ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Mihael D.Kunazu
ฮิบาริพุ่งตัวเข้าหาเด็กสาวปริศนาอย่างรวดเร็ว ทอนฟาถูกเอาออกมาจากแขนเสื้อด้วยความเคยชินก่อนที่จะใช้มันเข้าไปฟาดเด็กน้อยหมายจะขย้ำเธอทิ้งเสีย ทว่า
หมับ!!
“!!!??”
เขาถึงกับเบิกตาโพลงทันทีที่รู้ว่าทอนฟาของตนถูกมือเล็กๆของเด็กผู้หญิงจับเอาไว้อย่างง่ายดายโดยที่เธอยังไม่ทันที่จะขยับตัวหนีเลยสักนิดเดียว ต่อให้ออกแรงลงไปที่แขนซ้ายเท่าใดมันก็ไม่สามารถเข้าไปทำอะไรร่างของครูฝึกนี่ได้เลย หลังจากนั้นก็มีเครื่องเงินซึ่งเป็นมีดเกรดAออกมาจากแขนเสื้อสีม่วงของเด็กน้อยพุ่งเข้าไปแทงที่ใบหน้าคมของหัวหน้ากรรมการนักเรียนจอมโหด ต่อให้เขาจะปัดมันทิ้งได้ แต่มืออาชีพกลับไม่หยุดอยู่แค่นั้น
“ไปให้ไกลหูไกลตาฉันเลย อะมีบ้าบอย
”เธอกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ น้ำเสียงที่ได้สดับฟังนั่น
ทั้งเย็นชาและเหี้ยมโหดแฝงอยู่ด้วยกัน ร่างบางกระโดดแล้วจึงหมุนตัวไปทางซ้ายมือของตนเอง ส้นรองเท้าหนังสีดำถูกยกขึ้นสูงเพื่อจะใช้ท่าจระเข้ฟาดหาง
พลั่ค!!!
“อุ๊บ!!??”โชคยังดีที่ฮิบาริยกทอนฟาขึ้นมาป้องกันตัวได้ทัน แต่ตัวเขาเองก็ถอยกรูดไปด้านหลังเพราะแรงกระแทกอันมหาศาล รุนแรงเกินกว่าเด็กธรรมดาจะทำได้เสียอีก
!
“โอ๊ะโอ้~~เก่งจังเลยนะครับเนี่ย เห็นตัวเล็กๆแบบนี้ ไม่นึกว่าจะมีพลังเกินกว่าขอบเขตของมนุษย์นะครับ^^”เหมือนใครก็ไม่รู้
คิดพลางปรายตามองไปทางอัลโกบาเลโน่เล็กน้อย
“น่าสนใจดีนี่
ยัยเด็กผี”ฮิบาริพยุงกายลุกขึ้นหลังจากเสียหลักไปได้ครู่ใหญ่ๆ “ฉันจะขย้ำเธอเอง
”
“ฮะๆๆ
เก่งจังเลย ชื่ออะไรงั้นหรือ??”ยามาโมโตะที่ยังหัวเราะได้อยู่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“
มารยาทของผู้ถาม ต้องแนะนำตัวก่อน”เด็กน้อยเงยหน้ามองร่างของผู้เอ่ยถามเล็กน้อย “ช่างเป็นพวกที่ไม่มีความเป็นสุภาพชนเอาซะเลย
เอาเถอะ ยังไงๆฉันก็ไม่อยากจำให้รกสมองหรอกมั้ง?”
อย่างกับหล่อนสุภาพตายล่ะ ยัยสุภาพสตรีจอมปลอม
ผู้พิทักษ์แห่งเมฆาแอบกัดเด็กน้อยในใจ
“คึหึหึ
โรคุโด มุคุโร่ครับ
เป็นผู้พิทักษ์สายหมอก”สุภาพบุรุษ(จอมปลอมไม่แพ้กัน)เอ่ยตอบกลับเป็นคนแรก
“ฮิบาริ เคียวยะ
”ตามด้วยผู้ที่มีความแค้นอยู่เต็มอก
(ออร่าความแค้นเงี้ย หนาเตอะเชียว=_=)
“ฮะๆ
ยามาโมโตะ ทาเคชิจ้า”<<<มีหมอนี่คนเดียวที่มาแปลกกว่าชาวบ้านเขา=_=’’
เด็กน้อยพยักหน้าเล็กน้อย
แต่ก็ยังคงไม่ปริปากเอ่ยขานนามของตนเองแต่อย่างใด มุคุโร่ย่นคิ้วเล็กน้อยด้วยความโมโหแกมข้องใจกับท่าทางเย่อหยิ่งของคนตรงหน้า
“อีกคนล่ะ
???”เจ้าตัวยอมพูดออกมาแต่กลับเป็นคำถาม ไม่ใช่ชื่อของตนเอง “ว่าไง
อีกคนล่ะ??”
“
กึ
!”คำถามนั้นทำให้ชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินกัดริมฝีปากล่างของตนเองแน่น “
เธอคนนั้น
”
“มาแล้วค่ะ!!!”เสียงหวานตะโกนมาจากด้านหลังของเหล่าวองโกเล่แฟมิลี่ ทุกคนรีบเหลียวหลังกลับไปมองด้วยความตกใจสุดขีด “โคลม โดคุโร่ ผู้พิทักษ์สายหมอกแห่งวองโกเล่ค่ะ!”
“
ก็ดี
มากันครบเสียที”เด็กน้อยนิรนามกล่าวปัดก่อนที่จะถอดหมวกทรงสูงสีดำของตนออกจากศีรษะ เธอโค้งลงพลางเอาหมวกประกบไว้ที่อกซ้ายอย่างสุภาพ “ฉันเป็นครูฝึกใหม่ของพวกนาย
”
“
.”
“ฉัน มิฮาเอล ดี.คุนาซึ
เงาของรุ่นที่9”เรือนผมสีทมิฬดำย้อมแดงบางส่วน ปลายยาวเลยบ่าถูกหนังยางมัดเอาไว้ดูเรียบร้อย
ดวงหน้าเนียนขาวเงยหน้ากลับขึ้นมามองเหล่าผู้พิทักษ์ทั้ง4คน
ดวงตาสีน้ำตาลไหม้อันคมกริบที่ด้านขวาทว่าด้านซ้ายกลับปล่อยให้ผมหน้าลงมาปิดบังไว้อย่างมิดชิด
“ตาซ้ายน่ะ
ช่วยเปิดหน่อยเหอะ น่ารำคาญ”ฮิบาริพูดขึ้นราวกับจะสั่งเธอ
“ครั่กๆๆ
ขอโทษนะ ตาข้างนี้ฉันไม่จำเป็นต้องใช้เวลาสู้แบบเล่นๆ”คุนาซึหัวเราะร่าพร้อมกับพับให้หมวกทรงสูงแบนลง ครู่ต่อมา
สายตาอาฆาตก็บังเกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอ หมวกใบนั้นถูกร่อนไปทางเหล่าผู้พิทักษ์อย่างรวดเร็ว
“!!!!??”ฮิบาริ,มุคุโร่ และ ยามาโมโตะยกอาวุธขึ้นมาป้องกันยกเว้นโคลมเพียงคนเดียวที่เบี่ยงกายหลบมันเท่านั้นเอง ผู้พิทักษ์แห่งเมฆาที่แค้นมากกว่าคนอื่นๆรีบพุ่งตัวเข้าไปฟาดทอนฟาใส่เหมือนคราแรก แต่คราวนี้
เคร้ง!!!
ฟ่อ!!! งูพิษนับสิบตัวโผล่ขึ้นมาช่วยรัดร่างของครูฝึกอย่างแน่นหนา พิภพเดียรัจฉานของมุคุโร่นั่นเอง!!!
“อย่าแส่
เจ้าหัวพืชไร่”ฮิบาริปรายตามามองจิกอีกฝ่ายอย่างเคืองๆ “ฉันเคืองแม่นี่แค่คนเดียวก็จะบ้าตายแล้ว
”
“คึหึหึ
นั่นมันก็เรื่องของคุณ แต่ผมเองก็อยากจะชนะเหมือนกันนั่นล่ะ”ร่างสูงกว่าอธิบายเป็นเวลาเดียวกันกับที่งูตัวหนึ่งกัดลงไปที่คอของเด็กน้อยจนหมดลมไป “ครูฝึกนี่
ช่างประมาทจริงๆ”
แกรกๆๆ
“!!!!!!!!???”อะไรกัน!?หุ่นเชิด!??? เมื่อรู้ตัวว่าเป็นเช่นนั้น
ชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินก็รีบให้พวกงูหายไปในทันทีเพื่อตรวจสอบ หุ่นเชิดที่เคยถูกชักใยนอนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน
แกรกๆๆ
มันขยับหัวเงยหน้าขึ้นมองพวกคนตรงหน้าช้าๆ
“คงจะไม่เคยรู้จักฉายาของฉันสินะ
ครั่กๆๆ”มันขยับปากที่เป็นไม้อัดของมันถามขึ้น “แต่เอาเถอะ
ฉันมันก็มีหลายฉายาน่ะนะ
จะบอกให้อันนึงก็แล้วกัน”
ว่าจบมันก็นิ่งไปพักใหญ่ๆจนฮิบาริกับมุคุโร่เริ่มไม่ไว้วางใจว่าคุนาซึกำลังคิดจะกระทำการอะไรกับพวกเขาในตอนนี้ แล้วก็มีเสียงจากเจ้าหุ่นนั่นอีกครา
“ฉายาของฉัน
ก็คือ[นักเชิดหุ่น มิฮาเอล]”
“ที่สามารถชักใยเหล่ามนุษย์ให้กลายเป็นตุ๊กตาได้ ยังไงล่ะ
”คราวนี้เสียงหวานจากคนที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นจากด้านหลังของมุคุโร่
เขาหันหลังกลับมาพร้อมกับเอาสามง่ามขึ้นมาป้องกันตัวเอาไว้
เคร้ง!!!!!
“ค
โคลม
!?!?”สามง่ามสองอันเสียดสีกันจนเกิดประกายไฟขึ้น ดวงเนตรสองสีมองหญิงสาวผู้เป็นที่รักด้วยความตื่นตระหนกกับภาพตรงหน้า ดวงตาของโคลมที่เคยสดใสยามนี้กลับไร้ซึ่งแววตาที่อ่อนโยน โคลม
เป็นอะไรไป
ร่างสูงคิดหลังจากที่ผละตัวออกมาจากเธอได้
“โคลมครับ!!!เป็นอะไรไป!!??”
“โคลมครับ~~เป็นอะไรไป~~เล่นละครเก่งจังเลยนะ พ่อสุภาพบุรุษจอมปลอม”ร่างนั้นขึ้นเสียงสูงเป็นเชิงล้อเลียน “ก็นายเองไม่ใช่หรอ
ที่ทำให้เด็กนี่เกิดช่องว่างภายในจิตใจน่ะ~~”
“อ
อะไรนะ!!??”ชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินโพล่งขึ้นด้วยความขัดข้องใจ “หมายความว่ายังไง!!??”
“อุ
คิกๆๆๆ ท่าทางจะโง่ขนานหนักนะเนี่ย”โคลมที่ถูกควบคุมอยู่ทำท่าหัวเราะ “นายน่ะ
ทำร้ายจิตใจอันใสซื่อ~~~ของโคลม โดคุโร่ไปแล้วนี่~~”
“กึ
!!!”พูดไม่ออก
สำหรับมุคุโร่ นี่เป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจที่สุดสำหรับตัวเขา
“ขอแค่เกิดช่องโหว่ภายในจิตใจ
เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที ฉันก็ควบคุมเด็กนี่ได้แล้ว”
“
หุบปาก แล้วมาให้ฉันขย้ำซะ
”ฮิบาริตั้งท่าจะไปฆ่าผู้ถูกชักใยด้วยท่าทีที่ไม่คิดจะยั้งมือ ทว่า
ขวับ
ร่างของสายหมอกกลับเป็นฝ่ายที่ก้าวเท้าเดินมาขวางทางของชายหนุ่มเรือนผมทมิฬดำ ดวงเนตรสองสีจ้องเขม็งใส่เขาก่อนที่จะหันไปทางโคลมในขณะที่ออร่าความโกรธยังคงแผ่ออกมามากมายหลายขนาน
“ผมจัดการเอง
คุณหาตัวคนชักใยไปน่ะดีแล้ว
”มือหนากำสามง่ามแน่นราวกับจะบีบมันให้หักไปเสียเลยก็ว่าได้ “เรื่องนี้
ผมกับโคลมต้องใช้เวลาปรับความเข้าใจกันเสียหน่อย”
“แกสั่งฉันงั้นเรอะ
เจ้าหัวพืชไร่”กรรมการนักเรียนจอมโหดยกทอนฟาขึ้นมาใส่หน้ามุคุโร่ “ว่าไง??”
“ผม-ไม่-ได้-ว่าง-ขนาด-มา-นั่ง-ชี้-นิ้ว-สั่ง-คุณ-หรอก”<<<เน้นทุกคำพูด
“เอ้า
จะทะเลาะกันไปถึงไหน
”ร่างบางของโคลมยืนเท้าเอวพลางเอาสามง่ามพาดไหล่เอาไว้คล้ายพวกเด็กเกข้างถนน ครู่นึงผ่านไปมือเรียวเล็กของเธอก็เลื่อนที่คาดตาไปไว้ด้านซ้ายแทน
ใช่.. ตอนนี้ตาขวาของโคลมที่เคยบอดแต่ก่อนนั้นมีสีน้ำตาลไหม้ที่เป็นของคุนาซึ
“อย่ายืนแบบนั้นได้ไหมครับ
โคลม”ชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินเอ่ยนิ่งๆ “ผมรู้ว่าคุณยังได้ยินผมอยู่”
“
เฮอะ ไร้สาระ
เด็กนั่นน่ะนะถูกปิดกั้นจากกายเนื้อแล้วล่ะ”คราวนี้เธอเอาสามง่ามพาดบ่าทั้งสองแล้วเอาแขนวางไว้ด้านบน หลังงอลงมาเล็กน้อยพร้อมกับรอยแสยะยิ้มอันน่ารังเกียจอันเป็นเอกลักษณ์ของครูฝึกคนใหม่ “การต่อสู้จริงๆน่ะ เขาไม่มีเวลามานั่งเสวนากับผู้ถูกควบคุมหรอกนะ ต่อให้จะรักแค่ไหนก็ต้องปล่อยไป”
“
ลองเป็นแบบนี้ผมก็ตอบได้แค่คำว่า
[ไม่มีทาง]หรอกครับ”
“งั้นก็เดี้ยงไปซะเถอะ
!!!”
ว่าจบเธอก็เอี้ยวไหล่ไปทางซ้ายให้อาวุธยาวหล่นเข้ามาในมือก่อนที่จะชูขึ้นควงเหนือหัวด้วยมือเพียงข้างเดียวเท่านั้น พลันเมื่อมันถูกแทงลงกับพื้น เสาไฟแห่งความเร่าร้อนก็ปะทุขึ้นเป็นทางไปหาตัวผู้ที่เคยมีพระคุณกับร่างนี้ ฝ่ายมุคุโร่นั้นก็พุ่งเข้าจู่โจมโคลมที่ถูกควบคุมโดยที่ไม่คิดจะใช้ภาพมายาโต้ตอบแต่อย่างใด
มันเป็นแค่ภาพลวงตา
“คิดหรอว่ามันจะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเด็กๆแบบที่แกเคยทำน่ะ
”น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของหญิงสาวเปล่งออกมาจากลำคอถามขึ้น หลังจากนั้นเสาไฟทั้งหมดก็ไหลเข้ามารวมตัวกัน ควบแน่นเป็นช่วงลำตัวที่ยาวมีเกร็ดเงาวับสีเพลิง คมเขี้ยวที่ใหญ่และแหลมคม ดวงตาคมกริบลุกโชนแสดงถึงอำนาจอันน่าสะพรึง
มังกร
“คราวนี้มันจะไม่ใช่แค่ภาพมายา
!!แต่เป็นสัตว์เทพที่ฉันใช้พลังของเด็กนี่เพื่ออัญเชิญ”
“!!!???”
ใช้พลังของโคลมแทนตัวเองงั้นเรอะ!!!??มันจะมากไปแล้วนะ!!! ชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินกัดฟันกรอดกับความอึดอัดภายในใจที่เกิดขึ้นเพียงเพราะครูปีศาจตรงหน้านี่ ไม่เคยใยดีกับใคร
ขนาดเป็นเด็กแท้ๆ!!!
ท่าน
มุคุโร่
“!!??”โคลม!!!...ได้ยินผมไหมครับ!!??
“อ..!!อุค
!บัดซบ
!ทำไมมันถึงยังมีสติอยู่
!!??”
คุนาซึสบถออกมาขณะที่ร่างของโคลมที่เธอใช้อยู่กำลังทรุดลงกับพสุธา
คงจะได้เวลาแล้ว
***Kunazu Type***
[แย่งไมค์ฉันไปใช้อีกคนแล้ว ทำไมเด็กสมัยนี้นิสัยเสียจริงๆ=3=]<<<ผัด
[เดี้ยงมันไปตรงนั้นเลย
ไอ้คนเขียน]<<<ว่าแล้วก็เอาตุ๊กตาเฉือนคอหอยผัดทิ้งT T
ครั่กๆๆ
แหม เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย กว่าจะหลอกเจ้าหัวสัปปะรดตัวที่สองให้หลงเชื่อว่าฉันใช้พลังของโคลมจนหมดแรงจะหายใจน่ะ ฮึๆๆ
เรื่องก็คือ มังกรนั่นน่ะ ฉันเรียกมาเองต่างหาก
“นั่นสิน้า~~
ไหนๆก็จะหมดเวลาแล้วนี่นะ”ฉันพูดขึ้นเบาๆพลางพุ่งเข้าไปใช้สามง่ามเข้าแทงที่ตัวของ เอ่อ
มุคุโร่สินะ(ปกติฉันแอบเรียกหมอนี่ว่าไอ้สัปปะรดเบอร์สองน่ะนะ
คิกๆ) แต่ขอโทษทีครับน้อง
!!!ทำไมอยู่ร่างนี้แล้วอ่อนแอชะมัดเลย ฮึ่ม-*-!!
“โอ๊ะโอ้~สูญเสียการทรงตัวสินะครับ”ว่าแล้วก็ปัดสามง่ามของยัยเด็กสัปปะรดทิ้งก่อนที่จะใช้สันมือกระแทกท้ายทอยจนสมองด้านชา ไม่หรอก
ฉันไม่สลบ เพราะ ฉันกลับเข้าร่างเดิมที่แอบอยู่บนต้นไม้ได้ทันพอดิบพอดี ก็เลยกลายเป็นว่ายัยเด็กสายหมอกก็เลยสลบเหมือดไปเลยแหล่ะ ฮะๆๆ
“ท่าน
มุคุ
โร่”
“โคลม!!??ไม่เป็นอะไรนะครับโคลม!!??”<<<ถ้าไม่เป็นอะไรยัยเด็กนั่นมันจะสลบต่อหน้านายไหมล่ะฟะ ไอ้สัปปะรดหน่อที่2- -**
“โคลม
ขอโทษ
ที่ทำกับท่านแบบนั้น
นะคะ
”<<<ยังมีเวลามาขอโทษอีกนะ ฉันล่ะเกลียดเรื่องหวานๆพรรค์นี้จริงๆ
พอฉันลงไปยืนที่พื้นเบื้องล่างก็แกล้งตีหน้ายิ้มๆแบบเดิมๆที่เคยทำไป
โอเค ฉันจะบอกก็ได้ว่าฉันชอบยิ้มแบบสมเพชใส่เจ้าพวกนี้ คนที่ทำให้ฉันยิ้มแบบมีความสุขได้อย่าหวังเลยว่าชาตินี้จะมี เจ้า
เอ่อ อะไรนะ มุคุโร่ใช่หรือเปล่า(ฉันบอกแล้วนะ ฉันจะไม่จำชื่อพวกคนที่ฉันจะฆ่าให้รกสมองหรอก)
เออ เจ้านั่นน่ะร้องไห้ออกมานิดหน่อยด้วยแหล่ะ ระหว่างที่เจ้านั่นมันบ่นพึมพำกับโคลม อีกสองตัวมันก็เข้ามาโจมตีฉันจากด้านหลัง เฮ้ย
!หาเรื่องกันนี่หว่า
“ว่างจัดสินะ
งั้นฉันจะสงเคราะห์ให้พวกแกไปลงนรกเอง”ฉันเรียกให้มังกรโจมตีใส่เจ้าพวกนั้น
“ฮะๆ
คงจะไม่ได้หรอก คนที่ทำร้ายเพื่อนฉันน่ะ”ยามาโมโตะพูดขึ้น(น่าแปลกที่ฉันจำไอ้บ้ายิ้มนี่ได้คนเดียว= =)ดาบของหมอนั่นตวัดขึ้นพร้อมกับน้ำที่ขังอยู่เบื้องล่าง “ก็นะ ถือว่าจะต้องกำจัดทิ้งซะตรงนี้แหล่ะ”
ได้ๆ ฉันยอมรับ ถ้าไปกระตุกหนวดเจ้าเสือนี่ก็ถือว่าโง่ไปเล่นกับน้ำกรดน่ะล่ะ
หมอนี่เวลาอารมณ์ไม่ดีฉันก็เคยเห็นในซีดีที่ตาลุงโนโน่แอบอัดมา แต่ฉันไม่ยอมอยู่เฉยๆหรอกน่า
ฉันรีบหลบน้ำที่เจ้านั่นปัดมาทันที
“หืม
??”ฉันสะกิดใจขึ้นมานิดหน่อยในเสี้ยววินาทีที่ฉันกระโดดอยู่เหนือหัวของยามาโมโตะ เจ้าเด็กตาขวางนั่นหายไปไหนล่ะเนี่ย
หรือว่า
“โดนขย้ำซะเถอะ
”ทอนฟาจ่ออยู่หัวฉัน
คิดอะไรตื้นๆไปนะเจ้าหมอนี่
“ถ้าจะลำเมอก็ลงไปนอนก่อน แล้วค่อยพูด!!”ฉันหันไปจับแขนซ้ายของเจ้าตาขวางก่อนที่จะหมุนตัวเขวี้ยงเจ้านั่นดิ่งพสุธาแบบไม่คิดเงิน~_~ ผลออกมาผิดคาดนิดหน่อย เพราะ เจ้า
ฮิบาริจับกิ่งไม้เอาไว้ได้ทันท่วงที ก็เลยห้อยต่องแต่งอยู่บนนั้นไปซักพักพร้อมกับสบถด่าฉันเป็นร้อยคำ เฮ้ยๆ
ฉันยังอยู่ตรงนี้นะเฟ้ย ด่าอะไรก็เกรงใจหน้าฉันหน่อยสิ= =
“มองหน้าฉันทำไม..”อยู่ๆก็ถามฉันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “ยัยสัตว์กินพืช”
“ไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะ ฉันไม่ใช่สัตว์กินพืช”ยอกย้อนมันสักนิดเพื่อความสะใจ ครั่กๆ
“ฉันถามว่ามองฉันทำไม
มิฮาเอล ดี.คุนาซึ”ทีแบบนี้ล่ะ เรียกซะเต็มยศเลย น่าหมั่นไส้ขี้หน้ากับความเย่อหยิ่งของไอ้หน้าอ่อนนี่ชะมัด- -
“ก็นายสบถคำด่าฉันเป็นร้อยคำนี่หว่า
”
ฉึก!!! อยู่ๆก็มีของมีคมสองอย่างโจมตีเฉียดหน้าฉันไปโดนต้นไม้ด้านหลัง ที่แก้มของฉันสัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นๆสีเพลิงที่มีกลิ่นคาวโชยออกมา
ก็คงไม่พ้นเลือดนั่นแหล่ะ
“ทำกันได้แสบมากเลยนะครับ
มิฮาเอล ดี.คุนาซึ”มุคุโร่เรียกชื่อเต็มยศของฉันอีกคนแล้ว
“แถมยังหลบดาบของฉันพ้นเนี่ย ท่าทางจะต้องเอาจริงกันหน่อยแล้วนะ”ยามาโมโตะเอ่ยสมทบ
“
อ่านะ
คงจะหมดเวลาอุ่นเครื่องแล้วล่ะ”ว่าแล้วฉันก็ใช้พลังธาตุอัสนีสร้างเขตแดนคลุมสวนสาธารณะเอาไว้ทั้งหมด โดยใช้มีดที่เพิ่งปาไปก่อนหน้านี้เป็นสื่อกลางของกระแสไฟฟ้าทำให้เป็นโดม
“ผมว่า
คุณคงจะออกมาเล่นไม่ได้อีกนานเลย คุนาซึ”
“เพราะว่าฉันจะขย้ำเธอให้เละ
”
“ที่บังอาจมาทำร้ายเพื่อนของฉันน่ะ
”
“พนันได้เลยว่า พวกนายแพ้ราบคาบแน่ๆ~ เจ้าพวกผู้พิทักษ์”
ฉันเลียเลือดที่มือของตัวเองเล็กน้อย
ถ้าเกิดยังไม่เลื่อนระดับฝีมือให้เป็นขั้นที่สองล่ะก็ ฉันคงจะลงแดงตายแน่ๆพวกนายว่าอย่างนั้นไหม?? ฉันยื่นมือออกมาด้านหน้าทั้งสองข้างหลังจากนั้นก็ปล่อยพลังไฟออกมา(ซึ่งนานๆทีจะได้ใช้สักที ฮะๆๆ)
“ไฟนั่นมันอะไรน่ะ!!???ประหลาดสุดหูรูด!!”ซาซางาวะ เรียวเฮ รึเปล่านะ??ช่างเถอะ
ที่รู้ๆหมอนั่นโพล่งขึ้นตอนที่ฉันปล่อยไฟสีทมิฬออกมา
***ทางด้าน พวกสึนะที่อยู่ด้านนอก***
“วิธีใช้เหมือนกับX Gloveเลย
แต่เป็นไฟสีดำหรอ
??”
วองโกเล่รุ่นที่10 ซาวาดะ สึนะโยชิ
เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยและตกใจในเวลาเดียวกัน อาการของเขาเริ่มรู้สึกประหม่ากับครูฝึกที่อยู่ในโดมใสขึ้นมาเสียแล้ว ส่วนรีบอร์นเองก็ยืนดูอยู่เงียบๆข้างๆกัน
“รุ่นที่10ครับ!!มันเลียนแบบท่าของรุ่นที่10นะครับ!!!”โกคุเดระโพล่งขึ้นด้วยความโมโหสุดขีด “ปล่อยไว้แบบนี้มันจะดีหรือครับ!!”
“เด็กนั่นไม่ได้เลียนแบบใครหรอก
”อัลโกบาเลโน่กล่าวขึ้นอย่างใจเย็น “การใช้พลังขั้นที่สองของคุนาซึน่ะ
จะเป็นการใช้วิธีสู้ระยะประชิดโดยการเพิ่มไฟที่ตัวเองคิดค้นเองเป็นตัวเสริม”
“งั้นก็เหมือนกับเข้าไฮเปอร์โหมดไปแล้วน่ะสิ
”สีหน้าของวองโกเล่หนุ่มเริ่มไม่สู้ดี
“ยัง
คุนาซึแค่ออกแรงใช้พลังดับเครื่องชนที่ฉันเคยใช้กับนายเฉยๆ
”รีบอร์นขัดขึ้นเสียก่อนที่สึนะจะได้พูดอะไรต่อ
“อย่างนั้นมันก็ขี้โกงสิครับ คุณรีบอร์น!!!”สโมกกิ้งบอมยังคงโวยวายไม่เลิกตามเคย
“มันก็ไม่ได้มีกฎไว้ว่าห้ามใช้พลังนี่
”ยังเถียงต่อ
“นั่นน่ะ
เจ้าตัวยังไม่ได้เอาจริงด้วยซ้ำ”
“เอ๋
!?”ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตะโกนร้องขึ้นอย่างสงสัย ขนาดเข้าโหมดดับเครื่องชน
ยังเรียกว่าไม่เอาจริงอีกเรอะ!!??
“ลองให้คุนาซึเปิดตาซ้ายออกสิ
พื้นที่ในรัศมีห้าร้อยเมตรได้กลายเป็นเถ้าถ่านแน่”
ทุกคนลอบกลืนน้ำลายกันเฮือกใหญ่
สึนะได้แต่ภาวนาขอให้ผู้พิทักษ์ทั้ง4คนในนั้นปลอดภัยอยู่ข้างนอกเงียบๆ
***********************************
K:ใช้นามปากกาของตัวเองมันจะดีหรือเปล่าเนี่ย เหอๆ=w=
Mukuro:ไม่ดีอย่างรุนแรงครับ คุณกล้ามากที่บังอาจมาทำร้ายโคลมที่รักของผม
K:เหย
มีแบบนี้ด้วยหรอ~~สัปปะรดหน่อที่2~_~
Mukuro:(/เอาสามง่ามเสียบคอหอยคนเขียน)ทรงผมแบบนี้มันมีปัญหานักหรือครับ^ ^*
K:มี เพราะ ทรงผมแกเป็นต้นแบบทำให้โคลมทำตามไง
Mukuro:(/ใช้พิภพนรกเผาส่งคนเขียนไปทัวร์นรกทันที)เด็กดีไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างคนเขียนปากสุนัขคนนี้นะครับ^^~~~
K:ถ้าฉันปากหมา
นายมันก็ปากเหม็นล่ะฟะ(/บ่น)
Mukuro:ตายยากจริงๆนะครับ คุณคนเขียนโรคจิต^ ^*
K:จะทำไม ไอ้สัปปะรดหื่นกาม- -
(*- -)+++++++#+++++++(^ ^*)
สงครามสายตาปะทุเดือด
K:มองหน้าด้วยสายตาแบบนั้น เดี๋ยวปั๊ดแต่งให้โคลมตายซะเลย- -*
Mukuro:ลองแต่งดูสิครับ รับรองว่าคุณไม่เหลือศพให้เก็บแน่^^**
K:แต่งให้โคลมอกแตกตายที่รู้ว่านายไปYกับเบียกคุรัน เข้าท่าดีนะ ว่าไหม(**^ ^)
Mukuro:ไหนว่าเรื่องนี้สัญญากับผมแล้วไงว่าจะไม่Y(- -)
K:อาร๊าย~~!?ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะไม่แต่งYน่ะ=_,=
Mukuro:เกลียดคุณจริงๆเลย ให้ตายสิ
(/บ่น)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น