ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KHR]Devil’s Shadow_เงาปีศาจรัตติกาลคนใหม่แห่งวองโกเล่

    ลำดับตอนที่ #5 : Mihael D.Kunazu

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 459
      4
      28 มี.ค. 53

                    ฮิบาริพุ่งตัวเข้าหาเด็กสาวปริศนาอย่างรวดเร็ว ทอนฟาถูกเอาออกมาจากแขนเสื้อด้วยความเคยชินก่อนที่จะใช้มันเข้าไปฟาดเด็กน้อยหมายจะขย้ำเธอทิ้งเสีย ทว่า
                    หมับ!!
                    !!!??”
                    เขาถึงกับเบิกตาโพลงทันทีที่รู้ว่าทอนฟาของตนถูกมือเล็กๆของเด็กผู้หญิงจับเอาไว้อย่างง่ายดายโดยที่เธอยังไม่ทันที่จะขยับตัวหนีเลยสักนิดเดียว ต่อให้ออกแรงลงไปที่แขนซ้ายเท่าใดมันก็ไม่สามารถเข้าไปทำอะไรร่างของครูฝึกนี่ได้เลย หลังจากนั้นก็มีเครื่องเงินซึ่งเป็นมีดเกรดAออกมาจากแขนเสื้อสีม่วงของเด็กน้อยพุ่งเข้าไปแทงที่ใบหน้าคมของหัวหน้ากรรมการนักเรียนจอมโหด ต่อให้เขาจะปัดมันทิ้งได้ แต่มืออาชีพกลับไม่หยุดอยู่แค่นั้น…
                    “ไปให้ไกลหูไกลตาฉันเลย อะมีบ้าบอย…”เธอกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ น้ำเสียงที่ได้สดับฟังนั่น…ทั้งเย็นชาและเหี้ยมโหดแฝงอยู่ด้วยกัน ร่างบางกระโดดแล้วจึงหมุนตัวไปทางซ้ายมือของตนเอง ส้นรองเท้าหนังสีดำถูกยกขึ้นสูงเพื่อจะใช้ท่าจระเข้ฟาดหาง
                    พลั่ค!!!
                    “อุ๊บ!!??”โชคยังดีที่ฮิบาริยกทอนฟาขึ้นมาป้องกันตัวได้ทัน แต่ตัวเขาเองก็ถอยกรูดไปด้านหลังเพราะแรงกระแทกอันมหาศาล รุนแรงเกินกว่าเด็กธรรมดาจะทำได้เสียอีก…!
                    “โอ๊ะโอ้~~เก่งจังเลยนะครับเนี่ย เห็นตัวเล็กๆแบบนี้ ไม่นึกว่าจะมีพลังเกินกว่าขอบเขตของมนุษย์นะครับ^^”เหมือนใครก็ไม่รู้คิดพลางปรายตามองไปทางอัลโกบาเลโน่เล็กน้อย
                    “น่าสนใจดีนี่…ยัยเด็กผี”ฮิบาริพยุงกายลุกขึ้นหลังจากเสียหลักไปได้ครู่ใหญ่ๆ “ฉันจะขย้ำเธอเอง…”
                    “ฮะๆๆเก่งจังเลย ชื่ออะไรงั้นหรือ??”ยามาโมโตะที่ยังหัวเราะได้อยู่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
                    …มารยาทของผู้ถาม ต้องแนะนำตัวก่อน”เด็กน้อยเงยหน้ามองร่างของผู้เอ่ยถามเล็กน้อย “ช่างเป็นพวกที่ไม่มีความเป็นสุภาพชนเอาซะเลย…เอาเถอะ ยังไงๆฉันก็ไม่อยากจำให้รกสมองหรอกมั้ง?”
                    อย่างกับหล่อนสุภาพตายล่ะ ยัยสุภาพสตรีจอมปลอม…ผู้พิทักษ์แห่งเมฆาแอบกัดเด็กน้อยในใจ
                    “คึหึหึ…โรคุโด มุคุโร่ครับ…เป็นผู้พิทักษ์สายหมอก”สุภาพบุรุษ(จอมปลอมไม่แพ้กัน)เอ่ยตอบกลับเป็นคนแรก
                    “ฮิบาริ เคียวยะ…”ตามด้วยผู้ที่มีความแค้นอยู่เต็มอก…(ออร่าความแค้นเงี้ย หนาเตอะเชียว=_=)
                    “ฮะๆ…ยามาโมโตะ ทาเคชิจ้า”<<<มีหมอนี่คนเดียวที่มาแปลกกว่าชาวบ้านเขา=_=’’
                    เด็กน้อยพยักหน้าเล็กน้อย… แต่ก็ยังคงไม่ปริปากเอ่ยขานนามของตนเองแต่อย่างใด มุคุโร่ย่นคิ้วเล็กน้อยด้วยความโมโหแกมข้องใจกับท่าทางเย่อหยิ่งของคนตรงหน้า
                    “อีกคนล่ะ…???”เจ้าตัวยอมพูดออกมาแต่กลับเป็นคำถาม ไม่ใช่ชื่อของตนเอง “ว่าไง…อีกคนล่ะ??”
                    “กึ…!”คำถามนั้นทำให้ชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินกัดริมฝีปากล่างของตนเองแน่น “เธอคนนั้น
                    “มาแล้วค่ะ!!!”เสียงหวานตะโกนมาจากด้านหลังของเหล่าวองโกเล่แฟมิลี่ ทุกคนรีบเหลียวหลังกลับไปมองด้วยความตกใจสุดขีด “โคลม โดคุโร่ ผู้พิทักษ์สายหมอกแห่งวองโกเล่ค่ะ!”
                    …ก็ดี…มากันครบเสียที”เด็กน้อยนิรนามกล่าวปัดก่อนที่จะถอดหมวกทรงสูงสีดำของตนออกจากศีรษะ เธอโค้งลงพลางเอาหมวกประกบไว้ที่อกซ้ายอย่างสุภาพ “ฉันเป็นครูฝึกใหม่ของพวกนาย…”
                    …….”
                    “ฉัน มิฮาเอล ดี.คุนาซึ…เงาของรุ่นที่9”เรือนผมสีทมิฬดำย้อมแดงบางส่วน ปลายยาวเลยบ่าถูกหนังยางมัดเอาไว้ดูเรียบร้อย… ดวงหน้าเนียนขาวเงยหน้ากลับขึ้นมามองเหล่าผู้พิทักษ์ทั้ง4คน…ดวงตาสีน้ำตาลไหม้อันคมกริบที่ด้านขวาทว่าด้านซ้ายกลับปล่อยให้ผมหน้าลงมาปิดบังไว้อย่างมิดชิด
                    “ตาซ้ายน่ะ…ช่วยเปิดหน่อยเหอะ น่ารำคาญ”ฮิบาริพูดขึ้นราวกับจะสั่งเธอ
                    “ครั่กๆๆ…ขอโทษนะ ตาข้างนี้ฉันไม่จำเป็นต้องใช้เวลาสู้แบบเล่นๆ”คุนาซึหัวเราะร่าพร้อมกับพับให้หมวกทรงสูงแบนลง ครู่ต่อมา…สายตาอาฆาตก็บังเกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอ หมวกใบนั้นถูกร่อนไปทางเหล่าผู้พิทักษ์อย่างรวดเร็ว
                    “!!!!??”ฮิบาริ,มุคุโร่ และ ยามาโมโตะยกอาวุธขึ้นมาป้องกันยกเว้นโคลมเพียงคนเดียวที่เบี่ยงกายหลบมันเท่านั้นเอง ผู้พิทักษ์แห่งเมฆาที่แค้นมากกว่าคนอื่นๆรีบพุ่งตัวเข้าไปฟาดทอนฟาใส่เหมือนคราแรก แต่คราวนี้
                    เคร้ง!!!
                    ฟ่อ!!! งูพิษนับสิบตัวโผล่ขึ้นมาช่วยรัดร่างของครูฝึกอย่างแน่นหนา พิภพเดียรัจฉานของมุคุโร่นั่นเอง!!!
                    “อย่าแส่…เจ้าหัวพืชไร่”ฮิบาริปรายตามามองจิกอีกฝ่ายอย่างเคืองๆ “ฉันเคืองแม่นี่แค่คนเดียวก็จะบ้าตายแล้ว…”
                    “คึหึหึนั่นมันก็เรื่องของคุณ แต่ผมเองก็อยากจะชนะเหมือนกันนั่นล่ะ”ร่างสูงกว่าอธิบายเป็นเวลาเดียวกันกับที่งูตัวหนึ่งกัดลงไปที่คอของเด็กน้อยจนหมดลมไป “ครูฝึกนี่…ช่างประมาทจริงๆ”
                    แกรกๆๆ
                    “!!!!!!!!???”อะไรกัน!?หุ่นเชิด!??? เมื่อรู้ตัวว่าเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินก็รีบให้พวกงูหายไปในทันทีเพื่อตรวจสอบ หุ่นเชิดที่เคยถูกชักใยนอนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน
                    แกรกๆๆ… มันขยับหัวเงยหน้าขึ้นมองพวกคนตรงหน้าช้าๆ
                    “คงจะไม่เคยรู้จักฉายาของฉันสินะครั่กๆๆ”มันขยับปากที่เป็นไม้อัดของมันถามขึ้น “แต่เอาเถอะฉันมันก็มีหลายฉายาน่ะนะจะบอกให้อันนึงก็แล้วกัน”
                    ว่าจบมันก็นิ่งไปพักใหญ่ๆจนฮิบาริกับมุคุโร่เริ่มไม่ไว้วางใจว่าคุนาซึกำลังคิดจะกระทำการอะไรกับพวกเขาในตอนนี้ แล้วก็มีเสียงจากเจ้าหุ่นนั่นอีกครา
                   “ฉายาของฉัน…ก็คือ[นักเชิดหุ่น มิฮาเอล]”
                    “ที่สามารถชักใยเหล่ามนุษย์ให้กลายเป็นตุ๊กตาได้ ยังไงล่ะ…”คราวนี้เสียงหวานจากคนที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นจากด้านหลังของมุคุโร่… เขาหันหลังกลับมาพร้อมกับเอาสามง่ามขึ้นมาป้องกันตัวเอาไว้
                    เคร้ง!!!!!
                    “ค…โคลม…!?!?”สามง่ามสองอันเสียดสีกันจนเกิดประกายไฟขึ้น ดวงเนตรสองสีมองหญิงสาวผู้เป็นที่รักด้วยความตื่นตระหนกกับภาพตรงหน้า ดวงตาของโคลมที่เคยสดใสยามนี้กลับไร้ซึ่งแววตาที่อ่อนโยน โคลม…เป็นอะไรไป… ร่างสูงคิดหลังจากที่ผละตัวออกมาจากเธอได้
                    “โคลมครับ!!!เป็นอะไรไป!!??”
                    “โคลมครับ~~เป็นอะไรไป~~เล่นละครเก่งจังเลยนะ พ่อสุภาพบุรุษจอมปลอม”ร่างนั้นขึ้นเสียงสูงเป็นเชิงล้อเลียน “ก็นายเองไม่ใช่หรอ…ที่ทำให้เด็กนี่เกิดช่องว่างภายในจิตใจน่ะ~~”
                    “อ…อะไรนะ!!??”ชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินโพล่งขึ้นด้วยความขัดข้องใจ “หมายความว่ายังไง!!??”
                    “อุ…คิกๆๆๆ ท่าทางจะโง่ขนานหนักนะเนี่ย”โคลมที่ถูกควบคุมอยู่ทำท่าหัวเราะ “นายน่ะ…ทำร้ายจิตใจอันใสซื่อ~~~ของโคลม โดคุโร่ไปแล้วนี่~~”
                    “กึ…!!!”พูดไม่ออก…สำหรับมุคุโร่ นี่เป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจที่สุดสำหรับตัวเขา
                    “ขอแค่เกิดช่องโหว่ภายในจิตใจ…เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที ฉันก็ควบคุมเด็กนี่ได้แล้ว”
                    …หุบปาก แล้วมาให้ฉันขย้ำซะ…”ฮิบาริตั้งท่าจะไปฆ่าผู้ถูกชักใยด้วยท่าทีที่ไม่คิดจะยั้งมือ ทว่า…
                    ขวับ… ร่างของสายหมอกกลับเป็นฝ่ายที่ก้าวเท้าเดินมาขวางทางของชายหนุ่มเรือนผมทมิฬดำ ดวงเนตรสองสีจ้องเขม็งใส่เขาก่อนที่จะหันไปทางโคลมในขณะที่ออร่าความโกรธยังคงแผ่ออกมามากมายหลายขนาน
                    “ผมจัดการเอง…คุณหาตัวคนชักใยไปน่ะดีแล้ว…”มือหนากำสามง่ามแน่นราวกับจะบีบมันให้หักไปเสียเลยก็ว่าได้ “เรื่องนี้…ผมกับโคลมต้องใช้เวลาปรับความเข้าใจกันเสียหน่อย”
                    “แกสั่งฉันงั้นเรอะ… เจ้าหัวพืชไร่”กรรมการนักเรียนจอมโหดยกทอนฟาขึ้นมาใส่หน้ามุคุโร่ “ว่าไง??”
                    “ผม-ไม่-ได้-ว่าง-ขนาด-มา-นั่ง-ชี้-นิ้ว-สั่ง-คุณ-หรอก”<<<เน้นทุกคำพูด
                    “เอ้า…จะทะเลาะกันไปถึงไหน…”ร่างบางของโคลมยืนเท้าเอวพลางเอาสามง่ามพาดไหล่เอาไว้คล้ายพวกเด็กเกข้างถนน ครู่นึงผ่านไปมือเรียวเล็กของเธอก็เลื่อนที่คาดตาไปไว้ด้านซ้ายแทน… ใช่.. ตอนนี้ตาขวาของโคลมที่เคยบอดแต่ก่อนนั้นมีสีน้ำตาลไหม้ที่เป็นของคุนาซึ
                    “อย่ายืนแบบนั้นได้ไหมครับ… โคลม”ชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินเอ่ยนิ่งๆ “ผมรู้ว่าคุณยังได้ยินผมอยู่”
                    …เฮอะ ไร้สาระ… เด็กนั่นน่ะนะถูกปิดกั้นจากกายเนื้อแล้วล่ะ”คราวนี้เธอเอาสามง่ามพาดบ่าทั้งสองแล้วเอาแขนวางไว้ด้านบน หลังงอลงมาเล็กน้อยพร้อมกับรอยแสยะยิ้มอันน่ารังเกียจอันเป็นเอกลักษณ์ของครูฝึกคนใหม่ “การต่อสู้จริงๆน่ะ เขาไม่มีเวลามานั่งเสวนากับผู้ถูกควบคุมหรอกนะ ต่อให้จะรักแค่ไหนก็ต้องปล่อยไป”
                    …ลองเป็นแบบนี้ผมก็ตอบได้แค่คำว่า…[ไม่มีทาง]หรอกครับ”
                    “งั้นก็เดี้ยงไปซะเถอะ…!!!”
                    ว่าจบเธอก็เอี้ยวไหล่ไปทางซ้ายให้อาวุธยาวหล่นเข้ามาในมือก่อนที่จะชูขึ้นควงเหนือหัวด้วยมือเพียงข้างเดียวเท่านั้น พลันเมื่อมันถูกแทงลงกับพื้น เสาไฟแห่งความเร่าร้อนก็ปะทุขึ้นเป็นทางไปหาตัวผู้ที่เคยมีพระคุณกับร่างนี้ ฝ่ายมุคุโร่นั้นก็พุ่งเข้าจู่โจมโคลมที่ถูกควบคุมโดยที่ไม่คิดจะใช้ภาพมายาโต้ตอบแต่อย่างใด
                    มันเป็นแค่ภาพลวงตา
                    “คิดหรอว่ามันจะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเด็กๆแบบที่แกเคยทำน่ะ”น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของหญิงสาวเปล่งออกมาจากลำคอถามขึ้น หลังจากนั้นเสาไฟทั้งหมดก็ไหลเข้ามารวมตัวกัน ควบแน่นเป็นช่วงลำตัวที่ยาวมีเกร็ดเงาวับสีเพลิง คมเขี้ยวที่ใหญ่และแหลมคม ดวงตาคมกริบลุกโชนแสดงถึงอำนาจอันน่าสะพรึง
                    มังกร
                    “คราวนี้มันจะไม่ใช่แค่ภาพมายา…!!แต่เป็นสัตว์เทพที่ฉันใช้พลังของเด็กนี่เพื่ออัญเชิญ”
                    !!!???
                    ใช้พลังของโคลมแทนตัวเองงั้นเรอะ!!!??มันจะมากไปแล้วนะ!!! ชายหนุ่มเรือนผมสีไพลินกัดฟันกรอดกับความอึดอัดภายในใจที่เกิดขึ้นเพียงเพราะครูปีศาจตรงหน้านี่ ไม่เคยใยดีกับใครขนาดเป็นเด็กแท้ๆ!!!
                    ท่านมุคุโร่
                    !!??”โคลม!!!...ได้ยินผมไหมครับ!!??
                    “อ..!!อุค…!บัดซบ…!ทำไมมันถึงยังมีสติอยู่…!!??
                    คุนาซึสบถออกมาขณะที่ร่างของโคลมที่เธอใช้อยู่กำลังทรุดลงกับพสุธา คงจะได้เวลาแล้ว
    ***Kunazu Type***
                    [แย่งไมค์ฉันไปใช้อีกคนแล้ว ทำไมเด็กสมัยนี้นิสัยเสียจริงๆ=3=]<<<ผัด
                    [เดี้ยงมันไปตรงนั้นเลย ไอ้คนเขียน]<<<ว่าแล้วก็เอาตุ๊กตาเฉือนคอหอยผัดทิ้งT T
                    ครั่กๆๆแหม เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย กว่าจะหลอกเจ้าหัวสัปปะรดตัวที่สองให้หลงเชื่อว่าฉันใช้พลังของโคลมจนหมดแรงจะหายใจน่ะ ฮึๆๆเรื่องก็คือ มังกรนั่นน่ะ ฉันเรียกมาเองต่างหาก
                    “นั่นสิน้า~~…ไหนๆก็จะหมดเวลาแล้วนี่นะ”ฉันพูดขึ้นเบาๆพลางพุ่งเข้าไปใช้สามง่ามเข้าแทงที่ตัวของ เอ่อมุคุโร่สินะ(ปกติฉันแอบเรียกหมอนี่ว่าไอ้สัปปะรดเบอร์สองน่ะนะคิกๆ) แต่ขอโทษทีครับน้อง…!!!ทำไมอยู่ร่างนี้แล้วอ่อนแอชะมัดเลย ฮึ่ม-*-!!
                    “โอ๊ะโอ้~สูญเสียการทรงตัวสินะครับ”ว่าแล้วก็ปัดสามง่ามของยัยเด็กสัปปะรดทิ้งก่อนที่จะใช้สันมือกระแทกท้ายทอยจนสมองด้านชา ไม่หรอกฉันไม่สลบ เพราะ ฉันกลับเข้าร่างเดิมที่แอบอยู่บนต้นไม้ได้ทันพอดิบพอดี ก็เลยกลายเป็นว่ายัยเด็กสายหมอกก็เลยสลบเหมือดไปเลยแหล่ะ ฮะๆๆ
                    “ท่านมุคุโร่”
                    “โคลม!!??ไม่เป็นอะไรนะครับโคลม!!??<<<ถ้าไม่เป็นอะไรยัยเด็กนั่นมันจะสลบต่อหน้านายไหมล่ะฟะ ไอ้สัปปะรดหน่อที่2- -**
                    “โคลมขอโทษที่ทำกับท่านแบบนั้นนะคะ<<<ยังมีเวลามาขอโทษอีกนะ ฉันล่ะเกลียดเรื่องหวานๆพรรค์นี้จริงๆ
                    พอฉันลงไปยืนที่พื้นเบื้องล่างก็แกล้งตีหน้ายิ้มๆแบบเดิมๆที่เคยทำไป โอเค ฉันจะบอกก็ได้ว่าฉันชอบยิ้มแบบสมเพชใส่เจ้าพวกนี้ คนที่ทำให้ฉันยิ้มแบบมีความสุขได้อย่าหวังเลยว่าชาตินี้จะมี เจ้าเอ่อ อะไรนะ มุคุโร่ใช่หรือเปล่า(ฉันบอกแล้วนะ ฉันจะไม่จำชื่อพวกคนที่ฉันจะฆ่าให้รกสมองหรอก)เออ เจ้านั่นน่ะร้องไห้ออกมานิดหน่อยด้วยแหล่ะ ระหว่างที่เจ้านั่นมันบ่นพึมพำกับโคลม อีกสองตัวมันก็เข้ามาโจมตีฉันจากด้านหลัง เฮ้ย…!หาเรื่องกันนี่หว่า
                    “ว่างจัดสินะ งั้นฉันจะสงเคราะห์ให้พวกแกไปลงนรกเอง”ฉันเรียกให้มังกรโจมตีใส่เจ้าพวกนั้น
                    “ฮะๆคงจะไม่ได้หรอก คนที่ทำร้ายเพื่อนฉันน่ะ”ยามาโมโตะพูดขึ้น(น่าแปลกที่ฉันจำไอ้บ้ายิ้มนี่ได้คนเดียว= =)ดาบของหมอนั่นตวัดขึ้นพร้อมกับน้ำที่ขังอยู่เบื้องล่าง “ก็นะ ถือว่าจะต้องกำจัดทิ้งซะตรงนี้แหล่ะ”
                    ได้ๆ ฉันยอมรับ ถ้าไปกระตุกหนวดเจ้าเสือนี่ก็ถือว่าโง่ไปเล่นกับน้ำกรดน่ะล่ะ หมอนี่เวลาอารมณ์ไม่ดีฉันก็เคยเห็นในซีดีที่ตาลุงโนโน่แอบอัดมา แต่ฉันไม่ยอมอยู่เฉยๆหรอกน่าฉันรีบหลบน้ำที่เจ้านั่นปัดมาทันที
                    “หืม…??”ฉันสะกิดใจขึ้นมานิดหน่อยในเสี้ยววินาทีที่ฉันกระโดดอยู่เหนือหัวของยามาโมโตะ เจ้าเด็กตาขวางนั่นหายไปไหนล่ะเนี่ย หรือว่า
                    “โดนขย้ำซะเถอะ”ทอนฟาจ่ออยู่หัวฉันคิดอะไรตื้นๆไปนะเจ้าหมอนี่
                    “ถ้าจะลำเมอก็ลงไปนอนก่อน แล้วค่อยพูด!!”ฉันหันไปจับแขนซ้ายของเจ้าตาขวางก่อนที่จะหมุนตัวเขวี้ยงเจ้านั่นดิ่งพสุธาแบบไม่คิดเงิน~_~ ผลออกมาผิดคาดนิดหน่อย เพราะ เจ้าฮิบาริจับกิ่งไม้เอาไว้ได้ทันท่วงที ก็เลยห้อยต่องแต่งอยู่บนนั้นไปซักพักพร้อมกับสบถด่าฉันเป็นร้อยคำ เฮ้ยๆฉันยังอยู่ตรงนี้นะเฟ้ย ด่าอะไรก็เกรงใจหน้าฉันหน่อยสิ= =
                    “มองหน้าฉันทำไม..”อยู่ๆก็ถามฉันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “ยัยสัตว์กินพืช”
                    “ไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะ ฉันไม่ใช่สัตว์กินพืช”ยอกย้อนมันสักนิดเพื่อความสะใจ ครั่กๆ
                    “ฉันถามว่ามองฉันทำไมมิฮาเอล ดี.คุนาซึ”ทีแบบนี้ล่ะ เรียกซะเต็มยศเลย น่าหมั่นไส้ขี้หน้ากับความเย่อหยิ่งของไอ้หน้าอ่อนนี่ชะมัด- -
                    “ก็นายสบถคำด่าฉันเป็นร้อยคำนี่หว่า
                    ฉึก!!! อยู่ๆก็มีของมีคมสองอย่างโจมตีเฉียดหน้าฉันไปโดนต้นไม้ด้านหลัง ที่แก้มของฉันสัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นๆสีเพลิงที่มีกลิ่นคาวโชยออกมา
                    ก็คงไม่พ้นเลือดนั่นแหล่ะ
                    “ทำกันได้แสบมากเลยนะครับมิฮาเอล ดี.คุนาซึ”มุคุโร่เรียกชื่อเต็มยศของฉันอีกคนแล้ว
                    “แถมยังหลบดาบของฉันพ้นเนี่ย ท่าทางจะต้องเอาจริงกันหน่อยแล้วนะ”ยามาโมโตะเอ่ยสมทบ
                    อ่านะคงจะหมดเวลาอุ่นเครื่องแล้วล่ะ”ว่าแล้วฉันก็ใช้พลังธาตุอัสนีสร้างเขตแดนคลุมสวนสาธารณะเอาไว้ทั้งหมด โดยใช้มีดที่เพิ่งปาไปก่อนหน้านี้เป็นสื่อกลางของกระแสไฟฟ้าทำให้เป็นโดม
                    “ผมว่าคุณคงจะออกมาเล่นไม่ได้อีกนานเลย คุนาซึ”
                    “เพราะว่าฉันจะขย้ำเธอให้เละ
                    “ที่บังอาจมาทำร้ายเพื่อนของฉันน่ะ
                    “พนันได้เลยว่า พวกนายแพ้ราบคาบแน่ๆ~ เจ้าพวกผู้พิทักษ์”
                    ฉันเลียเลือดที่มือของตัวเองเล็กน้อย ถ้าเกิดยังไม่เลื่อนระดับฝีมือให้เป็นขั้นที่สองล่ะก็ ฉันคงจะลงแดงตายแน่ๆพวกนายว่าอย่างนั้นไหม?? ฉันยื่นมือออกมาด้านหน้าทั้งสองข้างหลังจากนั้นก็ปล่อยพลังไฟออกมา(ซึ่งนานๆทีจะได้ใช้สักที ฮะๆๆ)
                    “ไฟนั่นมันอะไรน่ะ!!???ประหลาดสุดหูรูด!!”ซาซางาวะ เรียวเฮ รึเปล่านะ??ช่างเถอะที่รู้ๆหมอนั่นโพล่งขึ้นตอนที่ฉันปล่อยไฟสีทมิฬออกมา
    ***ทางด้าน พวกสึนะที่อยู่ด้านนอก***
                    “วิธีใช้เหมือนกับX Gloveเลยแต่เป็นไฟสีดำหรอ…??
                    วองโกเล่รุ่นที่10 ซาวาดะ สึนะโยชิเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยและตกใจในเวลาเดียวกัน อาการของเขาเริ่มรู้สึกประหม่ากับครูฝึกที่อยู่ในโดมใสขึ้นมาเสียแล้ว ส่วนรีบอร์นเองก็ยืนดูอยู่เงียบๆข้างๆกัน
                    “รุ่นที่10ครับ!!มันเลียนแบบท่าของรุ่นที่10นะครับ!!!”โกคุเดระโพล่งขึ้นด้วยความโมโหสุดขีด “ปล่อยไว้แบบนี้มันจะดีหรือครับ!!
                    “เด็กนั่นไม่ได้เลียนแบบใครหรอก”อัลโกบาเลโน่กล่าวขึ้นอย่างใจเย็น “การใช้พลังขั้นที่สองของคุนาซึน่ะจะเป็นการใช้วิธีสู้ระยะประชิดโดยการเพิ่มไฟที่ตัวเองคิดค้นเองเป็นตัวเสริม”
                    “งั้นก็เหมือนกับเข้าไฮเปอร์โหมดไปแล้วน่ะสิ”สีหน้าของวองโกเล่หนุ่มเริ่มไม่สู้ดี
                    “ยังคุนาซึแค่ออกแรงใช้พลังดับเครื่องชนที่ฉันเคยใช้กับนายเฉยๆ”รีบอร์นขัดขึ้นเสียก่อนที่สึนะจะได้พูดอะไรต่อ
                    “อย่างนั้นมันก็ขี้โกงสิครับ คุณรีบอร์น!!!”สโมกกิ้งบอมยังคงโวยวายไม่เลิกตามเคย
                    “มันก็ไม่ได้มีกฎไว้ว่าห้ามใช้พลังนี่”ยังเถียงต่อ“นั่นน่ะเจ้าตัวยังไม่ได้เอาจริงด้วยซ้ำ”
                    “เอ๋…!?”ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตะโกนร้องขึ้นอย่างสงสัย ขนาดเข้าโหมดดับเครื่องชนยังเรียกว่าไม่เอาจริงอีกเรอะ!!??
                    “ลองให้คุนาซึเปิดตาซ้ายออกสิพื้นที่ในรัศมีห้าร้อยเมตรได้กลายเป็นเถ้าถ่านแน่”
                    ทุกคนลอบกลืนน้ำลายกันเฮือกใหญ่ สึนะได้แต่ภาวนาขอให้ผู้พิทักษ์ทั้ง4คนในนั้นปลอดภัยอยู่ข้างนอกเงียบๆ
    ***********************************
    K:ใช้นามปากกาของตัวเองมันจะดีหรือเปล่าเนี่ย เหอๆ=w=
    Mukuro:ไม่ดีอย่างรุนแรงครับ คุณกล้ามากที่บังอาจมาทำร้ายโคลมที่รักของผม
    K:เหยมีแบบนี้ด้วยหรอ~~สัปปะรดหน่อที่2~_~
    Mukuro:(/เอาสามง่ามเสียบคอหอยคนเขียน)ทรงผมแบบนี้มันมีปัญหานักหรือครับ^ ^*
    K:มี เพราะ ทรงผมแกเป็นต้นแบบทำให้โคลมทำตามไง
    Mukuro:(/ใช้พิภพนรกเผาส่งคนเขียนไปทัวร์นรกทันที)เด็กดีไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างคนเขียนปากสุนัขคนนี้นะครับ^^~~~
    K:ถ้าฉันปากหมานายมันก็ปากเหม็นล่ะฟะ(/บ่น)
    Mukuro:ตายยากจริงๆนะครับ คุณคนเขียนโรคจิต^ ^*
    K:จะทำไม ไอ้สัปปะรดหื่นกาม- -
    (*- -)+++++++#+++++++(^ ^*)
              สงครามสายตาปะทุเดือด
    K:มองหน้าด้วยสายตาแบบนั้น เดี๋ยวปั๊ดแต่งให้โคลมตายซะเลย- -*
    Mukuro:ลองแต่งดูสิครับ รับรองว่าคุณไม่เหลือศพให้เก็บแน่^^**
    K:แต่งให้โคลมอกแตกตายที่รู้ว่านายไปYกับเบียกคุรัน เข้าท่าดีนะ ว่าไหม(**^ ^)
    Mukuro:ไหนว่าเรื่องนี้สัญญากับผมแล้วไงว่าจะไม่Y(- -)
    K:อาร๊าย~~!?ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะไม่แต่งYน่ะ=_,=
    Mukuro:เกลียดคุณจริงๆเลย ให้ตายสิ(/บ่น)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×