ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE BLACK X HUNTER เกมอำมหิต คนจิตวิปลาส!

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 04 วันที่ฝนตก 70%

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 56


    Ha .ha




    Chapter 04

    .�����������������������.
    วันที่ฝนตก




    รถตำรวจสีขาวแถบดำคันหนึ่งแล่นเข้ามาภายในบริเวณลานจอดรถของสถานีตำรวจในเขตเวสต์มินสเตอร์อย่างเชื่องช้า ก่อนจะไปจอดอยู่ใกล้ๆกับตึกอาคารสีขาวสูงประมาณ�2�ชั้น ซึ่งเป็นตึกสำนักงานหลักที่มีเจ้าหน้าที่เดินเข้าออกอยู่ตลอดเวลา รอบข้างอาคารมีต้นสนสูงใหญ่สองสามต้น กำลังไหวเอนไปมากับสายลมแรงที่พัดกระหน่ำราวกับเป็นการเตือนสัญญาณถึงการมาของพายุในเร็วๆนี้ เกวนและอีวานเปิดประตูรถตำรวจออกมาภายนอก เด็กหนุ่มในร่างแม็ค ไบรอัน เดินออกมายืดเส้นยืดสายพร้อมกวาดสายตาสำรวจไปรอบๆตึกสีขาวสูง

    เกวนละสายตาจากตึกสำนักงานที่เขาเคยไปเหยียบเมื่อสองวันก่อนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาเหม่อมองท้องฟ้าสีขุ่นมัวมืดครึ้มนั้นอย่างครุ่นคิด อีกไม่นานเช้าอันสดใสของวันนี้ก็จะหมดลง พายุฝนใกล้เข้ามาแล้ว..

    เอาล่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ”�เจ้าหน้าที่ลูคัสพูด พร้อมกับเดินนำหน้าพวกเขาเข้าไปในสำนักงาน โดยมีนายตำรวจไอแซคตามหลังมาติดๆ สำนักงานตำรวจในเขตเวลส์มินเตอร์นั้น พูดได้ว่าเป็นแหล่งที่มักมีงานวุ่นๆหรือคดีแปลกๆอยู่เสมอ สังเกตได้จากพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ที่มักจะตั้งหน้าตั้งตาจดจ่ออยู่กับกองเอกสารอย่างเคร่งเครียด เกวนกระชับหมวกฮู้ดขึ้นเพื่อปิดบังใบหน้าตัวเองด้วยความเคยตัว

    นั่งรออยู่นี้ก่อน อย่าไปไหนล่ะ”�เจ้าหน้าที่ลูคัสพูดด้วยท่าทีเคร่งครึม เขาชี้ไปที่เก้าอี้แถวยาวสีฟ้าติดประตูให้พวกเขารู้ ก่อนจะเดินเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งซึ่งเป็นเสมียนประจำวันที่โต๊ะด้านใน อีวานเลือกที่นั่งห่างออกไปอีกสองที่นั่งนับจากเกวน เขาสำรวจสถานที่โดยรวมของสถานีตำรวจแห่งนี้อยู่เงียบๆ..

    โต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มักจะเต็มไปด้วยกองเอกสารและแฟ้มคดีมากมาย มีส่วนน้อยที่โต๊ะจะสะอาดและว่างเปล่า โต๊ะทั้งหมดถูกจัดเรียงเป็นแถวตอนลึก โดยแบ่งไว้เป็นล็อกๆ ดูแน่นขนัด และมีประตูทางเข้าเป็นกระจกใสมองเห็นทั้งภายนอกและภายใน

    ทางด้านเกวนที่เลือกที่นั่งติดกับประตูหน้าด้านริมสุด ซึ่งเป็นที่ๆสามารถมองเห็นบรรยากาศอันมืดครึ้มภายนอกอาคารได้ เขามองเห็นต้นสนไหวเอนตามกระแสลมแรง เกวนมองตามใบไม้แห้งที่ปลิวเคว้งคว้างตามทิศที่ลมพาไปอย่างเหม่อลอย ..มันลอยไป และผ่านไป.. จนกระทั่งตกลงสู่พื้น.. ที่หน้ารองเท้าสีดำขัดมันของใครคนหนึ่ง.. ใบหน้าในเสื้อฮู้ดสีดำที่ใส่หน้ากากสีขาวเจ้าของรองเท้าที่กล่าวถึง เดินออกมากจากหลังต้นสนต้นใหญ่อย่างเงียบเชียบ.. และมันกำลังมองมาที่เกวน

    เด็กหนุ่มพยายามมองเข้าไปในดวงตาภายใต้หน้ากากที่มันส่วมใส่ หัวใจเต้นแรง เขาลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัว เป็นจังหวะเดียวกับที่ลมแรงๆจากภายนอกพัดมาปะทะใบหน้าของเกวน เมื่อมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาข้างใน ส่งผลให้หมวกฮู้ดปลิวหลุดจากศีรษะลงมาที่ต้นคอ เผยให้เห็นใบหน้าอันขาวซีดของเด็กหนุ่มที่เคยอยู่ภายใต้สิ่งอำพรางตลอดเวลา..มันเห็นใบหน้าของเขาเสียแล้ว..

    เจ้าของหน้ากากสีขาวนั้นแสยะยิ้ม.. ใช่ มันแสยะยิ้ม.. ภายใต้หน้ากากนั้นมันกำลังแสยะยิ้มใส่เขา เกวนรู้สึกอย่างนั้น..

    รถตำรวจสีดำแถบขาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในลานจอดรถ ผ่านช่องว่างระหว่างสายตาของเกวน กับหน้ากากปริศนาคนนั้นอย่างได้จังหวะ.. เด็กหนุ่มมองไม่เห็นอีกฝากหนึ่งของรถคนนั้นไปชั่วครู่ เขาพยายามมองอย่างไม่คาดสายตาในขณะที่รอให้รถผ่านไป แล้วจังหวะนั้นก็มาถึง.. เกวนมองไปที่ใต้ต้นสนนั้นอีกครั้ง

    ไม่มีใครยืนอยู่!


    เด็กหนุ่มหายใจสะดุด รู้สึกอยากวิ่งออกไปจากที่นี่ในตอนนี้�‘หายไปไหน?’�เกวนคิดด้วยความงุนงง ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าอาจจะได้พบเจอกับชายปริศนาคนนี้อีกในอนาคตอันใกล้.. และหวังว่าการพบกันครั้งหน้าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายสำหรับเขาหรอกนะ..

    เกวน เกวน!�เฮ้ย!”�เสียงอันคุ้นหูดังมาจากข้างหลังเด็กหนุ่ม เขารีบเอื้อมมือไปดึงหมวกฮู้ดมาคลุมศีรษะไว้ตามเดิม แล้วจึงหันไปสมทบกับอีวานที่กำลังจะเดินตามเจ้าหน้าที่ลูคัสเข้าไปในห้องแห่งหนึ่ง เกวนเดินตามไปเรื่อยๆจนกระทั่งเดินขนาบข้างกับอีวานทัน�“เมื่อกี้นายมองอะไรหน่ะ ฉันมองตามก็ไม่เห็นมีใครสักคน”�อีวานกระซิบ

    � � � � � � �“เปล่าหรอก เดี๋ยว ไม่ใช่ตอนนี้”�เกวนตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ลูคัสกับนายตำรวจไอแซคได้ยิน�"ไว้เจอกันที่บ้านฉัน"


    � � � � � � � แคล็ค! เอี๊ยดด..

    � � � � � � � เสียงบิดลูกบิดประตูเมื่อมันถูกเปิดออก พร้อมกับเสียงเสียดสีกันของบานพับประตูเหล็กที่มีคราบสีน้ำตาลเล็กๆ ซึ่งเป็นสนิมเกาะอยู่ที่ข้อพับที่ทำจากโลหะ เมื่อเข้าไปถึงห้องสืบสวนหมายเลข 13 เกวนและอีวานก็ถูกดันให้ไปนั่งที่เก้าอี้สองตัว ตรงข้ามกับโต๊ะเหล็กที่มีรอยบุบประมาณสองสามที่ นั้นก็คือร่องรอยฝีมือของผู้ต้องสงสัยที่เคยถูกสอบปากคำในห้องนี้ ด้วยอารมณ์ที่บอกได้ว่าคงไม่พอใจกับการตัดสินใจของตำรวจในที่นี่ซักเท่าไร..

    � � � � � � � �ตอนนี้นายตำรวจไอแซคออกจากห้องไปแล้ว เหลือก็แต่เจ้าหน้าที่ลูคัสกับเกวนและอีวานสามคน ในห้องสอบปากคำสีอึมทึมนี้ ลูคัสเอนหลังพิงเบาะเก้าอี้หนังสีดำที่อยู่ตรงข้ามกับเด็กหนุ่มทั้งสองก่อให้เกิดเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด พลางถือแฟ้มคดีขึ้นมาเปิดอ่านโดยไม่พูดอะไร บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบ หลังจากพิจารณาอยู่สักพัก เขาก็เอ่ยปากพูด
    � � � � � �
    � � � � � � �" ..คุณบรุ๊ก และคุณไบรอัน เด็กชายแห่งมัธยมปลายเซนต์บลูดอลฟ์ ถูกตัดสินให้เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีทำลายร่างกาย เด็กหญิงมัธยมปลายคนหนึ่งที่ชื่อ 'มาช่า สคริพท์' ซึ่งตอนนี้มีอากาศสาหัสและรับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวู๊ดบริดจ์.. " เขาหยุดอ่านข้อความสรุปเนื้อหาในแฟ้มคดี ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองสองหนุ่มผู้ต้องสงสัยด้วยสีหน้าที่คาดเดาได้ยาก แล้วจู่ๆเขาก็ล่วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อข้างซ้าย และออกมาพร้อมกับรูปถ่ายใบหนึ่ง พร้อมกับยื่นมันมาทางเกวนและอีวาน "พวกเธอรู้จักเด็กผู้หญิงในรูปนี้รึปล่าว?"

    � � � � � � � �มาช่า สคริพท์คือชื่อของเจ้าของรูปถ่ายหญิงสาวในชุดลำลอง เธอส่วมเสื้อกล้ามสีส้มแสดดูกลมกลืนกับพื้นหลังที่เป็นแสงอาทิตย์อ่อนๆ เธอมีผมยาวสีน้ำตาลแดงเข้ม และตัดผมหน้าม้า ดวงตาสีฟ้าอมเทารี่ลงเล็กน้อยเมื่อปะทะกับแสงแดด รอยยิ้มของเธอดูสดใสเมื่อหันหน้ามาทางกล้อง เรียกได้ว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่งเลยทีเดียว 'แต่มันช่างแตกต่างกับสภาพที่เจอกันครั้งล่าสุดโดยสิ้นเชิงเลย!' อีวานคิด

    � � � � � � � � เกวนมองรูปใบนั้นอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะยักไหล่ราวกับไม่รู้ไม่เห็น อีวานจึงตอบแทนไปว่าพวกเขาไม่เคยรู้จักคนในรูปมาก่อน เจ้าหน้าที่ลูคัสพยักหน้ารับทราบข้อมูลอย่างไม่ทักท้วงอะไร แล้วจึงเริ่มถามคำถามต่อไปอย่างไม่รอช้า โดยสิ่งที่สอบปากคำผู้ต้องสงสัยสองหนุ่มก็เหมือนกับคำถามที่ใช้สอบปากคำของผู้ต้องหาทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น พวกคุณไปพบเธอได้อย่างไร และเมื่อเวลาเท่าไหร่ หรือมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บ้าง คุณได้ยินเสียงหรืออะไรที่ผิดปกติบ้างไหม แล้วทำไมจู่ๆพวกคุณถึงไปที่นั้น
    � � � � � � � �
    � � � � � � � � �โดยคำถามพวกนี้ คนที่ตอบส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นอีวาน เพราะเขาจะต้องทำตัวให้เข้ากับนิสัยเก่าของแม็ค ไบรอันให้มากที่สุดเพื่อตบตา เพราะก่อนหน้านี้เกวนเคยบอกเด็กหนุ่มไว้ว่า เจ้าหน้าที่ลูคัสเคยไปเยี่ยมและถามคำถามที่จำเป็นต่อรูปคดีกับไบรอันที่โรงพยาบาลในวันที่ถูกลอบทำร้ายร่างกาย ดังนั้นเจ้าหน้าที่คนนี้จะต้องรู้จักนิสัยของแม็คมาแล้ว
    � � � � � � � � � �
    � � � � � � � �แล้วก็เป็นไปอย่างที่เกวนสันนิฐานเอาไว้ เจ้าหน้าที่คนนี้ดูจะไม่ผิดสังเกตกับอีวานเลยแม้แต่น้อย เพราะนิสัยช่างพูด และคำสนทนาที่ทำให้ดูเป็นคนขวัญอ่อน ตรงกับแบบฉบับแม็ค ไบรอันที่ดูจะเป็นคนรักตัวกลัวตาย และขวัญอ่อนกับเรื่องซาดิสส์ทั้งหลายแหล่แต่ซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้านักเลง ซึ่งสำหรับเกวนแล้ว.. ดูยังไงมันก็ใส่หน้ากากชัดๆ! และนับว่าครั้งนี้ยมฑูตอีวานแสดงบทบาทออกมาได้แนบเนียนเลยทีเดียว!

    � � � � � � � �ตอนนี้เจ้าหน้าที่ลูคัสเริ่มถามคำถามที่ดูสบายๆ และไกลตัวจากคำว่า 'ผู้ต้องสงสัย' มาสักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งคาดว่า อีกเดี๋ยวก็คงจะปล่อยตัวไป เด็กหนุ่มเสื้อฮู้ดแอบเอามือล้วงเข้าไปกระเป๋ากางเกง เพื่อตรวจสอบดูว่า 'สิ่งนั้น' ยังอยู่ดีหรือไม่ แล้วเขาก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมัน เกวนยิ้มมุมปาก.. บางสิ่งบางอย่างที่ฆาตกรจงใจทิ้งไว้จะต้องเป็นเบาะแสที่สำคัญที่จะใช้ในการไต่เต้าไปหาตัวผู้กระทำผิด แน่นอน เกวนจงใจหุบปากในเรื่องนี้ เพราะหากเขาบอกตำรวจไป แผนการที่จะสืบตัวคนร้ายของเด็กหนุ่มก็จะยากลำบากขึ้นเมื่อมีพวกที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยกับการเดิมพันระหว่างเขากับอีวาน ดีไม่ดีเรื่องจะบานปลายขึ้น หากพวกเขาจับได้ว่าอีวานไม่ใช่แม็ค ไบรอันตัวจริง!

    � � � � � � � � และถึงแม้ว่าเกวนจะเป็นแค่เด็กนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง ที่ไม่ได้เรียนหรือเชี่ยวชาญในการสืบสวนเหมือนพวกคนที่อยู่ในอาชีพตำรวจมาเป็นสิบๆปี แต่ความสามารถพิเศษของเขา ร่วมถึงความทะเยอทะยานที่บวกกับความกล้าบ้าบิ่นในสายเลือด ทำให้เขาพอจะมั่นใจในความสามารถทั้งหมดที่ว่ามา เพราะว่าความจริง.. เขาก็แค่อยากจะเล่นเกมกับฆาตกรโรคจิตนี้ตั้งหาก! ส่วนเรื่องพรบ้าอะไรนั้นหน่ะ.. มันก็แค่แรงจูงใจรองๆเท่านั้น เจ้าอีวานมันจะพูดความจริงรึปล่าวก็ยังไม่รู้!

    � � � � � � � �"อะไรอยู่ในกระเป๋ากางเกงหน่ะ?" จู่ๆลูคัสก็พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขาจับตาดูพฤติกรรมของเกวน ด้วยสายตาที่ส่อแววจับพิรุจ เด็กหนุ่มเสื้อฮู้ดยังอยู่ในท่าเดิมโดยไม่คิดจะเอามือออก เขาจ้องตากับเจ้าหน้าที่ลูคัสตรงๆ ด้วยความไม่เกรงกลัว "ไม่มี" เกวนตอบด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์

    � � � � � � � � "ฉันรู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น เอามันออกมาหน่อย คุณเกวน บรุ๊ก" ลูคัสเอ่ยสั่งเกวน ด้วยชื่อสกุลแบบเต็มยศของเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ บ่งบอกถึงความเฉียบขาดของเจ้าหน้าที่ชายวัยกลางคนคนนี้ ลูคัสลุกจากที่นั่งบุนวม แล้วเดินเข้ามาหาเกวน เด็กหนุ่มเบ้หน้าพร้อมทำตามคำสั่งอย่างเบื่อหน่าย "พวกตำรวจนี้ขี้สงสัยกันชะมัด" เกวนพึมพำ ..บางทีเขาก็ต้องยอมแพ้ให้กับความช่างระแวงของลูคัสแล้วละมั้ง..


    � � � � ที่จริงก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะ ..ว่าในเมื่อเขามีหลักฐานของฆาตกรชิ้นสำคัญที่สุดไว้ในครอบครอง ..ยังไงพวกตำรวจก็ต้องจับได้อยู่ดี ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว.. ยังไงก็ต้องรู้เข้าสักวัน..




    � � � � � เกวนค่อยๆ เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างช้าๆ เพื่อลองดูท่าทีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูเหมือนว่าลูคัสจะพยายามจับจ้องอย่างไม่คลาดสายตาในทุกอริยบทของเขา เกวนถอนหายใจอย่างหนักหน่วง แล้วดึงสิ่งนั้นขึ้นมา..

    ยังไงก็ต้องรู้เข้าสักวัน..








    สักวันที่ไม่ใช่วันนี้ !

    � � � � � �และในนาทีนั้นเอง สิ่งที่เกวนดึงออกมานั้นคือ.. เนื้อผ้าด้านในกระเป๋ากางเกง! ใช่แล้ว มันไม่มีอะไรอยู่ในกระเป๋าของเกวนเลยนั้นเอง! เด็กหนุ่มแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับคู่หู ซึ่งอีวานเองก็แอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยกับกลเม็ดเล่ห์เลี่ยมอันแพรวพราวของเกวน เด็กหนุ่มเสื้อฮู้ดยกมือทั้งสองข้างของตนเองขึ้นมา เพื่อพิสูจน์ให้ลูคัสเห็นว่าเขามีอะไรเลย "กลัวว่าผมจะพกปืนมาด้วยรึไง? หึๆ.." เขาพูดยิ้มๆ

    � � � � � �"อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละเจ้าหนู" ลูคัสพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความรำคาญใจ พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ เนื่องจากเผลอกลั้นไว้อยู่นาน "ถ้าพวกตำรวจไม่รู้จักสงสัยเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ป่านนี้คงจะจับคนร้ายไม่ได้สักกะตัวละมั้ง!" เขาพูดอย่างใส่อารมณ์ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม

    � � � � � � 'ก็จริงแหะ หึๆ' เกวนคิด พลางล้วงมือเขาไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อ 'ปล่อย' เบาะแสสำคัญชิ้นนั้นให้อยู่ในที่จัดเก็บเดิมของมัน และนี้คือสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ลูคัสไม่สามารถยืดหลักฐานนั้นไปได้ เพราะในเสี้ยวนาทีที่เกวนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋านั้นเอง เขาก็แอบดันมันเข้าไปอยู่ในช่องว่างในแขนเสื้อยาวๆของเขา ทำให้มันถูกซ้อนตัวจากสายตาภายนอก และเมื่อเขายกมือขึ้น มันก็จะล่วงลงไปอยู่ที่ข้อศอกของเขาตามแรงโน้มถ่วงของโลก เป็นอันจบการอำพลางหลักฐานอย่างสมบูรณ์แบบ..


    � � � � � � � "เออ.. มีอะไรอยากจะถามพวกผมอีกไหมครับ" อีวานถามเจ้าหน้าที่ลูคัส เพื่อเป็นการเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา ลูคัสทำสีหน้าครุ่นคิด "ไม่มีแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้พวกเธอกลับบ้านไปก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยไปเรียนตามปกติ เพราะตอนนี้ฉันคงต้องตามไปปิดเรื่องที่โรงเรียนตามที่พ่อแม่ของเด็กผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นขอเอาไว้ก่อน ฉะนั้นวันนี้ถ้ายังอยากจะไปเรียนกันต่อละก็.. คงต้องโดนพวกนักเรียนหรือไม่ก็คุณครูพวกนั้นไล่ถามคำถามกับเธอสองคนจนถึงเย็น!"

    � � � � � � � "อ้อ! แล้วก็อีกอย่าง ฉันจะโทรหาผู้ปกครองของคุณ.." ลูคัสเอ่ยพร้อมกับชี้หน้าเกวน ก่อนจะผละมาชี้ที่หน้าอีวาน "..แล้วก็คุณ เพื่อมารับทราบเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด พร้อมกับมารับพวกเธอสองคนกลับบ้าน" เกวนเบ้หน้าในทันทีที่ลูคัสพูดจบ เมื่อถึงใบหน้าของมิสเตอร์บรุ๊กผู้น่าเกรงข่ามคนนั้น กับความคิดที่จะดัดสันดานของลูกชายตัวดี ในสถานดัดสันดานเด็กเกเร แห่งเวสต์มินสเตอร์ มันทำให้เขาถึงกับขนลุก!




    � � � � � � � � �ในรถเก๋งคันงามของมิสเตอร์อดัม บรุ๊ก บรรยากาศภายในรถเย็นฉ่ำ จากเครื่องปรับอากาศที่ติดอยู่ด้านหน้ารถ เสียงเพลงทุ้มต่ำของดนตรีแจ็สดังขึ้นลงอย่างเชื่องช้า เพื่อกลบเกลื่อน
    บรรยากาศอันเงียบสงบภายในรถ ไม่มีการสนทนาปราศรัยใดๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ที่รถเคลื่อนตัวออกจากบริเวณสถานีตำรวจจนถึงตอนนี้ เกวนนั่งนิ่งอยู่ด้านหลังตำแหน่งคนขับรถ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มภายใต้หมวกฮู้ดดำเหม่อมองทัศนียภาพของสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาผ่านกระจกใสติดฟิลม์ แต่ทว่าไม่ได้มีเพียงเกวนและอดัมเท่านั้น



    � � � � � � � � � อีวานที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเกวนก็ขอติดรถมาด้วยเช่นกัน เพราะด้วยเหตุจำเป็นบางอย่างที่ยมฑูตอีวานได้ตกลงกับเกวนไว้ ทำให้เขาต้องพาตัวเองมานั่งคั่นกลางบรรยากาศอันแสนดุดัน ของพ่อลูกที่สุดแสนจะพิลึกคู่นี้ โดยอีวานได้บอกกับเจ้าหน้าที่ลูคัสเอาไว้ว่า ให้เขาโทรศัพท์ไปหาครอบครัวของแม็ค แล้วบอกให้มิสซิสไบรอันมารับกลับที่บ้านของเกวนแทน เหตุผลง่ายๆก็คือ ร่างของแม็ค ไบรอันก่อนที่จะโดนเขายืดร่างนั้น ไม่ได้พกโทรศัพท์ติดกระเป๋ามาด้วย ทำให้เขาไม่อาจทราบได้ว่าเบอร์ติดต่อของครอบครัวแม็ค คือเบอร์อะไร แต่ถึงแม้ว่าเจ้าที่ลูคัสจะมีท่าทีสงสัยเขาอยู่บ้าง แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี


    � � � � � � � � ในที่สุดก็ถึงจุดหมาย รถเก๋งสีดำเคลื่อนที่ช้าลงเพื่อเข้าจอดในโรงรถของที่พักอาศัยแห่งตระกูลบรุ๊ก ภาพด้านหน้าที่ปรากฎต่อสายตาของอีวานผ่านกระจกรถด้านหน้าที่เต็มไปด้วยหยดน้ำและฝ้ามัว นั้นก็คือ บ้านหลังใหญ่สองชั้น ที่มีแสงไฟสีส้มอ่อนจากภายในบ้าน เล็ดลอดออกมาจากขอบหน้าต่างและบานประตู ส่วนพื้นที่โดยรอบนั้นเต็มไปด้วยเงาของต้นสนสีดำทมึนเอนไหวไปมา คล้ายอสุรกายกำลังหวีดร้อง

    � � � � ��� � ซ่า ซ่า..เสียงฟ้าดฟานของสายฝนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตกกระทบกับพื้นเรียบฉาบปูนของบริเวณหน้าบ้านดังอื้ออึง เมื่อพวกเขาทั้งหมดออกจากตัวรถ ที่จอดอย่างนิ่งสงบภายในโรงรถ ลมแรงๆ ที่หอบมาพร้อมกับละอองน้ำที่ปลิวเป็นฝอยๆ พัดมาปะทะกับใบหน้าของอีวาน สถานที่โดยรอบหนาวเย็นและชื้นแฉะ เกวนเข้าไปในตัวบ้านเป็นคนแรก หลังจากนั้นมิสเตอร์อดัม บรุ๊กก็เดินนำอีวานเข้าไปด้านใน
    � � � � � � �

    � � � � � �"เชิญ คุณไบรอัน ยินดีต้อนรับ" น้ำเสียงทุ้มต่ำของมิสเตอร์บรุ๊กเอ่ยต้อนรับอีวานตามประสาเจ้าบ้านที่ดี หลังจากที่ไม่ได้ทำความรู้จักกันตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในรถ อีวานก้าวเท้าเข้าไปในบ้านตามเป็นคนสุดท้าย ทันใดนั้นสัญชาติญาณความสามารถพิเศษของยมฑูตก็ถูกใช้งานอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจับตามองจากใครคนหนึ่งที่แอบซ่อนเร้นกายไว้กับเงาทมึนและสายฝนที่ไม่สามารถมองฝ่าไปได้.. อีวานค่อยๆปิดประตูลงเบาๆ ริมฝีปากแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย..




    � � � � � � � � หากย้อนไปเมื่อ 10 นาทีก่อน อีวานในร่างแม็ค ไบรอันนั้นได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากมิสซิสบรุ๊ก ผู้เป็นแม่เลี้ยงและภรรยาคนใหม่ของบ้านหลังนี้ แล้วหลังจากนั้นก็มาถึงเวลาปัจจุบัน


    � � � � � � �แคล็ก..อีวานที่เป็นคนเข้าห้องเป็นคนสุดท้าย ทำหน้าที่ปิดและล็อกประตูของห้องนอนเกวน ห้อง.. ที่กำลังจะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นห้องลับสำหรับมนุษย์และยมฑูต..



    � � � � � � � � เกวนเดินตรงไปที่หน้าต่างที่ไม่เคยเปิดม่านออกเลย และนี้จะเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เด็กหนุ่มเลิกม่านขึ้นเผยให้เห็นสภาพบริเวณหน้าบ้านที่อยู่ติดกับถนน หยดน้ำที่ติดเกาะอยู่ตามหน้าต่างและฝ้ามัวที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้เขาใส่ใจกับมันเลย เพราะสิ่งที่เขากำลังจ้องมองมันอยู่คือ..


    � � � � � � ร่างสีดำทมึนของคนสองคนปรากฏอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ข้างถนน..


    � � � � �บุคคลที่คอยติดตามพวกเขามาตั้งแต่ออกจากสถานีตำรวจ เกวนเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติเมื่อเขามองเห็นรถสปอร์ตราคาแพงที่ตามติดมาตลอดทางผ่านกระจกข้างรถของมิสเตอร์บรุ๊ก


    � � � � � � � �"นายก็รู้สึกเหมือนกันเหรอ"

    � � � � �น้ำเสียงเย็นเหยียบของอีวานในร่าง
    'ยมฑูต' ดังมาจากข้างๆ เกวนพยักหน้า

    � � � � � � � � "เป็นอย่างที่คิดจริงๆ"

    � � � � � �หลังจากที่เกวนพูดจบ ร่างสองร่างนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาเผชิญกับพวกเขาจากชั้นบน ดูราวกับเป็นการเผชิญหน้ากันของเหล่าบุคคลผู้ทรงอำนาจสองกลุ่ม ชายหนึ่งในสองคนนั้นยกนิ้วสองนิ้วข้างขวาขึ้นมาแตะที่ด้านข้างศีรษะ แล้วชักมือขึ้นเบาๆราวกับเป็นการทักทาย ซึ่งหมายความว่าจะได้พบกันอีกในไม่ช้า และแล้วพวกเขาก็หันหลังกลับเดินไป


    ..หายไปท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ..



    � � � � � � � �ช่างเป็นการเผชิญหน้าที่แปลกดีแท้..

    � � � � � �นั้นคือ ความคิดแรกที่เด็กหนุ่มสองคนคิดหลังจากที่บริเวณนั้นเหลือแต่ภาพท้องถนนที่ว่างเปล่า เกวนเอื้อมมือปิดม่านสีทึบ เขาดึงหมวกฮู้ดสีดำคู่ใจออก แล้วกลับมาที่นั่งเดิมที่เขามักใช้งานมันเมื่อเวลาเล่นเกมส์ ส่วนร่างของแม็ค ไบรอัน ร่างเนื้อที่ตอนนี้กลายเป็นร่างไร้ลมหายใจ กำลังถูกยมฑูตอีวานลากไปที่มุมห้อง..


    � � � � � "นายไปได้ร่างเนื้อของ แม็ค มาได้ยังไง" เกวนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าแฝงไปด้วยความสงสัย ในขณะที่มองร่างสีดำทมึนของอีวานกำลังจัดแจงท่านั่งที่คล้ายกับคนกำลังสัปหงกให้กับแม็ค

    � � � � � �


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×