ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เพื่อนคนใหม่
“ฮ้าวววว......” คาซึลุกขึ้นหาว และบิดขี้เกียจ
“โหหหห......ฉันตื่นมาทำไมตอนบ่ายโมงเนี่ย” คาซึดูนาฬิกา และเห็นว่านี่มันแค่บ่ายโมงเอง แต่ก็ถือว่าคาซึนอนไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน
โคร่ก.......โคร้กกก~~~..............................เสียงประหลาดดังขึ้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆของคาซึ.......
‘เสียงอะไรเนี่ย.......อ๋อ....ลืมไป ทั้งวันมานี่ ฉันยังไม่ได้หาอะไรกินเลยนี่นา.........หิวข้าวโว้ย!! หิวข้าว!’ คาซึรีบลงไปข้างล่าง แล้วตรงดิ่งไปห้องครัวทันที ก่อนที่ความหิวจะทำให้เขากินเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในบ้านที่อยู่ตรงหน้า..........
“มีแค่นี้เองหรอ .....แล้วฉันจะทำอะไรกินดีเนี่ย” เมื่อเปิดตู้เย็นก็พบว่า มีผักและเนื้อสัตว์อยู่ไม่มาก ส่วนเครื่องปรุงก็แทบจะมีแต่น้ำมันมะกอกกับซีอิ้วเท่านั้น
‘วันนี้ทำอะไรอร่อยๆกินล้างซวยดีกว่า......นี่แปลว่าฉันต้องออกไปซื้ออาหารสดมาเพิ่มล่ะสิ...จะบ้าตายฉัน เอาก็เอาวะ!!’ คาซึกลับขึ้นไปล้างหน้าล้างตา แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างบนก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์หนังสีดำใบโปรด แล้วปั่นจักรยานไปตลาด............
.....ที่ตลาด....
คาซึปั่นจักรยานไปยังร้านที่ตัวเองต้องการซื้อของ .......แล้วร้านแรกที่เขาจะไปคือ ร้านขายผักสดของลุงคนโนะ......เป็นร้านประจำของคาซึเลย ...เพราะเขาอยู่บ้านคนเดียว อาหารทุกอย่าง เขาจึงต้องหาซื้อและทำกินเอง.....จนลุงคนขายเขาจำหน้าคาซึได้
ที่ตลาดไม่ค่อยมีคนรุ่นราวคราวเดียวกับเขา เพราะทุกคนต่างไปโรงเรียนกันหมด ส่วนพวกผู้ใหญ่บางส่วนก็ไปทำงาน....จะมีก็แต่พวกคุณป้าคุณน้าแม่บ้าน ที่ออกมาซื้อของเพื่อเตรียมอาหารให้ครอบครัวของพวกหล่อน.......แต่ก็มีพวกพ่อบ้านที่ออกมาซื้อกบข้าวบ้างประปราย...
“ลุงคนโนะคร้าบ.....ขอซื้อผักหน่อยคร้าบลุง....” เสียงของคาซึที่ตะโกนเรียกลุงคนโนะคนขายดังมาแต่ไกล
“อ้อ...เธอเองหรอ ได้สิ มาๆ..” ลุงคนโนะเห็นหน้าคาซึก็ตะโกนตอบกลับไป......ลุงคนโนะเป็นคนตัวใหญ่และอ้วน ใจดี เป็นคนที่มีใบหน้ายิ้มแย้มได้ตลอด เห็นแล้วมีความสุขจริงๆ ...แถมชอบใส่หมวกมากด้วย....อายุประมาณ 50 กว่าๆ เขาเอ็นดูคาซึเหมือนลูกหลานจริงๆของเขาเลยทีเดียว......อ้อ ลืมบอกไปว่า หลานแท้ๆของลุงคนโนะก็คือฮิคารุ เพื่อนในกลุ่มของเขาเองนั่นแหละ......
“ลุงๆ ผักอะไรอร่อย ใส่ถุงให้ผมให้หมดเลยครับ” คาซึพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ออกจะกวนนิดๆ พลางลงจากรถจักรยาน
“เอาหมดเลยเรอะ ฮ่าฮ่าฮ่า ...วันนี้มาแปลกนะ เออ...ไม่ได้ไปโรงเรียนเรอะ .....มาๆ มาเลือกเอาเองเลย” ลุงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามแบบฉบับ แล้วส่งถุงใส่ผักให้คาซึ
“อ๋อ ไปมาแล้วครับ....ไปนอนแก้ผ้าที่สนามโรงเรียนเลยครับ ผมถูกเรียกเข้าห้องปกครอง อาจารย์ไม่ได้ว่าอะไร ผมเลยขอตัวกลับมาก่อน........เฮ้อ โชคร้ายจริงเล้ย ผมเนี่ย” คาซึพูดด้วยน้ำเสียงขำตัวเองเล็กน้อย แล้วเดินไปหยิบผักใส่ถุงที่ลุงให้
“ห๊า จริงๆเรอะ ฮ่าฮ่าฮ่า ....ไปทำอะไรมาล่ะ ถึงได้แก้ผ้าแบบนั้น” ลุงคนโนะหัวเราะร่วนในคำที่คาซึพูด
“แหม..ลุง ..หัวเราะซะปากกว้างเชียว เดี๋ยวก็หุบไม่มิดหรอก....เอาเถอะๆ เรื่องมันยาวน่ะครับ ขนาดตัวผมเองยังมึนๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เลย” คาซึแซวลุงคนโนะเล่นๆ
“ฮะฮะฮะ ....เอาเถอะๆ”
“อ่ะ ลุง แค่นี้แหละ ...เท่าไหร่ล่ะ......ลดๆให้หน่อยนะคร้าบ” คาซึพูดแล้วยื่นผักให้ลุงคนโนะคิดเงิน
“เออน่าๆ ..อ่ะ เท่านี้ก็พอ” ลุงคนโนะชูกระดาษทดเลขที่บวกราคาผักอย่างเป็นระเบียบให้คาซึดู ...ซึ่งลุงก็คิดราคากับเขาไม่แพงจริงๆ เมื่อเทียบกับปริมาณผัก..... เพราะปกติลุงไม่ใช่พวกที่ชอบขายของเกินราคาอยู่แล้ว...
“โอ้ววว.......ขอบคุณมากคร้าบ ลุงสุดที่ร้ากของกระผม....งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ....หิวข้าววววววว~~~” คาซึจ่ายเงินแล้วปั่นจักรยานออกไป ยังไม่ทันพูดสิ้นเสียง  โดยมีลุงคนโนะยืนหัวเราะและโบกมือให้อยู่ข้างหลัง
....เป้าหมายต่อไปของคาซึคือ..ร้านขายปลา ที่มีคุณป้าอายูผู้ใจดีเป็นเจ้าของร้าน..ลักษณะพิเศษของป้าก็คือมวยผม เพราะคนแถวนั้นไม่ค่อยทำกัน......คุณป้าคนนี้ก็เอ็นดูคาซึมากเหมือนกัน ...ป้ามีหลานชื่อซาซาเมะ ซึ่งก็คือเพื่อนของเขาอีกเช่นกัน
“ป้าอายูๆๆ.....ได้ยินมั้ยครับ ป้าอายู.......ผมจะมาซื้อปลาคร้าบบบ...” คาซึต้องออกเสียงตะโกนมากทีเดียว เพราะป้าอายูหูไม่ค่อยจะดี
“อ้อ ...คาซึคุงเองหรอจ๊ะ....จะเอาปลาอะไรล่ะ มาเลือกเลยๆ” ป้าอายูหันมาและเห็นคาซึโบกไม้โบกมืออยู่บนจักรยานมาแต่ไกล
“คร้าบ....ลดให้ผมหน่อยนะคร้าบบบ...” คาซึเลือกปลา แล้วชี้ให้ป้าอายูดูเพื่อหยิบไปชั่งและคิดเงิน...
“อ้อ จ้าๆๆ....ไม่ไปโรงเรียนหรอจ๊ะ วันนี้” เมื่อป้าอายูคิดเงินเสร็จ คาซึก็ควักเงินมาจ่ายให้...ป้าอายูก็เป็นอีกคนที่ไม่เคยคิดเงินเกินราคาเลยซักครั้ง.....ช่างเป็นคนใจดีจริงๆ.....
“ขอบคุณครับ....เรื่องมันยาวน่ะครับ ผมไปก่อนนะคร้าบคุณป้าสุดสวยยยยยย~~~” คาซึจากไป โดยที่มีคุณป้าอายูยิ้มให้อยู่ด้านหลัง.....
....เขาคิดจะปั่นจักรยานตรงกลับบ้านทันที แต่พอผ่านร้ายขายขนมปัง เขาคิดว่าน่าจะซื้อไปเผื่อซักหน่อย เลยแวะเข้าร้านก่อน.....
“สวัสดีคร้าบ......ผมขอซื้อขนมปังหน่อยครับ” คาซึลงจากรถจักรยาน และเดินเข้ามาในร้านแล้วทักทายคนในร้านอย่างสุภาพด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
........เขาสังเกตเห็นว่าร้านนั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แถมในร้านก็ดูหรูหรา มีขนมปังและเค้กหลายชนิดวางโชว์อยู่ แถมมีกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆมากมาย โต๊ะและเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ในร้านเพื่อบริการลูกค้าก็ดูคลาสสิก.......คาซึคิดว่าร้านนี้เป็นร้านที่ดีทีเดียว ทำไมก่อนหน้านี้ เขาไม่คิดที่จะเข้าร้านนี้นะ...........คาซึคิดจะนั่งกินอาหารที่นี่เลยด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เขาก็หิวมากแล้ว แต่ความรู้สึกที่อยากจะทำอาหารกินเองมีมากกว่า........
“เชิญเลยจ้า ๆ เป็นลูกค้าใหม่ใช่มั้ยค๊ะ เชิญเลือกขนมปังที่ต้องการได้เลยค่ะ ....นิโนะ ช่วยแนะนำขนมปังร้านเราให้ลูกค้าทีซิจ๊ะ” ผู้หญิงอายุประมาณ 20 ปีพูดด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส .....ผู้หญิงคนนั้นมีผมสีน้ำตาลที่ไม่ยาวมาก มัดรวบไว้ด้านหลัง ....แต่งตัวด้วยชุดกระโปรงที่ยาวถึงเข่า มีผ้าคลุมกันเปื้อนใส่ด้วย ทำให้ดูมีความทะมัดทแมง.......
“คร้าบๆ พี่ชิสุกะ ....ขนมปังที่ขึ้นชื่อร้านเราก็ต้องนี่เลยครับ ขนมปั..................เฮ้ยๆ นายคนเมื่อเช้าที่นอนแก้ผ้าที่สนามหญ้าโรงเรียนนี่ ไอ้โรคจิตเมื่อเช้าอ่ะ พี่สาว ผมไม่คุยกับเขาหรอก ......” เด็กผู้ชายที่อายุประมาณ 15 ปี พูดขึ้น เด็กคนนั้นสูงประมาณ 160 ซม.  มีผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม หน้าตากวนๆ แต่ก็มีส่วนที่คล้ายผู้หญิงเจ้าของร้านที่ชื่อชิสุกะ คาซึเดาว่า สองคนนี้น่าจะเป็นพี่น้องกัน......
“นิโนะคุงจ๊ะ อย่าเสียมารยาทกับลูกค้าสิ......ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะที่น้องชายฉันพูดจาเสียมารยาทกับเธอน่ะ” ผู้หญิงคนนั้นหันไปว่าเด็กผู้ชายก่อนจะหันกลับมาขอโทษคาซึ.................คาซึคิดไม่ผิดจริงๆว่า สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ......เออ ว่าแต่นายอยู่โรงเรียนเดียวกับฉันใช่มั้ย ...ตอนนี้เขายังไม่เลิกเรียนกันนี่ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ” คาซึมั่นใจว่าต้องอยู่โรงเรียนเดียวกัน เพราะดูจากคำพูดที่เด็กนั่นรู้เรื่องเขาเมื่อเช้า และดูจากเครื่องแบบที่ใส่อยู่ตอนนี้ ยังเป็นเครื่องแบบของโรงเรียนอยู่เลย
“น้องฉันเขาจะขอเรียนครึ่งวันเฉพาะวันจันทร์กับวันพุธน่ะจ้ะ พอดีคนที่ทำงานในร้านเรามีน้อยน่ะจ้ะ” ผู้หญิงที่ชื่อชิสุกะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“พี่อย่าไปพูดกับเขา หมอนี่มันโรคจิตล่ะ คนอะไรหน้าตาก็เหมือนตุ๊ด แถมใส่สร้อยใส่ต่างหูอีกต่างหาก พี่ไล่มั......” นิโนะพูดขึ้นมาอีกด้วยเสียงที่ดังมากซะจนคนที่อยู่ในร้านทั้งหมดหันมามองกันเป็นตาเดียว คาซึจึงรีบอ้อมมาด้านหลังเอามือปิดปากนิโนะไว้
“นิโนะใช่มั้ย แหม....พูดอะไรอย่างนั้นล่ะครับ เสียงดังเชียว ...ชิสุกะซัง...ผมขอเรียกคุณคนสวยแบบนี้นะครับ...อย่าใส่ใจไปเลยครับ ทุกคนในร้านก็ด้วยครับ...” คาซึเอามือปิดปากนิโนะแน่น แล้วหันไปพูดกับทุกคนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสุดขีด จนทำให้ทุกคนคิดว่าคงเป็นเรื่องล้อกันเล่น.............แล้วคาซึก็หันมาพูดกับนิโนะโดยที่มือยังปิดปากนิโนะอยู่......
“นิโนะ....แก....นายหุบปากของนายไปเลย ไปแหกปากยังงั้นได้ยังไง ฉันอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้วโว้ย ไอ้บ้า!!” คาซึพูดโดยมีเสียงลอดช่องฟันออกมา เขาโมโหนิโนะมากถึงขั้นกัดฟันพูด แล้วทำหน้าตาหน้าโกรธสุดขีด.......หน้าของคาซึเข้าใกล้หน้านิโนะมาก จนปลายจมูกแทบจะชนกัน.......
นิโนะรู้สึกหวาดๆคาซึอยู่เหมือนกัน เพราะความสูงที่ต่างกันมาก แล้วก็เสียงกัดฟันพูดของคาซึ.......แต่พอหน้าเข้าใกล้กันขนาดนี้  ทำให้นิโนะรู้ว่าคาซึหน้าตาสวย แล้วก็มีผิวที่เนียนมากทีเดียว
‘หมอนี่หน้าตาดีเป็นบ้า ผู้หญิงหรือผู้ชายวะเนี่ย’ นั่นคือความคิดเดียวของนิโนะตอนนี้
“เป็นอะไรของนาย นิ่งเชียว ถ้าฉันเอามือออก นายหยุดพูดเรื่องนี้ไปเลยนะ ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่...” คาซึจ้องนิโนะสักพัก แล้วเอามือออกจากปากนิโนะ
“งั้นฉันเอาชิ้นนี้กับชิ้นนั้นน่ะ นายเอาไปคิดเงินได้เลย” คาซึชี้ขนมปัง แล้วควักเงินออกมาเพื่อจ่ายค่าขนม ...ขณะที่นิโนะทำตามที่คาซึบอกอย่างว่าง่าย ซึ่งก็ทำให้คาซึงงอยู่เหมือนกัน เขารีบยื่นเงินให้นิโนะโดยไม่รอตังค์ทอน แล้วปั่นจักรยานกลับบ้านไป เพราะตอนนี้เขาหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว........
.....ที่บ้านอาซาคุโระ......
คาซึจัดแจงเอาทุกอย่างที่ซื้อออกมาวางแล้ว เดินตรงไปล้างมือพร้อมเอาผักที่ซื้อมาไปล้างด้วย.....พอล้างเสร็จ เขาก็จัดแจงหั่นมันใส่ชามใหญ่ แล้วพยามจะแล่เนื้อปลาแต่มันค่อนข้างจะยากมากทีเดียวสำหรับคาซึ ...เขาจึงเลิกล้มความตั้งใจ แล้วหันมาสนใจกับผักโดยการ นำกระทะตั้งไฟ แล้วเทน้ำมันมะกอกลงไป แล้วนำผักจำนวนหนึ่งเทลงกระทะ แล้วใส่เครื่องปรุงรสเท่าที่มีอยู่.......
....ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง.......  เสียงออดที่หน้าบ้าน ทำให้คาซึต้องละจากกระทะ แล้วรีบเดินไปเปิดประตู .......ใครมาเวลานี้เนี่ย....
“เอ่อ หวัดดีครับ....ฉันเอาเงินทอนมาให้น่ะ ....โหหหห...บ้านนายใหญ่นี่ สงสัยจะรวย แต่อย่างน้อยก็ควรเห็นคุณค่าของเงินมากกว่านี้นะ เพราะนายให้เงินฉันเกินมาเยอะมาก ...” นิโนะพูด แล้วก็เห็นว่าคาซึแสดงสีหน้าที่อารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่...
“เออ เอามา..ฉันกะจะให้นายไปเลย แต่เอามาคืนก็ดี ....นายคงตามรถจักรยานฉันมาใช่มั้ย เอาเถอะๆ ตอนนี้ฉันกำลัง.........เฮ้ย ผักช้านนนนน...” คาซึนึกขึ้นได้และรีบวิ่งไปในห้องครัว
“โถ่....ไอ้บ้า ผักฉันไหม้หมดเลย.....เพราะนายแท้ๆเลย หิวจะตายอยู่แล้ว เป็นเวรเป็นกรรมอะไรของฉันเนี่ย....” คาซึพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆปนโกรธ แล้วหันควับมาส่งสายตาอันคมกริบใส่นิโนะที่วิ่งตามเขาเข้าบ้านมาด้วย...
“แค่นี้ฉันทำให้ก็ได้ ฉันเก่งเรื่องทำอาหารอยู่แล้ว นึกว่านายร้อนรนเรื่องอะไร ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ” นิโนะหัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วถือวิสาสะเอาผักในกระทะไปทิ้ง นำกระทะไปล้าง... แล้วเตรียมส่วนผสมเสร็จสรรพ..
“อาซาคุโระ คาซึกิ......จะทำอะไรของนายน่ะ” คาซึมองนิโนะที่วุ่นอยู่กับข้าวของในครัวของเขา..
“ถามอยู่นั่นแหละ ทำอาหารให้นายกินไง รอแป๊บนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” นิโนะจัดการทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว จนคาซึตะลึงมองตาค้าง..............
และในเวลาไม่ช้า  นิโนะก็ทำอาหารเสร็จ เขานำกับข้าวทั้งหมดที่ทำมาวางเรียงไว้บนโต๊ะรับประทานอาหาร คาซึไม่รอช้ารีบตักข้าวแล้วรับประทานทันทีด้วยความหิว
“อร่อยดีนี่หว่า....นายก็มากินด้วยกันสิ นั่งจ้องฉันอยู่ได้” คาซึรับประทานอย่างรวดเร็ว แล้วพอสังเกตอีกทีก็เห็นนิโนะที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา กำลังจ้องมองเขาอยู่ ...จึงชวนให้มานั่งกินด้วยกัน
“ขอบคุณ กำลังรอคำชวนอยู่เลย” นิโนะตอบรับและมานั่งรับประทานด้วยกันกับคาซึ....
“....ราคัส มาเวลล์ ริฟเน่......”
“อะไร...นายพูดถึงใครหรอ ชื่อประหลาดเชียว” นิโนะถามขึ้น เมื่อจู่ๆคาซึก็เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา...
“เอ๋ ...อะไร อ้อ .....ไม่รู้เหมือนกันน่ะ .......อ๋อ..จำได้แล้ว ผู้หญิงที่อยู่ในฝันนี่เอง” คาซึเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เขาหลับและได้ฝันถึงใครบางคน
“นายชอบผู้หญิงคนนั้นหรอ อืม......นึกว่าเป็นตุ๊ดซะอีก....เออ ว่าแต่ คนนั้นเป็นชาวต่างชาติหรอ” นิโนะคงคิดว่า...ราคัส มาเวลล์ ริฟเน่...เป็นผู้หญิงที่คาซึหลงรัก
“อะไร พูดบ้าๆน่า.....ฉันก็เพิ่งเคยเห็นหน้าเมื่อตะกี้นี้เอง ในฝันน่ะ....แต่ฉันก็พอจะรู้นะ ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร”
“ใครล่ะ? .....ถ้าไม่ใช่แฟนนาย”
“พี่สาวของไอ้เจ้าบ้าโรเชล.....คนที่ทำให้ฉันต้องอับอายขนาดนี้...เรื่องเมื่อเช้านั่นแหละ” คาซึพูดไปกินไป....ตอนนี้เขากินข้าวหมดไปหลายถ้วยทีเดียว....
“ห๊ะ!!  คนที่ชื่อโรเชลเป็นคนจับนายแก้ผ้าหรอ......โรคจิตนี่หว่า” นิโนะพูดและเริ่มคิดว่าคาซึน่ะ .....ไม่ใช่คนโรคจิต แต่ที่โรคจิตจริงๆน่ะ น่าจะเป็นโรเชลมากกว่า...
“ไม่ใช่เว้ย......มันพาฉันไปอีกโลกนึงที่ไม่รู้จักตอนที่ฉันกำลังอาบน้ำ...นายคิดดู...แถมตอนส่งกลับ ไอ้บ้าอากิระนั่นดันส่งฉันไปที่โรงเรียนอีก ถ้าเจออีกนะ .......คอยดูเถอะ” คาซึพูดและนึกโกรธโรเชลกับอากิระขึ้นมาอีก...
“อะไร อีกโลกนึงอะไร.....เฮ้ยๆ ระวังจุกตายนะ กินเข้าไปเยอะขาดนั้นน่ะ” นิโนะเมื่อเห็นคาซึที่กินอย่างไม่หยุดยั้งขนาดนั้น....ไม่น่าเชื่อ ว่าคนหุ่นแบบคาซึ จะกินจุขนาดนี้....
“ช่างฉันเหอะน่า.....นายนี่ฝีมือทำอาหารใช้ได้นี่....เออ ฉันจ้างนายมาเป็นพ่อครัวบ้านฉันเอามั้ย”
“อะไรนะ จะบ้าหรอ...นายพูดจริงรึเปล่าเนี่ย”
“พูดเล่นน่า...เออ..พูดจริงดีกว่า ฉันจ่ายค่าจ้างให้นายน่า ไม่ต้องห่วง” คาซึพูดเพราะเห็นว่านิโนะมีฝีมือทำกับข้าวดีทีเดียว....
“แล้วนายจะเอาเงินจากไหนมาจ้างฉัน...ลืมไป นายมันไอ้เศรษฐี” นิโนะพูด แต่ใจจริงเขาก็อยากจะทำเหมือนกัน จะได้ช่วยพี่สาวของเขาแบ่งเบาภาระได้บ้าง..
“พูดดีๆนะเฟ้ย.....นี่ฉันอุตส่าห์ชวนนายเชียวนะ” ตอนนี้คาซึอิ่มแล้ว .....เขากินจุมากจริงๆ กับข้าวทุกอย่างที่นิโนะทำไว้เยอะแยะ หายเกลี้ยงไปจากจานหมด...
“เอาดิๆ....นายให้เงินเดือนฉันดีๆนะ” นิโนะคิดว่า คาซึก็เป็นคนที่ตลกดีเหมือนกัน......คนแบบนี้ไม่น่าจะใช่คนเลวร้ายอะไร....
“งั้นเริ่มทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ส่วนวันนี้..... นายช่วยล้างจานให้หน่อยดิ.......ฉันก็ช่วยด้วยน่า ไม่ต้องมาทำตาเขียวใส่หรอก” คาซึรีบพูดเมื่อเห็นว่าสีหน้าของนิโนะ............................
‘ริฟเน่คนนี้น่ะหรอ.......ที่มีจิตอยู่ในตัวเรา..... ’
“โหหหห......ฉันตื่นมาทำไมตอนบ่ายโมงเนี่ย” คาซึดูนาฬิกา และเห็นว่านี่มันแค่บ่ายโมงเอง แต่ก็ถือว่าคาซึนอนไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน
โคร่ก.......โคร้กกก~~~..............................เสียงประหลาดดังขึ้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆของคาซึ.......
‘เสียงอะไรเนี่ย.......อ๋อ....ลืมไป ทั้งวันมานี่ ฉันยังไม่ได้หาอะไรกินเลยนี่นา.........หิวข้าวโว้ย!! หิวข้าว!’ คาซึรีบลงไปข้างล่าง แล้วตรงดิ่งไปห้องครัวทันที ก่อนที่ความหิวจะทำให้เขากินเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในบ้านที่อยู่ตรงหน้า..........
“มีแค่นี้เองหรอ .....แล้วฉันจะทำอะไรกินดีเนี่ย” เมื่อเปิดตู้เย็นก็พบว่า มีผักและเนื้อสัตว์อยู่ไม่มาก ส่วนเครื่องปรุงก็แทบจะมีแต่น้ำมันมะกอกกับซีอิ้วเท่านั้น
‘วันนี้ทำอะไรอร่อยๆกินล้างซวยดีกว่า......นี่แปลว่าฉันต้องออกไปซื้ออาหารสดมาเพิ่มล่ะสิ...จะบ้าตายฉัน เอาก็เอาวะ!!’ คาซึกลับขึ้นไปล้างหน้าล้างตา แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างบนก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์หนังสีดำใบโปรด แล้วปั่นจักรยานไปตลาด............
.....ที่ตลาด....
คาซึปั่นจักรยานไปยังร้านที่ตัวเองต้องการซื้อของ .......แล้วร้านแรกที่เขาจะไปคือ ร้านขายผักสดของลุงคนโนะ......เป็นร้านประจำของคาซึเลย ...เพราะเขาอยู่บ้านคนเดียว อาหารทุกอย่าง เขาจึงต้องหาซื้อและทำกินเอง.....จนลุงคนขายเขาจำหน้าคาซึได้
ที่ตลาดไม่ค่อยมีคนรุ่นราวคราวเดียวกับเขา เพราะทุกคนต่างไปโรงเรียนกันหมด ส่วนพวกผู้ใหญ่บางส่วนก็ไปทำงาน....จะมีก็แต่พวกคุณป้าคุณน้าแม่บ้าน ที่ออกมาซื้อของเพื่อเตรียมอาหารให้ครอบครัวของพวกหล่อน.......แต่ก็มีพวกพ่อบ้านที่ออกมาซื้อกบข้าวบ้างประปราย...
“ลุงคนโนะคร้าบ.....ขอซื้อผักหน่อยคร้าบลุง....” เสียงของคาซึที่ตะโกนเรียกลุงคนโนะคนขายดังมาแต่ไกล
“อ้อ...เธอเองหรอ ได้สิ มาๆ..” ลุงคนโนะเห็นหน้าคาซึก็ตะโกนตอบกลับไป......ลุงคนโนะเป็นคนตัวใหญ่และอ้วน ใจดี เป็นคนที่มีใบหน้ายิ้มแย้มได้ตลอด เห็นแล้วมีความสุขจริงๆ ...แถมชอบใส่หมวกมากด้วย....อายุประมาณ 50 กว่าๆ เขาเอ็นดูคาซึเหมือนลูกหลานจริงๆของเขาเลยทีเดียว......อ้อ ลืมบอกไปว่า หลานแท้ๆของลุงคนโนะก็คือฮิคารุ เพื่อนในกลุ่มของเขาเองนั่นแหละ......
“ลุงๆ ผักอะไรอร่อย ใส่ถุงให้ผมให้หมดเลยครับ” คาซึพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ออกจะกวนนิดๆ พลางลงจากรถจักรยาน
“เอาหมดเลยเรอะ ฮ่าฮ่าฮ่า ...วันนี้มาแปลกนะ เออ...ไม่ได้ไปโรงเรียนเรอะ .....มาๆ มาเลือกเอาเองเลย” ลุงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามแบบฉบับ แล้วส่งถุงใส่ผักให้คาซึ
“อ๋อ ไปมาแล้วครับ....ไปนอนแก้ผ้าที่สนามโรงเรียนเลยครับ ผมถูกเรียกเข้าห้องปกครอง อาจารย์ไม่ได้ว่าอะไร ผมเลยขอตัวกลับมาก่อน........เฮ้อ โชคร้ายจริงเล้ย ผมเนี่ย” คาซึพูดด้วยน้ำเสียงขำตัวเองเล็กน้อย แล้วเดินไปหยิบผักใส่ถุงที่ลุงให้
“ห๊า จริงๆเรอะ ฮ่าฮ่าฮ่า ....ไปทำอะไรมาล่ะ ถึงได้แก้ผ้าแบบนั้น” ลุงคนโนะหัวเราะร่วนในคำที่คาซึพูด
“แหม..ลุง ..หัวเราะซะปากกว้างเชียว เดี๋ยวก็หุบไม่มิดหรอก....เอาเถอะๆ เรื่องมันยาวน่ะครับ ขนาดตัวผมเองยังมึนๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เลย” คาซึแซวลุงคนโนะเล่นๆ
“ฮะฮะฮะ ....เอาเถอะๆ”
“อ่ะ ลุง แค่นี้แหละ ...เท่าไหร่ล่ะ......ลดๆให้หน่อยนะคร้าบ” คาซึพูดแล้วยื่นผักให้ลุงคนโนะคิดเงิน
“เออน่าๆ ..อ่ะ เท่านี้ก็พอ” ลุงคนโนะชูกระดาษทดเลขที่บวกราคาผักอย่างเป็นระเบียบให้คาซึดู ...ซึ่งลุงก็คิดราคากับเขาไม่แพงจริงๆ เมื่อเทียบกับปริมาณผัก..... เพราะปกติลุงไม่ใช่พวกที่ชอบขายของเกินราคาอยู่แล้ว...
“โอ้ววว.......ขอบคุณมากคร้าบ ลุงสุดที่ร้ากของกระผม....งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ....หิวข้าววววววว~~~” คาซึจ่ายเงินแล้วปั่นจักรยานออกไป ยังไม่ทันพูดสิ้นเสียง  โดยมีลุงคนโนะยืนหัวเราะและโบกมือให้อยู่ข้างหลัง
....เป้าหมายต่อไปของคาซึคือ..ร้านขายปลา ที่มีคุณป้าอายูผู้ใจดีเป็นเจ้าของร้าน..ลักษณะพิเศษของป้าก็คือมวยผม เพราะคนแถวนั้นไม่ค่อยทำกัน......คุณป้าคนนี้ก็เอ็นดูคาซึมากเหมือนกัน ...ป้ามีหลานชื่อซาซาเมะ ซึ่งก็คือเพื่อนของเขาอีกเช่นกัน
“ป้าอายูๆๆ.....ได้ยินมั้ยครับ ป้าอายู.......ผมจะมาซื้อปลาคร้าบบบ...” คาซึต้องออกเสียงตะโกนมากทีเดียว เพราะป้าอายูหูไม่ค่อยจะดี
“อ้อ ...คาซึคุงเองหรอจ๊ะ....จะเอาปลาอะไรล่ะ มาเลือกเลยๆ” ป้าอายูหันมาและเห็นคาซึโบกไม้โบกมืออยู่บนจักรยานมาแต่ไกล
“คร้าบ....ลดให้ผมหน่อยนะคร้าบบบ...” คาซึเลือกปลา แล้วชี้ให้ป้าอายูดูเพื่อหยิบไปชั่งและคิดเงิน...
“อ้อ จ้าๆๆ....ไม่ไปโรงเรียนหรอจ๊ะ วันนี้” เมื่อป้าอายูคิดเงินเสร็จ คาซึก็ควักเงินมาจ่ายให้...ป้าอายูก็เป็นอีกคนที่ไม่เคยคิดเงินเกินราคาเลยซักครั้ง.....ช่างเป็นคนใจดีจริงๆ.....
“ขอบคุณครับ....เรื่องมันยาวน่ะครับ ผมไปก่อนนะคร้าบคุณป้าสุดสวยยยยยย~~~” คาซึจากไป โดยที่มีคุณป้าอายูยิ้มให้อยู่ด้านหลัง.....
....เขาคิดจะปั่นจักรยานตรงกลับบ้านทันที แต่พอผ่านร้ายขายขนมปัง เขาคิดว่าน่าจะซื้อไปเผื่อซักหน่อย เลยแวะเข้าร้านก่อน.....
“สวัสดีคร้าบ......ผมขอซื้อขนมปังหน่อยครับ” คาซึลงจากรถจักรยาน และเดินเข้ามาในร้านแล้วทักทายคนในร้านอย่างสุภาพด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
........เขาสังเกตเห็นว่าร้านนั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แถมในร้านก็ดูหรูหรา มีขนมปังและเค้กหลายชนิดวางโชว์อยู่ แถมมีกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆมากมาย โต๊ะและเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ในร้านเพื่อบริการลูกค้าก็ดูคลาสสิก.......คาซึคิดว่าร้านนี้เป็นร้านที่ดีทีเดียว ทำไมก่อนหน้านี้ เขาไม่คิดที่จะเข้าร้านนี้นะ...........คาซึคิดจะนั่งกินอาหารที่นี่เลยด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เขาก็หิวมากแล้ว แต่ความรู้สึกที่อยากจะทำอาหารกินเองมีมากกว่า........
“เชิญเลยจ้า ๆ เป็นลูกค้าใหม่ใช่มั้ยค๊ะ เชิญเลือกขนมปังที่ต้องการได้เลยค่ะ ....นิโนะ ช่วยแนะนำขนมปังร้านเราให้ลูกค้าทีซิจ๊ะ” ผู้หญิงอายุประมาณ 20 ปีพูดด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส .....ผู้หญิงคนนั้นมีผมสีน้ำตาลที่ไม่ยาวมาก มัดรวบไว้ด้านหลัง ....แต่งตัวด้วยชุดกระโปรงที่ยาวถึงเข่า มีผ้าคลุมกันเปื้อนใส่ด้วย ทำให้ดูมีความทะมัดทแมง.......
“คร้าบๆ พี่ชิสุกะ ....ขนมปังที่ขึ้นชื่อร้านเราก็ต้องนี่เลยครับ ขนมปั..................เฮ้ยๆ นายคนเมื่อเช้าที่นอนแก้ผ้าที่สนามหญ้าโรงเรียนนี่ ไอ้โรคจิตเมื่อเช้าอ่ะ พี่สาว ผมไม่คุยกับเขาหรอก ......” เด็กผู้ชายที่อายุประมาณ 15 ปี พูดขึ้น เด็กคนนั้นสูงประมาณ 160 ซม.  มีผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม หน้าตากวนๆ แต่ก็มีส่วนที่คล้ายผู้หญิงเจ้าของร้านที่ชื่อชิสุกะ คาซึเดาว่า สองคนนี้น่าจะเป็นพี่น้องกัน......
“นิโนะคุงจ๊ะ อย่าเสียมารยาทกับลูกค้าสิ......ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะที่น้องชายฉันพูดจาเสียมารยาทกับเธอน่ะ” ผู้หญิงคนนั้นหันไปว่าเด็กผู้ชายก่อนจะหันกลับมาขอโทษคาซึ.................คาซึคิดไม่ผิดจริงๆว่า สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ......เออ ว่าแต่นายอยู่โรงเรียนเดียวกับฉันใช่มั้ย ...ตอนนี้เขายังไม่เลิกเรียนกันนี่ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ” คาซึมั่นใจว่าต้องอยู่โรงเรียนเดียวกัน เพราะดูจากคำพูดที่เด็กนั่นรู้เรื่องเขาเมื่อเช้า และดูจากเครื่องแบบที่ใส่อยู่ตอนนี้ ยังเป็นเครื่องแบบของโรงเรียนอยู่เลย
“น้องฉันเขาจะขอเรียนครึ่งวันเฉพาะวันจันทร์กับวันพุธน่ะจ้ะ พอดีคนที่ทำงานในร้านเรามีน้อยน่ะจ้ะ” ผู้หญิงที่ชื่อชิสุกะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“พี่อย่าไปพูดกับเขา หมอนี่มันโรคจิตล่ะ คนอะไรหน้าตาก็เหมือนตุ๊ด แถมใส่สร้อยใส่ต่างหูอีกต่างหาก พี่ไล่มั......” นิโนะพูดขึ้นมาอีกด้วยเสียงที่ดังมากซะจนคนที่อยู่ในร้านทั้งหมดหันมามองกันเป็นตาเดียว คาซึจึงรีบอ้อมมาด้านหลังเอามือปิดปากนิโนะไว้
“นิโนะใช่มั้ย แหม....พูดอะไรอย่างนั้นล่ะครับ เสียงดังเชียว ...ชิสุกะซัง...ผมขอเรียกคุณคนสวยแบบนี้นะครับ...อย่าใส่ใจไปเลยครับ ทุกคนในร้านก็ด้วยครับ...” คาซึเอามือปิดปากนิโนะแน่น แล้วหันไปพูดกับทุกคนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสุดขีด จนทำให้ทุกคนคิดว่าคงเป็นเรื่องล้อกันเล่น.............แล้วคาซึก็หันมาพูดกับนิโนะโดยที่มือยังปิดปากนิโนะอยู่......
“นิโนะ....แก....นายหุบปากของนายไปเลย ไปแหกปากยังงั้นได้ยังไง ฉันอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้วโว้ย ไอ้บ้า!!” คาซึพูดโดยมีเสียงลอดช่องฟันออกมา เขาโมโหนิโนะมากถึงขั้นกัดฟันพูด แล้วทำหน้าตาหน้าโกรธสุดขีด.......หน้าของคาซึเข้าใกล้หน้านิโนะมาก จนปลายจมูกแทบจะชนกัน.......
นิโนะรู้สึกหวาดๆคาซึอยู่เหมือนกัน เพราะความสูงที่ต่างกันมาก แล้วก็เสียงกัดฟันพูดของคาซึ.......แต่พอหน้าเข้าใกล้กันขนาดนี้  ทำให้นิโนะรู้ว่าคาซึหน้าตาสวย แล้วก็มีผิวที่เนียนมากทีเดียว
‘หมอนี่หน้าตาดีเป็นบ้า ผู้หญิงหรือผู้ชายวะเนี่ย’ นั่นคือความคิดเดียวของนิโนะตอนนี้
“เป็นอะไรของนาย นิ่งเชียว ถ้าฉันเอามือออก นายหยุดพูดเรื่องนี้ไปเลยนะ ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่...” คาซึจ้องนิโนะสักพัก แล้วเอามือออกจากปากนิโนะ
“งั้นฉันเอาชิ้นนี้กับชิ้นนั้นน่ะ นายเอาไปคิดเงินได้เลย” คาซึชี้ขนมปัง แล้วควักเงินออกมาเพื่อจ่ายค่าขนม ...ขณะที่นิโนะทำตามที่คาซึบอกอย่างว่าง่าย ซึ่งก็ทำให้คาซึงงอยู่เหมือนกัน เขารีบยื่นเงินให้นิโนะโดยไม่รอตังค์ทอน แล้วปั่นจักรยานกลับบ้านไป เพราะตอนนี้เขาหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว........
.....ที่บ้านอาซาคุโระ......
คาซึจัดแจงเอาทุกอย่างที่ซื้อออกมาวางแล้ว เดินตรงไปล้างมือพร้อมเอาผักที่ซื้อมาไปล้างด้วย.....พอล้างเสร็จ เขาก็จัดแจงหั่นมันใส่ชามใหญ่ แล้วพยามจะแล่เนื้อปลาแต่มันค่อนข้างจะยากมากทีเดียวสำหรับคาซึ ...เขาจึงเลิกล้มความตั้งใจ แล้วหันมาสนใจกับผักโดยการ นำกระทะตั้งไฟ แล้วเทน้ำมันมะกอกลงไป แล้วนำผักจำนวนหนึ่งเทลงกระทะ แล้วใส่เครื่องปรุงรสเท่าที่มีอยู่.......
....ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง.......  เสียงออดที่หน้าบ้าน ทำให้คาซึต้องละจากกระทะ แล้วรีบเดินไปเปิดประตู .......ใครมาเวลานี้เนี่ย....
“เอ่อ หวัดดีครับ....ฉันเอาเงินทอนมาให้น่ะ ....โหหหห...บ้านนายใหญ่นี่ สงสัยจะรวย แต่อย่างน้อยก็ควรเห็นคุณค่าของเงินมากกว่านี้นะ เพราะนายให้เงินฉันเกินมาเยอะมาก ...” นิโนะพูด แล้วก็เห็นว่าคาซึแสดงสีหน้าที่อารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่...
“เออ เอามา..ฉันกะจะให้นายไปเลย แต่เอามาคืนก็ดี ....นายคงตามรถจักรยานฉันมาใช่มั้ย เอาเถอะๆ ตอนนี้ฉันกำลัง.........เฮ้ย ผักช้านนนนน...” คาซึนึกขึ้นได้และรีบวิ่งไปในห้องครัว
“โถ่....ไอ้บ้า ผักฉันไหม้หมดเลย.....เพราะนายแท้ๆเลย หิวจะตายอยู่แล้ว เป็นเวรเป็นกรรมอะไรของฉันเนี่ย....” คาซึพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆปนโกรธ แล้วหันควับมาส่งสายตาอันคมกริบใส่นิโนะที่วิ่งตามเขาเข้าบ้านมาด้วย...
“แค่นี้ฉันทำให้ก็ได้ ฉันเก่งเรื่องทำอาหารอยู่แล้ว นึกว่านายร้อนรนเรื่องอะไร ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ” นิโนะหัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วถือวิสาสะเอาผักในกระทะไปทิ้ง นำกระทะไปล้าง... แล้วเตรียมส่วนผสมเสร็จสรรพ..
“อาซาคุโระ คาซึกิ......จะทำอะไรของนายน่ะ” คาซึมองนิโนะที่วุ่นอยู่กับข้าวของในครัวของเขา..
“ถามอยู่นั่นแหละ ทำอาหารให้นายกินไง รอแป๊บนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” นิโนะจัดการทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว จนคาซึตะลึงมองตาค้าง..............
และในเวลาไม่ช้า  นิโนะก็ทำอาหารเสร็จ เขานำกับข้าวทั้งหมดที่ทำมาวางเรียงไว้บนโต๊ะรับประทานอาหาร คาซึไม่รอช้ารีบตักข้าวแล้วรับประทานทันทีด้วยความหิว
“อร่อยดีนี่หว่า....นายก็มากินด้วยกันสิ นั่งจ้องฉันอยู่ได้” คาซึรับประทานอย่างรวดเร็ว แล้วพอสังเกตอีกทีก็เห็นนิโนะที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา กำลังจ้องมองเขาอยู่ ...จึงชวนให้มานั่งกินด้วยกัน
“ขอบคุณ กำลังรอคำชวนอยู่เลย” นิโนะตอบรับและมานั่งรับประทานด้วยกันกับคาซึ....
“....ราคัส มาเวลล์ ริฟเน่......”
“อะไร...นายพูดถึงใครหรอ ชื่อประหลาดเชียว” นิโนะถามขึ้น เมื่อจู่ๆคาซึก็เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา...
“เอ๋ ...อะไร อ้อ .....ไม่รู้เหมือนกันน่ะ .......อ๋อ..จำได้แล้ว ผู้หญิงที่อยู่ในฝันนี่เอง” คาซึเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เขาหลับและได้ฝันถึงใครบางคน
“นายชอบผู้หญิงคนนั้นหรอ อืม......นึกว่าเป็นตุ๊ดซะอีก....เออ ว่าแต่ คนนั้นเป็นชาวต่างชาติหรอ” นิโนะคงคิดว่า...ราคัส มาเวลล์ ริฟเน่...เป็นผู้หญิงที่คาซึหลงรัก
“อะไร พูดบ้าๆน่า.....ฉันก็เพิ่งเคยเห็นหน้าเมื่อตะกี้นี้เอง ในฝันน่ะ....แต่ฉันก็พอจะรู้นะ ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร”
“ใครล่ะ? .....ถ้าไม่ใช่แฟนนาย”
“พี่สาวของไอ้เจ้าบ้าโรเชล.....คนที่ทำให้ฉันต้องอับอายขนาดนี้...เรื่องเมื่อเช้านั่นแหละ” คาซึพูดไปกินไป....ตอนนี้เขากินข้าวหมดไปหลายถ้วยทีเดียว....
“ห๊ะ!!  คนที่ชื่อโรเชลเป็นคนจับนายแก้ผ้าหรอ......โรคจิตนี่หว่า” นิโนะพูดและเริ่มคิดว่าคาซึน่ะ .....ไม่ใช่คนโรคจิต แต่ที่โรคจิตจริงๆน่ะ น่าจะเป็นโรเชลมากกว่า...
“ไม่ใช่เว้ย......มันพาฉันไปอีกโลกนึงที่ไม่รู้จักตอนที่ฉันกำลังอาบน้ำ...นายคิดดู...แถมตอนส่งกลับ ไอ้บ้าอากิระนั่นดันส่งฉันไปที่โรงเรียนอีก ถ้าเจออีกนะ .......คอยดูเถอะ” คาซึพูดและนึกโกรธโรเชลกับอากิระขึ้นมาอีก...
“อะไร อีกโลกนึงอะไร.....เฮ้ยๆ ระวังจุกตายนะ กินเข้าไปเยอะขาดนั้นน่ะ” นิโนะเมื่อเห็นคาซึที่กินอย่างไม่หยุดยั้งขนาดนั้น....ไม่น่าเชื่อ ว่าคนหุ่นแบบคาซึ จะกินจุขนาดนี้....
“ช่างฉันเหอะน่า.....นายนี่ฝีมือทำอาหารใช้ได้นี่....เออ ฉันจ้างนายมาเป็นพ่อครัวบ้านฉันเอามั้ย”
“อะไรนะ จะบ้าหรอ...นายพูดจริงรึเปล่าเนี่ย”
“พูดเล่นน่า...เออ..พูดจริงดีกว่า ฉันจ่ายค่าจ้างให้นายน่า ไม่ต้องห่วง” คาซึพูดเพราะเห็นว่านิโนะมีฝีมือทำกับข้าวดีทีเดียว....
“แล้วนายจะเอาเงินจากไหนมาจ้างฉัน...ลืมไป นายมันไอ้เศรษฐี” นิโนะพูด แต่ใจจริงเขาก็อยากจะทำเหมือนกัน จะได้ช่วยพี่สาวของเขาแบ่งเบาภาระได้บ้าง..
“พูดดีๆนะเฟ้ย.....นี่ฉันอุตส่าห์ชวนนายเชียวนะ” ตอนนี้คาซึอิ่มแล้ว .....เขากินจุมากจริงๆ กับข้าวทุกอย่างที่นิโนะทำไว้เยอะแยะ หายเกลี้ยงไปจากจานหมด...
“เอาดิๆ....นายให้เงินเดือนฉันดีๆนะ” นิโนะคิดว่า คาซึก็เป็นคนที่ตลกดีเหมือนกัน......คนแบบนี้ไม่น่าจะใช่คนเลวร้ายอะไร....
“งั้นเริ่มทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ส่วนวันนี้..... นายช่วยล้างจานให้หน่อยดิ.......ฉันก็ช่วยด้วยน่า ไม่ต้องมาทำตาเขียวใส่หรอก” คาซึรีบพูดเมื่อเห็นว่าสีหน้าของนิโนะ............................
‘ริฟเน่คนนี้น่ะหรอ.......ที่มีจิตอยู่ในตัวเรา..... ’
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น