คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Destine love in my heart 5 : โทรศัพท์
Destine love in my heart 5 : โทรศัพท์
ฉันมานั่งอยู่ริมระเบียงภายในคอนโด หลังจากที่เดินทางกลับจากบ้านใหญ่ ช่วงหัวค่ำคือช่วงเวลาที่สื่ออารมณ์ในหลายรูปแบบ ช่วงเวลานี้อาจมีหลายคนทำอะไรอยู่หลายอย่าง บางคนอาจกำลังสังสรรค์ บางคนอาจกำลังอยู่กับครอบครัว บางคนอาจสุข ทุกข์ หรือแม้แต่บางคนอาจกำลังนั่งเหงาอยู่คนเดียว อย่างเช่นฉันในตอนนี้
นึกถึงข่าวในหนังสือพิมพ์วันนี้ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่ายังต้องจัดการกับอะไรสักอย่าง ที่มันยังค้างคาอยู่ เร็วเท่าความคิด ฉันจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์ถึงปลายสาย เสียงรอสายของปลายทางดังขึ้นเป็นเพลงของนักแต่งเพลงรักชื่อดังของเมืองไทย ฉันนั่งรอคนรับสาย สักพักหนึ่งเพลงรอสายนั้นก็ดับลง บอกให้รู้ว่าปลายสายรับโทรศัพท์จากฉันแล้ว
“ฮัลโหล”เสียงของสปาร์คดังขึ้น เพื่อรับโทรศัพท์ฉัน แต่ฉันยังคงเงียบ เลยไม่ได้ตอบอะไรเขากลับไป
“ฮัลโหล นั่นใครพูดสายครับ”สปาร์คยังคงส่งเสียงเตือนอีกครั้ง
“สวัสดี คุณสปาร์ค”ฉันกล่าวทักเขา
“ครับ แล้วนั่นใครพูดสายครับ ” สปาร์คถามฉัน เขาคงจะสงสัยว่าปลายทางนั่นจะเอาอะไรกันแน่ อยู่ๆก็โทรมาหาเขา
“ใครก็แล้วแต่ คุณอย่าสนเลยดีกว่า แต่คุณน่าจะรู้บ้างนะว่าทำอะไรไว้”ฉันเริ่มการสนทนาโดยการโวยวายใส่เขาไป
“ใคร อะไร ผมไปทำอะไรให้คุณเนี่ย อยู่ๆก็มาว่าผมปาวๆ บ้ารึป่าว”เขาโวยวายกลับใส่ฉัน ถ้าเป็นฉัน ฉันก็ทำเช่นนั้น
“ก็คุณมาจูบ เอ้ย คุณทำอะไรไว้คุณไม่รู้บ้างรึไง” พอเริ่มการสนทนาทางโทรศัพท์กับเขาอย่างจริงๆจังๆ ฉันก็เริ่มโวยวายหนักขึ้น
“อ๋อ คุณปลาดิบ เอ้ย คุณญี่ปุ่นนี่เอง ว่าแต่เรียกผมว่าปาร์คก็ได้ครับ เรียกซะผมจะสปาร์คตัวเลยเองเลย”เขาบอกฉัน
“อีตาบ้า ฉันชื่อญี่ปุ่นย่ะ ไม่ใช่ปลาดิบ หัดเรียกฉันดีๆหน่อยสิ หรือถ้าชื่อฉันมันเรียกยากนัก หรือว่ามันยาวจนคุณขี้เกียจเรียก คุณก็เรียกว่า ปุ่น เฉยๆก็ได้นะคุณมังกรหยก”ฉันแหวใส่เขากลับไป คนบ้าอะไร คนอื่นเค้ามีชื่ออยู่แท้ๆแล้ว ดันไปเรียกชื่อเค้าเสียๆหายๆ
“ครับคุณปุ่น แต่ว่าผมชื่อปาร์คนะ ไม่ใช่มังกรหยก อย่างที่คุณเรียกซะหน่อย”
“ทำไม ฉันจะเรียกอย่างนี้ ก็ฉันได้ยินฉายาคุณมาอย่างนี้นี่ มีปัญหารึป่าวคุณมังกร”ฉันยังคงไม่ยอมแพ้เขา
“คุณนี่ไม่ยอมใครจริงๆเลยนะ แล้วคุณก็ไปเชื่ออะไรกับพวกนักข่าว”เขาถามเสียงเข้ม
“จะยังไงก็ช่างเถอะคุณปาร์ค คุณรู้บ้างรึป่าวว่าคุณทำอะไรไว้”ฉันบอกเขา วันนี้ฉันตั้งใจจะโทรศัพท์มาคุยกับเขาเรื่องข่าวแท้ๆ แต่นี่ดันเสียเวลาไปคุยอะไรที่มันไร้สาระอยู่ก็ไม่รู้
“ผมไปทำอะไรให้คุณล่ะครับ คุณปุ่น ถึงได้โทรมาหาผมเนี่ย หรือว่าคิดถึงจูบ เอ้ย คิดถึงผมจนทนไม่ไหว”เขาถามฉันอย่างกวนๆ บ้าจริงเชียว
“นี่คุณศรางกูรย์ อย่ามาซี้ซั้วนักนะ ที่ฉันโทรมาหาคุณเนี่ย ใม่ใช่ว่าฉันจะพิศวาสคุณหรอกนะ”ฉันพูดอย่างหมั่นไส้
“แล้วมีอะไรล่ะครับถ้าไม่ใช่ว่าคุณจะพิศวาสผมน่ะ”
“หลงตัวเองจริงคุณนี่ สิ่งที่ฉันจะถามคุณคือวันนี้คุณได้อ่านหนังสือพิมพ์รึยังคะ”ฉันบอกสิ่งที่ตั้งใจจะถามเขาตั้งแต่แรก แต่ว่าเขาคงไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ที่ว่าสินะ เพราะคงเอาเวลาไปจมอยู่ในกองเงินกองทอง จนไม่ได้ออกมาดูข่าวสารภายนอก
“ทำไมครับ ในหนังสือพิมพ์ลงข่าวอะไร ถึงทำให้คุณลงทุนโทรหาผมเลย”เขาคงสงสัยว่าข่าวลงอะไร ถึงทำให้ฉันลงทุนโทรหาเขาขนาดนี้ ถ้ามันไม่สำคัญฉันไม่โทรหรอกย่ะ
“ก็หนังสือพิมพ์ลงข่าวตอนที่เรา เอ่อ ก็ตอนที่นานจูบฉันน่ะสิ ใจคอนายจะไม่ทุกข์ไม่ร้อน อะไรเลยเหรอ”ฉันถามเขาอย่างเจ็บใจ มีอย่างที่ไหน คนอื่นเขากำลังทุกข์แต่ตัวเองกลับนั่งสบายใจ ไม่ได้รับรู้ถึงใจคนอื่นเลย
“ผมนึกแล้วเชียว”
“นึกอะไรล่ะคุณ”ฉันสวนทันควัน
“ต้องเป็นฝีมือของพวกมือดีที่ชอบขายข่าวชาวบ้านเค้าแน่ๆเลย เลวจริงเชียว”เขาสบถลั่น
“ใช่ เลวมาก แล้วคุณจะทำยังไงคะ จะนั่งอยู่เฉยๆอย่างนี้นะเหรอ หรือว่าจะปล่อยมันไป ให้มันผ่านแล้วก็ผ่านไป โดยที่ไม่คิดจะทำอะไรเลย”ฉันพูดยอกย้อนเขา ก็ใครจะทนล่ะ ฉันไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ ที่จะนั่งอยู่เฉยๆให้คนอื่นมาทำร้ายน่ะ อย่างน้อยๆเขาก็น่าจะทำอะไรบ้าง ไม่ใช่นิ่งดูดายซะขนาดนั้น
“ผมไม่อยู่เฉยแน่คุณปุ่น ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบ”เขาบอกคำตอบที่ฉันอยากฟัง ออกมา
“ก็ดีแล้ว อย่านานนักล่ะ ว่าแต่คุณจะจัดการยังไงเหรอคุณปาร์ค”
“ก็คงต้องใช้เงินยัดปากพวกนักข่าวล่ะมั้ง ให้เลิกเขียนข่าวของเราซะที” ดูท่างานนี้เขาคงต้องรับศึกหนักแน่ๆ
“งั้นฉันคงต้องขอบคุณล่วงหน้าละกัน หวังว่าคงจะไม่ได้ยินข่าวนี้อีกนะ”ฉันบอกเขาแกมขู่บังคับ อยากก่อเรื่องดีนัก
“ไม่เป็นไรครับคุณผู้หญิง”
“งั้นฉันไม่กวนคุณแล้วนะ แค่นี้ล่ะ”ฉันบอกลาเขา เตรียมจะวางสาย แต่แล้วเขาก็เรียกไว้
“เดี๋ยวสิคุณ บ่นเสร็จก็หนีเลยเหรอครับเนี่ย”เขาว่าฉัน
“บ้าสิคุณ ฉันก็คิดว่ามันไม่มีอะไรจะต้องคุยกันแล้ว เพราะฉันใกล้จะแต่งงานแล้ว มันคงไม่ดีแน่ ถ้าฉันมาคุยก่ะผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่”ฉันเงียบไปซักพักแล้วพูดขึ้นต่อ
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ว่าที่สามีน่ะ”เสียงของฉันต่ำลงตอนที่พูดคำว่า ว่าที่สามี อาจเป็นเพราะฉันยังทำใจไม่ได้มั้ง
“อ้าว คุณจะแต่งงานแล้วเหรอเนี่ย ก่ะจะจีบสาวนามว่าถิ่นพระอาทิตย์อุทัยเสียหน่อย”เขาพูดที่เล่นที่จริง เล่นเอาหัวใจฉันกระตุกวูบ
“บ้าสิคุณ”ฉันแหวใส่เขา ตอนนี้หน้าฉันต้องแดงแน่ๆเลยอยู่ๆก็โดนผู้ชายบอกจะจีบ ทั้งที่ชีวิตจริง ตั้งแต่ฉันเกิดมายังไม่มีใครเข้ามาจีบฉันเลย หน้าตาฉันก็ไม่ได้จะขี้ริ้วขี้เหร่อะไร เป็นถึงนางแบบด้วยซ้ำ ถึงแม้จะไม่ใช่นางแบบมืออาชีพก็เถอะ แต่อาจเป็นเพราะฉันไม่เปิดใจที่จะยอมรับใครมากกว่าล่ะมั้ง
“ล้อเล่นน่าคุณญี่ปุ่น อย่าคิดมากสิ ว่าแต่คุณจะแต่งงานแล้วเหรอ ทำไมแต่งเร็วจังเลย คุณยังสาวและสวยอยู่เลยนะเนี่ย เป็นนางแบบด้วยไม่ใช่รึ ทำไม่แต่งงานเร็วจัง”เขาถามอย่างทะเล้น
“อืม มันก็ใช่ แต่ฉันต้องทำตามคำสั่งของคุณพ่อ ขัดไม่ได้ซะด้วยสิ”ฉันบอกเขาด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“เราสองคนนี่มีอะไรคล้ายๆกันเลยเนอะ”เขาพูดบางอย่างซึ่งทำให้ฉันสงสัยอย่างมาก
“คล้ายยังไง”
“ก็ผมเนี่ยกำลังจะแต่งงานเหมือนกัน”
“จริงหรือคะ โลกช่างกลมดีแท้”
“ครับ ผมก็ว่างั้น แต่งานนี้เป็นคำสั่งของคุณพ่อ ขัดไม่ได้เช่นกัน”เขาบอกฉันมา ฟังจากน้ำเสียงเขาในตอนนี้ ฉันนั้นไม่อาจรู้ได้ว่าเขาคิดอะไร
“อืม ฉันว่ามันยังไงๆอยู่นะ คุณว่าไหม”ฉันถามเขาออกไป รู้สึกว่ามันจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล
“ผมก็ว่างั้นแหละ แต่มันคงจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดมั้งคุณ อย่าคิดมากเลย”เขาปลอบฉัน
หลังจากนั้นเราก็คุยกันไปสักพักใหญ่ จนล่วงเลยเวลาเข้าสู่ยามดึก จากนั้นเราทั้งสองก็วางสายจากกันไป
การที่ได้คุยกับผู้ชายคนนี้ ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกแปลกๆ ทั้ง สุข เศร้า เหงา ผสมปนเปกันไป อาจเพราะเราทั้งคู่ยังไม่รู้จักกับตัวเองดีพอ เลยทำให้การได้คุยกันครั้งนี้ ทำให้ฉัรได้รู้จักอีกด้านของมังกร ที่ด้านหน้านั้นเป็นหยก แต่ด้านหลังของใบหน้าหยกนั้นกลับเจอกับก้อนน้ำแข็งที่พร้อมจะละลายได้ทุกเมื่อ บางครั้งการที่เราจะมองใครเราไม่ควรดูเขาที่ภายนอก เราควรจะดูเขาจากภายในมากกว่า อย่าใช้ความคิดโง่ๆของเราตัดสินความดีจากภายนอกของใครเลย เพราะมันอาจทำให้เราพลาดโอกาสดีๆที่จะได้พบกับคนดีๆไปได้
+++++++++++++++
จบตอนที่ 5
+++++++++++++++++++++
เม้นท์ ๆๆ ให้ด้วยนะคะ
ความคิดเห็น