฉันอย่างรวดเร็ว

                    “ฉันไม่ไป”

                    แค่คำพูดประโยคเดียว 3 คำจากเขา ทำให้ฉันเริ่มฉุนขึ้นมา

                     “นี่! นายไม่สงสารพ่อนายบ้างหรอ รู้มั๊ยว่าเขารอนายไปเยี่ยมทุกวันเลยนะ”

                    “แล้วการที่เด็ก 7 ขวบรอพ่อตัวเองมาหาบ้าง แล้วพ่อเขาก็ไม่แม้แต่จะโผล่มา เธอคิดว่าใครน่าสงสารกว่ากันหละ”

                    เขาลุกขึ้น เดินมาเผชิญหน้ากับฉัน

                    ฉันเงียบ หันหน้าหนี

                    “บางที ทรอยอาจจะทีเหตุผลที่ไม่มาเยี่ยมนายก็ได้นะ”

                    ฉันพูดเบาๆ แต่ไม่มองหน้าลูอิส

                    “เหตุผลบ้าบออะไรก็ช่าง ฉันจะไม่ไปเยี่ยมคนที่ทิ้งฉันมาตลอดเกือบสิบกว่าปีหรอก เธอเข้าใจมั๊ยฟ้า!

                เขาเริ่มตะคอกใส่ฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงก้อนอะไรสักอย่างที่จุกขึ้นมาในลำคอ ฉันค่อยๆกลืนมันลงอย่างรวดเร็วและหันหน้าไปพูดกับลูอิสอย่างเย็นชา

                    “นายไม่มีสิทธิ์เรียกฉันว่า ฟ้า เข้าใจมั๊ยลูอิส วิลเลียม ทอมลินสัน”

                    “...”

                    เขามองฉันอย่างอึ้งๆ

                    “ตามใจนายก็แล้วกัน ฉันแค่ให้นายรู้ไว้ว่า ยังไงซะ เขาก็เป็นพ่อของนาย และเขาก็เสียใจกับเรื่องที่เขาทำไว้กับนาย”

                    ฉันหันหลังและเดินออกมาอย่างรวดเร็ว

                    เดินออกมาทั้งน้ำตา....

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×