ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ล่วงภพห้วงขนาน ภาค 2 (ไวรัสมฤตยู)

    ลำดับตอนที่ #6 : จดหมายของอีมกุ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 47


    .

                        และแล้วเด็กๆทั้งสามคนก็กลับมามาที่บ้าน และรีบตรงไปที่ห้องครัวในทันที



                        “อ้าวจิมจะพาเพื่อนไปไหนกัน”



                        “ไปตามพ่อครับ”



                        “แล้วจะไปตามที่ไหนกัน”



                        “แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ แล้วผมกลับมาจะเล่าให้แม่ฟัง ไม่ต้องแจ้งความนะครับ”



                        “แล้วจะไปตามที่ไหนบอกแม่ก่อน” พอแอนตามเด็กๆไปที่ห้องครัว เมื่อเข้ามาก็พบแต่ความว่างเปล่า แสดงว่าเด็กๆได้หายไปในอุโมงค์แล้ว



        

                        “จิม นายเจอทางออกหรือยัง”



                        “รอก่อนสิอย่าพึ่งรีบ เรากำลังดันปากท่อระบายน้ำอยู่ เอาล่ะ มาลุ้นกันดีกว่าว่าจะเปิดออกหรือเปล่า”



                        “เปิดออกสิ สาธุเนเน่จะอธิษฐานละนะ”



                        และแล้วเมื่อจิมออกแรงเต็มที่ฝาก็เปิดออก เวลานี้เป็นเวลาเย็นแล้ว ผู้คนยังเดินกันขวักไขว่อยู่เต็มท้องถนนแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครมาสนใจเด็กๆที่โผล่ออกจากท่อระบายน้ำกลางกรุงนี่เลยสักคนเดียว



                        “แล้วเราจะไปตั้งต้นที่ไหนกันดีล่ะ” กิตถาม



                        “บ้านของอีมกุไง หาง่ายสุด พูดไปใครๆก็น่าจะรู้จักนะ” เนเน่พูด



                        “แล้วไม่ไปบ้านน้าวินกันเหรอ ให้เค้าพาเราไปดีกว่ามั้ง” จิมพูด



                        “เราว่าคราวนี้เนเน่พูดเข้าท่ากว่านะ จิมเราว่าไปบ้านอีมกุกันเลยดีกว่า ค่อยไปหาน้าวินทีหลัง” กิตพูด



                        “เอางั้นก็ได้ แล้วจะไปกันยังไงล่ะ” เนเน่ถาม



                        “ก็ไปรถเมล์สิ “ กิตพูด



                        “แล้วจำสายที่จะไปได้ไหมล่ะ” จิมพูด แล้วทุกคนก็มองหน้ากัน



                        “ตกลงไม่มีใครจำกันได้เลยใช่ไหมล่ะ” จิมพูด



                        “นั่นๆๆๆ” เนเน่ชี้พร้อมทำหน้าดีใจ เมื่อทุกคนหันหน้าไปมองตามมือที่เนเน่ชี้ ทุกคนก็พูดพร้อมกัน



                        “น้าวิน” หลังจากพูดจบเด็กๆทั้งสามคนก็วิ่งไปที่วินทันที





                        “อ้าวพวกเธอมากันได้ยังไง แล้วทีปล่ะไม่ได้มาด้วยเหรอ”



                        “เรื่องมันยาวครับ สั้นๆนะครับ พ่อผมถูกลักพาตัวน่ะครับ”  จิมพูด



                        “แล้วใครล่ะจะลักพาตัว แล้วแน่ใจเหรอว่า คนที่เจนิสลักพาตัวมา”



                        “แน่ใจครับนี่หลักฐาน” จิมพูดพร้อมทั้งควักก้นบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าออกมา



                        “บุหรี่ของเจนิสนี่นา”



                        “ใช่ครับ ทำให้พวกเราต้องมาตามที่นี่ คือว่าพ่อของผมป่วยอยู่โรงพยาบาล แล้วก็หายตัวไปครับ มีคนมาตามหาพ่อผมแล้ว แล้วพ่อผมก็หายตัวไปครับ “



                        “พวกเธอก็เลยตามมาอย่างไม่รู้จุดหมายนี่เลยสินะ”



                        “ครับ ตอนแรกพวกเราจะไปหาอีมกุ ก็เผอิญมาเจอน้าวินซะก่อน”



                        “อืมเอางี้ ฉันจะพาพวกเธอไปหาอีมกุกันก่อนแล้วกันเพราะตอนนี้น้าวินทำงานอยู่คงจะอยู่ดูแลพวกเธอไม่ได้ มาน้าจะพาขึ้นรถเมล์”



                        หลังจากนั้นน้าวินก็พาเราขึ้นรถเมล์แล้วบอกว่าตอนเย็นจะไปรับกลับ



        

                        “มาขอพบอีมกุครับ จำได้ไหมครับพวกผมเคยมาทีนึงแล้ว”



                        “จำได้สิครับ คือว่าตอนนี้คุณหนูยังไม่กลับบ้านครับ แต่เชิญเข้าไปรอข้างในกันก่อนก็ได้ครับ” แล้วทหารยามก็เปิดประตูให้พวกเราทั้งสามคนเข้าไปในบ้าน



                        “อ้าวเพื่อนๆคุณหนูนี่เอง เข้ามาก่อนค่ะ คุณหนูยังไม่กลับจากเรียนเลย คุณผู้ชายก็ยังไม่กลับมาเช่นกัน  นี่ค่ะน้ำส้ม เชิญดื่มกันก่อน” ไมรี่แม่ครัวและพี่เลี้ยงของอีมกุพูด



                        “แล้วพวกเธอไม่ไปเรียนหนังสือกันเหรอจ๊ะ “ ไมรี่ซึ่งขณะนี้นั่งลงเพื่อสนทนากับพวกเด็กๆ



                        “อ๋อวันนี้พวกเราเลิกเรียนกันเร็วกว่าทุกวันน่ะครับ ก็เลยรีบมาหาอีมกุเค้าน่ะครับ คือว่ามีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ”



                        “เรื่องอะไรเหรอคะ บอกพี่หน่อยได้ไหมคะ”



                        “ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่พ่อผมถูกลักพาตัวน่ะครับ” จิมพูด



                        “ลักพาตัวมาที่นี่น่ะเหรอ” ไมรี่พูด



                        “ครับลักพาตัว พี่ว่าไม่นะ”



                        “ทำไมจะไม่ใช่ล่ะครับ พวกเรามีหลักฐาน” จิมพูดพร้อมทั้งควักก้นบุหรี่ออกมาอีกครั้ง



                        “อืมพวกเธอเข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่า พ่อพวกเธออยู่ที่นี่จริงแต่ไม่ได้ถูกลักพาตัวนะ”



                        “อะไรครับ พี่ไมรี่รู้หรือครับว่าพ่ออยู่ที่ไหน” จิมพูด



                        “รู้สิจ๊ะ ทำไมล่ะ อะไรที่คุณหนูรู้ทำไมพี่จะไม่รู้ล่ะ”



                        “อ้าว อีมกุรู้ด้วยเหรอครับ”



                        “อ๊ะ คุณหนูมาพอดีเลย ไว้ถามกันเองนะ เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะ” ไมรี่พูดจบก็หายลับเข้าไปในครับ



                        “อ้าวจิม กิต เนเน่ มากันได้ไงเนี่ย เราพึ่งกลับมาจากโรงพยาบาลเลยช้าไปหน่อย”



                        “ใครเป็นอะไรไปเหรอ “ จิมถาม



                        “อ้าวก็พ่อของเธอไง ฉันทิ้งจดหมายบอกไว้แล้วนี่นา”



                        “จดหมายอะไรเหรอ อีมกุ เราไม่เห็นได้เลย เราก็นึกว่าพ่อเราถูกลักพาตัวมานะเนี่ย”



                        “เปล่านี่ เราพามาเองแหละ ก็เรารู้ว่าพ่อเธอไม่สบายเราก็เลยไปพาตัวมารักษาที่นี่ พ่อเธอก็มาดีๆนะไม่ได้บังคับอะไรเลยนะ แล้วเราก็เขียนบอกพวกเธอไว้แล้วนะ ไม่เห็นเหรอ”



                        “ไม่เห็น เรารู้แต่ว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง มาถามหาพ่อเราแล้วเค้าก็ทิ้งหลักฐานไว้ว่าเป็นคนของเจนิส”



                        “หลักฐานอะไรเหรอ” อีมกุถาม



                        “นี่ไง ก้นบุหรี่ของที่นี่ เราถึงต้องตามมาที่นี่ แสดงว่าคนๆนี้ต้องมาทีหลังอีมกุ และไม่เจอพ่อเราก็เลยไปสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง แล้วก็กลับไป เราไม่ได้คิดเอะใจเลยนะว่าเด็กที่มาถามว่าพ่ออยู่ห้องไหนคืออีมกุเลยนะเนี่ย



                        “อืมใช่เราไปถามเองแหละ นี่ก็แสดงว่าคนๆนั้นเห็นจดหมายของเราแล้วต้องเอาไปด้วยแน่ๆเลย มีคนอื่นรู้อีกด้วยเหรอเนี่ยว่าลุงทีปไม่สบาย”



                        “ว่าแต่อีมกุรู้ได้ไงว่าพ่อเราไม่สบายล่ะ”



                        “อ๋อ หลวงพ่อน่ะบอกเรา วันก่อนเราไปหาท่านที่วัดมา ท่านบอกว่าพ่อของเธอน่ะกำลังไม่สบายมาก ทิ้งไว้ไม่ได้ต้องนำตัวมารักษาที่นี่เพราะว่ามันไม่ใช่โรคของที่นั่น มันคือโรคของที่นี่”



                        “แล้วตกลงพ่อเราเป็นอะไรจะรักษาหายไหมอีมกุ” จิมถาม



                        “อืม หายสิ เราว่าต้องหายนะ ถ้าไม่ใช่โรคนั่น”



                        “โรคนั่น โรคไหนเหรอ อีมกุ อธิบายให้ชัดๆหน่อยสิ” จิมพยายามคาดคั้นด้วยความใจร้อน



                        “เอ้อ ยังสรุปไม่ได้หรอกนะ เพราะว่าโรคนี้มันหายไปจากเจนิสนานแล้วนะ แล้วถ้าติดจริงพ่อเธอไปติดมาจากไหนถึงติดอยู่แค่คนเดียว”



                        “โรค ฟีมอเช่ “ อีมกุค่อยๆพูดออกมา “โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายมีแต่ชะลอไว้ได้อย่างเดียวน่ะ”



                        “แล้วพ่อเราไปติดมาได้ไงล่ะเนี่ย เราคิดไม่ออกเลยนะ”



                        “เราก็ไม่รู้” อีมกุพูด



                        “พรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลกันละกันพรุ่งนี้เราจะหยุดเรียน คืนนี้พักกันที่นี่แล้วกัน”



                        “ไม่เป็นไรน้าวินจะมารับเรากลับบ้านน่ะพรุ่งนี้พวกเราค่อยมากันใหม่แล้วกัน” กิตพูด



                        “อืมได้ พรุ่งนี้เราจะพาไปเอง พ่อของจิมคงจะดีใจที่ลูกตามหาจนพบ “



                        “แต่เราก็อดกังวลไม่ได้กับอาการป่วยของพ่อเรา พ่อจะต้องหายเนอะอีมกุ”



                        อีมกุหันหน้ามาพร้อมทั้งเอามือทั้งสองกุมมือจิมไว้พร้อมทั้งบอกว่า “ต้องหาทางได้สิ เราว่าต้องรักษาได้”



        

                        และแล้วเมื่อถึงเวลาวินก็เดินทางมารับเด็กๆกลับไปที่บ้านของเขา เมื่อเด็กๆกลับมาถึงก็เล่าทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นให้วินฟัง



                        “ดีนะ ที่พ่อของจิมเค้าไม่ได้ถูกลักพาตัวไปจริงๆ”



                        “ครับ แต่พ่อผมก็ไม่สบายมาก ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า”



                        “น่ารอดสิ พ่อของจิมเป็นคนดี พระจะต้องคุ้มครอง เอาล่ะนี่ก็มืดแล้วรีบๆไปนอนกันเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นกันแต่เช้า จะได้ไปหาพ่อเธอที่โรงพยาบาลกัน”



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×