ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic reborn อดีตที่แสนเศร้า กับวันนี้ที่ฉันมีเธอ

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 การจากลา

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 54


     
    By มุคุโร่
     
     
     
            ตลกดีนะคับ ที่อยู่ๆตัวเองก็โดนใครไม่รู้ลากไปนู้นมานี้เฉยเลย แถมตามเขาไปอย่างว่าง่ายซะด้วย พึ่งรู้ว่าตัวเองใจง่ายขนาดนี้ แต่เห็นท่าทีเปิ่นๆเมื่อกี้แล้วก็อดขำไม่ได้ ทั้งๆที่เขาเป็นคนจับมือผมเองแท้ๆแต่กลับหน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุก   แบบนี้มันน่ารักน่าแกล้งจริงๆ
     
     
     
            เวลาเลื่อนลอยไปมิเคยรอใคร เธอคนนี้ก็พาผมมาหยุดอยู่หน้าฟาร์มเล็กๆแห่งหนึ่ง เธอพาผมเข้าไปภายในบ้านอย่างคุ่นเคยแล้วมาหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง
     
     
     
    “รอแปปนึ่งนะ” เธอว่าพลางลอยทะลุเข้าไปให้ห้อง มีเสียงพูดคุยกันเบาๆภายให้ห้องแต่มันเบามากจนแทบไม่ได้ยิ่ง แต่จะแอบเข้าไปฟังอีกคนมันก็ใช่ที่ ผมจึงจำใจต้องรอให้เธอออกมาเอง
     
     
     
    “ขอโทษที่ให้รอนานนะ มุคุโรคุง” ตายยากจริงๆนะแม่คุณ...(ก็ตายแล้วทั้งคู่ไม่ใช่รึไง // ไรเตอร์, นั้นสินะคับ // มุจัง, แกลืมอะดิ // ไรเตอร์ ==) เธอว่าพลางยิ้มสดใสให้ ‘ น่ารัก -///- ’  แต่ให้ตายยังไงผมก็ไม่พูดออกไปแน่เสียฟอร์มหมด อีกอย่างผมก็ตายอยู่แล้วนี้ -v-
     
     
     
    “นี้นะรึคนที่เธอบอกว่าชื่อ มุคุโร” ประตูห้องถูกเปิดออกตอนไหนไม่รู้ ผมหันไปให้ความสนใจกับผู้ที่เอ๋ยนามของผม
     
     
     
    “คับ ผมเองมุคุโร” สมองของผมประมวนเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่ฮารุต้องเข้าไปคุยเรื่องผมแบบนี้  คนคนนี้ต้องมีความสำคัญกับบ้านหลังนี้มากแน่ๆ จากที่ฮารุเคยเล่าครอบครัวเธอมีกันแค่สามคน แล้วหญิงสาววัยกลายคนคนนี้ละเป็นใครระหว่าง เคียวโกะกับฮานะ
     
     
     
    “เฮ้อ~ งั้นบ้านฉันก็ต้องมีนายเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นอีคน(ตน)แล้วสินเนีย แต่ก็เอาเถอะ อยู่กันเยอะก็อบอุ่น(ใจ)ดีว่าไหม ยัยฮารุ”  หญิงสาววัยกลางคนผู้นี้มองผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เธอมองผมนิ่งอยู่ครู่
     
     
     
    “นายนะ อายุเท่าไรแล้ว” คำถามที่แสนพื้นๆกลับทำให้ผมหัวใจเต้นระรัวเหมือนกับกำลังกลัวอะไรบางอย่าง ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร...
     
     
     
    “15” เสียงแผ่วเบาๆราวกับเสียงละเมอผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าได้พูดออกไปแล้ว
     
     
     
    “ฮาฮิ งั้นก็อ่อนกว่าฮารุตั้ง 3 ปีสิ” สาวน้อยน่ารักน่าแกล้ง(หนักๆ ^-^) ของผมเอ๋ยขึ้น แบบนี้เธอก็เป็นรุ่นพี่ผมนะสิ ฮึฮึ งานนี้สนุกแน่คับ รุ่นพี่
     
     
     
            หลังจากนั้นเธอสองคนนี้ ก็แนะนำสิ่งต่างๆเกี่ยวกับที่นี้ให้ผม ส่วนหญิงวัยกลางคนที่ฮารุเข้าไปหาในห้องเมื่อกี้ชื่อ ฮานะ เป็นเจ้าของที่แห่งนี้อย่างถูกต้องชอบธรรม และไม่นานผมก็ได้เจอกับ เคียวโกะ ซึ่งเธอเองก็เป็นวิญญาณเหมือนกัน ต่างจากผมกับฮารุตรงที่เธอมีความทรงจำเกี่ยวกับตนเองก่อนตายอย่างครบถ้วน และจากที่ฮารุเล่ามา ดูเคียวโกะกับฮานะ จะสนิทกันมากซึ่งเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร คืนนั้นฮานะหาภาพใหม่มาให้ผมไว้สิงในยามเช้า ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบเรียบ แล้วสายลมแห่งกาลเวลาก็พัดผ่านไปอย่างไม่หวนคืน
     
     
     
    ในเช้าของอีก 1 อาทิตย์ต่อมา
     
     
     
    By เคียวโกะ
     
     
     
            ฉันเฝ้ามองเด็กๆทั้งสองเล่นด้วยกันอยู่ในรูปวาดอย่างสนุกสนาน ในสวนแสนสวยที่ฮานะวาดขึ้นมาให้ ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมานี้พวกเขาเข้ากันได้ดีจนทั้งฉันและฮานะยังแปลกใจ ซึ่งมันก็ทำให้ฉันโล่งใจขึ้นมาก อย่างน้อยถ้าถึงเวลาที่ต้องจากที่นี้ไปฉันคงไปได้อย่างสงบ เอะ ! นี้ฉันกำลังคิดอะไรอยู่นะ ฉันต้องหายไปในอีกชั่วโมงซะที่ไหนละ ไม่มีใครรู้สักหน่อยว่าตัวเองต้องไปเกิดใหม่เมื่อไร ตราบใดที่ยังไม่รู้ก็ไม่ควรจะสนใจมันสิ ใช่เราต้องใช่ทุกวินาทีกับนางฟ้าองค์น้อยของเราให้คุ่มค่าจนกว่าจะถึงเวลาที่เราจะ...จางหายไป...
     
     
     
    “เคียวโกะจังไม่สบายรึเปล่าค่ะ สีหน้าดูไม่ดีเลย ฮารุเป็นห่วงนะ” สาวน้อยตากลมโตสีน้ำตาลเปลือกไม้น่ารักน่าเอ็นดูสบมองมาทางฉัน ดวงตาคู่นั้นสั่นน้อยๆด้วยความเป็นห่วง นี้ฉันแสดงอาการแปลกๆออกไปขนาดไหนนะ
     
     
     
    “ฉันไม่เป็นไรจ๋ะ ขอบคุณนะฮารุจัง ^-^ ไปเล่นกับมุคุจังต่อเถอะนะคนดี” ฉันเลือกที่จะเก็บสิงที่คิดไวในใจแล้วยิ้มตอบเธอแทน
     
     
     
            เธอดูลังเลอยู่นานจนฉันต้องย่ำซ้ำอีกสองสามครั้งเธอถึงจะไป ฉันไล่สายตามองตามเธอไปความรู้สึกอ้างว้างพุ่งตรงเข้ามาในดวงใจอย่างมิอาจห้ามได้ ทำไมนะ ฉันถึงรู้สึกว่าอาจจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้อีกแล้ว... บางทีมันคงใกล้เวลาที่ฉันต้อง จางหายไป แล้วก็ได้ ถึงจะเศร้านิดหน่อยแต่ฉันก็ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้วนี้นะ ^-^ ฉันยิ้มรับแสงอรุณยามเย็นที่คล้อยต่ำลงอย่างเชื่องช้า 
     
    ฉันเดินเข้าไปหามุคุโร่ที่กำลังนอนเล่นใต้ต้นซากุระงามที่ฮานะวาดให้ ส่วนฮารุจังออกไปเที่ยวเล่นในทุ่งหญ้าหลังบ้านของฮานะ เปิดเผยสิ่งที่ค้างคาใจเรื่องสุดท้ายและเชื่อหมดหัวใจเสียด้วยว่าเขาต้องย่อมแบกรับพาระนี้ต่อจากฉัน ฉันดูคนออกนะ ^o^
     
     
     
    “มุคุโร่คุง ขอคุยเวลาหน่อยสิจ๋ะ ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะขอร้องมุคุโร่คุงให้ช่วยนะ” แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ฉันก็ไม่อยากจะเร่งรัดหรือคาดหวังอะไรมากมาย เพราะกลัวว่าจะไปกดดันเขามากเกินไป
     
     
     
    “ได้สิคับคุณเคียวโกะ” นอกจากฮารุแล้วมุคุโร่ก็ไม่เคยเรียกใครๆโดยไม่มีคำว่า ‘คุณ’ นำหน้าชื่อเลย ถึงฉันจะไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไม แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรเท่ากับที่ความรู้สึกที่ว่า ถ้าเป็นเขาคนนี้คงจะทำได้
     
     
     
     
    “เวลาของฉันเหลืออีกไม่มากแล้ว ฉันต้องการใครสักคนที่จะค่อยดูแล ห่วงใย และอยู่เคียงข้างนางฟ้าองค์น้อยของฉัน ฉันดูออกนะมุคุโร่ว่าเธอนะเหมือนฮารุจัง เธอแค่วิญญาณออกจากร่าง เธอยังไม่ตายเข้าใจไหม จนกว่าจะถึงเวลาที่เธอต้องกลับไป สัญญากับฉันได้ไหมว่าเธอจะอยู่เคียงข้างฮารุ สัญญากับฉันสิมุคุโร่ได้โปรด” ความรู้สึกของฉันมันพลังพลูออกมาดุจสายธารที่ไหลริน ฉันไม่สามารถหยุดน้ำตาของตัวเองได้ จนตัวฉันเองชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะจากที่นี้ไปอย่างสงบได้ไหม
     
     
     
    “สิ่งที่เห็นอาจลวงตา” เสียงของเขาดูเลื่อนลอยและแผ่วเบาราวกับพึมพำกับตัวเอง ฉันไม่เคยเข้าใจความคิดเขาเลย
     
     
     
    “ผมไม่รู้หรอนะคับ ว่าทำไมคุณถึงให้ความสำคัญกับฮารุมากมายขนาดนี้ แต่เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องไป  ก็ไม่ควรจะมีสิ่งใดให้คุณต้องยึดติดกับโลกนี้อีก... คำขอสุดท้ายของคุณ... ผมยินดีทำให้คับ^-^” เขาส่งยิ้มมาให้ฉัน (แต่เป็นยิ้มตามมารยาทนะ) ถึงเขาจะอายุน้อยที่สุดแต่ความคิดอ่านของเขาก็สลับซับซ้อนที่สุดเช่นกัน ไม่เคยแสดงความรู้สึกของตนเองอย่างตรงไปตรงมาแม้ซักครั้ง 
     
     
     
    “ขอบใจจ๋ะ มุคุโร่” ฉันโล่งใจอย่างประหลาด ทั้งยังรู้สึกได้เลยว่าตัวเองยิ้มให้เขา ยิ้มอย่างมีความสุขจากก้นบึ่งของหัวใจ
     
     
     
     
    “เช็ดน้ำตาเถอะคับ ผมว่าฮารุคงรู้สึกโกรธตัวเองมากๆแน่  ถ้ารู้ว่าคุณทุกข์ใจเพราะเรื่องของเธอ” เขาสงยิ้มที่แลดูอ่อนโยนลงมานิดนึ่ง (แค่นิดเดียวจริงๆ) ฉันชักสงสัยซะแล้วซิ ว่าความอ่อนโยนของเขาคงมีแต่ฮารุเท่านั้นละมั่งที่จะได้เห็น
     
     
     
     
    “จ๋ะ” ฉันซับน้ำตาลงแห้งแล้วก็จากมาตามทางของตัวเอง 
     
     
     
    ไร้ซึ่งตะวันบนท้องนภาแล้วมีเพียงแสงจันนวลอันอ่อนโยนกับดวงดาราที่ประชันแสงกันเท่านั้น ค่ำคืนอันงดงามเช่นนี้ที่ฉันกับเขาคนนั้นเคยได้อยู่เคียงข้างกัน ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นเช่นไรแล้ว กำลังมองท้องฟ้าเหมือนกับเราอยู่รึเปล่านะ ฉันคิดถึงคุณจังเลย
     
     
    หากเราได้มองฟ้าเดียวกันในคำคืนนี้ ฉันอยากฝากเหล่าดวงดาราไปบอกคุณเหลือเกิน
     
    ฉันดีใจที่ครั้งหนึ่ง ฉันได้อยู่เคียงข้างคุณ เราต่างผ่านพ้นเหตุการณ์ต่างๆมาด้วยกัน
     
    เรื่องราวมากมายเข้ามาในชีวิต จะหนักหนาสักแค่ไหน คุณก็ไม่เคยปล่อยมือจากฉัน
     
    ความอ่อนโยนของคุณ กับคำสัญญาที่แสนอบอุ่นนั้น
     
    “ผมจะไม่ทำให้คุณต้องเสียใจจากนี้และตลอดไป”
     
    คุณรู้ไหมฉันมีความสุขแค่ไหน ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้ “รักคุณ”
     
     ชีวิตของฉันมาถึงตอนจบของมันแล้ว แต่ชีวิตของคุณยังคงต้องเดินต่อไป ช่วยใช่ชีวิตในส่วนของฉันด้วยนะ ^-^
     
     
    สักวันหนึ่งในที่ไหนสักแห่งเราคงได้พบกันอีก
     
     
                                                                                   
                                                                               ลาก่อนจ๋ะ สึนะคุง
     
     
     
            เขียนทุกสิงลงในกระดาษแล้วส่งให้ฮานะเก็บไว้ ยามที่ฉันจางหายไปเธอจะรับน่าที่มอบจดหมายฉบับนี้แก่เขาคนนั้น ฉันรู้สึกเศร้านิดหน่อยตอนเขียนจดหมายฉบับนี้ มันคงถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องไป...
     
     
     
    By     มุคุโร่
     
            หลังจากเที่ยวสำรวจกันจนเพลินฟ้าก็เริ่มสางแล้ว ผมกับฮารุจังจึงพากันกลับบ้านของคุณฮานะ  บ้านของฮานะอยู่ในทำเลที่ดีมาก ตัวบ้านอยู่ติดกับลำธารใส่สวนหลังบ้านเป็นทุ่งหญ้ากว้างมีดอกไม้ขึ้นแซมทั่วบริเวณ สวยจับตาเลยละ
     
     
     
            ขณะที่กำลังจะเข้าบ้านพวกเราก็ได้ยินเสียงที่แสนคุ่นเคย  ฮารุจังจึงตัดสินใจแอบตามเสียงนั้นไป และไม่ลืมที่จะลากผมให้ตามไปด้วย ==’’
     
     
     
    “เธอไม่คิดจะบอกเด็กคนนั้นจริงๆรึ เคียวโกะ” เสียงคุ่นหูของฮานะ และจากมุมที่ฮารุจังเลือกทำให้พวกเราแอบฟังทั้งสองคุยกันได้อย่างถนัดชัดเจน
     
     
     
    “จ๋ะ ก็ฉันไม่อยากเห็นน้ำตาของเด็กคนนั้นอีกแล้ว... ฮานะก็ จุ จุ ไว้นะ” เนื่องจากทั้งสองหันหลังให้จึงมองไม่เห็นสีหน้าของคนทั้งคู่
     
     
     
    “ขอบคุณนะฮานะ สำหรับ...ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็...ลา ก่อนจ๋ะ” คุณเคียวโกะหันมาหาอีกฝาก เธอกำลัง... ร้องไห้...  ร่างกายของเธอแปลงแสงสีขาวนวลดุจแสงจัน แล้วค่อยๆกลายเป็นดาราดวงน้อยๆนับน้อยนับพันอย่างช้าๆ มันเป็นภาพที่ชวนให้ตราตรึงใจ สิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวคุณเคียวโกะประกอบกันได้อย่างลงตัว ราวกับภาพวาดของจิตกรเอก ภาพของนางฟ้าผู้กำลังจะกลับสู่สวรรค์
     
     
     
    “เคียวโกะจัง อึก อย่าไป อึก ได้โปรด” ฮารุกอดคุณเคียวโกะแน่น สาวน้อยผู้ไรเดียงสาของผม เธอกำลัง... ร้องไห้... จนดูน่าสงสารเธอจับใจ  ผมดึงฮารุจังออกมาโอบกอบเธอไว้อย่างปลอบโยนเธอ ทั้งยังไม่อยากให้นางฟ้าผู้นี้ต้องหมองเศร้าเพียงเพราะไม่อาจละทิ้งจากความอาลัยยึดติดได้
     
     
     
    “ไม่ได้จ๋ะ มันถึงเวลาแล้วที่ฉัน... ต้องไป” ภาพของนางฟ้าที่แสนงดงามหันกลับมาใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับชั่งขัดกับหยาดน้ำใส่ที่ไหลริมจากดวงตาคู่สวยนั้นเหลือเกิน
     
     
     
    “แต่ เคียวโกะจัง...” สาวน้อยผู้ไรเดียงสาลำไห้อยู่ในอ้อมกอดของผม
     
     
     
    “มุคุโร่จ๋ะ ฝากดูแลฮารุจังด้วยนะ” คำขอสุกท้าย
     
     
     
    “ก็ได้คับ” แม้ผมจะจงใจไม่รับคำอย่างหนักแน่แบบที่ใครๆหลายคนควรจะทำให้สถานการณ์เช่นนี้ แต่เชื่อเถอะเธอรู้จักผมดีพอว่า ‘หากไม่คิดจะทำจริงๆจังๆละก็ จะ’ นั้นแหละผม
     
     
     
    “^-^ ขอบใจมากนะจ๋ะ มุคุโร่คุง” เธอส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยนแต่ผมรู้ดีว่านั้นไม่ได้ตั้งใจจะส่งให้ผม แต่เป็นสาวน้อยผู้ไรเดียงสาในอ้อมกอดผมต่างหาก
     
     
     
    “^-^ อวยพรให้คุณไปสู่สุคตินะคับ” สิ่งเดียวที่ผมพอจะกล่าวอำลาเธอผู้นี้ได้
     
     
     
    “ทุกคนจ๋ะ ลา ก่อน” คำอำลาจากนางฟ้าผู้แสนงดงาม
     
     
     
    “เคียว โกะ จัง” ร่างของนางฟ้าผู้แสนงดงามแปลเปลี่ยนเป็นดวงดารานับพันร้อยเรียงร้อยสู่ท้องนภากว้าง... เธอจากไปแล้วพร้อมๆกับรุ่งอรุณผู้เข้ามาแทนที่  
     
     
                     
    “คุณเคียวโกะไปสู่ที่ที่คู่ควรแล้ว เรากลับไปพักผ่อนกันเถอะ ฮารุจัง” ไออุ่นอันน้อยนิดจากมือของผมประสานกับมือของเธออย่างแผ่วเบา
     
     
     
    “.......” ฮารุจังซับน้ำตาสะอื้นไห้อยู่เงียบๆไปตลอดทาง เธอยอมตามผมมาแต่โดยดี...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×