คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 แกลดิเอเตอร์
ตอนที่ 6 แกลดิเอเตอร์
ปัง! ควอร์ตไซต์คว้าปืนสั้นที่มักจะพกติดตัวขึ้นมายิง แต่เขาไม่ใช่มือปืน จากที่เล็งหัว กระสุนจึงแฉลบไปโดนไหล่ข้างที่ถือดาบของมิคาสะ แอนนี่ก็เตะดาบออกทันทีที่มิคาสะเผลอชักดาบกลับ มิคาสะเลิกสนใจเธอและหันไปจู่โจมใส่ควอร์ตไซต์ เขาไม่ใช่นักต่อสู้แม้ปืนในมือจะฆ่าเธอได้ในนัดเดียว เขาก็ตกใจจนเผลอวิ่งหนี
แอนนี่วิ่งตามออกไปและรู้ว่าไม่ทันการณ์
แว้บ! ตู้ม!!! หลังคาบ้านคนตัดไม้ส่วนหนึ่งกระเด็นขึ้นสู่ฟ้าทันทีที่แอนนี่แปลงร่าง ไททันหญิงคว้าตัวมิคาสะไว้อย่างรวดเร็ว ทว่านิ้วทั้งห้านั้นก็ถูกตัดขาดไปทันที มิคาสะหันกลับมามองที่เธออีกครั้ง ขณะที่ไททันหญิงลุกจากท่าหมอบ มิคาสะก็พุ่งเข้าตัดเส้นเอ็นที่ข้อเท้า ทำให้เธอล้มลงออีกครั้ง ไททันหญิงหันไปตบมิคาสะ แต่อีกฝ่ายกระโจนเหยียบฝ่ามือที่ไร้นิ้วของเธอแล้วพุ่งเข้าใส่พร้อมทั้งแทงดวงตา ฉึก!!
ความมืด! แอนนี่สะบัดเหวี่ยงทั้งมือทั้งแขนใส่ไปอย่างมั่วซั่ว พังบ้านคนตัดไม้และเกือบฟาดโดนเบลทรูทเละคามือ ไรเนอร์คว้าเบลทรูทและควอร์ตไซต์ออกมาให้พ้นทาง ไม่งั้นรอบต่อไปอาจไม่ใช่แค่เกือบ...
ผัวะ! มิคาสะพยายามกระโดดหลบ แต่ในที่สุดก็ถูกฟาดกระเด็นไปไกล พลั่ก! เธอชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ถ้าไม่กระดูกหักก็คงร้าว ปวดระบมไปทั้งตัวจนลุกขึ้นมาไม่ไหว
“พอได้แล้วแอนนี่! หยุดอาละวาดได้แล้ว” ไรเนอร์พยายามตะโกนห้าม ทว่าก็หยุดไปเมื่อเงาดำขนาดใหญ่ก้าวผ่านพวกเขาไป ไททันสีดำสนิทมีใบหน้าเป็นสัตว์ร้าย...คอเตช... “นรกแล้ว”
แค่อุ้งมือที่มีกรงเล็บของคอเตชตวัดเพียงครั้งเดียวก็ดึงเอาร่างของแอนนี่ออกมาจากไททันหญิงได้ เขามองมายังไรเนอร์ เบลทรูทและควอร์ตไซต์ ก่อนจะโยนแอนนี่ลงพื้นและออกมาจากร่างไททันสัตว์ร้าย คอเตชยังคงเป็นชายฉกรรจ์ดังเช่นสองพันปีก่อน ผิวเข้มอย่างชาวแอฟริกาผมดำและตาฟ้ากับน้ำตาลส้ม...ดวงตาสองสีของสัตว์ร้าย
คอเตชดึงผมให้แอนนี่เงยหน้าขึ้นมาจากพื้น มองดูเหมือนจะเห็นใจ ก่อนจะกระแทกหน้าผากเธอกับพื้นหิน
“ไหน... ท่านควอร์ตไซต์ มีเหตุการณ์อะไรในหลังบ้านของข้าที่ข้าควรจะรู้ไหม” คอเตชถาม
“..........” ควอร์ตไซต์เงียบ เขาไม่รู้จะตอบอะไร ที่จริงแล้วแอนนี่ไม่ควรจะกลับเข้ามายังนครแห่งขุนเขา คอเตชเนรเทศเธอไปตั้งแต่ที่เธอทำงานพลาด การกลับมานั้นเหมือนการมารับโทษประหาร แต่ควอร์ตไซต์จะโทษเธอก็ไม่ได้ เธอแปลงร่างเป็นไททันตลอดเวลาไม่ได้และในโลกข้างนอกนั้นก็ยังคงมีอันตรายจากไททันกลุ่มอื่นๆ
“งั้น... นักรบ!” คอเตชหันมาหาไรเนอร์กับเบลทรูทแทน “ตอบซิ”
“..........”
“เงียบ?” คอเตชพูดเป็นคำถาม “เอางั้นเหรอ”
“พ..พวก..เขาไม่ผิด” แอนนี่พยายามฉุดตัวเองลุกขึ้นมายืน
“ก็ได้... ” คอเตชหันมาทางแอนนี่อีกครั้ง “งั้นเจ้ามีอะไรจะสารภาพไหม”
“ฉัน... กลับ... ” ถ้าสิ่งที่แอนนี่กลัวที่สุดคือความมืด สิ่งที่เธอกลัวรองลงมาคือคอเตช ร่างมนุษย์ของเขาน่ากลัวพอๆกับในร่างไททันสัตว์ร้าย เธอรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไปในครั้งเดียว “ฉันเอาชีวิตรอดข้างนอกนั้นไม่ได้”
“อ๋อ...เหรอ” คอเตชชกเธอด้วยหมัดเหล็ก เขาสวมสนับมือตลอดเวลาเพื่อพร้อมจะลงโทษใครก็ตามที่ขัดคำสั่งเขา “สงสัยเจ้าจะยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่าเนรเทศสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เป็นไร... ”
ไม่เป็นไร? คำถามนี้ผุดขึ้นในใจทุกคน คำๆนี้น่ะเหรอจะหลุดออกจากปากของหัวหน้าเผ่านักรบอย่างคอเตช
“อีกไม่กี่เดือนเจ้าหญิงผู้เลอโฉมจากแดนไกลจะเดินทางข้ามมหาสมุทรมาพร้อมกับข้าราชบริวาร” คอเตชบอก “หวังว่าเจ้าจะเป็นแกลดิเอเตอร์ที่ทำประโยชน์ได้มากกว่านักรบนะ”
แอนนี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ แกลดิเอเตอร์นั้นใช้ชีวิตไม่ต่างจากนักรบก็จริง แต่สู้บ่อยกว่า ยิ่งสู้...คู่ต่อสู้ก็ยิ่งน่ากลัว อนาคตมีเพียงความตายที่รออยู่ แล้วในบางกรณีที่แกลดิเอเตอร์คนนั้นคือผู้ที่เก่งที่สุดแล้วในโคลอสเซียม พวกเขาก็จะต้องสู้ต่อไปและอาจต้องฆ่าสหายร่วมรบของตัวเอง สุดท้าย...ก็ไม่เหลือใคร
กร๊อบ! “แต่ว่า... ” แอนนี่พูดโพลงขึ้นโดยไม่ได้คิด เธอแค่จะกลบเสียงเหยียบกิ่งไม้ที่ดังจากด้านหลังของคอเตช มิคาสะลุกขึ้นมาในสภาพสะบักสะบอม ในมือยังมีดาบและเธอจ้องมาทางแอนนี่โดยไม่ได้สนใจคอเตช ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าคนตรงหน้านี้อันตรายกว่าเธอมากขนาดไหน
“ข้ายื่นโอกาสให้แล้ว...ถ้าไม่รับ เจ้าก็กลับไปผจญฝันร้ายข้างนอกต่อ” คอเตชพูด “หรือเจ้าสนใจจะหาเพื่อนไปด้วยข้าก็ไม่ว่านะ... ”
คอเตชปรายตามองไรเนอร์กับเบลทรูท “สนไหมนักรบ”
“ฉันจะทำ แต่ไม่ต้องการเพื่อน” แอนนี่ตอบ ถ้าเธอไม่ทำ คนต่อไปที่คอเตชจะเสนออาจะเป็นเพื่อนของเธอ อย่างน้อยในชีวิตของคนเย็นชาอย่างเธอ ขอสักครั้งที่เธอทำเพื่อผู้อื่นโดยไม่ใช่การทำตามคำสั่ง
“แน่ใจเรอะ จะว่าไปเอาคนข้างหลังข้าไปเป็นเพื่อนก็ไม่เลวนะ” คอเตชกลับหลังหันไปหามิคาสะ เธอจ้องตอบอย่างแปลกใจว่าเขามาสนใจเธอทำไม “แอคเคอร์แมนสินะ...งานนี้สนุกแน่ๆ”
“แกเป็นใคร” มิคาสะถามอย่างไม่กลัวอะไร “ถ้าจะเข้ามาขวางล่ะก็ฉันไม่ฆ่าได้ทั้งนั้น”
“ฮ่าๆๆ ข้าชอบนางนะ” คอเตชบอก ก้าวยาวๆเข้าไปหามิคาสะ
มิคาสะเตรียมพร้อมจะสู้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร แต่แล้วก็...หมับ! มือใหญ่หนาคว้าลำคอเธอแน่นและบีบอย่างแรง! มิคาสะตวัดดาบฟันเพื่อตัดแขนคอเตชทันที ทว่าเมื่อดาบกระทบกับแขนนั้น เพล้ง! ใบดาบกลับแตกกระจาย สะเก็ดดาบกระเด็นใส่ใบหน้ามิคาสะเรียกเลือดอุ่นๆไหลอาบแก้ม คอเตชบีบแรงขึ้นอีก มิคาสะก็พยายามดิ้นรนต่อสู้ ทั้งเตะทั้งชก ทั้งถีบทั้งกระทืบ คอเตชยืนอยู่เฉยๆราวกับรูปปั้นเหล็กไหล ...ไม่รู้สึกสักนิดเดียว
มิคาสะสู้ไปสักพักก็หมดแรง สติเลือนรางและดับวูบไป
“ใจสู้...ทรหดใช่ย่อย ต้องมีแกลดิเอเตอร์อย่างนี้สักคน...รับรองงานเฉลิมฉลองต้อนรับต้องสุดยอด” คอเตชโยนร่างมิคาสะลงกับพื้น “เจ้าชื่ออะไรนะ...อันนี่...ไม่สิ แอนนี่ใช่ไหม”
“ค่ะ”
“แอคเคอร์แมนจะเป็นคู่หูของเธอในโคลอสเซียม” คอเตชบอก “ลับคมรอวันเฉลิมฉลองได้เลย”
“ค่ะ”
แอนนี่ตอบไปทั้งที่ไม่แน่ใจว่าการต่อสู้ในโคลอสเซียมแห่งนี้... เธอจะตายเพราะคู่ต่อสู้หรือคู่หูของเธอกันแน่
มิคาสะตื่นขึ้นมาในแสงสลัว ภายในห้องแคบๆทำจากหินสีเทา มีเพียงแสงจากเปลวเทียนที่มุมห้องเท่านั้นที่ส่องสว่างอยู่ แสงส่วนหนึ่งถูกบดบังด้วยร่างของใครบางคนที่แสนจะคุ้นตา...
แอนนี่…
มิคาสะลุกขึ้นช้าๆ แผลของเธอหายแล้วด้วยยากลิ่นฉุนที่ไม่เคยเจอ เธอเข้าไปในใกล้แอนนี่ช้าไม่ให้อีกฝ่ายได้ยินเสียง แต่แล้วคำถามก็ผุดขึ้นในหัวของเธอ
ทำไมฉันไม่ถูกล่าม...แล้วทำไมแอนนี่อยู่ในห้องนี้ด้วย
เหมือนแอนนี่จะรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมา เธอหันกลับมาดูและพบกับดวงตาสีดำสนิทซึ่งเธอไม่เคยชอบมันเลย ยิ่งมิคาสะยังนั่งอยู่ในความมืดมิดแล้วยิ่งน่ากลัว แอนนี่ขยับถอยไปนั่งติดกำแพงขรุขระพลางยกเชิงเทียนมาวางตรงกลางให้เห็นอีกฝ่ายได้ชัดเจน มิคาสะไม่ยอมจู่โจมซึ่งนับว่าแปลก
“รู้จักแกลดิเอเตอร์ไหม” แอนนี่ถาม มิคาสะไม่ตอบเอาแต่จ้องมา เธอจึงเหมาว่าอีกฝ่ายไม่รู้จัก “แกลดิเอเตอร์คือทาสกลุ่มหนึ่งที่มีความสามารถในการต่อสู้ ชีวิตของพวกเขามีค่าแค่ความบันเทิงของผู้ชม”
“แล้วมาบอกฉันทำไม” มิคาสะถาม
“ตอนนี้เราเป็นแกลดิเอเตอร์” แอนนี่บอก
“ฉันไม่ใช่... ”
“ในกำแพงคงเลิกระบบทาสไปนานแล้วสินะ” แอนนี่พูดขัด “เธอถึงไม่รู้...ว่าทาสไม่มีสิทธิ์พูด ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้ดั่งใจ ...และก็ไม่มีสิทธิ์ในการชี้ชะตาชีวิตของตัวเอง”
“อย่ามาพูดเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายเสียอย่างนี้สิ!” มิคาสะตวาด “ก็สมน้ำหน้าเธอแล้วไง”
“เหมือนตลกร้ายนะ” แอนนี่จ้องตอบหน้าตาย “ฉันถูกเนรเทศเพราะฆ่าเอเลนไม่สำเร็จ ฉันถูกเธอไล่ฆ่าเพราะเผลอฆ่าเอเลนไปหลังจากที่ถูกเนรเทศ ...ทำไมเอเลนต้องเข้ามาอยู่ในชีวิตฉันด้วย”
“เอเลน... ” ราวกับเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ แอนนี่ไม่ควรไปสะกิดอารมณ์แค้นของมิคาสะเลยจริงๆ มิคาสะลุกขึ้นและเดินข้ามเชิงเทียนมานั่งตรงหน้าแอนนี่ แอนนี่เดาอารมณ์อีกฝ่ายไม่ออกก็นั่งจ้องอยู่อย่างนั้นเพราะถึงจะอยากหนี เธอก็ดันนั่งอยู่ติดกำแพงแล้ว ไม่มีที่ให้ถอย “...ตาย”
“อ่อก!” แอนนี่พยายามดิ้นหนี แต่มือทั้งสองข้างของมิคาสะบีบแน่นที่ลำคอ
หายใจไม่ออก!
ผัวะ! แอนนี่ถีบใส่ท้องของมิคาสะเข้าเต็มแรง จนอีกฝ่ายเซหงายหลังทว่ายังไม่ปล่อยมือ ทำให้ลากเอาแอนนี่ล้มตามไปด้วย เธอพยายามงัดมือของมิคาสะออก แต่แล้วก็ตกอยู่ในความหวาดกลัวถึงขีดสุด ...เมื่อแสงเทียนดับลง
แอนนี่พยายามดิ้นอย่างบ้าคลั่ง ชั่วครู่หนึ่งเธอเกือบจะกัดนิ้วตัวเองเพื่อกลายร่างเป็นไททันหญิง แต่นึกได้ว่าที่นี่แคบแค่ไหน เธอทั้งทุบ ชก เตะ ถีบจนมิคาสะยอมปล่อยให้เธอได้หายใจ แอนนี่คลำหากำแพงและถอยไปหลบอยู่ที่มุมห้องด้วยความหวาดกลัว ความมืดกำลังจะฆ่าเธอก่อนที่มิคาสะจะทำเสียอีก ห้องแคบๆแห่งนี้ไม่มีแสงสว่างลอดเข้ามาแม้แต่น้อย
มิคาสะยังคงคลำพื้นอยู่ที่กลางห้องแม้มันจะห่างจากตัวแอนนี่ไปแค่เมตรเดียว ไม่รู้อีกฝ่ายกำลังหาอะไรอยู่ แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงแอนนี่ขยับ เธอก็ไม่ขยับเช่นกัน เหมือนรอฟังเสียงการเคลื่อนไหวเพื่อจะจู่โจม แอนนี่ไม่ขยับ แทบจะไม่หายใจเพราะกลัวจะเกิดเสียงดังจนอีกฝ่ายได้ยิน เธอคุมลมหายใจได้...แต่ไม่ใช่เสียงหัวใจ
ยิ่งกลัว...หัวใจยิ่งเต้นดังจนแอนนี่กลัวว่ามิคาสะจะได้ยิน
ทำไมเงียบล่ะมิคาสะ...มันน่ากลัวนะ ฉันกลัว...
แอนนี่กอดไหล่ตัวเองแน่นไม่ให้สั่นเพราะแอบร้องไห้ เธอร้องไห้ครั้งที่สุดเมื่อไหร่กันนะ...ปี...หรือสองปี ในเช้าวันที่เธอต้องออกตามล่ากองทหารหน่วยสำรวจของรีไวล์ ในวันที่พวกเขาเดินทางมุ่งลงใต้เพื่อตามหาความลับของเอเลน เธอเป็นคนทำลายทุกอย่าง เธอลืมน้ำตาในครั้งนั้นได้
แต่ครั้งนี้มันต่างกัน ความหวาดกลัวในความมืดนี้ค่อยๆกัดกินจิตใจของแอนนี่ ยิ่งคิดได้ว่าภายในความมืดนั้นมีใครอยู่ยิ่งน่ากลัว เธอจะต้องอยู่นิ่งๆอย่างนี้ไปอีกนานขนาดไหนกันนะ
มิคาสะ...แย่ที่สุด!
ความคิดเห็น