ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lord of the Satan จอมมารเหนือจอมมาร!

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 1 : ข้อแลกเปลี่ยน (80 / 100)

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 55


    บทที่ 1

    ข้อแลกเปลี่ยน

     

     

     

                    ทวีปแอตซีล ทวีปหลักผู้ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับทุกทวีป ทวีปอันตรายลี้ลับ มนุษย์น้อยคนนักที่ย่างกรายเข้าไปแล้วมีชีวิตรอดกลับมา ทวีปนี้ไม่ใช่ที่ๆ มนุษย์ควรอยู่ แม้กระทั่งสภาพอากาศยังตั้งตนเป็นปรปักษ์กับมนุษย์เสียด้วยซ้ำ ด้วยสภาพอากาศอันเลวร้าย มนุษย์ไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ ทวีปแอตซีลจึงไม่มีมนุษย์เลยแม้แต่คนเดียว เมืองหลวงคือเมืองแอนธีเนีย เมืองหลวงที่รุ่งเรืองและมีอำนาจมากที่สุด ปกครองด้วยกษัตริย์อัลเลซายน์ จอมกษัตริย์ที่ 14 ของราชวงศ์ผู้ปกครองเมือง

     

                ...ราชวงศ์จอมมาร

     

                ประชากรเมืองแอนธีเนียซึ่งมีสายเลือดปิศาจทั้งหมดรู้อยู่แก่ใจว่ากษัตริย์อัลเลซายน์โสมมมากแค่ไหน เข่นฆ่าผู้คนเป็นว่าเล่น ปกครองเมืองด้วยอำนาจเผด็จการ ไม่มีใครกล้าต่อต้านหรือก่อกบฏเพราะขืนทำไปก็รังแต่จะโดนประหารชีวิต ไม่ก็เนรเทศออกจากทวีป ประชากรที่นี่จึงทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่รับรู้ทุกสิ่งที่เห็น มีชีวิตอย่างหวาดระแวงไปวันๆ หวังอย่างลมๆ แล้งๆ ว่าสักวัน อิสรภาพจะหวนคืนกลับมาอีกครั้ง

     

                แม้แสงแห่งความหวังนั้นจะริบหรี่เสียเพียงใดก็ตาม

     

               

     

              ราชวังแอนธีเนีย

     

                ราชวังใหญ่โตหรูหราโอ่อ่าถูกทาด้วยสีดำทั้งหมด ทำให้บรรยากาศดูอึมครึมวังเวง หินอ่อนสีดำสนิทยามต้องแสงพราวระยับดูสวยงดงามไปอีกแบบกับสถาปัตยกรรมแนวยุโรปโกธิค พื้นถูกปกคลุมด้วยกระเบื้องสีดำมะเมื่อมปูลาดยาวถึงตัวราชวัง เสาหินอ่อนแกะสลักลวดลายงดงามหากแต่ดุดันน่าเกรงขาม บรรยากาศสงบเยือกเย็นต้องพังทลายลงเมื่อเสียงกุบกับพร้อมเสียงโวยวายดังลั่นไปทั่วบริเวณ ม้าหลวงสีขาวพร้อมทหารหลวงนับสิบมุ่งตรงผ่านราชวังแอนธีเนีย ควบม้าเลยไปที่ด้านหลังราชวังทันที

     

                จุดมุ่งหมายคือคุกหลวงแห่งราชวังแอนธีเนีย คุกหลวงที่มีการป้องกันแข็งแกร่งที่สุดในทวีป

     

                "ปล่อยข้านะ!!" เสียงโวยดังลั่น เด็กหนุ่มผมสีส้มแสบตาพยายามสลัดข้อมือออกจากโซ่พันธนาการ แต่ทำอย่างไรก็ไร้ผล โซ่ไม่มีทีท่าจะหลุดเลยแม้แต่น้อย ยิ่งพยายามสลัดออกแค่ไหน สายโซ่ก็ยิ่งรัดกุมข้อมือให้แน่น มากเท่านั้น จนตอนนี้ข้อมือแกร่งของลีรอยมีเลือดซึมออกมา แต่เจ้าตัวดูจะไม่สนใจเท่าไหร่

     

                "หุบปาก! แล้วเจ้าก็ควรรักษามารยาทเวลาเข้าเขตพระราชวังด้วย!" หนึ่งในทหารหลวงตวาดลีรอย

     

                "คนกำลังโดนจับจะให้มารักษามารยาทได้ไงล่ะวะ!!!"

     

                ลีรอยสวน ทหารหนุ่มหันมาถลึงตาใส่ ก่อนลากตัวลีรอยลงสู่คุกชั้นใต้ดิน กลิ่นเหม็นอับลอยคละคลุ้ง แสงจากคบไฟส่องแสงสลัวๆ ในความมืด ทหารไขกุญแจกรงขังห้องหนึ่งที่อยู่ลึกที่สุด ก่อนออกแรงผลักหลังของลีรอยเข้าไปทันทีโดยไม่ลืมที่ยึดดาบเล่มโตมาด้วย พร้อมปิดกรงขังดังปัง

     

                ลีรอยร้องลั่น "ข้าไม่ใช่ขโมย! นี่มันเรื่องเข้าใจผิด หัดฟังกันบ้างสิวะไอ้พวกบ้าเอ๊ย!!"

     

                "หลักฐานก็เห็นกันอยู่ทนโท่ ยังคิดจะแก้ตัวอีกรึไง แกนั่งรอในคุกไปนั่นแหละ ...รอวันที่จะโดนพิพากษาน่ะนะ" ทหารหนุ่มว่าเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนสาวเท้าออกไป โดยมีคำก่นด่าของลีรอยไล่หลัง

     

                "ไร้เหตุผลชะมัด!" ลีรอยกัดฟันกรอด ก่อนทรุดลงนั่งกระแทกหลังพิงกรงเหล็กแรงๆ จนดังแกร๊งราวกับประชดชะตาชีวิตตัวเอง นัยน์ตาสีส้มคุกรุ่น นึกแค้นไอ้คนหัวฟาง เจอเมื่อไหร่พ่อจะกระทืบๆ ซะให้เข็ด! ลีรอยกวาดตามองไปรอบๆ มันเป็นห้องกรงขังขนาดไม่กว้างเท่าไหร่ อับและชื้น พื้นที่เขานั่งอยู่ปูลาดด้วยฟางชื้นๆ และเม็ดทรายร่วน ผนังทำด้วยโคลนแข็งผสมหิน มีเพียงคบไฟสลัวๆ ส่องแสงอยู่ท่ามกลางความมืดเท่านั้น เสียงของนักโทษคนอื่นๆ โหยหวนคละเคล้าเข้ากับบรรยากาศ

     

                ช่างน่าอภิรมย์เสียนี่กระไร

     

                หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว(ซึ่งลีรอยใช้เวลานานพอสมควร) สมองก็พยายามหาทาง 'แหกคุก'หนี แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าการแหกคุกไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยเฉพาะคุกหลวงของราชวังแอนธีเนีย โอกาสสำเร็จแทบเป็นศูนย์ ไม่สิ ติดลบเสียด้วยซ้ำ!

     

                 เสียงๆ หนึ่งดังขึ้น ลีรอยชะงัก ยันตัวขึ้นทันที

     

                เขาไม่ได้อยู่ในนี้คนเดียว

     

                "...สวัสดี" น้ำเสียงตรงข้ามพูดขึ้นพร้อมเด็กหนุ่มร่างสูงที่ค่อยๆ สาวเท้าออกมาจากมุมอับของห้องขัง นัยน์ตาสีคุนไซต์สว่างมองสบตากับนัยน์ตาสีส้มของลีรอย เรือนผมสีดำเข้มซอยระต้นคอช่วยเสริมให้ใบหน้าดูหล่อเหลาคมคายขึ้นไปอีก ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่มีเพื่อนร่วมคุกคนใหม่

     

                "ข้าแอชท์...แอชเทียร์ ซอนเพรเลอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก"

     

                ลีรอยอยากจะสวนกลับว่าไม่ได้ถาม แต่ก็ยังคงรักษามารยาทไว้อยู่บ้าง

     

                "ลีรอย" เขาตอบห้วนๆ สั้นๆ ก่อนทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอีกรอบ

     

                "โดนจับข้อหาอะไรล่ะ" แอชเทียร์พยายามชวนคุย แม้ไอ้คนหัวส้มจะไม่อยากคุยด้วยก็เถอะ ลีรอยตวัดสายตามองร่างสูง ก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างหงุดหงิด

     

                "ไม่ต้องถาม! ข้าไม่อยากตอบ!!"

     

                แอชเทียร์ยิ้มแหย ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆ "โดนหัวขโมยนั่นเล่นล่ะสิท่า"

     

                "เจ้ารู้?" ลีรอยสวนกลับแทบจะทันที นัยน์ตาสีส้มส่องประกายฉงนปนตกใจ

     

                "เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของนักโทษที่อยู่ในคุกหลวงแอนธีเนียล้วนเป็นฝีมือของไอ้หัวขโมยนั่นกันทั้งนั้นแหละ"

     

                "...เจ้าก็โดนมันเล่นด้วยรึไง"

     

                แอชเทียร์มองลีรอย ส่ายหัวน้อยๆ ก่อนแสร้งตีหน้าเศร้า

     

                "เปล่า ข้าดันไปแต๊ะอั๋งองค์หญิงเทียร์เซร่าเข้าน่ะ L"

     

                ...คำตอบที่ออกมาจากปากแอชเทียร์ทำเอาลีรอยชะงักไปพักใหญ่ มองเพื่อนคนใหม่ตรงหน้า

                "แต๊ะอั๋ง? เจ้าบ้ารึเปล่าเนี่ย แต๊งอั๋งเนี่ยนะ!?"

     

                "ก็องค์หญิงนั่นเล่นสวยซะ ใครจะไปห้ามใจไว้กัน" แอชเทียร์ยิ้ม ลีรอยส่ายหัวนิดๆ มีคนนับพันนับหมื่นที่ไม่อยากกล้ำกรายเข้ามาเหยียบที่คุกแอนธีเนีย แต่ไอ้บ้านี่กลับแต๊ะอั๋งดีดตัวเองเข้ามาอยู่ในคุกซะงั้น ไม่หื่นก็บ้าขนาดหนัก แต่ลีรอยคิดว่าคงเป็นอันแรกมากกว่า เขาหันไปมองเพื่อนใหม่

     

                "เจ้าอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว"

     

                "อืมห์..." แอชเชียร์นึกอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะคลี่ยิ้ม "3 นาที...อยู่มาก่อนเจ้าแค่ 3 นาที"

     

                ลีรอยสำลักอากาศ มองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อ "จริงเรอะ!!"

     

                "ข้าจะโกหกเจ้าไปทำไม" แอชเทียร์ไหวไหลอย่างไม่ใส่ใจ แววตาคุนไซต์ส่องประกาย(ที่ลีรอยเห็น)ซื่อๆ เด็กหนุ่มผมส้มระบายลมหายใจยาว ก่อนจะบ่นงึมงำในลำคอ หัวสมองเริ่มคิดที่จะหาทางแหกคุกนี่อีกรอบ ดูเหมือนแอชเทียร์จะสังเกตเห็นสีหน้า รีบออกตัวพูดทันที

     

                "อยากแหกคุกเหรอเจ้าน่ะ"

     

                เป็นอีกครั้งที่ลีรอยตวัดสายตามามองแทบจะทันที

     

                แอชเชียร์ฉีกยิ้ม เมื่อตัวเองเดาถูก "การแหกคุกน่ะไม่ง่าย แต่ข้าว่าข้ามีวิธีนะ"

     

                "วิธี?"

     

                "ทางเดินคุกแบ่งออกเป็นสิบสี่ทาง วกวนยิ่งกว่าเขาวงกต" แอชเทียร์ยิ้มอย่างรู้ดี ก่อนจะใช้นิ้ววาดรูปบนพื้นทรายเป็นแผนที่คุกแบบง่ายๆ เขาชี้ไปที่ทางสามทาง ก่อนวาดจุดสามจุด "ทหารหลวงคุมทั้งสิบสี่ทาง ทางละห้านายเป็นอย่างต่ำ แต่ปัญหาก็คือไอ้เส้นทางทั้งหมดมีนัยน์ตาร้อยทิศเฝ้าอยู่ มันคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของเราทุกฝีก้าว"

     

                "แล้วเราจะจัดการกับไอ้นัยน์ตานี่ยังไง ไหนจะเรื่องการผ่านกรงเหล็กไปนี่อีก" ลีรอยว่า ก่อนจะเขย่ากรงเหล็กแรงๆ จนสะเทือนไปทั่วบริเวณ แต่ก็สมชื่อคุกหลวง กรงเหล็กยังคงนิ่ง ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน "แถมทางเดินยังเป็นแบบเขาวงกต แล้วดาบของข้าก็อยู่กับไอ้ทหารเวรนั่น ไม่มีอาวุธแล้วจะสู้ได้ยังไง"

     

                "ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าสู้ซะหน่อย" แอชเทียร์ยิ้มกริ่ม แววตาสีคุนไซต์ส่องประกายเจ้าเล่ห์ "ส่วนเขาวงกตนั่น..."

     

                "น่าสนใจดีนี่"

     

                เสียงประหลาดดังขัดขึ้น ทั้งสองมองตากันก่อนจะขมวดคิ้วงุนงง ทั่วทั้งห้องขังแคบๆ นี้มีเพียงแอชเทียร์และลีรอยอยู่เท่านั้น จะมีใครไปได้อีก บรรยากาศอับชื้นของห้องกรงเริ่มทวีความชื้นมากขึ้น ลีรอยถึงกับเบิกตากว้างเมื่อกรงเหล็กเริ่มจับเป็นน้ำแข็ง ลมหายใจของเขาก็กลายเป็นควันขาวๆ ฟางชื้นๆ ก็เริ่มมีไอน้ำแข็งเกาะ ทันใดนั้นเอง ลมหนาวที่ไม่รู้พัดเข้ามาได้ยังไงหมุนวนเป็นกระแสลมกว้างจนสองหนุ่มต้องหยีตา และในทันทีที่กระแสลมหายไป ก็บังเกิดร่างๆ หนึ่ง

     

                ร่างๆ หนึ่งที่เป็นที่เกรงกลัวของปวงชนตลอดกาล

     

                "สวัสดี" จอมมารอัลเลซายน์ยิ้ม แต่ทั้งสองไม่ได้ยิ้มด้วย

     

    ลีรอยพึ่งรู้ตัวว่าอ้าปากค้างอยู่จึงรีบหุบปากลงฉับ

     

    "กษัตริย์อัลเลซายน์" แอชเทียร์พึมพำ สายตายังคงมองไปที่จอกษัตริย์แห่งมวลมารอย่างไม่เชื่อสายตา อัลเลซายน์ไม่ได้แก่ชราลงไปเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าดูหนุ่มราวกับชายอายุ 30 ต้นๆ เรือนผมสีเทายาวถึงกลางหลัง และนัยน์ตาสีเงินที่เหมือนจะรู้ไปหมดเสียทุกอย่าง เขาสีดำรัตติกาลสัญลักษณ์ของจามมารทาบอยู่ที่เรือนผม  อาภรณ์สีดำสนิทปักด้ายสีเงินเรียบๆ หากแต่ดูน่าเกรงขามและมีราคา

     

    แอชเทียร์ทรุดลงชันเข่าก้มหัวโดยไม่ลืมกดไหล่คนหัวส้มที่อยู่ข้างๆ ให้ทำท่าเคารพด้วย การปรากฏตัวของอัลเลซายน์ทำเอาทั้งสองงุนงงและอึ้งไปพักใหญ่ กษัตริย์ผู้ดำมืดและมีอำนาจมากล้นทำไมถึงมาอยู่ในห้องกรงขังแคบๆ? หรือนี่จะเป็นวันพิพากษาที่ทหารหลวงบอก?

     

    "ไม่ใช่อะไรทั้งนั้นแหละพ่อหนุ่ม" อัลเลซายน์พูดเหมือนรู้ความคิด จอมกษัตริย์คลี่ยิ้ม ก่อนที่นัยน์ตาสีเทาคมปลาบจะมองไปทั้งสอง

     

    "พวกเจ้ารู้อะไรมั้ย ไม่เคยมีใครแหกคุกหลวงของเราไปได้เลยนา แม้แต่มหาปราชญ์อินเทธผู้ยิ่งใหญ่ หรือนักรบใจสิงห์เดวาห์ก็ยังแหกไปไม่ได้ นับประสาอะไรกับหนูตัวเล็กๆ อย่างพวกเจ้า" อัลเลซายน์พูดถึงสองนักรบผู้กอบกู้แผ่นดินของทวีปมนุษย์ น้ำเสียงสบายๆ ของเขาไม่ได้ฟังสบายแม้แต่น้อย หงาดเหงื่อผุดพราวขึ้นที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสองทั้งๆ ที่อากาศตอนนี้แสนจะหนาวเหน็บ

     

    "อะไรกัน พวกเจ้าไม่ต้องทำท่ากลัวข้าขนาดนั้นก็ได้ ข้าออกจะน่ารักและใจดี  แถมหล่อจนสาวติดด้วยแน่ะ" จอมมารกลั้วหัวเราะ เด็กหนุ่มทั้งสองแทบจะสะดุดอากาศ ก่อนที่ลีรอยจะตั้งตัวได้ เงยหน้ามองจอมมารอย่างอาจหาญ

     

    "เจ้า...เอ่อ ข้าหมายถึงท่าน เรา...หม่อมฉันไม่ได้พยายามจะแหกคุกนะครั...เจ้าค่ะ" ลีรอยพูดตะกุกตะกักพยายามโกหกกับคำราชาศัพท์ผิดๆ ถูกๆ เหงื่อหยดติ๋งๆ ขณะที่นัยน์ตาสีส้มไม่ได้สบตาจอมมารเลยแม้แต่น้อย

     

    แอชเทียร์อยากจะตบหน้าผากตัวเองตาย ลีรอยจะรู้ตัวมั้ยว่ามันโกหกไม่เก่ง! ห่วยแตกอีกต่างหาก!!

     

    จอมมารหัวเราะ "ไม่จำเป็นต้องใช้คำราชาศัพท์กับข้าก็ได้ ฟังแล้วมันจั๊กจี้ดูไม่สนิทสนมพิกล" ก่อนจะบอกด้วยสีหน้าเศร้าๆ  "แต่ข้าอุตส่าห์โผล่มาบอกวิธีการแหกคุกที่ถูกต้องและสมบูรณ์แบบอยู่แล้วเชียว น่าเสียดาย"

     

    มันเป็นน้ำเสียงธรรมดาๆ ที่ทำเอาคนฟังเบิกตากว้าง อ้าปากค้างไปอีกรอบ

     

    "ล้อเล่นใช่มั้ยครับ" แอชเทียร์ว่า อัลเลซายน์ยิ้ม

     

    "ข้าล้อเล่นกับใครเป็นซะที่ไหนล่ะ" อัลเลซายน์ยักไหล่ "แต่การแหกคุกครั้งนี้ย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน ก็สุดแล้วแต่เจ้าจะตัดสินใจ"

     

    "ข้อแลกเปลี่ยน?" ลีรอยทวนคำเสียงสูง

     

    "เจ้าก็น่าจะรู้จักประวัติข้า มันช่างเลวร้ายเสียนี่กระไร กล่าวหาว่าข้าฆ่าคนบ้างล่ะ ข่มเหงกดขี่คนบ้างล่ะ ทั้งๆ ที่ข้าไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักนิด ข้าออกจะใจดี แต่ไอ้พวกนั้นกลับมองข้าเป็นอย่างนี้เสียได้ ข้าเจ็บนะเนี่ย" พูดถึงตรงนี้อัลเลซายน์คว้าผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาปาดน้ำตาตัวเอง ทั้งๆ ที่แอชเทียร์ก็สังเกตเห็นว่าไม่มีน้ำตาสักกะหยด

     

    "แล้วไอ้ข่าวด้านมืดนี่ก็ดันครอบคลุมไปถึงทวีปโดมิน่อน ทวีปของพวกมนุษย์ ทำให้พวกนั้นไม่ได้เข้ามาติดต่อค้าขายเป็นพันธมิตรกับทวีปแอตซีลของเราเป็นเวลาหลายร้อยปี เศรษฐกิจที่เคยรุ่งเรืองก็เริ่มย่ำแย่ แถมมนุษย์สาวๆ สวยๆ ก็พากันหวาดกลัวข้าไปหมด น่าเศร้าใจเนอะ" อัลเลซายน์ทำท่าบีบน้ำตาอีกรอบ

     

    "ประเด็นสำคัญคือ ข้าต้องการมิตรภาพระหว่างแอตซีลกับโดมิน่อนกลับมา อยากเห็นหมู่มารจับมือกับผองมนุษย์อีกสักครั้ง นั่นคือความปรารถนาสูงสุดของข้าเลยล่ะ"

     

    ลีรอบเริ่มทำหน้าหงุดหงิด เขาถามถึงข้อแลกเปลี่ยน แต่ไอ้กษัตริย์ที่ดูยังไงๆ ก็ไม่เหมือนกษัตริย์กับบ่นอะไรยาวเหยียดน่าปวดหัว ลีรอยพยายามสงบสติอารมณ์ แอชเทียร์รีบพูดตัดบท

     

    "แล้วข้อแลกเปลี่ยนคืออะไรล่ะครับ" เอ่ยเสียงสุภาพ

     

    "ข้าอยากให้เจ้าไปผูกพันธมิตรกับมนุษย์ที่ทวีปโดมิน่อน"

     

    "อะไรนะครับ / ว่าไงนะ !?" สองเสียงประสานขึ้นพร้อมๆ กัน ลีรอยยืนขึ้นเต็มความสูง ทำสีหน้าตกใจเหมือนเห็นผี ในขณะที่แอชเทียร์ก็มีสภาพไม่ต่างกัน

     

    "พวกเจ้าหูหนวกกันรึไงน่ะ ยังหนุ่มยังแน่นกันแท้ๆ น่าสงสาร"

     

    ลีรอยอยากถีบท่านจอมมารสักป้าบ

     

    "เป็นพันธมิตรกับพวกมนุษย์ นี่มันยากกว่าการสร้างปาฏิหาริย์อีกนะครับ!" แอชเทียร์ว่า พยายามควบคุมเสียงให้สุภาพ

     

    "เอ๋ งั้นหรอ ข้าไม่ยักรู้" อัลเลซายน์พูดปัดไม่สนใจ "จะเอามั้ยล่ะ ข้อแลกเปลี่ยนของข้า เลือกระหว่างสร้างพันธมิตรกับมนุษย์ กับโดนประหารชีวิต เจ้าจะเลือกทางไหน อย่าลืม ว่าโอกาสข้ามีให้แค่ครั้งเดียว"

     

    เด็กหนุ่มทั้งสองมองหน้ากัน ทำสีหน้าปั้นยาก

     

    มีคนไหนบ้างที่เลือกทางตายมากกว่าทางรอด...

     

    "ก็ได้ ข้ายอมรับข้อแลกเปลี่ยนของท่าน"

     

     

     

     

     

    - 80% -

    โฮกกก เดี๋ยวมาต่อนะคะ T A T

     

    ขออภัยที่มาอัพช้ามากกก อิงไปต่างจังหวัดมาน่ะค่ะ กลับมาก็ไปงานหนังสืออีก ; w ; เลยมาอัพช้าอย่างที่เห็น ขอโทษเป็นอย่างสูงค่า ; ^ ; !!

    ส่วนเรื่องคู่ที่ทุกคนถามกันเข้ามามาก... (.  . llll )

    อิงจะพยายามจับคู่ทุกคนที่ผ่านก็แล้วกันนะคะ! (ประมาณว่าให้มีคู่ทุกคน / จะทำได้หรอเอ็ง?) แต่อย่างว่า เรื่องนี้ไม่ใช่นิยายแนวโรแมนติก(?) เพราะฉะนั้นบทสวีตอาจน้อยมากๆ นะเอ้อ ; A ;

    รักนักอ่านทุกคนนะฮร้า !!


    THE?FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×