ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อภินิหารฟิสิกส์ครองพิภพ

    ลำดับตอนที่ #6 : ยักษ์แห่งแสงเหนือฮอบบิทตัน

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 46


    หลังจากเสียเวลาในการหาไปค่อนข้างนานมากในที่สุดมาลีและปีกบินก็ได้ดอกไม้ไฟอันใหญ่สมใจ



    “เหนื่อยแต๊แต๊เลย” เสียงมาลีบ่นขึ้น



    “มาบ่นอะไรกัน?” กล่องใส่ดอกไม้ไฟร้องถาม “เดี๊ยะป๋าก็ถามคำถามอีกข้อหรอก เอาอะไรดี? ฟิสิกส์อะตอมดีไหม?”



    “ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ฮอบบิททั้งสองร้องเป็นเสียงเดียวกัน พลางปิดกล่องใส่ดอกไม้ไฟด้วยความเร่ง 20 เมตรเพอร์เซ็คสแควร์ แล้วหอบดอกไม้ไฟอันใหญ่นั้นออกมาข้างนอกเต็นท์



    “จุดเลย จุดเลย” ปีกบินร้อง



    “จุดโลด จุดโลด” มาลีร้องพลางจ่อไฟที่ชนวนดอกไม้ไฟ



    เกิดเสียงดังพรึ่บ! แล้วประกายไฟก็ค่อย ๆ ลามจากปลายชนวนเข้าไปหาดอกไม้ไฟ



    “นายถือไว้นะ” ปีกบินร้อง พลางถอยออกมาห่าง ๆ



    “ไม่! นายสิถือ ดีกว่าแต๊แต๊” มาลีโยนดอกไม้ไฟให้ปีกบิน



    “อ้าว เวรแล้วมั้ยล่ะ นายก็ถือไปสิ ทำไมต้องให้ฉันถือด้วย”



    ทั้งมาลีและปีกบินโยนดอกไม้ไฟไปมา โดยไม่ทันสังเกตเลยว่า ประกายไฟนั้นลามมาถึงตัวดอกไม้ไฟแล้ว



    ตูม!!



    ดอกไม้ไฟพุ่งลอยขึ้นฟ้า มาลีและปีกบินเกือบจะติดไปกับดอกไม้ไฟเสียแล้ว ถ้าไม่บังเอิญว่าชายเสื้อของปีกบินไปเกี่ยวติดกับลังเบียร์ข้าง ๆ นั่นเสียก่อน



    ดอกไม้ไฟลอยสูงขึ้น สูงขึ้น มันแตกระเบิดออก กลายเป็นประกายไฟจำนวนมากที่ก่อตัวเป็นรูปร่าง คล้ายมัง...กร...เหรอ?...ไม่ใช่ ไม่ใช่มังกร แต่มันกลับดูคล้ายหน้าคน พลันประกายไฟประกอบกันเป็นส่วนของคอ ลำตัว แขน และขา พลันมีเสียงดังขึ้นว่า



    ”นักเรียนจะพบกับความประหลาด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”



    ร่างนั้นมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ลอยขึ้นฟ้า และก็ย้อนกลับลงมาหาหมู่ฮอบบิทที่กำลังสนุกรื่นเริงกับงานเลี้ยง



    “นั่นใครน่ะ!?” ฮอบบิทตนหนึ่งร้องเมื่อเห็นร่างยักษ์นั้นเหินลงมา



    ตาเฒ่าตระกูลทมทิตชงค์หยีตามองร่างนั้น “คุ้น ๆ ตาพิกล”



    ลำแสงที่เปล่งจากศีรษะของร่างยักษ์นั้นช่างเปล่งประกายแรงกล้าแสบตายิ่งนัก แต่ตาเฒ่าทมชิตชงค์ก็พอเห็นได้ราง ๆ ว่า ร่างนั้นคือบรรพบุรุษของเขา



    “อาจารย์ช่!!!“ ตาเฒ่าทมชิตชงค์คราง



    ร่างยักษ์นั้นลอยอยู่เหนือหมู่ฮอบบิทที่กำลังตื่นตะลึง พลางเปล่งเสียงอันกึกก้องว่า



    “ข้าเห็น! ข้าเห็น! ข้าเห็นลังเบียร์ตั้งอยู่ข้างตัวพวกเจ้า และข้ารู้ ข้ารู้! ว่ามีลังเล็กวางอยู่ข้างๆ ลังใหญ่ และแน่นอนข้ารู้อีกว่า ลังนั้นมีรูปร่างเป็นทรงกระบอก สูง 20 cm เส้นเผ่า เอ้ย ผ่านศูนย์กลาง 10 cm หนัก 100 นิวตัน ตั้งอยู่บนโต๊ะราบข้างตัวเจ้า และข้ารู้ ว่าโต๊ะนั้นมีค่าของสัมประสิทธิ์ของความเสียดทาน 0.2 ทีนี้ข้าสงสัยเหลือเกินว่า หากข้าใช้แรง 20 นิวตัน กระทำกับลังเบียร์ขนานกับพื้นราบที่ตำแหน่งสูงสุด ลังนั้นจะเป็นอย่างไร? ระหว่างเริ่มไถล กำลังจะล้ม ล้มไปแล้ว หรือเริ่มไถลโดยไม่ล้มกันละหรือ?”



    พลันร่างยักษ์นั้นเขม่นคิ้วมองดูเหล่าฮอบบิทด้วยความดูถูกดูแคลน



    “ข้ารู้” “ข้ารู้” “ข้ารู้” เหล่าฮอบบิทในงานนั้นร้องตะโกนพลางยกมือด้วยความปรารถนาจะตอบคำถาม โฟรโดเองก็คิดออกแล้วเช่นกัน แต่เขาไม่คิดอยากจะตอบ เขาไม่เชื่อใจร่างยักษ์รูปร่างประหลาดที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนร่างนี้



    หากแต่ในขณะนั้นเองเขาเกิดเหลือบไปเห็นบิลโบ บิลโบกำลังดูอะไรบางอย่างในมือ ทำปากขมุบขมิบ แล้วดีดนิ้วดังเป๊าะ รอยยิ้มปรากฏขึ้นวูบหนึ่งบนใบหน้า หลังจากนั้นบิลโบจึงตีหน้าขรึมเช่นเดิม



    “เจ้า... เป็นคนตอบ” ร่างยักษ์นั้นชี้มือตรงมายังแซม ทำเอาแซมสำลักเบียร์เป็นการใหญ่ ฮอบบิทหลายตนเริ่มเข้ามามุงดูและคำนวณอัตราการไหลลงสู่พื้นของของไหลที่พวกเขาเห็นออกมาจากปากของแซม



    “จะตอบหรือไม่ตอบ?”



    “ต...ตอบครับ...อึ๊ก...” แซมขานรับ เขายังคงสำลักเบียร์อยู่



    “เช่นนั้นเจ้าจะตอบว่ากระไร?”



    “เอ่อ...เอ่อ...” แซมอึกอัก



    โฟรโดทำปากบอกแซมว่า ‘สมดุลกลไง แซม’



    แซมพยักหน้า เขาทำปากขมุบขมิบอีกนิด แล้วยิ้มให้โฟรโด หลังจากนั้นจึงหันไปตอบกับร่างยักษ์นั้นว่า



    “ลังนั้นจะตกลงสู่พื้นด้วยความเร็วสิบแปดเมตรเพอร์เซ็คครับ!”



    โฟรโดเอามือปิดหน้า



    “ผิด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ร่างยักษ์นั้นคำราม แล้วจึงทะยานขึ้นฟ้า พุ่งตรงลงมายังแซม ในขณะที่แซมตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก โฟรโดก็พยายามวิ่งเข้าไปช่วย หากแต่บิลโบที่ทำปากขมุบขมิบอยู่นั้น กลับต่อยลังเบียร์ที่วางอยู่ตรงหน้า ลอยขึ้นฟ้าแบบโพรเจคไทล์ พอดีกับที่ร่างยักษ์นั้นพุ่งตรงลงมา ลังเบียร์นั้นกระแทกเข้ากลางหน้าผากร่างยักษ์นั้นอย่างจัง แล้วกระดอนกลับมาตกอยู่ในมือของบิลโบพอดี เมื่อทุกคนหันกลับไปดูร่างยักษ์นั้น ก็ปรากฏว่าร่างนั้นปรากฏแสงสว่างประกายวาบ



    “เราเริ่มและเลิกตรงเวลาเป็นวินาที~~~~~~~~~~~~~~~~~~”



    ขาดคำ ร่างยักษ์นั้นก็สลายไป กลายเป็นดอกไม้ไฟขนาดมหึมา สวยงามที่สุดในค่ำคืนนี้



    “โอ้~~~~~~~~~~~~ อะเมซซิ่ง ฮอบบิทัน!” ฮอบบิทตนหนึ่งร้องขึ้น แล้วเริ่มปรบมือ หลังจากนั้นฮอบบิทตนอื่น ๆ จึงเริ่มปรบมือตาม จนมีเสียงปรบมือดังกระหึ่มทั่วงานเลี้ยง พวกเด็ก ๆ กรูเข้าไปหาบิลโบเพื่อถามวิธีคำนวณที่ทำให้ลังเบียร์เคลื่อนที่ได้แบบนั้น ในขณะที่บิลโบเองยิ้มจนหน้าแดง และเริ่มนั่งลงเล่าถึงวิธีคำนวณนั้น รวมทั้งนิทานเกี่ยวกับการผจญภัยของเขาเมื่อครั้งกระโน้น ทุกคนต่างพากันมานั่งล้อมวงฟัง บางคนก็จดคำพูดของบิลโบเอาไว้ โฟรโดและแซม รวมทั้งมาลีและปีกบินเองก็เป็นหนึ่งในนั้น



    มีเพียงคนเดียวที่มีสีหน้าไม่สบายใจ



    เขาคือแกนดัล์ฟ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×