ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ม.ปลายปีสุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #6 : [diary&info]ก่อนสอบสัมภาษณ์ทุนมง

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 56


    นัดสอบสัมภาษณ์หลังจากวันประกาศผลสองอาทิตย์ ฉันมีเวลาเตรียมตัวสำหรับการสำภาษณ์สองอาทิตย์!
     

    ตอนม.5 ฉันโดนบังคับให้ทำพอร์ตทิ้งไว้เรียนร้อยแล้ว ทีแรกก็คิดว่าดีสิ ไม่ต้องทำใหม่ แต่หลังจากหาข้อมูลอย่างบ้าคลั่งจากเว็บไซต์ต่างๆ ก็ต้องคิดใหม่
     

    อาทิตย์แรกฉันยังดีใจ ลั่ลล้าอยู่ ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพียงแค่หาข้อมูลให้ได้มากที่สุด จะได้เตรียมตัวถูกว่าอาจจะต้องตอบคำถามแบบไหน ฉันบังเอิญไปเจอเรื่องเล่าจากรุ่นพี่ปีก่อนๆ เขียนประสบการณ์สอบสัมภาษณ์ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นอยู่บนเว็บไซต์ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง (แน่นอนว่าเข้าไปโดยบังเอิญเฉยๆ ประมาณว่าเป็นผู้บุกรุก) ก็ได้ออกมาว่าการสัมภาษณ์จะมีกรรมการสี่ท่าน เป็นคนไทยสองท่าน คนญี่ปุ่นสองท่าน โดยจะมีท่านหนึ่งเงียบๆ โหดๆ หน่อย และจะถามคำถามที่ตอบยาก เล่ากันว่าเป็นนักจิตวิทยา ส่วนอีกคนดูจะใจดีมากกว่า การสัมภาษณ์มีปัญหานิดหน่อยว่าฟังภาษาอังกฤษของกรรมการญี่ปุ่นไม่ออก เนื่องจากการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ พอร์ตฟอลิโอก็ต้องเป็นภาษาอังกฤษด้วยเหมือนกัน
     

    คำถามเบสิกที่มักเจอในการสัมภาษณ์คือประมาณนี้
     

    >>แนะนำตัว (เล่าเกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง ครอบครัวนิดหน่อย แล้วก็บอกเขาว่าทำไมถึงอยากเรียนสาขาวิชาที่เลือก และทำไมต้องเป็นที่ญี่ปุ่น)
     

    >>คำถามเกี่ยวกับโครงการในอนาคต (เรียนจบไปแล้วอยากทำงานอะไร etc)

    >>คำถามวิชาการ (แต่ละคนโดนไม่เหมือนกัน บางทีเกี่ยวกับญี่ปุ่น บางทีเกี่ยวกับสาขาวิชาที่เรียน มักจะเกี่ยวกับข่าวดังๆ ช่วงนั้น)
     

    >>ถามไปเรื่อยๆ (ถามต่อจากข้อมูลที่เราให้/คำตอบของเรา)
     

    หลังจากนั้นก็ลองไปปรึกษาอ.ฝรั่งดูว่าควรจะเตรียมตัวอย่างไร เขาก็ลองซ้อมให้ แล้วก็ให้คำแนะนำมาว่า ดู Application form ที่เรากรอกไปดีๆ อ่านซ้ำหลายๆ รอบให้มั่นใจว่า เรารู้จริงและเข้าใจว่าที่ตัวเองเขียนไปคืออะไร หมายความว่าอะไร เพราะเขาจะอ่านเอกสารอันนี้แล้วตั้งคำถามเรา ตรงนี้ใครกรอกไปไม่ดีก็จะลำบากหน่อย สุดท้ายอ.ก็ช่วยเก็งให้ว่าข่าวเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างที่น่าจะถาม (ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าโดนจริงๆ ด้วย) ดังนั้นอย่าลืมไปขอคำแนะนำอ.ฝรั่งกันนะ มีประโยชน์มาก อุตส่าห์มีคนใกล้ตัวคอยช่วยแล้ว ต้องใช้โอกาสให้เกิดประโยชน์สูงสุด!
     

    ได้ข้อมูลครบตามต้องการแล้วอาทิตย์ถัดไปฉันก็เริ่มเตรียมตัว
     

    เริ่มจากการร่างคำตอบของคำถามที่อาจจะต้องตอบไว้เป็นภาษาไทยแล้วลองแปลเป็นอังกฤษอีกที ยากใช้ได้ เพราะบางหัวข้อเป็นเรื่องนอกเหนือจากชีวิตประจำวัน เกี่ยวข้องกับคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย ขอเตือนว่าอย่าเปิดดิกแปล แต่ให้ใช้ศัพท์ที่เรารู้จักและเข้าใจ จะจำได้มากกว่า ส่วนวิธีท่องมีหลายวิธีแล้วแต่คนถนัด จะเขียนหรืออ่านซ้ำๆ ก็ได้ สำหรับคนหน่วยความจำต่ำอย่างฉันแนะนำวิธีลิสต์ไว้เป็นข้อๆ ว่าจะพูดประเด็นไหนบ้าง แล้วก็จำแค่นั้น รายละเอียดก็คิดๆ เผื่อไว้ไปด้นเอาในห้องสอบ (ใช้กับการสอบพูดปกติได้เหมือนกันนะ อันนี้)
     

    อย่าลืมเตรียมบทแนะนำตัวไปด้วย ยังไงๆ ต้องได้พูดแน่นอน ถ้าพูดภาษาญี่ปุ่นได้บ้าง จะลองแนะนำตัวเป็นภาษาญี่ปุ่นก็ได้ แต่ว่ามีอินโทรนิดนึง เป็นต้นว่า เรารู้ภาษาญี่ปุ่นบ้าง ขอนุญาติแนะนำตัว/พูดเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ไหม แล้วเตรียมอะไรมาก็ว่าไป

    หาข้อมูลเรื่องที่น่าจะเกี่ยวข้องเอาไว้เผื่อโดนถามด้วย ซึ่งก็นับว่าคุ้มค่าถ้าหากโดนถามขึ้นมาจริงๆ
     

    สำหรับพอร์ตฯ ทำเป็นภาษาอังกฤษแล้ว ใส่ข้อมูลทั่วไปของตัวเอง ข้อมูลการศึกษา รางวัลมี่เคยได้รับ ความสนใจ ความสามารถพิเศษ ฯลฯ และอย่าลืมใส่รูปการทำกิจกรรมหรือผลงานที่เราภาคภูมิใจลงไปด้วย อันนี้ฉันก็ไม่แน่ใจว่ามีผลมากแค่ไหน แต่ได้ยินมาหลายเสียงว่าถ้าสอบทุนญี่ปุ่น ใส่ไปด้วยจะดีกว่า
     

    คิดว่าถ้าเป็นกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจในสาขาที่เราเลือกเรียนก็น่าจะได้เปรียบกว่า
     

    แต่ถ้าเป็นพวกที่ไม่มีอะไรจะโชว์อย่างฉัน... ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าควรทำอย่างไร แต่สิ่งที่ฉันทำคือใส่กิจกรรมที่ฉันทำระหว่างอยู่ม.ปลายลงไป เลือกอันที่ชอบและมั่นใจว่าถ้าโดนถามจะตอบได้ไม่ยากเกินไปนัก
     

    อย่างสุดท้ายที่ฉันทำคือขอคำแนะนำจากครูที่สอนภาษาญี่ปุ่นว่าเข้าไปแล้วเราควรทำอะไรบ้าง สรุปได้ประมาณว่า
     

    -           เคาะประตูห้องก่อนเข้า (แต่ตอนที่ฉันไปสอบพี่ที่สถานทูตเป็นคนเคาะแล้วเปิดให้)
     

    -           สวัสดีงามๆ
     

    -           ส่งพอร์ตให้เขาดู
     

    -           รอให้เขาเชิญแล้วค่อยนั่ง ถ้าเขาไม่เชิญซักทีก็ขอนั่งเองเลย
     

    -           ควรจะทำตัวร่าเริงแจ่มใสเอาไว้ อย่าทำหน้าบูด (แต่ความเห็นส่วนตัวเราว่า แต่ยิ้มๆ ไม่เครียดเกินไปก็พอแล้วล่ะ ไม่ต้องถึงกับเริงร่าเกินเหตุ(อย่างที่เราทำไปแล้ว Orz)ก็ได้)
     

    -           เขาจะให้แนะนำตัว แล้วก็บอกเหตุผลว่าทำไมถึงอยากเรียนญี่ปุ่น+เรียนสายที่เราเลือก ก็พูดไปตามที่เตรียมตัวไว้
     

    -           หลังจากนั้นเขาจะถาม ก็ตั้งสติตอบไปดีๆ
     

    ฉันใช้เวลาที่เหลือเท่าที่มีทบทวนคำตอบที่เตรียมไว้ พยายามจำเท่าที่ทำได้ พยายามอ่านออกเสียงดูบ้าง... สมองคิดว่าจะทำให้เต็มที่ เพราะอยากได้จริงๆ ถ้าสอบติดก็จะเอาแน่ๆ ใครถามก็ตอบไปแบบนั้นอย่างมั่นใจ แต่ลึกๆ ข้างในความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมาเป็นระยะ ในเวลานั้นมันยังเป็นเพียงความรู้สึกจางๆ ที่ถูกกลบด้วยกระแสของการแข่งขันและแรงผลักดันของคนรอบข้าง ฉันในตอนนั้นจึงยังไม่รู้ตัว
     

    ทว่าในเวลาต่อมา มันส่งผลพอสมควรเลยทีเดียว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×