คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CHANBAEK | Truth 1 (100%)
CHAPTER 1
Truth
“แบค...พยอนแบค....” เสียงทุ้มต่ำร้องเรียกชื่อที่คุ้นเคย
ช่วย..
“ฉันมาสายใช่มั้ย..” ริมฝีปากซีดขยับยิ้มบางๆ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง
“วันนี้กุหลาบสวยๆยากมาก ฉันขับรถวนทั่วโซลกว่าจะเจอก็เลยมาหานายช้า ขอโทษนะ...” ตาใสทอดมองตรงหน้าอย่างเศร้าส้อยพร้อมกล่าวคำขอโทษด้วยความความรู้สึกผิด
ช่วยด้วย...
“รู้มั้ย วันนี้ครบรอบสามปีแล้ว....ที่ฉันต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีนาย..” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวามากขึ้น แม้จะไร้คำโต้ตอบเพื่อต่อบทสนทนาเขาก็ยังคงพูดต่อไป
ขอโทษ..
“ฉันรู้นะว่านายมองฉันอยู่ตลอด.. ใช่ไหมล่ะ ?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยและแลบลิ้นให้ตรงหน้า ตาคมก้มมองปลายเท้าตัวเองเล็กน้อย
“ก็นายบอกฉัน ไว้แบบนั้นนี่นา อย่าผิดคำพูดเชียวนะ..” เรียวหน้าได้รูปแหงนขึ้นมามองท้องที่ปกคลุมไปด้วยเมฆสีเทาหม่นจำนวนมากจนดูอึดอัด แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มบางๆกับคลี่ออกขับใบหน้าหล่อเหลาให้มีประกายมากขึ้น เพื่อบอกกับท้องฟ้าว่า เขาไม่เป็นไร
ขอโทษนะครับ..
“คิดถึงนายจัง ตื่นซะทีสิ” ตากลมเลื่อนกลับมามองตรงหน้า และเอ่ยอย่างออดอ้อนหวังจะให้เห็นใจเขาสักนิด
ฉันรักนาย...
“ตื่นมาคุยกันอีกสักครั้งเถอะนะ แบคฮยอน....”
“พี่ กลับเถอะ ฝนกำลังจะตกแล้วนะ”เสียงเข้มจากด้านหลังดังใกล้มาพร้อมกลับมือหนาที่วางลงบนลาดไหล่ของเขาเบาๆเป็นการเรียก
“งั้นเหรอ ขอโทษนะหมาน้อย..วันนี้อยู่กับนายได้แค่แป้ปเดียวเอง อาทิตย์หน้าจะมาหาใหม่นะ” ร่างสูงเอ่ยรับคำผู้มาใหม่ก่อนจะค้อมหัวเป็นการขอโทษเล็กน้อย และหันตัวกลับไปทางด้านที่เดินเข้ามาเพื่อเดินทางกลับพร้อมคนข้างกาย
ทั้งคู่ทิ้งให้แท่นหินสีขาวสะอาดตั้งตระหง่านอยู่บนเนินหญ้าอย่างโดดเดี่ยวอยู่เบื้องหลังพวกเขา แท่นหินตั้งอย่างมั่นคงและสงบนิ่งราวกับเป็นการยืนส่งคนทั้งคู่ให้เดินทางปลอดภัย
แท่นหิน..ที่สลักตัวอักษรไว้เพื่อเป็นตัวแทนของใครบางที่ทอดตัวนอนสงบนิ่งอยู่ใต้ผืนดินเพียงลำพัง
ชื่อที่ถูกสลักไว้บนแท่นหินไม่ต่างจากที่ติดตรึงอยู่ในใจใครอีกคน..
‘พยอน แบคฮยอน’
ฉันรักนาย ชานยอล..
“คยองซู กลับยังไงเนี่ย” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลังเรียกดวงตาคู่โตให้เหลียวไปมองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาทักทาย
“อ้าว พี่ชานยอล ผมรอจงอินอยู่ครับ” ริมฝีปากบางขยับยิ้มให้อีกคนเล็กน้อย เขาเอ่ยพาดพิงไปถึงใครอีกคนที่ยังมาไม่ถึง
“ดีโอย่า!”
พลันเสียงแหบห้าวก็ดังขึ้นมาพร้อมกับหัวทุยๆที่โผล่พลุบออกมาจากด้านหลังของร่างสูงที่ยืนอยู่ก่อนหน้า
“แบคกี้? มาพร้อมพี่ชานยอลหรอกเหรอ” คยองซูขานชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อย คิ้วหนาเลิกขึ้นระคนแปลกใจ
“ใช่ แล้วนี่คยองกับจงอินจะไปไหนกันต่อเนี่ย” เจ้าของชื่อพยักหน้ารับเป็นคำตอบก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่ตัวเล็กพอๆกัน ทำให้คยองซูต้องขยับไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อให้อีกคนนั่งได้สะดวกพลางส่าย หัวน้อยๆเป็นการปฏิเสธ
“กะว่าจะกลับบ้านเลย แบคกับพี่ชานยอลล่ะ ?”
“เหมือนกันอ่ะ ปาร์คชานมาเล่นบ้านเราป่ะ” แบคฮยอนยักไหล่น้อยๆ แล้วหันไปถามเพื่อนตัวโตที่ไปยืนหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้ฟังทั้งคู่คุยกันอยู่ ไม่ไกล
“บ้านนาย ? เออไปดิ่ๆ เฮ้ยหิวว่ะ คยองซูทำกับข้าวให้กินด้วยได้มั้ยเนี่ย พี่ไม่ได้กินฝีมือเรานานละ” ชานยอลว่า
“เอางั้นเหรอครับ ? งั้น.. อ้ะ จงอิน วันนี้เราแวะซุปเปอร์ก่อนกลับดีมั้ย จะได้ซื้อของมาทำอาหาร” คยองซูเอียงคอถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เขาเหลือบไปเห็นร่างสูงที่รออยู่กำลังเดินมาพอดี จึงหันไปถามความเห็น
“พี่แบค พี่ชานหวัดดีครับ” จงอินยิ้มทักทายรุ่นพี่ทั้งสองคนที่มองอยู่ก่อน เขายาวๆก้าวเข้าไปหาร่างเล็กที่หันมาเห็นเขาเป็นคนแรก ก่อนจะจัดแจงย้ายร่างอีกคนขึ้นมานั่งอยู่บนตักตัวเองแล้วเอาคางเกยไหล่เล็ก ไว้
“ไปซื้อของอะไรที่ซุปเปอร์ครับ ?”
“พวกผักสดกับเนื้ออ่ะ เดี๋ยวเย็นนี้ทำอาหารกินกัน พี่ชานยอลจะมากินด้วย จงอินอยู่กินด้วยกันก่อนมั้ยเย็นนี้” คยองซูเอี้ยวหน้ามาถามจงอินด้วยแววตาติดจะอ้อนอยู่หน่อยๆ
“แน่นอนสิครับ แฟนชวนกินข้าวทั้งที ต้องทำไก่ทอดเยอะๆด้วยนะรู้มั้ยตัวเล็ก” ร่างสูงตอบเอาใจคนรักพร้อมกดจมูกลงที่แก้มใสแรงๆเพื่อสูดดมความหอม ก่อนจะทำหน้าตาสดชื่นที่ได้แกล้งให้คนรักเขิน
“อะแฮ่ม.. ถ้างั้นเราก็ไปกันเถอะ กว่าจะซื้อของกว่าจะทำเสร็จ สองทุ่มจะได้กินกันมั้ยเนี่ย ป่ะปาร์คชานป่ะ” แบคฮยอนแสร้งกระแอมขัดจังหวะคู่รักเพื่อบอกว่าที่ตรงนี้ยังมีเขากับชานยอ ลอยู่ ปากบางสรุปให้เรียบร้อยแถมด้วยแซะอีกนิดหน่อยๆก่อนจะเดินไปลากมือคนบางคนที่ ยืนเหม่อมองด้านข้างให้เดินตามตนเองไป
“เจอกันที่ซุปเปอร์นะคยอง!” แบคฮยอนยิ้มร่าโบกมือให้คู่รักน้อยๆแล้วออกแรงดึงคนข้างๆหายไปทางโรงจอดรถ
“เอารสนี้หรือรสนี้ดีอ่ะ?” เสียงหวานเอ่ยเรียกอีกคนที่กำลังยืนมองขนมมากหน้าหลายตาอยู่ให้หันมามองถุง ขนมในมือของร่างเล็ก ขนมสองห่อยี่ห้อเดียวกันแต่ต่างรสชาติที่ทำให้ร่างเล็กขมวดคิ้วแน่นอย่างคิด หนัก เป็นภาพที่ทำเอาคนมองถึงกับหลุดขำออกมา
“ทำไมต้องขมวดคิ้วขนาดนั้นเนี่ยตัวเล็ก ก็ซื้อไปทั้งสองรสเลยสิครับ”
จง อินตอบขำๆแล้วคว้าเอาถุงในมืออีกคนมาใส่รถเข็นไว้พลางดันหลังคยองซูเบาๆให้ เดินไปแผนกต่อไป มือหนายังคว้าเอามือเล็กมากุมไว้พลางแกว่งไปมาเหมือนเด็กด้วย
“อยากกินไก่หมักซอสด้วยอ่ะครับตัวเล็ก” เดินไปพลางก็กระซิบข้างหูคนตัวเล็กกว่าไปพลาง ซ้ำยังแกล้งเป่าลมใส่หูให้คยองซูรู้สึกจั๊กจี้ จนเจ้าตัวต้องหดคอหนี
“ฮื่อ ทะลึ่ง! หยุดเลยนะจงอิน” คยองซูเอ็ดพลางมองค้อนคนรัก มือบางยกขึ้นฟาดแขนจงอินแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว ไม่วาย ร่างสูงยังแอบเห็นร่องรอยของสีแดงจางๆที่แก้มใส จนเขาอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาล้อเลียนไปให้อีกคน
ทั้งคู่เดินหยอกล้อกันไปตลอดทาง โดยไม่รับรู้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่คอยจับจ้องอยู่ตลอด
“ไหวไหมวัยรุ่น” เสียงเล็กดังขึ้นข้างๆหูเรียกสติของคนที่ยืนเหม่อมองไกลให้กลับมาอยู่กับคน ตรงหน้าที่เขย่งเท้าขึ้นมาเรียกเขา
“ไม่ไหวได้เหรอแบค...” รอยยิ้มขมขื่นถูกส่งมาเป็นคำตอบพร้อมกับแววตาที่ปวดร้าว คำถามของชานยอลนั้นแบคฮยอนรู้ดีว่าอีกคนคงไม่ต้องการคำตอบเพราะเจ้าตัวก็คง รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
สายตาของคนที่เจ็บแทบตายแต่พูดไม่ได้
“ก็เลิกรักซะสิ จะทนเจ็บอยู่อย่างนี้ทำไม” คำพูดง่ายๆที่ทำยาก ทำให้คนฟังหันไปมองอีกทางเหมือนไม่อยากได้ยิน
“นายไม่เข้าใจแบค.. มันไม่ง่ายไม่ขนาดนั้น การแอบรักใครสักคน แล้วเราบอกเค้าไม่ได้น่ะ มันทรมาณขนาดไหน...”
ชานยอลพึมพำเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคนแล้วเดินหนีไป ทิ้งให้แบคฮยอนยืนมองแผ่นหลังอันโดดเดี่ยวเงียบๆ
"คยองซู มีอะไรให้ช่วยมั้ย"
"ครับ ? พี่ชานยอลช่วยหั่นผักหน่อยได้มั้ยอ่ะ"
"ได้ๆ พวกนี้หมดเลยรึเปล่า"
"ใช่ครับ ช่วยหน่อยนะครับ"
เสียงพูดคุยของคนทั้งคู่แว่วมาจากในครัว ดังพอที่ใครบางคนซึ่งเดินอยู่ไม่ไกลได้ยิน ริมฝีปากเรียวยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนขาเรียวจะก้าวต่อไปทางห้องนั่งเล่นที่มีเด็กหนุ่มอีกคนนั่งฟุบหลับอยู่กับโซฟา
"จงอิน..จงอิน ง่วงเหรอ" แบคฮยอนเอื้อมมือไปเขย่าตัวคนที่กำลังเคลิ้มอยู่เบาๆ
"อืมม..พี่แบคเหรอ"
ร่างสูงงัวเงียลุกขึ้นมานั่งขยี้ตาตัวเองง่วงๆ เสียงพูดอู้อี้ๆของคนเพิ่งตื่นทำเอาแบคฮยอนต้องขำออกมาเบาๆอย่างเอ็นดู
"อื้ม ลุกขึ้นมานั่งดีๆเลย ชวนพี่มาเล่นเกมด้วยไม่ใช่เหรอ" คนเป็นพี่พยักหน้ารับเอ่ยปากเอ็ดน้องอย่างไม่จริงจังนัก เขาขยับตัวไปแถวตู้ทีวีที่มีเครื่องเล่นเกมวางอยู่ และจัดการติดตั้งระบบให้เข้าที่เข้าทางเพื่อเตรียมพร้อมเล่น
"เล่นเกม เล่นเกม เอาเกมเตะบอลนะพี่" จงอินที่ตาสว่างเต็มที่เงยหน้าขึ้นมาเจอทุกอย่างถูกเตรียมเสร็จเรียบร้อยพร้อมเล่นก็รีบเลื้อยตัวมานั่งประจำที่ยึดจอยเกมไปหนึ่งตัวทันที
"ถ้าเล่นเกมนั้นพี่ก็มีแต่แพ้กับแพ้สิ ไม่เอาอ่ะ เล่นเกมต่อสู้ดีกว่า" แบคฮยอนค้าน แล้วหยิบจอยเกมอีกตัวมากดเปลี่ยนเกมจากที่จงอินได้เลือกไว้ก่อนหน้า คนข้างๆที่โดนขัดใจก็ทำหน้าฮึดฮัดแล้วเถียงกลับบ้าง
"พี่ก็เล่นแต่เกมนี้ทุกทีอ่ะ ชนะเก้าในสิบยุติธรรมที่ไหน เรามาเล่นเกมอื่นที่ยังไม่เคยเล่นกันมั่ง" เถียงไปพลางมือหนาก็ยื่นไปคว้าจอยอีกคนมากดรัวๆ เพื่อเลือกเกมใหม่อีกครั้ง แถมมืออีกข้างก็ยื่นไปดันหน้าคนตัวเล็กไว้ไม่ให้ก่อกวนจนแบคฮยอนหน้าง้ำที่แขนยาวไม่พอจะแย่งจอยคืน
"งั้นก็เอาเกมนี้เลย!"
.
.
.
.
.
"แล้วพวกนายสองคนก็มาจบที่เกมตกปลาเนี่ยนะ ? ฮ่าๆๆๆ" เสียงทุ้มเอ่ยล้อคนตัวเล็กที่นั่งหน้ายุ่งอยู่ไม่ไกลด้วยอาการของคนที่กลั้นขำไม่อยู่ ปล่อยเสียงหัวเราะจนตัวโยน ยิ่งเห็นเพื่อนโตสูงหัวเราะเกินความจริงแบคฮยอนยิ่งหน้ายุ่งเข้าไปใหญ่
"เราเปล่านะเว้ย! ก็จงอินอ่ะ เป็นคนเลือกเกมนี้" คนตัวเล็กโวยวายดังลั่น มือไม้ก็ไม่อยู่นิ่ง รัวมือฟาดลมฟาดอากาศสะเปะสะปะยิ่งทำเจ้าของตาขำๆอีกสามคู่แทบกลั้นยิ้มไม่อยู่ ส่วนจงอินหัวเราะไปได้สักพักก็รีบแก้ต่างให้ตนเอง พลางแบมือตีหน้ายิ้ม
"ผมแค่กดเลื่อนไปเรื่อยๆ แต่คนตะโกนลั่นบ้านว่าเอาเกมนี้แล้วก็ยึดจอยไปเริ่มเกมอ่ะ พี่แบคนะครับ"
"นายว่าพี่เลือกเกมปัญญาอ่อนเหรอห้ะ!!" แบคฮยอนได้ยินดังนั้นก็ทำท่าฮึดฮัดโวยวายเสียงดังกว่าเดิม หย้าหวานเริ่มมุ่ยมากขึ้นจนหูตาจมูกปากแทบจะบิดผิดรูปไปหมด พอไม่มีใครตอบ ร่างเล็กก็ตั้งท่าจะโวยวายต่อจนคยองซูต้องรีบเอ่ยแทรกขึ้นมาแทน
"ข้าวจะเย็นหมดแล้วแบคกี้ ไปกินข้าวกันเถอะ"คนออกปากชวนยิ้มให้คนเป็นพี่ก่อนจะโดนมือใหญ่ๆของจนอินที่กระเด้งตัวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำว่าข้าว คว้าหมับเข้าที่เอวเพื่อลากเขาไปทางห้องอาหารทันที ทิ้งให้คนอีกสองคนยืนนั่งมองตามด้วยความหมั่นไส้ แบคฮยอนเองที่เริ่มจะหิวแล้วก็ขยับตัวเอามือยันพื้นเตรียมจะส่งตัวเองลุกขึ้นยืนถ้าไม่ติดว่ามีมือของใครอีกคนมาดึงรั้งเขาไว้ก่อน
"แบค..." เสียงหงอยๆของอีกคนทำให้แบคฮยอนต้องชะงักมือที่กำลังจะสะบัดแขนอีกคนออก
"...."
"...."
"มีอะไร.." เมื่อเขาไม่ยอมตอบ ชานยอลก็ไม่ยอมพูดต่อ แบคฮยอนจึงต้องเอ่ยถามออกไปอย่างเสียไม่ได้
"ช่วยฉัน... ขอแค่ครั้งนี้" คำขอร้องดังตอบมาเบาๆ เพราะอีกคนจงใจกระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคน แบคฮยอนที่ได้ยินดังนั้นกลับเงียบไม่ตอบอะไร เขากำลังรอให้อีกคนพูดต่อ
"ฉันจะบอกกับคยอง ..ความรู้สึกของฉัน ฉันจะบอกเขา..."
"...."
"แค่สองต่อสอง.."
"..."
หลังจากบอกสิ่งที่ต้องการจะพูด ชานยอลก็ได้แต่รอคำตอบจากร่างบางตรงหน้า เขาเม้มปากแน่น แบคฮยอนที่นั่งหันหลังไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย เอาแต่เงียบ เขาได้แต่ภาวนาให้คนตัวเล็กตกลงช่วยเขา แต่แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แบคฮยอนก็ไม่คิดจะตอบอะไรกลับมา มันทำให้เขากังวลและเอ่ยปากออกไปอีกครั้ง
"แบค...ขอร้องล่ะ"
"จะทำอะไรก็รีบทำ"
สุดท้ายเสียงหวานก็ตอบกลับมาสั้นๆ และสะบัดมือชานยอลออกทันทีก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินหนีไปอีกทาง
kyungsoo part.
ผมควรจะทำยังไงดี
ยิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไรเหรอ
หรือควรจะร้องไห้แล้วหันหลังวิ่งกลับออกไปดีล่ะ?
ผมคิดอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาทั้งๆที่ผมไม่สามารถขยับตัวได้เลย ..มันรู้สึกเหมือนมีใครเอาน้ำเย็นๆมาสาดหน้าจนชา แล้วความเย็นมันก็ค่อยๆกัดกินไปทั่วจนถึงปลายนิ้วมือนิ้วเท้า ได้แต่ยืนนิ่งงันมองภาพตรงหน้า แม้แต่เสียงร้องเบาๆก็ยังไม่สามารถจะเค้นมันออกมาได้
"คยองซูทำไมไม่เข้าไป.." เสียงทุ้มแว่วมาจากข้างหลังของผมทำให้คนสองคนที่กำลังแลกริมฝีปากกันอยู่บนโซฟากระเด้งตัวออกจากกันเหมือนไฟช็อต ส่วนผม....รู้สึกเหมือนน้ำใสๆจะไหลออกมาจากดวงตาทั้งคู่ ค่อยๆร่วงลงสู่พื้นพรมอย่างเงียบเชียบ
ภาพของคนสองคนที่คนหนึ่งนั่งกอดตัวเองคู้ตัวอยู่ฝั่งหนึ่งของโซฟา กับอีกคนที่ทำเพียงเหลือบตามามองผมแล้วเบนกลับไปมองอีกคนที่นั่งห่างไปอีกฟากของโซฟาตัวเดียวกัน ในตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกังวล
"คยอง... พวกนาย เป็นอะไรกันน่ะ"
พี่ชานยอลที่เดินมาถึงตัวผมวางมือลงบนไหล่และเอ่ยเรียกชื่อ แต่ภาพของคนสองคนตรงหน้ากลับเรียกความสนใจของพี่เขาไป เสียงทุ้มเจือความสงสัยดังอยู่ข้างหู ในขณะที่ผมนั้นรู้สึกเหมือนมีใครมาสูบเรียวแรงทั้งหมดที่มี ขาของผมอ่อนแรงจนต้องทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น ปล่อยน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
นั่นสิ เป็นอะไรกัน..
ผมได้แต่ก้มหน้าปล่อยน้ำตาให้มันไหลไปพร้อมกับนึกทวนคำถามของพี่ชานยอลด้วยความรู้สึกแปลบๆในอกข้างซ้าย
"ดีโอ พี่ไม่... พี่ขอโทษ" แบคฮยอนที่เห็นผมทรุดลงกับพื้นก็กระวีกระวาดเข้ามากอดผมพร้อมกับความรู้สึกเปียกชื้นที่ไหล่ เมื่ออีกคนกลั้นน้ำตาไม่ไหวซุกหน้ากับบ่าเล็กๆของผม ใช้ต่างผ้าซับน้ำตา แขนของแบคกี้สั่นจนผู้สึกได้
"พี่แบค.. อย่าร้องไห้.." ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของเราสองคน และพี่ชานยอลที่ยืนนิ่งงันอยู่ข้างหลัง จงอินที่นั่งมองอยู่เงียบๆมาตลอดกลับเดินตรงมาทางพวกเราทั้งสาม และเอ่ยออกมาแบบนั้นพร้อมแววตาที่ผมไม่เข้าใจ เพราะแบคกี้หันหลังให้จงอินจึงมีแต่ผมและพี่ชานยอลที่เห็น...
ว่าตาคมคู่นั่นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแค่ไหน..
เขา..ไม่คิดจะพูดอะไรกับผมหน่อยเหรอ
เพราะจงอินพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไปผมจึงได้แต่มองเขาอย่างไม่เข้าใจ ผมกัดปากตัวเองแน่นยกมือขึ้นเพื่อปาดคราบน้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้ว แบคกี้ยังคงร้องไห้อยู่เพราะรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นที่คงไหลรินลงสู่ไหล่ของผม ผมกระชับแขนกอดพี่ชายของผมให้แน่นขึ้น หลับตาลงช้าๆเพื่อเรียกกำลังใจและเบือนหน้าไปหาพี่ชานยอล
"เรื่องที่พี่บอกผม... พี่ทำตอนนี้เลยได้ไหม"
"คยองซู..." ดูเหมือนพี่ชานยอลจะตกใจอยู่ไม่น้อยที่อยู่ๆผมก็พูดอย่างนี้ จงอินเองที่เมินผมมาตลอดก็หันมามองเราทั้งคู่ด้วยสายตาไม่เข้าใจ รวมทั้งแบคกี้ที่ผละตัวออกมามองหน้าผมด้วยดวงตาที่บวมเป่ง จมูกของเขาแดงจนช้ำทำให้ผมอยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผมยิ้มให้เขาก่อนจะเหลือบตาไปมองหน้าจงอินที่ส่งสายตาเป็นเชิงถามมาให้ผม
ผมหันหน้ากลับไปหาพี่ชานยอลอีกครั้ง สูดลมหายใจลึกๆและจงใจพูดเสียงที่ดังพอให้ทุกคนได้ยิน
"ไล่จงอินออกไปจากบ้านผมได้มั้ยครับ?"
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้
เรากำลังกินข้าวด้วยกันและมันไม่ได้มีแค่ข้าวอย่างเดียว แน่นอนว่าพวกผมอยู่ในวัยนี้ก็ต้องมีดื่มแอลกอฮอล์บ้าง ทุกคนกินไปคุยกันไปเรื่อยๆจนกระทั่งเบียร์ในตู้เย็นหมด และดูเหมือนพี่ชานยอลยังอยากดื่มต่อเขาก็เลยบอกว่าจะออกไปซื้ออะไรมาเพิ่มและชวนให้ผมออกไปเป็นเพื่อน ผมมองจงอินกับแบคกี้ที่เริ่มจะเมาแล้วก็เลยตกปากรับคำก่อนจะออกไปที่ร้านสะดวกซื้อกับพี่ชานยอลกันสองคน
ระหว่างทางที่กำลังเดินกลับ พี่ชานยอลกลับดึงแขนผมไว้ก่อนจะถึงบ้าน เพราะค่อนข้างจะดึกแล้วแถวนั้นเลยเงียบสนิท ผมหันไปมองหน้าพี่เขาด้วยความสงสัยเล็กน้อย พี่ชานยอลมองหน้าอย่างชั่งใจเล็กน้อย ริมฝีปากของเขาเม้มเข้ากันแน่นทั้งคิ้วเค้มก็ขมวดเป็นผมด้วย พี่เขามีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่านะ ?
"พี่มีอะไรเหรอครับ ?"
"พี่...พี่ชอบคยองซู" ท่ามกลางความเงียบ จู่ๆพี่ชานยอลก็พูดคำนี้ออกมา
ผมที่ยืนกำลังยกมือขึ้นมาพ่นลมใส่เบาๆเพื่อคลายความหนาวชะงักกึกไปเมื่อได้ยิน ถึงเสียงของพี่ชานยอลจะเบามากและเราก็ค่อนข้างจะมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ผมก็พอจะรู้ตัวว่าผมไม่ได้หูฝาด ผมเงยหน้ามองเขาด้วยความรู้สึกงุนงง
"...?"
"ถ้าวันไหน...จงอินทำให้คยองซูเสียใจ ให้พี่ดูแลคยอง..จะได้ไหม.."
พี่ชานยอลดึงมือผมไปกุมไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ใช้มันลูบหัวผมเบาๆ สายตาที่ทอดมองมาอย่างอ่อนโยนทำให้ผมสับสน
พี่เขาชอบผมเหรอ ? หมายถึงชอบมากกว่าน้องชายใช่มั้ย..
....แล้วผมควรจะทำยังไงดี..
"พี่แค่อยากบอกเราเฉยๆ.. กลับกันเถอะ" พี่ชานยอลยีหัวผมเบาๆอีกหนึ่งทีก่อนจะหมุนตัวผมให้หันกลับไปทางเดิมที่มุ่งหน้าไปยังบ้านของผม ผมได้แต่เดินไปตามที่พี่เค้าบอกโดยไม่แม้แต่จะขัดขืน
ผมได้ยินเสียงฝีเท้าที่ย่ำตามหลังมาอย่างสม่ำเสมอของพี่ชานยอล ตากลมๆของผมเหลือบมองตรงที่ว่างข้างตัว ..ทั้งๆที่แค่เร่งฝีเท้าหน่อยพี่เค้าก็คงจะได้เดินอยู่ข้างผมแล้ว แต่การที่พี่เขาจงใจทิ้งระยะห่างระหว่างเราทั้งคู่คงต้องการให้ผมได้เดินคนเดียว...รวมทั้งพี่เขาเองก็คงต้องการแบบนั้นเหมือนกัน
เราสองคนเดินตามกันมาเงียบๆจนเมื่อมาถึงหน้าประตูบ้าน ด้วยความเคยชินและก่อนออกจากบ้านผมก็ไม่ได้ล็อคประตูไว้จึงบิดประตูเปิดเข้าไปทันที โดยไม่ได้ส่งสัญญาณบอกกับคนข้างใน
และการที่ผมไม่เคาะประตู... ก็ทำให้ผมได้เห็นภาพที่ทำให้ผมอยากจะหันหลังวิ่งกลับออกไปจากที่ตรงนั้นในเสี้ยววินาที..
To be continue.
100% แล้วค่ะ ดีใจจัง ฮือออ T_______T
ถ้างง ถือซะว่าเป็นเรื่องปกตินะคะ เพราะไรท์เองแต่งเอง อ่านเอง ก็..งงเองค่ะ
พิมพ์อะไรลงไปก็ไม่รู้ ออกนอกโลกเหลือเกิน แง
อีกอย่าง อาทิตย์หน้าไรท์ก็สอบไฟนอลแล้วค่ะ
เสาร์อาทิตย์สอบ มศว ด้วย แงง ใครมาช่วยไรท์อ่านหนังสือด้วย
เวิ่นจบแล้ว ขอโทษค่ะที่ชอบดอง ฮือ T_T
ปล. ขอพื้นที่เล็กๆให้แท็ก #ชบท สำหรับคนอยากเวิ่นในทวิตเน้อ ._.
เผื่ออ่านเป็นกำลังใจในการแต่งต่อ ไปแล้วน้า บ๊ายบาย
ความคิดเห็น