คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 05︱Zinnia [30%]
Zinnia
; lasting affection
ช่างเป็นห้องสี่เหลี่ยมที่ยุ่งหยิกเหลือเกิน
ตู้ไม้หายากที่ล้มระนาบไปกับพื้น กับกองคลังความรู้อันล้ำค่าที่เรียกว่าหนังสือที่บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงหนึ่งในเชื้อไฟชั้นดีที่ช่วยโหมให้เปลวเพลิงลุกลามท่วมแผดเผาทุกย่างในห้องได้เร็วกว่าก็เดิมเท่านั้น
แล้วตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้างกันนะ...
เสียงผู้หญิงกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น ริมฝีปากที่แต่เดิมคงจะเป็นสีชมพูสุขภาพดีนั้น ตอนนี้กลับห่อเลือดจนหน้าหวั่นใจ ได้แต่นึกใคร่ครวญสงสัยอยู่ภายในอก ว่าเธอจะขบเม้มริมฝีปากตัวเองจนช้ำขนาดนั้นไปเพื่ออะไรกัน
ในอ้อมกอดเล็ก ๆ ของเธอกำลังโอบกอดใครสักคนไว้อยู่ เขามองเห็นไม่ชัดนั้นว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร รู้แต่เพียงว่าของเหลวสีชาดนั่นกำลังชโลมหัวของชายนิรนามจนปกปิดครึ่งหนึ่งของกรอบหน้าไปเสียจนหมด ผิวของเจ้าตัวซีดเผือกราวกับคนที่ได้ตายไปแล้ว
เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นหรือ ?
ก้าวที่หนึ่ง
ก้าวที่สอง
รองเท้าหนังขยับเคลื่อนตัวผ่านเปลวเพลิงสีส้มสว่าง ขากางเกงที่เริ่มติดรอยเขม่าดำส่งกลิ่นเหม็นไหม้ไปทั่วปะปนกับกลิ่นไหม้อื่น ๆ ที่เจืออยู่ในอากาศ
แขนของเธอยิ่งกระชับแน่นขึ้นไปอีกเมื่อระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งคู่ลดลงเรื่อย ๆ ท่อนขาเล็ก ๆ ดูอ่อนแรงและเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนนั่นพยายามตะเกียดตะกายถอยร่นตัวเองให้ไปกับพื้นห้องอย่างสุดชีวิต พร้อมหอบหิ้วร่างในอ้อมกอดไปด้วยท่าทางทุลักทุเล
ดวงตาของเธอนั้นมีสีอเมทิสต์สดใส แต่กลับระรื่นด้วยหยาดน้ำตา
ดวงตาของเธอสีอเมทิสต์สดใส เจือประกายด้วยความผิดหวัง มองลึกลงไปในนั้นจะเห็นเพียงเศษหัวใจที่แตกสลาย รวยรินเหมือนลมหายใจในชั่วเสี้ยววินาทีสุดท้ายของชีวิต
ดวงตาของเธอมีสีอเมทิสต์สดใส บทเพลงสวดวิงวอนต่อพระเจ้าสลักอยู่ในนั้น และเธอกำลังขับร้องออกมาด้วยความศรัทธาอันแรงกล้าแต่กลับไร้ซึ่งเสียง
ดวงตาของเธอมีสีอเมทิสต์สดใสที่ครั้งหนึ่ง…ครั้งหนึ่ง
'ฉันรู้นะคะ ว่าบอสยังอยู่ในนั้น’
เคยมองมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสราวกับแสงแดดแรกแย้มของปีเสมอเหมือนดังเช่นอัญมณีเม็ดงามคู่นั้นที่ส่องประกาย
.
.
.
“เห...ละนี่มันคืออะไรอีกเนี่ยรีบอร์น ?”
“ช่วยแหกหูแหกตาอ่านก่อนจะถามฉันบ้างก็ดีนะ”
เสียงดังเซ็งแซ่ของเหล่านักเรียนชายหญิงบริเวณหน้าห้องพยาบาลนั้นทำให้บรรยากาศทั้งหมดดูวุ่นวายขึ้นอีกหลายเท่าตัวหลังจากที่เตียงรถเข็นของรองกรรมการคุมกฎอย่างคุซาคาเบะ เท็ตสึยะ ถูกเคลื่อนผ่านหน้ากลุ่มนักเรียนเข้าไปในห้องพยาบาลอย่างรวดเร็วพร้อมสายน้ำเกลือลากยาวที่ตามเข้าไปติด ๆ แน่นอนสภาพเขานั้นดูไม่จืดเอาเสียเลยจนกลายเป็นประเด็นพูดคุยกันยกใหญ่ในกลุ่มนักเรียนนาโมริ
ส่วนใหญ่ก็ต่างลงหัวข้อไปที่ว่าพวกกรรมการคมกฎไปลองดีกับใครเข้ากัน ถึงได้โดนสวนกลับมาหนักปางตายขนาดนั้น
และนี่ไม่ใช่กรรมการคุมกฎคนแรกที่โดนเช่นนี้ซะด้วย พอหวนคิดไปถึงความจริงข้อนั้นก็ชวนให้ยิ่งน่าขบคิดไปอีกว่านักเรียนกลุ่มไหนกันนะที่แข็งแกร่งขนาดจะล้มคนของฮิบาริ เคียวยะไปได้มากขนาดนั้น
“ก็อ่านแล้วแต่ไม่เข้าใจไงเลยถามเนี่ย !” โยชิคาวะขมวดคิ้วมุ่น อดไม่ได้ที่จะกรอกลูกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะตั้งใจเพ่งสมาธิอ่านตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่นพิมพ์เส้นหนาบนหน้ากระดาษขาวพร้อมจับใจความอีกรอบอย่างสุดความสามารถ โดยมีสายตาคมกริบอีกคู่สบมองลงมาอย่างเหนื่อยใจ “อันดับความแข็งแกร่งเรื่องการต่อยตีของนามิโมริ แล้วมันทำไมเล่------เดี๋ยวสิรีบอร์น!”
“แกนี่นะ...”
แผ่นกระดาษบางถูกฉกฉวยเอาไปอย่างรวดเร็ว นักฆ่าหนุ่มกวาดสายตารีดเค้นทุกเนื้อหาในแผ่นกระดาษจนหยดสุดท้ายภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีอย่างอัศจรรย์ ก่อนจะกระตุกยิ้มแสยะและขำในลำคออย่างมีเล่ห์นัย กระดาษขาวถูกชูขึ้นพลิกด้านเนื้อหาหมึกดำไปทางลูกศิษย์ที่กำลังมองค้อนมาทางเขาอยู่เนื่อง ๆ “เอาล่ะโยชิ บอกทีแกเห็นอะไรในนี้ ?”
“ก็แร็งกิ้งที่ฟูตะทำให้ครั้งก่อน ?”
“ถ้าเป็นข้อสอบเต็มห้า แกเอาไปแค่ศูนย์จุดหนึ่งพอ” น้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนผิวน้ำทะเลสาบยามคลื่นลมสงบ ช่างขัดกับฝ่ามือกร้านนั่นที่หมายปองจะเข้ามาปะทะหัวเขาอยู่ร่อมร่อ
อยู่กับเจ้านี่ถ้าไม่ตายเพราะโดนมาเฟียด้วยกันลอบฆ่า ก็คงโดนมันฆ่าเองนี่แหละ แต่ละวันก็ช่างสรรหาเรื่องทำร้ายร่างกายเขาได้ตลอดจริง ๆ
มือข้างซ้ายที่ว่างอยู่ชี้ไปที่เลขหน้าของชื่อแต่ละคนไล่จากล่างสุดจนถึงบนสุดของหน้ากระดาษอย่างช้า ๆ ซึ่งว่าที่บอสวองโกเล่รุ่นที่สิบเองนั้นก็พยายามมองหานัยแฝงของเลขเหล่านั้นอย่างเท่าที่สมองของตนเองจะอำนวย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่เข้าใจประเด็นที่อาจารย์ของตนต้องการจะสื่ออยู่ดี
รีบอร์นพ่นลมหายใจออกมาอย่างสุดจะทน “เฮ้อ สมชื่อไอ้ห่วยจริง ๆ เลยนะแกนี่”
โอ้...ใช่สิ ก็นายมันนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลกมาเฟีย สุดแสนเพอรเฟ็ค เก่งไปซะทุกอย่างนี่-----ไม่ได้อยากจะให้ความคิดอคติแบบนี้เด้งขึ้นมามีบทบาทในสมองมากนัก แต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้อยู่ดีเมื่อเจ้าคนที่แอบนินทาในใจอยู่นั้นกำลังยิ้มเยาะเย้ยเขาอยู่ในเห็นผ่านทางสายาตาอยู่นั่นไงเล่า
“ดูอันดับกับชื่อของคนที่โดนสิ” ร่างสูงกล่าว ก่อนจะยื่นกระดาษคืนให้เจ้าของดวงตาคู่มรกตไปจับสังเกตต่อเอาเองจากคำใบ้เล็ก ๆ ที่ทิ้งไว้ให้
โยชิคาวะไม่เคยคิดอย่างที่จะทำความเข้าใจกับระบบในโลกมาเฟียอันดำมืดนี่ซักเท่าไหร่นัก
“มัน...เรียงกัน?”
ยิ่งรู้ยิ่งลึก บางทีการกระทำบางอย่างของพวกคนที่เรียกกว่าเป็นมาเฟียก็ดูไร้เหตุผลและป่าเถื่อนจนเกินกว่าที่พลเมืองธรรมดาแบบเขาจะเข้าใจ
หากเลือกได้เขาก็ไม่อยากมายุ่งด้วยนักหรอก
“จากล่างขึ้นบนด้วย” ผู้เป็นอาจารย์กล่าวเสริม มือทั้งสองข้างย้ายไปกอดกันไว้ที่หน้าอก แผ่นหลังเอนพิงกับพนังซีเมนต์ด้านข้างในขณะที่สายตาเหม่อลอยออกไปข้างนอกหน้าต่างระหว่างรอผู้เป็นศิษย์ทำความเข้าใจกับเนื้อหา “ทีนี้แกลองดูที่ลำดับที่เหนือจากคุซาคาเบะขึ้นไปสิ”
ดวงตาสีใบไม้อ่อนค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นไปก่อนที่จะเบิกกว้างออกมาเหมือนผิวน้ำนิ่งตอนที่มีก้อนหินหล่นลงกระทบเกิดเป็นคลื่นแผ่กระจายออก เจ้าตัวนิ่งข้างไปสักพัก หันกลับไปมองที่นักฆ่าหนุ่มราวกับต้องการจะถามหาคำตอบที่ตนรู้ดีอยู่แล้ว
“ลำดับต่อไป...นี่...จริงเหรอรีบอร์น?” อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะค่อย ๆ พยักหน้าตอบรับอย่างช้า ๆ
หัวใจดวงน้อย ๆ กระตุกวูบ โยชิมั่นใจนักว่าหากมันร่วงไปตกอยู่บนพื้นระเบียงในตอนนี้ได้ก็คจะตกลงไปแล้ว ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยซ้ำที่เขาเพลออกแรงกำกระดาษอันแสนเปราะบางนั่นจนยับยู่ยี่ไปมากขนาดนี้
“...รีบไปเถอะโยชิ ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างแล้ว”
แต่ก็คงจะไม่มีทางเลือกมากนักเพราะฝ่ายนั้นชอบมายุ่งยามกับคนในครอบครัวของเขาแบบนี้ไงเล่า !
30%
แคก---- มาหย่อนไว้ก่อนอีกส่วนหนึ่งค่ะ ยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะ เดี๋ยวจะมาแก้ให้อีกทีตอนเต็มค่ะ ! ยังไงก็ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่เข้ามาให้ความสนใจนะคะ แงงงง
(( ไหนดูซิ อัพตอนตีสองจะยังมีคนนอนดึกแอบมาอ่านอีกไหม หึๆ ))
ความคิดเห็น