คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 4: เซเลเน่ VS. ค้างคาวเลือด
ในเวลานี้ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ เอเลน่า กำลังจะทำคืออะไร ฉันเลยไม่สามารถที่จะเลือกใช้อาวุธได้อย่างถูกต้อง จริง ๆ สำหรับวันนี้ฉันคิดไว้บ้างแล้วว่า อาจจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น นอกจาก ปืนคู่ กับ ดาบ ที่มักจะพกติดตัวอยู่เป็นประจำแล้ว ที่รองเท้าบูทยาวของฉัน ยังมีมีดพก กับ เข็มอาบยาพิษซุกซ่อนไว้ด้วย แต่ ตอนนี้ไม่ว่าจะเอาอะไรออกมา โอกาสชนะ หือ แพ้ ก็ห้าสิบ ห้าสิบ ทั้งนั้น
เอาเป็นว่า ถ้าไม่ทันจริง ๆ นัยน์ตาสีแดงเพลิงของฉัน ก็คงจะช่วยเผาไหม้ทุกอย่าง ได้เองล่ะ...
“โพลเลน...รีบออกไปจากป่าค้างคาวเลือดกันเถอะ...ข้าว่ามันอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว” ฉันพูดในขณะเดียวกัน โพลเลน ที่รับรู้ได้ถึง จิตสังหาร ก็ถึงกับเหงื่อตก...ส่วน พอลลี่ นาง...สลบไปตั้งแต่หมุนเป็นวงกลมอยู่บนฟ้าแล้วล่ะ
“อืม...” เขาตอบเสียงเรียบพลางเม้มปากแน่น...ในตอนนี้ที่พวกเรากำลังบินออกจากป่า ค้างคาวเลือดกัน ฉันสังเกตเห็นใบหน้าขี้เล่นของ โพลเลน ที่มักจะปรากฏอยู่บนใบหน้าขาวซีดรูปไข่นั้นตลอดเวลา มันได้หายไป คงเหลือไว้แต่ความนิ่งเฉยและ กระวนกระวาย เพียงเท่านั้น
อืม...ฉันว่าป่านี้มันแปลกขึ้นจากเมื่อก่อนมากเลยนะ...ทั้งต้นไม้ รวมถึงค้างคาว ตั้งแต่ฉันมาถึงป่านี้ ฉันยังไม่เห็นค้างคาวซักตัว ทั้ง ๆ ที่มันควรจะมาบินโฉบพวกเรา และกินเลือดพวกเราไปบ้างแล้ว
นั่นทำให้ฉันนึกถึงเมื่อวาน ตอนที่ฉันนั่งอยู่บนรถม้า มีค้างคาวตัวหนึ่งบินโฉบเข้ามาในรถ มันมีร่างกายที่ซูบผอม แห้งเหี่ยว และ ดูหิวโซ สายตาของมันดูกระหาย...ถ้าหากพยายามนึกดูให้ดีแล้ว รู้สึกว่ามันจะมีดวงตาสีแดงซึ่งมีประกายเป็นรูปหัวกะโหลก...คงไม่เคยเห็นกันสินะ ค้าวคาวที่มีตาสีแดงแถมมีแววตารูปหัวกะโลกน่ะ ฮ่า ๆๆๆ
ใช่ซะที่ไหนล่ะ! นั่นมันเป็นค้างคาวสายพันธุ์ กินเลือดนี่!...แล้วถ้ามันดูหิวโหยได้ขนาดนั้น มันเหมือนกับว่าถูกกักขังเอาไว้นาน อดข้าว อดน้ำ สังเกตได้จากที่ปีกมีรอยตารางเหมือนตารางลูกกรงอยู่ งั้นแปลว่า ที่ป่านี้ไม่มีค้างคาวอยู่ แสดงว่ามันถูกขังอยู่ที่ไหนซักแห่ง! แถมถูกขังอยู่เป็นร้อย ๆ ตัว!
“บินขึ้นสูงกว่านี้!แล้วออกจากป่านี้ให้เร็วที่สุด!” ฉันเริ่มออกคำสั่งอีกครั้ง ราวกับ ฉันเป็นแม่ของ โพลเลน ฉันรอให้เขาบินสูงขึ้นไปในระดับที่ค้างคาวสายพันธุ์กินเลือดบินขึ้นมาไม่ถึงก่อนจึงค่อยบินตามขึ้นไปขนาบข้างเพื่อคอยระวังอันตรายให้กับเขา
แก๊ง!
เสียงเหมือนลูกกรงขนาดใหญ่ถูกเปิดออก ตามด้วยเสียงปีกของสัตว์นัยร้อย ไม่สิ นับพันต่างหาก! มันกำลังบินขึ้นมาหาพวกเราที่เป็นสิ่งมีชีวิตในป่านี้...ปกติแล้วต้นไม่ที่อยู่ในป่านี้จะมีเลือดหล่อเลี้ยงอยู่ในลำต้น ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมใบไม้ในป่าถึงไม่มีสีแดง เพราะเอเลน่านี่เอง
แต่พวกเราอาจจะปลอดภัยซักระยะ เพราะ พวกเราบินอยู่สูงมาก สูงขนาดที่ว่าค้างคาวไม่สามารถทนรับแรงลมที่พัดแรงจน โพลเลน ก็ยังเซได้
คิดผิดอีกแล้ว...ไม่ว่าแรงลมจะพัดแรงแค่ไหน ด้วยความกระหายเลือดของค้างคาว มันบินต้านแรงลมมาทางพวกเราได้อย่างรวดเร็ว จนฉันยังตกใจ...ตอนแรก ฉันคว้าตัว โพลเลน มาจับไว้แน่น แล้วขยับปีกให้แรงและเร็วขึ้น เพื่อที่จะหนีจากค้างคาวกระหายเลือดพวกนี้...ไม่ได้ผล พวกมันบินเร็วมาก
“โพลเลนหนีไปซะ!” นี่ไม่ใช่ฉากโรแมนติกของ พระเอก กับ นางเอก ที่นางเอกกำลังจะสละชีวิตตัวเอง เพื่อให้พระเอกหนีไป! สิ่งที่ฉันกำลังจะทำอาจจะดูโหดไปหน่อยนะ ฉันกำลังจะชำแหละไอ้พวกซอมบี้ค้างคาวบินได้พวกนี้ต่างหาก
“บ้าน่า! ฉันจะทิ้งเธอได้ยังไง” ดูเหมือนว่า โพลเลน กำลังคิดว่า นี่คือฉากโรแมนติกอยู่นะ
“เปล่า! ฉันยังไม่อยากให้นายโดนลูกหลงต่างหาก!” ถ้ามีเวลามากกว่านี้ฉันคงจะพูดต่อว่า ที่นายจับผมของฉันแล้วไม่เป็นไรน่ะ ไม่ได้แปลว่าถ้าฉันไปจุดไฟเข้าที่ไหนแล้วนายไปโดนนายจะไม่ตายนะ! ประมาณนี้ต่างหาก...ถ้านายตากฉันก็อดฆ่า เอเลน่า น่ะสิ
“ซะ...เซเลน” เมื่อเขาเรียกชื่อฉัน ฉันหันกับไปมองเขาด้วยสายตาคาดโทษทันที ถ้านายไม่หนีไป ถือว่านายผิดเองนะ โพลเลน! เมื่อเห็นสายตาเอาจริงของฉันเขาก็รีบพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะทิ้งท้ายตัวน้ำเสียงทะเล้น ๆ ว่า “ชำแหละให้สนุกนะ...แล้วเจอกัน!”
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจแล้วล่ะว่านี่ไม่ใช่ฉาก โรแมนติก แต่ มันคือฉากที่เรียกว่า ซาดิสต์ ต่างหาก!
“หึ...ตาย...ไปซะเถอะ!!” ฉันตะโกนเพื่อเป็นสัญญานว่าการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว ในตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าอาวุธที่พกมาทั้งหมดมันเป็นประโยชน์ได้มากจริง ๆ
ฉันใช้มือกระชากผ้าคลุมสีดำของตัวเองออก แล้วโยนให้มันแผ่ออกไปข้างหน้า เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของค้างคาวกลุ่มแรก เมื่อมันหยุดเคลื่อนไหวฉันคว้าปืนคู่ออกมาจากซองเก็บปืนทันที...แล้วควงปืนนิดหน่อยเพื่อให้มันเข้าที่
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ฉันรัวกระสุนหลายนัดออกจากปืนคู่สีดำ กระสุนทุกนัดพุ่งทะลุร่างกายของค้างคาวทุกตัวที่ฉันคิดจะยิง เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากบาดแผลราวกับน้ำพุ ร่างเล็กผอมแห้งของพวกมันร่วงลงพื้นทันที ไม่มีเสียงร้องเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะ ร่างกายของมันบอบช้ำมากแค่จะหาแรงบินมาตรงนี้ก็ยากแล้ว จะหาแรงที่ไหนมาร้อง
ปัง! ปัง! ปัง!
แต่ถึงจะพูดเหมือนสงสาร แต่ฉันก็หยุถดยิงไม่ได้หรอก ถ้าหยุดฉันก็ตายนะสิ!
ฉันบินไป บินมา หมุนตัว ตีลังกา อยู่หลายรอบ ยิงก็ยิงไปเกินห้าสิบนัด แต่ฝูงค้างคาวกินเลือดก็ยังดูไม่ลดลงไปเลย ดูถ้ามันจะเยอะมาก มากจนเกินไปด้วย...เอเลน่า เธอใช้วิธีไหนเรียกค้างคาวมารวมกันเนี่ย...
กระสุนปืนฉันหมดแล้ว...ทั้งสองกระบอกด้วย ระหว่างการเปลี่ยนอาวุธหรือ ใส่กระสุน นั่นเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด ในสนามรบ ฉันบินตีลังกาอีกหนึ่งรอบเพื่อให้มือเอื้อมถึงรองเท้า ฉันจะเอามีด กับ เข็มอาบยาพิษมาถ่วงเวลาพวกมัน
เมื่อฉันหยิบได้นี่เป็นโอกาสของฉัน ฉันปามีดออกไปข้างหน้า ตามด้วยเข็มอาบยาพิษ นั่นทำให้ค้างคาวหลายตัวหยุดมอง ดูเหมือนฉันจะเอามีดกับเข็มมาน้อยเกินไป ก็ฉันไม่คิดนี่ว่า เอเลน่าจะทำแบบนี้
ดูเหมือนว่าค้างคาวหลายตัวจะตกใจกับ ปฏิกิริยาของยาพิษกับผู้ที่สัมผัส มันทำให้ค้างคาวผู้โชคร้ายทั้ง 10 ตัวหยุดนิ่งกลางอากาศแต่ก็ไม่ร่วงลงสู่พื้น น้ำสีเขียวหนืด ๆ ไหลออกมาจากปากของค้าวคาวตลอด ๆ มันดูหน้าขยะแขยง ใครที่กินข้าวอยู่อย่านึกภาพต่อจากนี้ตามนะ
น้ำสีเขียวหนืด ๆ ที่ไหลออกมาจากปากของค้างคาวนั้นกลายสภาพเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กเล็ก ที่เรียกว่าหนอนเมือก มันไต่ไปทั่วร่างกายของค้างคาวผู้โชคร้าย มันออกจากทางปากและเข้าไปใหม่จากทาง หู หรือ จมูก ค้างคาวเหล่านั้นถูกสารบางอย่างที่อยู่ในยาพิษทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ ถึงอยากจะปัดเจ้าหนอนเมือกออกแค่ไหน ก็ทำไม่ได้หรอก
“หนอนเมือกมันก็แค่อยู่ในตัวแกนั่นแหล่ะ...ไม่ทำอะไรพวกแกหรอก” ฉันพูดเสียงเรียบ ๆ มือหนึ่งคว้าดาบออกมาจากฝัก...ถึงจะเป็นสัตว์แต่ก็มีความรู้สึกนึกคิด คงตกใจกับยาพิษสิท่า
ฉันเป่าลมเบา ๆ ออกจากปากแบบที่ทำปกติอีกครั้ง หนอนพวกนั้นขยายตัว ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างกายของค้างคาวกินเลือดฉีกขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ ร่วงลงสู้พื้น ส่วนเหนอนพวกนั้นเมื่อเจ้าของร่างตายแล้วมันก็ค่อย ๆ ระเหยหายไป
ตอนนี้จำนวนค้างคาวลดลงไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงครึ่งเลย...แต่ฉันเองก็ไม่ได้เหนื่อยหรอกนะ ตอนนี้แค่กำลังสุ่ม หนึ่ง สอง สาม หาค้างคาวผู้โชคร้ายรายต่อไป...และ...ตัวนั้นแหล่ะ ฉันว่าตามันโตดูพิลึก! ดีฉันเลยคิดว่าตา โต ๆ แบบนั้นมันกำลังจ้องฉันด้วยสายตาหาเรื่อง...
ฉัวะ!
ค้างคาวตาโตตัวนั้นถูกฉันฟันเป็นสองส่วน เลือดสีแดงพุ่งขึ้นจนเลอะหน้า และ ผมของฉันบางส่วน เอาแล้วสิ ไอร้อนเริ่มลอยออกมาจากเส้นผมของฉันแล้ว...ถ้าเวลาคนโกรธต้องระบายอารมณ์ ถ้าผมโกรธคงเป็นเหมือนกัน
“คงต้องเก็บดาบแล้ว...ถึงเวลาใช้ไอ้นั่นแล้วสิ...อย่าโกรธกันเลยนะ ไปโทษ เอเลน่า เถอะที่ทำให้แกต้องเป็นแบบนี้...” ฉันแสยะยิ้มที่น่าสยดสยองออกมาระหว่างเก็บดาบ ฉันเห็นค้างคาวกินเลือดกว่าสิบตัวบินหนีไป เลือกอดตายดีกว่าต้องตายอย่าทรมาน ค้างคาวพวกนั้นคงคิดแบบนั้น
อยู่ ๆ ดวงตาของฉันมันเหมือนเรืองแสงได้ ประกายไฟสีแดงลุกโชนขึ้นรอบ ๆ ตัว ฉันหลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิไว้ใช้ในการควบคุมพลังของตัวเอง ฉันผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ...และ เมื่อฉันลืมตาขึ้นอีกที เงาสะท้อนรูปเปลวไฟปรากฏขึ้นในดวงตาฉัน
ผมของฉันปลิวไปตามแรงลม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ประกายไฟที่ถูกจุดขึ้นรอบ ๆ ปลิวไปด้วยเลย ฉันหันหน้าไปสบตาค้างคาวตัวหนึ่ง มันมองฉันกะพริบตาปริบ ๆ ดูไร้เดียงสา
พรึ่บ
เปลวไฟลุกขึ้นบริเวณปีกของค้างคาวกินเลือด มันไม่มีแรงจะร้องโหยหวน สิ่งที่มันทำเพื่อระบายได้ในตอนนี้ คือ การร้องไห้ ดวงตากลมสีแดงที่มีแววตารูปหัวกะโหลกนั้นกำลังเอ่อล้นไปด้วยน้ำใส ๆ ที่เรียกว่าน้ำตา ปีกของมันกำลังจะมอดหายไป...มันร้องไห้หนักขึ้น...
ที่แปลก... ค้างคาวตัวอื่นเมื่อเห็นค้างคาวตัวนี้ร้องไห้ มันกลับบินเข้ามารุมกัด ค้างคาวตัวนี้จนบาดเจ็บ...อึก...
“ข้าเกลียดนิสัยนี้จริง ๆ!” ฉันตะโกน ทั้งประกายไฟ และ เงาสะท้อนรูปเลวเพลิงหายไปภายในพริบตา ร่างของฉันที่ก่อนหน้านี้อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ขยับ บินเข้าไปในกลุ่มค้างคาวที่กำลังรุมกัดค้างคาวตัวเล็กก่อนหน้านั้น “โอ้ย!” ฉันร้องอุทานเมื่อมีค้างคาวตัวหนึ่งมากัดเข้าที่แขน...การบุกเข้ามาในดงค้าวคาวโดยไม่ถืออาวุธซักชิ้นถือเป็นการเสียเปรียบจริง ๆ
ฉันสะบัดแขนข้างที่โดนค้างคาวกัดให้มันออกไปแต่ดูเหมือนมันกำลังดูดเลือดฉันมันจึงไม่ยอมหลุด แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาสนใจอะไรแล้ว...ฉันจะต้องช่วยค้างคาวตัวนั้น!...แต่กว่าจะเข้าไปถึงตัวค้างคาวตัวนั้น ค้างคาวกินเลือดอีกประมาณ สิบสอง ตัวก็รุมเข้ามากัดฉันเข้า
“น่ารำคาญ!!” คราวนี้ฉันเริ่มโมโหเข้าจริง ๆ ทั้งร้างกายและเส้นผมร้อนผ่าวขึ้นพร้อม ๆ กัน ค้างคาวตัวที่กำลังดูดเลือดฉันอยู่ต้องรบผละออกจากตัวฉันทันที แต่ก็ไม่ทันเมื่อเปลวไฟลุกท่วมตัวของมัน ฉันตวัดสายตาไปสบตาค้างคาวอีกหลายตัว ร่างกายของมันมอดไหม้เป็นไฟ และหายไปเหลือพียงแต่ขี้เฒ่าทันทีที่ฉันกระพือปีก
ฉันเอื้อมมือไปคว้าร่างของค้างคาวตัวหนึ่งมาบีบไว้ในกำมือ ก่อนจะบีบมันให้แหลกคามือ ร่างของมันร่วงลงสู่พื้นดินเมื่อฉันคลายมือออก...โชคดีที่ค้างคาวสายพันธุ์นี้มีสติปัญญามากพอ พวกมันที่เหลือบินหนีกลับเข้าป่าลึกไป เหลือแต่เจ้าค้างคาวตัวเล็กที่ค่อย ๆ ร่วงลงสู่พื้น
ร่างกายของมันบาดเจ็บสาหัส มีแผลเหวะหวะเต็มตัว ปีกก็มอดไหม้เหลือแต่โครงปีกสีดำ...อย่างน้อยก็เหลือโครงให้ดู...ถือว่า โชคดี หรือเปล่านะ
“ข้าล่ะเบื่อนิสัย ขี้สงสาร ของข้าเสียจริง...นี่ข้าเป็นนักฆ่าจริงหรือเปล่าเนี่ย” ฉันยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับตัวเอง พลางก้มลงมองร่างไร้วิญญาณของค้างคาวสายพันธุ์กินเลือดในอ้อมแขนด้วยสายตาไร้อารมณ์ แต่จริง ๆแล้วแฝงไปด้วยความสงสาร
เมื่อพักเหนื่อยจากการต่อสู้กับค้างคาวเป็นร้อยตัวมาซักพักใหญ่ ๆ แล้ว อาการหายใจหอบของฉันก็เริ่มดีขึ้น เหลือเพียงแต่หายใจแรง ๆ เท่านั้น...ตอนนั้นฉันเลยตัดสินใจที่จะบินออกจากป่าแห่งนี้ทันที ตอนที่บินฉันมีความรู้สึกว่า ปีกของฉันมันปวดล้า ราวกับกระดูกจะแตกออก ความรู้สึกร้อนผ่าวแผ่ซ่านขึ้นจากโคนปีกและค่อย ๆ ลุกลามไปจนถึงตัวปีก
“อึก...” ฉันครางด้วยความเจ็บปวดขยับปีกไม่ได้ ฉันจึงตัดสินใจทิ้งตัวลงบนยอดไม้ใกล้ ๆ เพื่อพักอีกครั้ง...แต่ทันทีที่ปลายเท้าของฉันแตะลงบนยอดไม้ เข่าของฉันทรุดลงทันทีปีกค้างคาวหดกลับเข้าไป ฉันยกมือข้างหนึ่งขึ้นสัมผัสบริเวณใต้หน้าอกข้างซ้ายของตนเอง และรู้สึกว่าหัวใจมันเต้นแรงมาก
ฉันตั้งสติวางร่างของค้างคาวกินเลือดตัวนั้นไว้ข้าง ๆ ก่อนจะหายใจเข้าออกเพื่อบรรเทาอาการปวด ฉันทิ้งตัวลงนอนแผ่บนยอดไม้ พยายามไม่ขยับเขยื้อนหรืออะไรทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างนั้นร่างกายของฉันก็ยังปวดร้าว และ ร้อนเหมือนถูกไฟเผาอยู่ตลอดเวลา
ในตอนนี้ฉันนึกถึงตอนที่คุยกับ โพลเลน เมื่อเราทั้งคู่ตัดสินใจพูดเรื่องอดีตชาติของตน ร่างกายของฉันก็มีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน ทั้งเจ็บเหมือนร่างกายจะแหลกสลาย ทั้งร้อนเหมือนร่างกายจะมอดไหม้...มันช่างทรมาน
จริง ๆ แล้วตอนที่ฉันเจอกับ พอลลี่ ฉันก็มีความรู้สึกร้อน ๆ ทั่วร่างกายเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ช่วยทำให้มันบรรเทาลงได้มาก ฉันจึงไม่แสดงอาการออกมา แล้วตอนนั้นฉันก็คิดว่า เป็นเพราะ เส้นผมของฉันที่ไม่ชอบที่สกปรก ๆ มันจึงร้อนผ่าวขึ้นมา
“เซเลน!” เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนตะโกนเรียกชื่อฉัน ในขณะที่ดวงตาของฉันเริ่มพร่ามัว...ไม่นานฉันก็สังเกตเห็น เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีดำที่คุ้นเคย กับ ปีกค้างคาวสีดำ...โพลเลน...งั้นเหรอ
“เซเลน!...เธอเป็นอะไรน่ะ!” โพลเลนตะโกนถาม ขณะที่ทิ้งตัวลงบนยอดไม้ต้นเดียวกับฉัน...ฉันเห็น พอลลี่ที่กระโดดลงมาจากอ้อมแขนของโพลเลนแล้วปรี่เข้ามานั่งข้าง ๆ ฉันทันที
“คุณ เซเลน คะ...เป็นอะไรไปคะ” เธอยื่นมือมาสัมผัสมือฉันเบา ๆ และทันทีหลังจากนั้นเธอก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากทันที “แย่แล้ว!...ร่างกายของคุณเซเลนร้อนจี๋เลย...ที่ตัวก็มีแผลเล็ก ๆ เยอะมากเลยค่ะ...คงต้องทำแผลก่อน” พอลลี่พูด จริง ๆ ฉันก็อยากจะขัดเธอนะ เพราะ เดี๋ยวถ้าเธอเผลอสัมผัสผมของฉัน เดี๋ยวเธอจะแย่เอา แต่ในตอนนี้ความเจ็บปวดมันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนแทบไม่สามารถขยับส่วนใดในร่างกายได้เลย
ฉันได้แต่นอนดูเงียบ ๆ ด้วยสายตาที่พร่ามัว ทำให้ฉันมองเห็นได้แค่ลาง ๆ เท่านั้น...พอลลี่นั้น ร่ายเวทย์รักษาแผลให้กับฉัน ดูท่าจะเป็นเวทย์สมานแผลของเผ่าพันธุ์ต้นไม้กินคน เผ่าพันธุ์นี้เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีเวทย์มนต์ที่โดดเด่นคือ การสร้างต้นไม้ การจะสร้างสมุนไพรซักชนิดขึ้นมาใช้ประกอบกับเวทย์สมานแผลคงไม่ยาก
แต่อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกว่าขอบตามันเริ่มหนัก ๆ จนไม่สามารถถ่างตาดูสิ่งที่พอลลี่ทำได้ และสุดท้ายฉันก็ดิ่งลงสู่ห้วงแห่งนิทรา...
ความคิดเห็น