ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yandere] ปักษาร้องรัก

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 มื้ออาหารสุดพิลึก

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 67


    เช้าวันต่อมา

     

    เมื่ออาเมเลียลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่ปรากฏในสายตาของเธอคือใบหน้าของเซเฟียร์ ใบหน้าที่สงบเสงี่ยมในยามหลับ ราวกับเด็กไร้เดียงสาที่ไม่มีความกังวลใดๆ ปีกขนาดใหญ่ของเขาข้างหนึ่งแผ่ปกคลุมตัวเธอไว้เหมือนผ้าห่มอันอบอุ่น ส่วนอีกข้างหนึ่งกางยาวออกไปยังอีกด้าน ราวกับต้องการปกป้องพื้นที่รอบตัวเขาและเธอ มือของเขาอยู่เหนือเธอเล็กน้อย ขณะที่ความอบอุ่นจากผิวกายของเขาช่วยคลายความหนาวเย็นในยามเช้าของเธอ 

     

    อาเมเลียหายใจเบาๆ เพื่อไม่ให้ปลุกเขา เธอขยับมือตัวเองออกจากมือของเขาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอื้อมไปสัมผัสผมสีม่วงที่ดูนุ่มสลวยของเขา ลายนิ้วของเธอแตะเพียงเล็กน้อย สัมผัสเบาบางเหมือนลมพัดผ่าน และในชั่วพริบตา เซเฟียร์ก็เริ่มขยับตัว ดวงตาของเขาเปิดขึ้นช้าๆ ราวกับรับรู้ถึงการตื่นนอน อาเมเลียรีบดึงมือกลับจากศีรษะของเขาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอขึ้นสีเล็กน้อยในขณะที่สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธอด้วยความสงสัยผสมกับความงุนงงจากการเพิ่งตื่นนอน

     

    เมื่อเขาลืมตาเต็มที่ ดวงตาสีเหลืองอำพันลึกล้ำของเซเฟียร์จ้องมาที่อาเมเลียเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นนั่งและยืดตัว ปีกใหญ่ของเขาสั่นไหวเล็กน้อยขณะที่เขาเหยียดแขนและปีกออกเหมือนยามเช้าที่ต้องการปลุกตัวเองให้กระฉับกระเฉง ทันทีหลังจากนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างสูงของเขาทอดเงาไปทั่วรัง ก่อนจะก้าวไปยังปากทางถ้ำ  เขากระโดดเล็กน้อย พร้อมกับกระพือปีกเพื่อปรับตัว 

     

    และในชั่วพริบตา เขาก็กางปีกกว้างและบินออกไป อาเมเลียได้แต่นั่งนิ่ง มองตามแผ่นหลังของเขาที่ค่อยๆ ลอยหายไปในท้องฟ้าสีครามยามเช้า เธอก้มมองพื้นด้านล่างผ่านปากถ้ำ และพบว่ารังนี้อยู่สูงเกินกว่าที่เธอจะปีนลงไปได้เพียงลำพัง ความคิดต่างๆ ถาโถมเข้ามาในหัว เธอพยายามคิดในแง่ดีว่าเขาคงแค่บินออกไปหาอาหาร แต่แล้ว ความคิดที่มืดมนก็ตามมา “ถ้าเขาไม่กลับมา… ถ้าเขาเจออันตราย… หรือถูกล่า...” 

     

    อันที่จริงแล้ว อาเมเลียรู้คำตอบสำหรับคำถามในใจของเธอ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเสี่ยงและปีนลงจากที่นี่ก่อนที่ความอดอยากและความอ่อนแรงจะครอบงำเธอ เธอลุกขึ้นจากรังและเดินสำรวจรอบๆ บริเวณนั้น ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่ของสะสมประหลาดๆ ที่กระจายอยู่รอบรัง ส่วนใหญ่เป็นกะโหลกศีรษะของสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาด บางอันมีรูปร่างไม่เหมือนมนุษย์หรือสัตว์ที่เธอเคยเห็น และยังมีหินหลากสีที่มีพื้นผิวและลวดลายแปลกตา วางเรียงรายอยู่ในมุมต่างๆ ของถ้ำ สิ่งที่ดึงดูดสายตาเธอมากที่สุดคือดอกไม้สีฟ้าเรืองแสงที่ดูเหมือนจะเปล่งประกายเล็กๆ ในเงามืดรอบตัว บางส่วนถูกวางไว้ในเปลือกหอยที่เขาใช้เป็นภาชนะ และบางดอกยังคงสดอยู่ราวกับเพิ่งถูกเก็บมา 

     

    ไม่ไกลจากดอกไม้เรืองแสง เธอสังเกตเห็นเห็ดหลากสีที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือวาดภาพเด็ก ดอกเห็ดมีสีสันสดใส บางดอกมีจุดเรืองแสงและลวดลายที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังมองภาพลวงตา อีกมุมหนึ่งของถ้ำ มีสร้อยคอสองสามเส้นที่ดูเหมือนทำจากวัสดุมนุษย์ เช่น ลูกปัดที่ขัดเกลาสวยงาม และมีบางชิ้นที่ยังดูหยาบและเปื้อนสนิม เธออดคิดไม่ได้ว่าพวกมันอาจเคยเป็นของเจ้าของมนุษย์ผู้โชคร้ายที่ถูกเซเฟียร์จับฆ่า หรืออาจถูกพัดพามาจากทะเลและเขาเก็บมาจากชายฝั่ง 

     

    เธอบังเอิญพบเครื่องประดับมากมายในมุมหนึ่งของถ้ำของเขา ทั้งสร้อยคอ กำไล และแหวนที่เปล่งประกาย แม้ว่าบางชิ้นจะมีคราบสนิมและสึกหรอไปตามกาลเวลา แต่สีและลวดลายของมันยังคงดึงดูดสายตาอยู่ดี ไม่ไกลจากนั้น เธอสังเกตเห็นเปลือกหอยที่มีสีสันแปลกตาและพื้นผิวที่สวยงามจนเธออดสงสัยไม่ได้ว่ามันมาจากที่ไหน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเธอมากที่สุดคือขนนกขนาดใหญ่ที่กระจัดกระจายอยู่หลายจุด พวกมันมีขนาดพอๆ กับของเซเฟียร์ แต่หลากสีและลวดลายแตกต่างกันไป บางเส้นเปล่งประกายสีรุ้งในแสงริบหรี่ ขณะที่บางเส้นดูทึบและมีลวดลายเฉพาะตัวที่เธอไม่เคยเห็น 

     

    นอกจากนี้ยังมีปีกผีเสื้อคู่หนึ่งที่นอนสงบนิ่งอยู่มุมหนึ่งของถ้ำ ปีกนั้นไม่ได้เล็กเลย หากแต่ใหญ่และงดงามราวกับงานศิลปะที่บรรจงสร้างขึ้น ลวดลายของมันซับซ้อนจนดูเหมือนเป็นภาพวาดของจิตรกรผู้เชี่ยวชาญ เธอลองยกมันขึ้นมาและพบว่ามันมีน้ำหนักเบาอย่างน่าประหลาด ขนาดของปีกดูเหมือนจะพอดีกับแผ่นหลังของเธอ และเธออดคิดไม่ได้ว่ามันอาจจะช่วยให้เธอร่อนได้ 

     

    ด้วยความหลงใหลในทุกสิ่งรอบตัว อาเมเลียยกกล้องที่ห้อยอยู่บนคอขึ้นมา เธอถ่ายรูปเครื่องประดับ เปลือกหอย ขนนก และปีกผีเสื้ออย่างตั้งใจ เพื่อเก็บภาพความแปลกประหลาดและความงดงามเหล่านี้ไว้ ขณะที่เธอกำลังเลื่อนดูภาพถ่ายด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เสียงกระพือปีกดังขึ้นจากทางเข้าถ้ำ เธอเงยหน้าขึ้นมองทันที และภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เธอประหลาดใจ เซเฟียร์บินเข้ามาในถ้ำด้วยกรงเล็บของเขาที่จับกระต่ายตัวใหญ่ไว้ มันดิ้นเล็กน้อยในอุ้งเล็บของเขา แต่ดูเหมือนเขาจะจับมันไว้อย่างมั่นคง 

     

    เซเฟียร์วางกระต่ายลงบนพื้นด้วยท่าทางสง่างาม แต่หลังจากครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาอีกครั้งแล้วเดินเข้ามาหาอาเมเลีย ดวงตาของเขาสบตากับเธออย่างสงสัย ขณะที่เธอกำลังก้มหน้ามองกล้องในมืออยู่ อาเมเลียช้อนสายตาขึ้นมองเขาเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปที่กล้อง จากนั้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ เธอยกกล้องขึ้นอย่างรวดเร็ว เตรียมเล็งเป้าหมาย และเอ่ยเบาๆ กับตัวเอง “นี่แหละ ช็อตเด็ด” 

     

    เซเฟียร์ยิ้มตอบเมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอ ใบหน้าของเขาดูสงบและไร้เดียงสา แต่ชัดเจนว่าเขาไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นของอาเมเลียมีนัยอะไรซ่อนอยู่ ทันใดนั้นเอง แสงแฟลชจากกล้องก็สว่างวาบขึ้นในถ้ำ พร้อมเสียงชัตเตอร์ดัง คลิก จับภาพช่วงเวลาที่เขายืนถือกระต่ายตัวใหญ่อย่างสง่างามแต่ดูแปลกตา “โครม!” เสียงกระต่ายหล่นลงบนพื้น เซเฟียร์ปล่อยมันโดยไม่ตั้งใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ราวกับไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน เขาถอยหลังเล็กน้อย และหันไปมองกล้องในมือของอาเมเลียด้วยความสงสัย 

     

    "โทษที ๆ ฉันแค่ต้องการรูปน่ะ!" อาเมเลียพูดพลางหัวเราะเบาๆ พร้อมมองหน้าที่ดูงุนงงของเขา เธอเปิดหน้าจอกล้องให้เขาดูรูปภาพที่ถ่ายไว้ และชี้ไปที่มัน "ดูสิ นายดูดีมากเลยนะ" เซเฟียร์เอียงหัวมองหน้าจอเหมือนพยายามทำความเข้าใจ และแม้ว่าเขาจะยังดูมึนงงเล็กน้อย แต่รอยยิ้มบางๆ ก็กลับมาปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง แต่อาเมเลียรู้สึกว่าเขาคงต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับ "เจ้ากล้องแปลกประหลาด" นี้อีกมากแน่ๆ 

     

    ทันทีที่ภาพถ่ายเริ่มเลื่อนออกมาจากกล้อง อาเมเลียคว้ามันมาอย่างรวดเร็ว แล้วเขย่ามันเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น สายตาของเธอหันกลับไปที่เซเฟียร์ ซึ่งยังคงดูมึนงงเล็กน้อยจากแสงแฟลชเมื่อครู่ “โอ้ ดูหน้าของนายสิ!” เธอหัวเราะคิกคัก มือยังคงเขย่าภาพถ่ายอย่างใจจดใจจ่อ เซเฟียร์ขยับเข้ามาใกล้เธอด้วยความสงสัย ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่กระดาษเล็กๆ ในมือของเธอ ขณะที่เธอเฝ้าดูภาพค่อยๆ ปรากฏขึ้นทีละน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มสดใสของเขาในขณะที่ถือกระต่ายตัวใหญ่ในอุ้งมือ 

     

    “ดูสิ!” อาเมเลียพูดพร้อมยกภาพถ่ายขึ้นให้เขาดูด้วยรอยยิ้มกว้าง “นายนี่ดูดีมากเลยนะ” เซเฟียร์เอียงศีรษะเข้ามาใกล้ ราวกับพยายามเข้าใจสิ่งที่เห็นในกระดาษแบนๆ ชิ้นนี้ ดวงตาของเขาดูทั้งตื่นเต้นและงุนงง ขณะจ้องมองรอยยิ้มของตัวเองในภาพถ่าย อาเมเลียล้วงมือลงไปในกระเป๋าสะพายเล็กๆ ของเธอ หยิบสมุดบันทึกขนาดกะทัดรัดออกมา ก่อนจะใส่ภาพถ่ายลงในหน้าว่างหน้าแรกของสมุด เธอใช้นิ้วลูบเบาๆ บนภาพถ่ายเหมือนมันเป็นของล้ำค่า 

     

    “นี่ไง ฉันจะเก็บมันไว้” เธอพูดพร้อมยิ้มให้เขา “ถือเป็นของที่ระลึกจากวันแรกที่เราได้รู้จักกันดีขึ้น” เซเฟียร์มองภาพในสมุดเล่มนั้น ก่อนจะมองหน้าเธออีกครั้ง ราวกับกำลังถามว่าเธอจะทำอะไรต่อไป แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของเธอ เขาก็ผ่อนคลายและนั่งลงข้างๆ เหมือนพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อาเมเลียปิดสมุดเบาๆ แล้วหันไปพูดกับเขา “เราเก็บช่วงเวลานี้ไว้ได้แล้ว... แล้วนายล่ะ มีอะไรที่อยากเก็บไว้บ้างไหม?” 

     

    เซเฟียร์กลับมาเป็นตัวเองอย่างรวดเร็วหลังจากความวุ่นวายเล็กน้อยจากกล้อง เขาเพิกเฉยต่ออาเมเลียและอุปกรณ์แปลกประหลาดในมือของเธอ หันกลับไปหากระต่ายตัวใหญ่ที่เขานำมา เขานั่งลงอย่างสง่างามก่อนจะเริ่มถอนขนกระต่ายด้วยความชำนาญ ราวกับเป็นสิ่งที่เขาทำมานับครั้งไม่ถ้วน อาเมเลียมองเขาอย่างลังเลในตอนแรก แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็พาเธอให้เดินเข้าไปใกล้ เธอยืนอยู่ไม่ไกลนัก มองดูขนสีขาวนุ่มหลุดออกจากตัวกระต่ายทีละช่อ เซเฟียร์ทำทุกอย่างด้วยท่าทีที่เงียบขรึม จนแทบจะเหมือนกับการทำพิธีบางอย่าง 

     

    เมื่อขนกระต่ายหลุดหมด เขาก็วางมันลงบนพื้น ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งวางลงบนลำตัวของสัตว์ เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและก้าวเข้าไปใกล้มากขึ้น “นายจะทำอะไรน่ะ...” อาเมเลียพูดเสียงเบา แต่ก่อนที่คำถามของเธอจะจบ นิ้วเรียวยาวของเขาก็ล้วงเข้าไปในเนื้อของมัน แล้วฉีกออกอย่างรวดเร็ว เสียงเนื้อฉีกขาดดังขึ้นทำให้อาเมเลียสะดุ้ง ใจเต้นแรงด้วยความตกใจ เลือดสดไหลหยดลงบนพื้นเปียกชื้นเป็นสาย สีแดงสดตัดกับพื้นดินสีทึบ มือของเขาเปื้อนเลือดจนถึงข้อมือ ราวกับเป็นจิตรกรที่กำลังวาดภาพด้วยสีแดงจากธรรมชาติ 

     

    เซเฟียร์ใช้มือที่เปื้อนเลือดคว้าเนื้อชิ้นหนึ่งจากกระต่าย แล้วส่งมันมายังมือของอาเมเลีย ความอุ่นของเนื้อและสัมผัสเหนียวเหนอะหนะของเลือดทำให้เธอขนลุกซู่ เธอจ้องมองเนื้อดิบในมือ ราวกับมันเป็นสิ่งแปลกปลอมจากอีกโลกหนึ่ง ใบหน้าของเธอซีดเผือด ขณะที่ความรู้สึกสะอิดสะเอียนแล่นวาบไปทั่วร่าง “ฉันกินไม่ได้...” เธอพึมพำเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน 

     

    เมื่อเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นเซเฟียร์กำลังฉีกเนื้อชิ้นใหญ่ออกจากกระต่าย เขาเคี้ยวมันอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเลือดที่ไหลหยดจากริมฝีปาก ลิ้นของเขาปาดเลือดออกอย่างไม่ลังเล ท่าทางนั้นช่างดูดุร้ายแต่กลับมีบางอย่างที่สง่างามในแบบของมัน เลือดสีแดงเข้มเปรอะอยู่บนมือและคางของเขา ขณะที่เขากลืนชิ้นเนื้อลงไป เขายังคงฉีกเนื้ออีกชิ้นจากซากกระต่ายโดยไม่หยุดพัก อาเมเลียรู้สึกเหมือนลมหายใจติดขัด 

     

    ภาพตรงหน้าทั้งน่าสะพรึงและสะกดสายตาในเวลาเดียวกัน เมื่อเขาหันมามองเธออีกครั้ง และเห็นว่าเธอยังไม่ได้แตะเนื้อที่อยู่ในมือของตัวเอง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคว้ามันออกจากมือของเธอ เซเฟียร์ไม่พูดอะไร แต่กลับโยนชิ้นเนื้อนั้นเข้าปากตัวเองอย่างง่ายดาย คราวนี้ เขาไม่ได้เคี้ยว แต่กลืนมันลงไปในคราวเดียว เส้นเลือดที่ลำคอของเขานูนขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เนื้อชิ้นนั้นผ่านลงไป 

     

    เซเฟียร์หยุดเคี้ยวเนื้อทันที ร่างกายของเขาแข็งทื่อ และคอของเขาเริ่มกระตุกเป็นจังหวะแปลกๆ อาเมเลียจ้องมองเขาด้วยความสงสัยและตกใจ เสียงแปลกๆ คล้ายกับเสียงสำลักดังออกมาจากลำคอของเขา ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธอราวกับกำลังตั้งใจทำอะไรบางอย่าง “เดี๋ยวก่อน... นี่นายกำลังจะ—” ในเสี้ยววินาทีนั้น อาเมเลียก็เข้าใจ เธอเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกขณะที่คิดถึงสิ่งที่เซเฟียร์กำลังจะทำ 

     

    เขาคิดว่าเธอเป็นลูกนกที่ยังเคี้ยวเองไม่ได้! ภาพของพ่อแม่นกที่สำรอกอาหารออกมาให้ลูกนกผุดขึ้นในหัวของเธอ “โอ้ ไม่นะ! ไม่เอาแบบนี้นะ!” เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเองราวกับป้องกันล่วงหน้า เซเฟียร์ดูเหมือนไม่เข้าใจท่าทางของเธอ คอของเขายังคงกระตุก และเสียงในลำคอก็ยิ่งดังขึ้น เขาโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย เหมือนกำลังเตรียมตัวทำบางอย่าง อาเมเลียถอยหลังไปสองก้าว พยายามรักษาระยะห่างระหว่างตัวเธอกับเขา “ได้โปรด อย่าเลย...” เธอพึมพำ 

     

    อาเมเลียไม่ได้ทันตั้งตัวเมื่อจู่ๆ เซเฟียร์พุ่งตัวลงมาหาเธอด้วยความรวดเร็วราวกับเหยี่ยวตะครุบเหยื่อ เขาตะปบมือใหญ่ของเขาที่ไหล่ของเธอ ก่อนจะโน้มตัวลงมา เธอพยายามดิ้นและขัดขืน แต่แรงของเขามากเกินไปสำหรับเธอ “เดี๋ยวก่อน! อย่าทำแบบนี้!” อาเมเลียร้องลั่น แต่เซเฟียร์ไม่ได้สนใจ เขาใช้มืออีกข้างหนึ่งจับคางของเธอและพยายามเปิดปากของเธอ แม้ว่าเธอจะพยายามเม้มปากแน่นและส่ายหน้าไปมา แต่เขาก็มีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม 

     

    “หยุดนะ! ฉันกินเองได้!” เธอตะโกนออกมา แต่คำพูดของเธอกลับเป็นแค่เสียงอู้อี้ เขาไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย และในที่สุดก็ใช้แรงบังคับให้เธออ้าปากออก อาเมเลียรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาใกล้ใบหน้าของเธอ และดวงตาสีแปลกประหลาดของเขาที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ เธออยากจะตะโกนให้หยุด แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ “ไม่นะ ไม่เอาแบบนี้!” เธอพยายามเอื้อมมือผลักออก แต่เซเฟียร์กลับยิ่งแน่นิ่งด้วยความแน่วแน่ เขาคงคิดว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องสำหรับเธอ ทิ้งให้เธอไม่มีทางหนีจากสถานการณ์อันแสนประหลาดนี้ 

     

    สุดท้าย ความพยายามของอาเมเลียที่จะหลบเลี่ยงก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เซเฟียร์โน้มตัวลงมา และด้วยความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ เขา "ป้อน" อาหารให้เธอเหมือนที่นกพ่อแม่ทำกับลูกนก เธอรู้สึกถึงเนื้อสัมผัสแปลกๆ และความอุ่นจากชิ้นอาหารที่ถูกใส่เข้ามาในปากของเธอ ความตกใจและความรังเกียจวิ่งพล่านไปทั่วตัวเธอในขณะนั้น “อื้อ! ไม่!” อาเมเลียพยายามตะโกนออกมา แต่คำพูดของเธอกลับกลายเป็นเสียงอู้อี้อีกครั้ง 

     

    เซเฟียร์ไม่รับรู้ถึงความไม่พอใจของเธอ เขามองเธอด้วยความภาคภูมิใจเหมือนกับว่าเขาได้ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว เขาขยับตัวถอยออกเล็กน้อยและจ้องมองเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงการรอคอย อาเมเลียกลืนความรังเกียจของตัวเองลงคอ เธอพยายามกล้ำกลืนชิ้นเนื้อนั้นอย่างยากลำบาก แม้จะรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่เธออยากทำเลยก็ตามเมื่อเห็นว่าเธอกลืนเข้าไปแล้ว เซเฟียร์ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข และใช้มือใหญ่ของเขาลูบหัวเธอเบาๆ ราวกับว่าเธอเป็นลูกนกตัวเล็กที่น่ารัก อาเมเลียเบือนหน้าหนี สูดลมหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์ เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ ด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “เยี่ยมไปเลย... ฉันกลายเป็นลูกนกไปแล้ว...” 

     

    อาเมเลียกุมท้องตัวเองขณะที่สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นความทุกข์ใจ “ถ้าฉันป่วย ฉันจะไม่แปลกใจเลย” เธอพึมพำกับตัวเอง เสียงของเธอแผ่วเบาราวกับพูดกับอากาศ เธอรู้สึกถึงเนื้อที่ยังค้างอยู่ในกระเพาะของเธอ มันไม่ได้แย่เท่าที่เธอจินตนาการไว้ แต่ความคิดที่ว่ามันถูก "ป้อน" ให้เหมือนลูกนกก็ทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียนอยู่ดี เซเฟียร์ดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำบ่นของเธอ หรือถ้าได้ยิน เขาก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ เขานั่งมองเธอด้วยสายตาที่แสดงถึงความภาคภูมิใจอย่างที่สุด ราวกับว่าเขาได้ดูแลเธออย่างดีและสมบูรณ์แบบ 

     

    อาเมเลียถอนหายใจยาว ความรำคาญและความหงุดหงิดผสมกับความเหนื่อยล้าในตัวเธอ “ให้ตายสิ...” เธอพูดพลางเอามือกุมหน้าผาก “ถ้าฉันรอดจากเรื่องนี้ได้ ฉันจะเล่าให้ทุกคนฟังว่า ‘ฉันโดนนกยักษ์ป้อนอาหารแบบลูกนก’ และพวกเขาจะคิดว่าฉันบ้าไปแล้วแน่ๆ” เซเฟียร์ยังคงมองเธอด้วยความสงสัยเล็กน้อย เขาเอียงหัวเล็กน้อยเหมือนจะถามว่า "ไม่อร่อยเหรอ?" แต่เธอส่ายหัวและโบกมือไล่เขาไป เธอไม่อยากเถียงกับนกยักษ์ตอนนี้ “โอเค... แค่พักหน่อย ฉันต้องการเวลาเงียบๆ” 

     

    *ท่านผู้อ่าน...อาเมเลียที่น่าสงสารของเราโดน "คุณชายนก" จัดหนักไปหนึ่งดอกกับการป้อนอาหารแบบไม่คาดฝัน! แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป? จะมีโอกาสแก้เผ็ดเซเฟียร์ได้บ้างไหม หรือเรื่องราวจะวุ่นวายหนักกว่าเดิม? อย่าลืมติดตามตอนต่อไป! เตรียมพบกับความรักสุดแปลกประหลาด และความลับที่รอการเปิดเผยจากรังนกยักษ์แห่งนี้! 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×