คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Travel. การเดินทาง
หลังจากที่เธอตัดสินใจเปิดประตูบ้าน เหตุกาณ์เบื้องหน้าทำให้เธอถึงกับเบิกตาค้าง แสงไฟจากกองเพลิงขนาดใหญ่ ที่ชาวบ้านต่างนำฟืนมาร่วมกันก่อ สว่างไสวแยงเข้าตาทำให้ตาที่เบิกกว้างต้องรีบหรี่ลงทันที เสียงดาบกระทบกันดังเคร้ง ก้องกังวาลอยู่หลายครั้งหลายครา ทุกคนขยันขันแข็งกับการซ้อมใหญ่ เพื่อปกป้องหมู่บ้านในครั้งนี้ หลังจากเริ่มรู้อุบายของชาวพ่อมดที่ทุกคนได้เห็นกันเต็มตาแล้วว่าเป็นเวทย์มนต์ของชาวพ่อมดแห่งฟารานิการ์
เด็กหนุ่มวัยสิบแปดตั้งอกตั้งใจซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตายกับเขาด้วยเช่นกัน คู่ซ้อมเป็นรุ่นพี่ที่อยู่บ้านหลังถัดจากเขาไปนี่เอง หยาดเหงื่อเต็มใบหน้าอันหล่อเหลาของเขางคู่ รวมทั้งลำตัวและแขนขาด้วย มองจากมุมหนึ่งเห็นเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จอย่างไรอย่างนั้น เอน่ามองดูลูกชายของตัวเองที่ดูจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นทุกวันฝึกซ้อมด้วยความมุ่งมั่น ก็อดคิดถึงเดลไม่ได้ พาเวลล์เหมือนพ่อของเขาจริงๆ พวกเขาเกิดมาเป็นนักสู้ ซึ่งก็ควรเดินตามทางของนักสู้ พาเวลล์ต้องเป็นผู้ที่นำพาความสุขกลับคืนไฟเตอเรียได้แน่
ครั้นพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าเสียงดาบกระทบกันและเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้น ซึ่งคือเวลาแห่งการสิ้นสุดการฝึกซ้อมของวันนี้ ทุกคนทำได้ดีมากและภูมิใจกับผลงานการฝึกของวันแรก ทุกคนช่วยกันเก็บของคนละไม้ละมือจนตอนนี้ลานกว้างก็กลับมาว่างเปล่าเหมือนทุกวัน พาเวลล์ที่อาบน้ำแต่งตัวใหม่เรียบร้อยแล้วออกมาเดินเล่นที่ลานหน้าบ้าน เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า
"พร้อมไหมพาเวลล์" เสียงหวานดังขึ้นด้านหลังของพาเวลล์ ทำให้พาเวลล์รู้ทันทีว่าคือใคร
"พร้อมเสมอ แล้วเธอล่ะ จะไหวเหรอ?" พาเวลล์ถามเป็นเชิงหยอกล้อ
"โหย ดูถูกกันตั้งแต่ยังไม่ลงสนามเลยนะ" นาคริตกระแนะกระแหนกลับ เรียกรอยยิ้มจากพาเวลล์ได้ไม่น้อย การเดินทางจะเริ่มขึ้นในอีกไม่เกินเจ็ดวันนี้ ทั้งสองจึงต้องพร้อมทุกสถานการณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ในที่สุดวันเดินทางก็มาถึง แผนที่เคยวางไว้ต้องถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด โดยมุ่งหน้าเข้าราฟานิการ์ที่เดียว การเดินทางต้องใช้เวลาประมาณสองถึงสามสัปดาห์ ดังนั้น อาวุธและเสบียงต้องมากพอสมควร ทุกคนรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นของใครของมัน ตอนนี้ลานหน้าบ้านของพาเวลล์เป็นที่จัดฐานทัพ ผู้เป็นที่รักของนักสู้ต่างก็มาร่ำลาและอวยพรให้มีชัยในการรบครั้งนี้ ซึ่งเป็นการรบกับพ่อมดที่มีฤทธิ์มากกว่ามนุษย์อยู่แล้ว
ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงแสงจากไฟปลายกิ่งไม้ที่จุดขึ้นเพื่อนำทาง แล้วเสียงกรอบแกรบของใบไม้ ที่ฝีเท้าของนักสู้ต่างๆ เหยียบย่ำลงไป ความเหนื่อยล้ารุกล้ำเข้ามาเยือน เสียงจักจั่นดังระงมไปทั่วป่า ผสานกับเสียงฝีเท้าทำให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ต่างหนีกระเจิดกระเจิง บ้างก็แอบดูการยกทัพของมนุษย์ผ่านบ้านเกิดเมืองนอนของมัน อีกหลายวันนักกว่าจะถึงจุดหมาย ทุกคนต่างตกลงปลงใจจะพักใกล้แม่น้ำกลางป่าทึบ เพราะความเหนื่อยล้าเอาชนะได้สำเร็จ ในที่สุด ป่าไม้ก็เงียบสงบอีกครั้ง
"ท่านขอรับ ไฟเตอเรียเริ่มเดินทัพเข้ามาแล้วขอรับ พวกมันรู้ทันเราแล้วว่าเป็นฝีมือของพวกเรา"
"เจ้าทำดีมากโมเสช" ยิ้มเย็นยะเยือกของโฮลิมัสทำให้ผู้ถูกชมพอใจกับฝีมือของตัวเอง เพราะยิ้มเช่นนี้ เป็นยิ้มที่แสดงถึงความพอใจยิ่งของผู้ใช้เวทย์ "มาให้ถึงก็แล้วกันนะ เหล่าไฟเตอเรีย"
เช้าวันใหม่ได้เริ่มขึ้น เป็นวันที่ทุกคนต้องเริ่มใช้พลกำลังที่สะสมมาทั้งคืนให้เป็นประโยชน์มากที่สุด แต่...
"เฮ้ย! ไฟไหม้! ไฟไหม้! หนีเอาตัวรอด!"
ไฟป่าโหมกระหน่ำเข้ามาเรื่อยๆ ถึงผู้สังเกตการณ์จะเห็นว่ามันยังอยู่ไกลนัก แต่ก็มิได้หมายความว่ามันจะมาไม่ถึงนี่...
ในตอนนี้เหตุการณ์ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์หนักใจเป็นพิเศษ...ไฟที่ถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ เป็นกำแพงกั้นเป้าหมายของทุกคนได้เป็นอย่างดี จึงจำต้องบุกเข้าไป และหาทางรอดแบบตัวใครตัวมันเท่านั้น และทุกคนก็ตัดสินใจที่จะไม่ท้อถอย มาถึงขนาดนี้แล้วนี่ ใครจะกลับกันล่ะ ? แต่การตายที่นี่ อาจจะไม่ถือเป็นการตายในหน้าที่ก็เป็นได้ เรื่องเล็กน้อย นักสู้ต้องผ่านไปได้อยู่แล้ว
"เฮ้~!!" ความมุ่งมั่นทำให้ทุกคนโห่ร้องแล้ววิ่งเข้าสู่อันตรายอย่างไม่เกรงกลัว
ซ่า!~~
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงนักที่ฝนได้ตกชุกจนไฟป่านั้นได้มอดจนหมด...
"ดีมากโมเสซ รังควาญพวกมันต่อไปเรื่อยๆ กว่ามันจะบุกมาถึงที่นี่ เรี่ยวแรงและกำลังพลคงจวนจะหมดเต็มที่แล้วล่ะ ฮ่าๆๆ!"
โมเสชก้มหน้ารับและฉีกยิ้มให้กับฝีมือตนเองอยู่ภายใต้ปอยผมสีขาวที่ปิดใบหน้าอย่างมิดชิด
พาเวลล์ลืมตาขึ้น ร่างอันหนักอึ้งของเขาเกยอยู่บริเวณน้ำตื้นที่รองรับด้วยหินกรวดมนจำนวนมาก บ่งบอกถึงว่าเขาได้ถูกน้ำซัดมาจนถึงปลายสุดของแม่น้ำ
"แค่กๆ" เขาสำลักน้ำออกมา...การตัดสินใจกระโดดลงแม่น้ำใกล้ๆ เป็นความคิดที่ดีมากในการหนีเอาตัวรอดจากไฟป่าที่กำลังไหม้เสื้อผ้าของเขา หน้าตามีบาดแผลถูกไฟลวกอยู่นิดหน่อย
ดาบยาว...อาวุธสงครามของเขาเกยฝั่งอยู่ห่างจากตัวเขาประมาณหนึ่งช่วงแขน
"โอ๊ย!" เขาถึงกับทรุดตัวลงกระแทกหินกรวดอีกครั้ง หลังจากยื่นแขนซ้ายไปหมายจะคว้าดาบที่อยู่เพียงแค่เอื้อม ความเจ็บปวดมหาศาลไหลมาจากหัวไหล่ซ้ายแล้วแพร่ไปทั่วร่าง "สงสัยหัวไหล่จะหลุด" น้ำตาของลูกผู้ชายแทบล่วงเมื่อพบกับความเจ็บปวดแบบนี้เป็นครั้งแรก
"ให้ฉันช่วยไหม"
เสียงที่คุ้นเคยทำให้พาเวลล์หันควับไปมองอย่างลืมความเจ็บ
"โอ๊ย!"
"ฉันดูให้ดีกว่า นายอยู่เฉยๆ นะ" นาคริตนั่งลงข้างหลัง พาเวลล์ มือหนึ่งจับบริเวณหลังต้นคอของเขาเพื่อต้านแรงดึง อีกมือหนึ่งจับที่ไหล่ซ้ายอย่างแผ่วเบา และกระตุกกลับมาข้างหลังอย่างแรง
กร๊อบบ!!!
"อ๊ากกกกก!!!"
"เสร็จแล้วล่ะ" นาคริตลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจทาง
พาเวลล์นั่งก้มหน้ากัดฟันสู้กับความเจ็บอยู่พักใหญ่ เมื่อความเจ็บเริ่มบรรเทาลง เขาก็หอบด้วยความเหนื่อย
หายเจ็บแขนแล้ว...
เขาเงยหน้ามองนาคริต ผมยาวที่เปียกน้ำลู่ไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก บวกกับเสื้อผ้าที่แนบกับลำตัว ทำให้พาเวลล์ละสายตาไม่ได้
"มองอะไรนักหนา ลุกขึ้นมาได้แล้ว" ดูเหมือนเจ้าตัวจะเพิ่งรู้ตัว เสียงแหลมๆ ของเธอทำให้พาเวลล์ตื่นจากพวังค์
นาคริตหน้าแดงเชียว
ทั้งสองเดินทางต่อไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก โชคดีที่อาวุธสงครามของทั้งคู่ยังติดอยู่กับตัว จึงยังสามารถป้องกันตัวไปได้ตลอดทาง
ความคิดเห็น