ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องสั้นเสริมสร้างแรงบันดาลใจ

    ลำดับตอนที่ #6 : พยายาม

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 56


     


    พยายาม

     

     

    กี่ครั้งแล้วที่ท้องฟ้าลอยผ่านไปเรื่อยๆ กี่ครั้งแล้วที่ต้องเผชิญกับความล้มเหลวในชีวิต

     

    ความล้มเหลว มันมาพร้อมกับความสำเร็จจริงหรือ?

     

    แต่ทุกครั้งที่ล้มเหลว อัมพรจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เธอจะลุกขึ้นใหม่ โดยที่ตัวเธอไม่เคยหันกลับไปมองอดีตที่ผ่านมาเลยสักครั้ง

     

    อัมพรเป็นโรคพิการทางสมอง

     

    เธอมีไอคิวน้อยกว่าคนปกติทั่วไปถึงสามเท่า แต่กระนั้นเธอก็พยายามที่จะเป็นนักเขียน และทุกครั้งอีกเช่นกันที่เธอล้มเหลว เพราะเธอไม่มีปัญญาจะคิดจินตนาการพาฝันแบบคนปกติทั่วไป

     

    "ไม่ผ่าน" เสียงกองบรรณาธิการตวาดขึ้น อัมพรยังคงยิ้มรับแบบไม่รู้เดียงสา

    "หนูจากาบปายแก้ไขอีกรอบ" เธอพูดเสียงเบาๆ ก่อนที่จะก้มลงไปเก็บต้นฉบับของเธอที่ถูกขยำทิ้งขึ้นมา

    "ไม่ต้องมาอีกแล้ว เธอเลิกคิดจะเป็นนักเขียนเสียจะดีกว่า"

    "แต่หนูจากาบมาอีก" อัมพรกล่าว เธอยังคงยิ้มเช่นเดิม

     

    มีคนสอนให้เธอรู้จักคำว่าพยายามแล้วจะสำเร็จ มีคนบอกว่าหากไม่ย่อท้อ ทุกเรื่องก็จะเป็นจริงดังที่ฝัน

     

    ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว อัมพรยังคงเขียนนวนิยายของเธอ โดยเธอจะใช้วิธีจดทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่เธอเห็นมาลงบนสมุดด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด

     

    เธอใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น และเธอเรียนจบเพียงระดับประถมศึกษาเท่านั้น

     

    เธอใช้เวลาสี่ปีในการเก็บเงินซื้อคอมพิวเตอร์ เพราะเธอได้ยินมาว่ามันจะช่วยทำให้เขียนเร็วขึ้น แต่ตอนนี้คอมพิวเตอร์ของเธอกลับตั้งไว้เฉยๆ

     

    และมันก็ไม่เป็นปัญหา ในเวลาที่เธอเขียนงานของเธอลงบนสมุดด้วยดินสอ

     

    เธอเขียนแล้วลบ เขียนแล้วลบซ้ำไปซ้ำมาจนบางทีกระดาษเป็นรู แต่เธอก็ยังดันทุรังเขียน

     

    เธอเขียนเรื่องเกี่ยวกับกระต่าย สัตว์ต่างๆ และสิ่งรอบตัว

     

    เธอพยายามทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นเทพนิยายสำหรับเธอ เหมือนตอนที่แม่ของเธอเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง

     

    "เขียนแบบนี้ ไปให้เด็กอนุบาลอ่านเถอะ" เสียงกองบรรณาธิการกล่าวอีกครั้ง ในเวลาที่อัมพรเอาต้นฉบับมาส่ง "บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาอีก เพราะงานของเธอมันเหมือนเด็กอนุบาลเขียนเล่านิทาน"

    "ค่ะ แต่หนูจะต้องเปนนากเขียนห้ายได้"

     

    อัมพรกลับบ้านอีกครั้งด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น

     

    จนบัดนี้ เธอมีนิยายที่เธอแต่งสั้นๆ อยู่สองพันกว่าเรื่อง และแต่ละเรื่องก็ไม่ยาวมากนัก เพราะเธอคิดได้เท่านั้น

     

    ในที่สุดก็มีเด็กชายตัวน้อยข้างบ้านแวะมาอ่านนิยายของเธอ

    "พี่อัมพรฮะ สนุกจัง"

    "เหรอคะ พี่สาวว่าจาเขียนให้สนุกกว่านี้ เพราะเท่านี้มานยางไม่ดีพอ"

    "ไม่หรอก เต้ชอบ"

    "ก็น้องเต้เรียนอนุบาลอยู่ไม่ใช่เหรอ ก็เลยชอบ"

    "เต้ว่า เต้ชอบก็พอแล้วนี่ฮะ"

    "แต่พี่สาวต้องเขียนแบบผู้ใหญ่อ่านได้สนุกนาจ้า"

     

    และอัมพรก็ยังคงตั้งต้นเขียนต่อไปเรื่อยๆ

     

    จากวันเป็นเดือน

     

    จากเดือนเป็นปี

     

    และเวลาก็ผ่านมาได้ห้าปีแล้ว โดยนิยายของเธอก็ยังคงเอกลักษณ์รูปแบบเหมือนเดิม

     

    "ห้าปีมาแล้ว เธอก็ยังมาเรื่อยๆ อีกนะ" กองบรรณาธิการคนเดิมส่ายหัว ในขณะที่กองบรรณาธิการคนใหม่ทำท่าทางสนใจ

    "แบบนี้ถ้าทำเป็นนิทานภาพอย่างนิทานอีสปคงรวยเละ" เขาเสนอ และเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อนำเรื่องของอัมพรเข้าเสนอต่อที่ประชุม ในขณะที่กองบรรณาธิการคนเก่าพูดตัดพ้อว่า

    "เพิ่งเข้ามาทำงานได้อาทิตย์เดียวก็แผลงฤทธิ์แล้วนะเจ้าหนูเอก เดี๋ยวก็โดนผู้ใหญ่ตวาดเอาหรอก อย่าเอาความคิดสงสารคนพิการมาตัดสินใจโง่ๆ ออกไปเลย เดี๋ยวก็โดนเด้ง"

    "พี่ ผมไม่ได้สงสารเธอ แต่งานเธอมันขายได้"

    "ขายให้เด็กอนุบาลน่ะสิ"

    "ใช่! พี่พูดถูก"

     

    อัมพรยังยิ้มฟังเหมือนเดิม ในขณะที่เอกวิทย์นำนิยายของเธอเข้าที่ประชุม และบอกเธอส่งท้ายว่า "ฉันจะดันเรื่องของเธอให้ได้ตีพิมพ์เอง"

     

    นั่นเป็นคำพูดหนึ่งที่อัมพรพึงได้รับดีที่สุดจากกองบรรณาธิการ

     

    และแล้วสำนักพิมพ์ก็ตกลงรับงานของอัมพรทั้งหมด เพื่อตีพิมพ์เป็นนิทานภาพเล่มละสิบบาท ส่งขายตามโรงเรียนต่างๆ ซึ่งมันมีถึงห้าพันกว่าเรื่องแล้วในปัจจุบันนี้

     

    "คุณเอกผมขอเลือกคุณให้เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการคนใหม่ แทนคุณจิระศักดิ์นะ เพราะยอดขายนิทานภาพทำกำไลให้บริษัทเราถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ไปแล้วในตอนนี้"

    "ขอบคุณครับ" เอกวิทย์เอ่ยขึ้นเบาๆ ขณะที่ประธานบริษัทจับมือด้วย

    "คุณคิดได้ยังไงว่างานของหนูอัมพรจะขายได้ ทั้งๆ ที่เธอพิการทางสมอง คุณเห็นคุณค่าจากงานของเธอได้อย่างไรกันนะ?"

    "สิ่งของบางอย่างจะมีคุณค่าได้ ก็ต่อเมื่อมีคนเห็นคุณค่าของมัน และงานของคุณอัมพรก็มีคุณค่าสำหรับเด็กๆ ทั้งหลายที่เพิ่งหัดอ่านหนังสือ"

     

    ทุกวันนี้อัมพรยังคงเขียนนิยายของเธอเหมือนเดิม และเธอได้รับส่วนแบ่งทางการตลาดทุกๆ ปี เป็นเงินเฉลี่ยสิบล้านกว่าบาทจากยอดนิยายทั้งหมดที่เธอทำได้

     

    ไม่มีงานชิ้นใด ไม่มีคุณค่า มันขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายใด จะเห็นคุณค่าจากงานชิ้นนั้นต่างหากล่ะ

     

     

     

    จบไปอีกเรื่อง บอกตรงๆ ว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้ได้รับอิทธิพลอย่างแรงกล้า ด้วยความคิดที่อยากให้น้องๆ คิดว่าการเขียนงานที่เราชอบนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องอื่นๆ เท่าไหร่

     

    เพราะมันมีทั้งคนชอบ และคนไม่ชอบ

     

    คนเราจะชอบเหมือนกันคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นอย่าดูถูกฝีมือตัวเอง ดูจากอัมพรเป็นตัวอย่างแล้วกันนะคะ สู้ๆ

    แนะนำคำผิดบทนี้ โดย premolar

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×