ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไม่รักจะเป็นไรไป (มี E-book)

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 รู้จัก

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 66


    ตอนที่ 6

    รู้จัก


     

          ต่อให้บังคับตัวเองให้หลับโดยไม่คิดอะไรแต่มันก็ห้ามไม่ได้อยู่ดี ผมยังคาใจเรื่องนั้นอยู่ว่ามันเป็นไปได้ยังไง ล่าสุดผมอยู่ที่งานเลี้ยงรุ่นไม่ใช่หรอ แล้วไอ้พี่ภีมมันโผล่มาจากไหน ส่วนเรื่องที่พี่ภีมทำแย่ๆกับผม แค่ฟังจากคำพูดมันตอนนั้นผมก็ไม่สงสัยอะไรอีกเลย เพราะคำตอบมันชัดอยู่แล้วว่ามันคิดว่าผมคือคนที่ชื่อ ‘ซัน’อะไรนั่น


     

    09:12 น.


     

    คอนโดธารา



     

    “ไอ้ภีม!! มึงตื่น!”


     

          ธาราโวยวายลั่นห้องหลังจากเห็นร่อยรอยอนาจารบนเตียง ทั้งรอยคราบน้ำสีขาวขุ่นปะปนไปกับเลือดเป็นบางจุด แถมตัวผู้ก่อเหตุยังนอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวยิ่งทำให้เจ้าของห้องบันดาลโทสะมากเข้าไปอีก


     

    “เหี้ยไรไอ้ธา?” ภีมงัวเงียตื่นขึ้น รู้สึกหงุดหงิดเล็กๆที่ถูกขัดการนอนหลับ


     

    “มึงแหกตาดู มึงทำเหี้ยอะไร!?”


     

    “ทำอะไร?”


     

           สายตาคมกวาดมองไปรอบด้าน พอเห็นสภาพเตียงสมองก็พาลให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนฉายกลับเข้ามาเป็นฉากๆ


     

    “พี่ซัน?…””


     

    “พี่ซันพ่อมึงดิ! หลานรหัสกู! ธันวาเป็นคนนอนห้องนี้ก่อนที่มึงจะเข้ามา มึงทำอะไรเค้า…ฮะ!!?” 


     

    ฟังจบภีมได้แต่หลุบตาลงต่ำอย่างใช้ความคิด


     

    “กู…”


     

    “แม่งเอ๊ย! กูไม่น่าพามึงกลับมาด้วยเลย!”


     

    “กูขอโทษ กูเมามากไปหน่อย”


     

    “ไม่หน่อยหรอกไอ้สัส แล้วมึงไม่ต้องมาขอโทษกู โน่น! ไปขอโทษวาโน่น”


     

    “แล้วตอนนี้น้องมันอยู่ไหน?”


     

    “กูไม่รู้! มีปัญญาทำก็หาเอง!”


     

    “แล้วมึงจะโมโหกูทำเหี้ยอะไรนักหนา ก็กูเมา กูก็ขอโทษแล้วไง ทำยังกับกูไปเอาเมียมึงงั้นแหละ”


     

    “มึงหุบปากไปเลยนะ แล้วออกไปจากห้องกูด้วย!”


     

    “เออ!…”



     

          ทันทีที่เพื่อนตัวดีเก็บซากออกไปจนหมดธาราก็ออกรถพร้อมกับโทรหาหลานรหัสด้วยความเป็นห่วงในทันที


     

    [ฮัลโหลครับ?]


     

    “วา!?  วาอยู่ไหน”


     

    [ผมอยู่ที่หอครับ]


     

    “หอวาอยู่ไหน ส่งโลเคชั่นมาให้พี่ที”


     

    [พี่จะมาหาผมหรอครับ?]


     

    “ใช่ วาเป็นอะไรมากมั้ย พี่ขอโทษนะที่ดูแลวาไม่ดีพอ”


     

    [ผมไม่เป็นไรครับ แต่เมื่อคืน ผมสงสัยว่าผมไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง?]


     

    “เป็นความผิดพี่เอง พี่พาวากลับมาที่ห้อง…พร้อมกับไอ้ภีม แล้วพี่ก็กลับออกไปรับไอ้ต้น”


     

    [อย่างงี้นี่เอง พี่ธาราไม่ต้องคิดมากหรอกครับไม่ใช่ความผิดพี่เลย แค่นี้ก่อนนะครับผมต้องการพักผ่อน]


     

    “อื้ม…”


     

          เมื่อเจ้าตัวบอกอย่างนั้นคนขับก็ทำได้เพียงวนรถกลับ เมื่อเช้านี้ ทันทีที่เห็นสภาพห้องที่เกิดเหตุหัวใจของเขามันก็บีบแน่นจนปวดไปหมด จะเรียกได้ว่าเขามีความรู้สึกดีๆให้กับวาก็คงไม่ผิดนัก แต่แค่เริ่มมันก็เหมือนจะจบลงเสียแล้ว





     

          ตลอดเวลาที่ผมหมกตัวอยู่ในห้องพี่ธาราคอยโทรมาถามไถ่อาการอยู่ตลอด ยิ่งรู้ว่าผมไม่ไปมหาลัยเขาก็ยิ่งกระวนกระวายเข้าไปใหญ่ ผมพยายามบอกให้เขาไม่ต้องรู้สึกผิดแต่ดูเหมือนลุงรหัสผมยังคงดื้อโทษตัวเองไม่หยุด  ส่วนพี่รหัสขี้เมาเหมือนจะไม่ได้รู้เรื่องอะไรแค่โทรมาถามว่ากลับห้องปลอดภัยรึเปล่า ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว


     

          เมื่อวานนี้จี้จ้าโทรมาหาผมบอกว่าจะมาหาที่หอพร้อมกับของที่พี่ภีมฝากมาให้  เธอดีใจมากที่พี่ภีมเข้ามาคุยก่อนพร้อมกับต้อนถามผมยกใหญ่ว่าไปสนิทสนมกับพี่ภีมตอนไหน ผมเลยโกหกไปว่าเจอกันที่งานเลี้ยงรุ่น ส่วนขนมที่เขาฝากมาก็ยกให้จีจ้าเอาไปกินจนหมดเนื่องจากสภาพผมยังคงไม่พร้อมที่จะเจอใคร ส่วนเรื่องที่ทำงานโชคดีที่พี่นุ่นพี่นีเข้าใจผมเลยให้ลาป่วยได้ 


     

          ผมเริ่มคิดได้ว่าท่ามกลางเรื่องร้ายยังมีเรื่องดีอยู่รอบตัวเต็มไปหมด แล้วผมจะจมอยู่กับเรื่องเลวร้ายเรื่องเดียวนี้ไปทำไมกัน




     

    2 วันถัดมา





     

        ถึงเวลาที่คนหยุดเรียนไปสองวัน(ถ้าไม่นับรวมวันอาทิตย์)ต้องมาเรียนตามปกติ เช้านี้ธันวานัดกับจี้ที่โรงอาหารเหมือนอย่างเคย ร่องรอยที่คอเลือนลางจนแทบมองไม่เห็นเพราะเจ้าตัวทำตามวิธีที่อินเตอร์เน็ตบอกทุกทางที่สามารถทำได้ที่ห้อง


     

    “เอาราดหน้าหมี่กรอบชามนึงครับ” คุณป้าแม่ค้าพยักหน้าตอบรับพร้อมกับหันไปสาละวนอยู่ในครัวเมื่อได้รับออเดอร์  วาที่ยืนรอมาสักพักเริ่มรู้สึกได้ว่ามีรังสีบางอย่างที่ค่อนข้างอึมครึมอยู่ข้างหลัง และเสียงที่ได้ยินถัดมาก็เป็นตัวเฉลย


     

    “ได้แล้วจ้ะ”


     

          ทันทีที่คุณป้าวางชามลงตรงหน้าวา ภีม ศตายุก็ยื่นเงินจ่ายให้เสร็จสรรพพร้อมกับหยิบชามราดหน้าติดมือกลับไปด้วยทำเอาคนสั่งถึงกับยืนอึ้งไปต่อไม่ถูก


     

    “ตามมา”


     

          ?? แล้วนั่นเค้าจะเอาชามผมไปไหน หิวทำไมไม่ซื้อเองวะ


     

    “ป้าครับ เอาแบบนั้นอีกช…” ไม่ทันที่จะได้พูดจบแขนวาก็ถูกคนขโมยราดหน้าดึงให้ตามไปเสียก่อน


     

    “ผมยังไม่ได้สั่งเลย”


     

    “ไม่ต้องสั่งแล้ว”


     

           ร่างสูงวางชามลงบนโต๊ะที่ไม่มีใครนั่งพร้อมกับกดคนที่จูงติดมือมาด้วยให้นั่งตรงข้ามตัวเอง


     

    “พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”


     

    “เรื่องนั้นหรอครับ ไม่ต้องคุยก็ได้ ผมไม่ได้ติดใจอะไร…”


     

    “ไม่ได้ติดใจ?” สิ่งที่วาบอกสร้างความแปลกใจให้เขาเป็นอย่างมาก ปกติถ้าโดนแบบนี้อีกฝ่ายจะต้องด่าเขาหรือไม่ก็เรียกร้องอะไรสักอย่างไม่ใช่รึไง?


     

    “ครับ ไม่ติดใจ ผมก็เมา พี่ก็เมา จะโทษใครได้”


     

           ถ้าเค้ามาคุยกับผมตอนที่เกิดเรื่องแรกๆผมอาจจะโมโหต่อยเข้าให้สักหมัดก็เป็นได้ แต่ตอนนี้ความโกรธมันหายไปหมดแล้วพอได้คิดทบทวนเรื่องต่างๆตอนพักฟื้น


     

    “แล้ว…หายดีรึยัง” ดูจากสภาพเตียงในวันนั้นใครเห็นก็ต้องคิดว่าคนถูกกระทำคงจะบอบช้ำอยู่ไม่น้อยเลย


     

    “หายแล้วครับ”


     

          จู่ๆคนตรงหน้าก็ควักเงินออกมาจากกระเป๋า มองด้วยตาประเมินไม่ได้ว่าเท่าไหร่แค่เห็นว่ามีแบงค์เทาซ้อนกันอยู่หลายใบ และที่งงยิ่งกว่าคือมือนั้นยื่นมันมาตรงหน้าเขา


     

    “อะไรครับ?”


     

    “ค่ารักษา”


     

    “ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ… แต่ถ้าพี่จะให้ ผมก็ไม่ขัดศรัทธา” 


     

          ยุคข้าวยากหมากแพง จะมาปฏิเสธปาเงินทิ้งเป็นนางเอกละครคงได้กินข้าวคลุกน้ำปลาประทังชีวิตกันพอดี เดือนนี้ค่าใช้จ่ายยิ่งเยอะอยู่ด้วย 


     

    “เอาไปสิ”


     

    “ขอบคุณครับ” ผมไม่สนว่าคนตรงหน้าจะมองผมยังไง  ขอแค่มีกินเดือนถัดไปก็พอแล้ว 


     

    “กินราดหน้าเถอะจะเย็นหมดแล้ว”


     

    “เอ่อ นี่ค่าราดหน้าครับ” วายื่นแบงค์เทากลับคืนไปให้คนตรงข้าม1ใบ


     

    “หึ ราดหน้าอะไรตั้งพันนึง?”


     

    “ราดหน้าชามนี้แหละครับ”


     

    “เก็บกลับไป ให้แล้วให้เลย ไม่รับคืน”





     

          การที่ผมรับเงินมาแบบนี้คงช่วยให้เค้าสบายใจมากขึ้นและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปน้อยลงด้วยสินะ ยิงนกตัวเดียวได้กระสุนตั้งสองอัน คุ้มจริงๆ


     

    “ก็ได้ครับ แล้วพี่มีเรียนวันนี้หรอ?” 


     

    “ไม่มี…”


     

    “อ่อ…”งั้นอาจจะแปลได้ว่ามาคุยเรื่องนี้โดยเฉพาะ 


     

           ระหว่างที่กำลังจะเกิดเดดแอร์เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทางฝั่งของภีมพอดิบพอดี


     

    “พี่ไปก่อนนะ”


     

    “ครับ” 






     

          ตกเย็นเด็กพาร์ทไทม์กลับมาประจำที่ร้านหลังจากขาดหายไปนาน ทำไปได้สักพักก็มีรถหรูอันสุดแสนคุ้นตาขับมาจอดเทียบที่หน้าร้าน ลำพังแค่รถก็ดึงสายตาผู้คนแถวนั้นได้ดีประมาณหนึ่ง พอเจ้าของรถลงมายิ่งเรียกได้ว่าหันกันให้คอเคล็ดไปข้างเลยก็ว่าได้


     

          ก่อนหน้านี้พี่ธาราส่งข้อความมาหาผมว่าจะมาเรียนวันไหน นี่คงเป็นผลของคำตอบในวันนั้น


     

    “สวัสดีครับพี่ธารา รับอะไรดีครับ”


     

    “พี่ไม่ได้มาซื้อน้ำ มาหาเรานั่นแหละ”


     

    “ผมไม่ว่างคุยหรอกครับผมต้องทำงาน”


     

    “งั้นเอาเอสเปรสโซ่แก้วนึง”


     

    “ได้เลยครับ”


     

          ร่างสูงส่ายหน้าให้กับความดื้อตาใสของคนพ่อค้า


     

    “วาเป็นไงบ้าง”


     

    “ผมสบายดีครับ ถ้าพี่จะพูดถึงเรื่องนั้นอีกผมจะไม่คุยด้วยแล้วนะ”


     

    “ครับ พี่แค่กลัววาจะคิดมาก”


     

    “พี่คิดมากกว่าผมอีก เลิกคิด เลิกพูด เลิกใส่ใจได้แล้วครับ ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ หน้าผมดูเหมือนคนคิดมากตรงไหนกัน”


     

    “อื้ม งั้นวันนี้วากลับยังไง พี่ไปส่งมั้ย?”


     

          ถ้าผมรับความช่วยเหลือจากพี่ธารา มันจะช่วยให้เค้ารู้สึกผิดน้อยลงมั้ยนะ?


     

    “เอาสิครับ แต่อีกหลายชั่วโมงเลยนะครับพี่พี่กลับไปก่อนก็ได้”


     

    “พี่รอได้”


     

    “งั้นเชิญไปนั่งรอสบายๆในร้านก่อนนะครับคุณชาย”


     

    “555 ได้ครับคุณบาริสต้า”



     

          ด้วยความที่เวลานี้คนที่ร้านไม่เยอะพี่นีเลยอนุญาตให้ผมไปนั่งคุยกับพี่ธาราได้ ใจดีตลอดเลยพี่แฝดของผม


     

    “เอสเปรสโซ่เย็นได้แล้วครับคุณลูกค้า”


     

    “แต่ผมสั่งเอสเปรสโซ่ร้อนนะครับ”


     

    “อ้าว งั้นรอแปปนะครับเดี๋ยวผมไปทำให้ใหม่”


     

    “หึๆ พี่ล้อเล่น  ไหนเอามาลองชิมซิว่าอร่อยไหม”


     

    “โห่ ผมตกใจหมด”


     

    “อืม…” ใบหน้าหล่อเหลาแสร้งเป็นทำครุ่นคิดหลังได้ชิมกาแฟฝีมือรุ่นน้อง 


     

    “เป็นไงครับ?”


     

    “ก็พอได้”


     

    “พอได้หรอครับ” ดวงตากลมโตหลุบลงเมื่อได้รับคำตอบที่ค่อยไปทางผิดหวัง


     

    “พอได้หมายถึง…พอจะเป็นร้านประจำของพี่ได้”


     

    “โถ่ แล้วก็ไม่พูดให้จบ ใจผมแป้วหมด”



     

          หลังจากนั่งคุยกันเรียบร้อยอยู่นานพอมีช่วงที่ลูกค้าเข้าพร้อมกันหลายคนด้วยความเกรงใจผมเลยขอตัวลุกไปช่วยงานพี่ๆก่อนจนถึงเวลาเลิกงาน 


     

           พี่ธาราไปส่งผมจนถึงที่พักทำเอาทราบซึ้งไปหลายทศวรรษ คนอะไรจะประเสริฐขนาดนี้ หน้าตาดีแล้วยังใจดีอีก แต่คนเรามันก็ต้องมีข้อเสียกันบ้างจริงมั้ย อยากรู้จังว่าคืออะไร







     

    ตกดึกผมก็คิดว่าคืนนี้จะจบลงด้วยดี แต่ก็ไม่…



     

    “ฮัลโหล ว่าไงทิวา?”


     

    [พี่วา ผมขอยืมสัก500ดิ]


     

    “หืม? เอาไปทำไร แม่ให้ไม่พอใช้หรอ”


     

    [พอดีงานกีฬาสีที่รร.เค้าเรียกเก็บเพิ่มอะ ผมขอแม่เยอะจนไม่กล้าขอเพิ่มแล้ว]


     

    “แม่รักทิจะตาย ลองขอดูรึยัง?”


     

    [เพราะแม่รักผมไง ผมเลยไม่อยากทำให้ผิดหวัง ตกลงพี่จะไม่ให้ใช่มั้ย?]


     

    “ให้ๆ เดี๋ยวโอนให้นะ”


     

    [เย่ พี่วาน่ารักที่สุด เดี๋ยวว่างๆแวะไปหานะ]




     

          โชคดีนะที่เดือนนี้ได้จากพี่ภีมมาเยอะ ไม่งั้นคงโดนน้องโกรธใส่อีกแน่เลย อยากเรียนจบแล้วประสบความสำเร็จเร็วๆจัง ถึงวันนั้นครอบครัวคงจะรักผมขึ้นมาบ้าง








     

    โต๊ะม้าหินอ่อน หน้าตึกเรียน


     

    “วาาา มันถึงเวลาแล้วนะที่แกจะพาวินมาหาพวกเราอะ เค้าอยู่ตรงนั้นแล้ว ไปพามาเร็ววว”


     

    “…จะดีหรอ”


     

    “ดี!!” เพื่อนสาวทั้งกลุ่มประสานเสียงกันแบบมิได้นัดหมาย


     

          งานเข้าผมแล้วไง เห็นทีคงต้องไปจริงๆแล้วล่ะ แต่ผมจะแบกหน้าไปทางนั้นยังไงดี ตรงนั้นมีทั้งพี่ธาราทั้งพี่ภีม ผมยังไม่อยากเข้าหน้ากับสองคนนี้เท่าไรเลยแม้เรื่องจะคลี่คลายไปแล้วก็เถอะ มันก็แค่การขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆเท่านั้น


     

    “ไปเร็ววว…” จีจ้าผลักผมให้เดินออกมาจากกลุ่ม


     

          ผมใช้เวลารวบรวมความกล้า1วิแล้วกลั้นใจเดินไปที่กลุ่มนั้น ยังไม่ทันถึงพี่ภีมก็หันมาเห็นผมก่อนแล้วแต่คนที่เอ่ยทักคนแรกคือพี่ธารา


     

    “อ้าว ว่าไงวา”


     

    “เอ่อ คือผมมีเรื่องจะคุยกับวินนิดหน่อยน่ะครับ”


     

    “เอาสิ” วินไม่ขัดเลยแม้แต่น้อยพร้อมกับส่งมอบตัวเองให้ผมเสร็จสรรพ ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้


     

    “ยืมตัวหน่อยนะครับ”


     

    “เอาเลยวา จะเอามันไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็เชิญตามสบาย แต่มันคงไม่ค่อยอร่อยหรอก555” พอฝั่งนั้นพูดแซวมาวินเลยให้นิ้วกลางกลับไปเป็นของตอบแทน


     

    “คxย!”




     

    “คือเพื่อนๆกูอยากรู้จักมึงอะ ได้ปะ?” วินปรายตามองไปยังจุดที่วาชี้ไป  ฉับพลันนั้นดวงตาชายหนุ่มก็เปล่งประกายออกมาราวกับเจอของถูกใจ


     

    “ได้ดิวะ” 


     

    “งั้นตามมา”


     

        

           ช่วงแรกๆของการทำความรู้จักรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนกับเพื่อนวินก็ร่างเริงยิ้มแย้มตอบคำถามที่ทุกคนได้อย่างดี บรรยากาศค่อนข้างกรุ่นไปด้วยความสนุกสนาน แต่พักหลังๆชายหนุ่มเหมือนเริ่มจะขยับเข้าหาเพื่อนเก่ามากขึ้นเรื่อยๆเพราะถูกรุกเข้าใส่จากหลายทิศทางอย่างหนักหน่วงจนรับมือไม่ทัน


     

          วาที่นั่งสังเกตการอยู่ข้างๆกลั้นขำแทบไม่ไหว พอเห็นแววตาหวาดๆของเพื่อนตัวเองที่เคยเป็นเสือแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเหยื่อซะมากกว่า เขาเองก็เพิ่งรู้ว่ากลุ่มเพื่อนสาวกลุ่มนี้จะเป็นงานเป็นการระดับที่เรียกได้ว่าเป็นขั้นครูขนาดนี้


     

    สู้ๆนะเพื่อน กูเป็นกำลังใจให้



     

    “โห่ ไอ้วา เพื่อนมึงแต่ละคนนี่สุดๆไปเลยว่ะ” หลุดวงล้อมพ้นขีดอันตรายมาได้วินถึงกับปาดเหงื่อที่ขมับ


     

    “เป็นไง ถูกใจสักคนไหมล่ะ?”


     

    “ก็ถูกใจนะแต่เอาไว้ก่อนดีกว่า”


     

    “5555 หมดสภาพเลยอะ”


     

    “หัวเราะกูหรอ? ได้…” วินออกแรงดึงที่ข้อมือคนที่หัวเราะเยาะเขา


     

    “เฮ้ย มึงจะพากูไปไหน”


     

    “พาไปหาเพื่อนกูไง กูยอมมาคุยกับเพื่อนมึงแล้วก็แลกกันบ้างดิวะ มึงตามมานี่เลย”


     

    “เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้ ไม่มีใครอยากรู้จักกูหรอก เชื่อกู”


     

    “ไม่เชื่อ กูไปอวดสรรพคุณมึงไว้หมดละ พวกมันต้องอยากรู้จักมึงแน่”


     

    “ฮะ? สรรพคุณ?”


     

          ยังไม่ทันที่จะหายงงมันก็พาผมมาถึงโต๊ะตัวเองเรียบร้อยแล้ว ด้วยความมารยาทงามผมเลยสวัสดีไปรอบวงเลย


     

    “หวัดดีวา นั่งก่อนๆ” เจ้านายจัดแจงที่ทางให้วาได้นั่งข้างตัวเองซึ่งอีกฝั่งคือภีม


     

    “นี่แหละวาเพื่อนกู คนที่กูเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ”


     

    “อ๋อ คนนี้อะนะที่บอกว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ นี่วารู้มั้ยว่าไอ้วินมันขายเราไว้ว่ายังไงบ้าง”


     

           ขาย? นี่มันพูดอะไรเกี่ยวกับผมไปบ้างเนี่ย?


     

    “อะไรหรอครับ?”


     

    “แหม ก็เรื่องดีๆทั้งนั้นแหละ ว่าแต่มึงจะเรียกไอ้พวกนี้ว่าพี่จริงหรอกูให้คิดอีกที” วินหันมาถามความคิดเห็นจากวา


     

    “ไอ้วินมึงหยุดเสี้ยมน้องเค้าเลย น้องเค้าเป็นคนมีมารยาทเว้ย”



     

    “ใช่ครับ”  


     

    “อ้าวไอ้นี่ งั้นมึงก็เรียกกูพี่ด้วยดิ”


     

    “เรื่องอะไร?”


     

    “ก็มึงอ่อนกว่ากู”


     

    “โทษที ก็มันชินไปแล้วให้ทำไงได้” 


     

    “หืมม” คนแก่กว่าหนึ่งปีลุกขึ้นจากม้านั่งแล้วอ้อมมารัดคอเพื่อนด้วยความมันเขี้ยว


     

    “เฮ้ยใจเย็นๆๆ เดี๋ยวเพื่อนมึงขาดใจตาย”


     

    “แค่ก…นิสัยมึงนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ”


     

    “ดีไม่เปลี่ยน?”


     

    “เหี้ยไม่เปลี่ยน”


     

    “55555 มึงก็ชงให้เค้าซะหวานเจี๊ยบเลยไอ้วิน”


     

    “ พวกมึงสองคนนี่ดูสนิทกันดีนะ”


     

    “จริง แล้ววามีเรื่องแปลกๆของไอ้วินจะแฉให้พวกพี่ฟังบ้างปะ”


     

    “มีเยอะเลยครับ”


     

    “มึงหยุด! อย่าคิดว่ามึงมีคนเดียวนะ กูก็มีเถอะ”


     

    “เอ่อ งั้นไม่มีแล้วครับเมื่อกี๊ผมพูดเล่น”


     

    “ต้องงั้นสิเพื่อนรัก”



     

          ผมว่าผมก็ทำตัวปกติสุดๆแล้วนะติดจะไปทางร่าเริงอีกด้วยแต่พี่ธารากับพี่ภีมกลับดูเหมือนยังมีอะไรในใจ แต่ช่างเถอะ อาจจะไม่เกี่ยวกับผมแล้วก็ได้


     

    “เฮ้ย!! ไอ้ภีมมึงถือยังไงของมึงวะ” จากที่เดสิเบลในวงโต๊ะกำลังจะเบาลงแล้วระดับเสียงกลับดีดขึ้นไปอีกเนื่องจากภีมทำน้ำอัดลมหก รอยน้ำลากยาวมาทางขวาทำให้ภีมต้องเบียดไปทางวาและเจ้านาย


     

          ใกล้เกินไปมั้ย…



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×