คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 04 — คาบเรียนต่อสู้ครั้งแรก
04 — คาบเรียนต่อสู้ครั้งแรก
วันที่สองของการเรียนที่โรงเรียนยูเอ สำหรับหลักสูตรฮีโร่ในช่วงเช้าจะเรียนวิชาภาคบังคับทั่วไปและในภาคบ่ายจะเป็นการเรียนหลักสูตรฮีโร่
คิเคียวนั่งเหม่อมองกระดานหน้าห้องที่เต็มไปด้วยประโยคภาษาอังกฤษ และมองดูโปรฮีโร่ ‘พรีเซนต์ไมค์’ พยายามเอนเตอเทนต์เด็กๆ ที่ตอนนี้น่าจะมีความคิดเหมือนๆ กันอย่าง ‘ธรรมดามากเลย’ อยู่
เธอจดสรุปที่เรียนวันนี้ลงในสมุดโน้ตเรียบร้อยหมดแล้ว เหลือแค่รอให้คาบนี้หมดก็จะไปกินข้าวแล้ว เธอเก็บสมุดโน้ตสำหรับสรุปวิชาภาษาอังกฤษลงจากโต๊ะ หยิบอีกเล่มขึ้นมาแทน เป็นสมุดสรุปวิชาคณิตศาสตร์เอามาอ่านรอจบคาบ
และคาบนี้ก็จบลงไปแบบเรียบง่ายหลังจากการตอบคำถามของยาโอโยโรสึ
การกินข้าวในช่วงพักเที่ยง สำหรับคิเคียวที่ไม่ชอบอยู่ในที่คนเยอะแล้วนั้นการกินข้าวบนห้องเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แต่ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่ได้ทำแบบนั้น เพราะจู่ๆ โต๊ะเธอก็ถูกเพื่อนผู้หญิงร่วมห้องล้อมไว้
“อากิฮิโระซังไปทานข้าวด้วยกันกับพวกเรามั้ยคะ?”
เป็นจิโร่ เคียวกะที่เอ่ยชวน คิเคียวเลิกคิ้วมองเล็กน้อย คนที่เธอสนใจมาเอ่ยชวน? น่าสนใจ
“อืม นำไปสิ”
เด็กผู้หญิงคนอื่นมีสีหน้าดีใจ คงอยากสนิทกับเธอล่ะมั้งแต่ไม่กล้าเข้ามาทักเมื่อวาน แต่พอเห็นยาโอโยโรสึทักเธอเมื่อตอนนั้นคงมีความกล้ากันขึ้นมา
การกินข้าวเที่ยงเป็นไปอย่างราบลื่น เธอไม่ได้พูดอะไรมากมาย เธอกินข้าวเสร็จก่อนคนอื่นๆ จึงขอแยกตัวออกมา ในห้องเรียนตอนนี้คงไม่มีคน เธออาจจะได้งีบสักพักก่อนจะเริ่มคาบบ่ายที่เป็นวิชาพื้นฐานฮีโร่ที่ต้องใช้แรง
คิเคียวกลับาหลับฟุบโต๊ะของตัวเองในห้องได้อย่างปลอดภัย อย่างที่คาดไว้ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้อง เธอเช็คเวลาจากในโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะตั้งปลุกตัวเองก่อนที่คาบบ่ายจะเริ่ม 10 นาที จัดการถอดแว่นวางไว้และฟุบหลับไป
เธอตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุกจริงๆ ก่อนคาบเรียนภาคบ่าย 10 นาทีตามที่ตั้งไว้ เธอหยิบแว่นที่วางไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะและใส่มันให้เข้าที่ดีๆ ทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ นอกเหนือจากยาโอโยโรสึก็ยังไม่มีใครได้เห็นสีตาจริงๆ ของเธอเลยสักคน มันก็ไม่ได้มีอะไรหรอก เธอแค่ไม่ชอบเป็นจุดสนใจเท่านั้น
ไม่นานหลังจากหมดเวลาพักเที่ยง ก็มีโปรฮีโร่คุ้นหน้าคุ้นตาทุกคนโผล่เข้ามาพร้อมวลีประหลาด
“ฉันคนนี้ผ่านเข้าประตูมาได้แบบธรรมดาแล้ว!”
ทุกคนในห้องส่งเสียงฮือฮาเพราะคนที่เข้ามาคือ ‘ออลไมท์’ โปรฮีโร่อันดับหนึ่ง คนอื่นพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับคอสตูมของออลไมท์สักอย่างที่คิเคียวไม่เข้าใจ แม้เธอจะมีพ่อเป็นโปรฮีโร่ ที่ไม่เคยอยากนับเป็นพ่อ และเธอไม่มีความสนใจในฮีโร่คนใดเธอเลยไม่เข้าใจว่ากับแค่เรื่องคอสตูมมันจะอะไรขนาดนั้นกัน
“ฉันเป็นคนรับผิดชอบวิชาพื้นฐานฮีโร่ วิชานี้ประกอบไปด้วยการฝึกซ้อมสารพัด”
“เพื่อฝึกพื้นฐานของการเป็นฮีโร่และเป็นวิชาที่หน่วยกิตเยอะที่สุด”
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้เป็นไอ้นี่ก็แล้วกัน”
“ฝึกซ้อมต่อสู้!”
อ่า ดูเหมือนจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นแน่นอน คิเคียวมั่นใจเลยล่ะ
คอสตูมฮีโร่ของคิเคียวไม่มีอะไรเป็นพิเศษ มันก็แค่เสื้อโค้ทที่ทนไฟและน้ำแข็งสวบทับกับเสื้อเชิ้ตสีขาวครึ่งหนึ่งและสีดำครึ่งหนึ่ง ทนไฟกับน้ำแข็งเหมือนกัน กางเกงสแลค รองเท้าคอมแบททนไฟ ข้างเอวมีสายคล้องปลอกดาบที่เอาไว้สำหรับดาบยาวหนึ่งเล่มห้อยที่ไว้ข้างเอว มีแว่นตากันลมที่สามารถแท็กตำแหน่ง มีแผนที่ให้
หลังจากที่ทุกคนมากันพร้อมหน้า ออลไมท์ก็เริ่มอธิบาย
“พวกเธอจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มวิลเลินเเละกลุ่มฮีโร่”
“ต่อสู้กันเป็นทีมสองต่อสองภายในอาคาร”
“ไม่ต้องฝึกซ้อมพื้นฐานก่อนหรอคะ?” เป็นอาซุย ทสึยุที่เอ่ยถาม ในความจริงมันก็ควรจะฝึกพื้นฐานก่อนนั่นแหละ แต่ดูเหมือนว่าโปรฮีโร่คนนี้จะไม่คิดแบบนั้น ให้เรียนรู้จากสถานการณ์จริงเลยน่าจะดีกว่า? คงคิดแบบนี้ละมั้ง
“นี่แหละคือการลงมือปฏิบัติจริงเพื่อปูพื้นฐาน” เป็นไปตามที่คาดจริงๆ
“เพียงแต่ ในการฝึกครั้งนี้จะไม่ใช่แค่การทำลายหุ่นยนต์อีกแล้ว”
“แล้วจะตัดสินผลแพ้ชนะกันยังไงเหรอคะ?”
“ซัดให้กระเด็นเลยได้ไหม?”
“จะลงโทษโดยการไล่ออกเหมือนอาจารย์ไอซาวะอีกไหมคะ?”
“แล้วพวกเราจะใช้วิธีอะไรแบ่งกลุ่มครับ?”
ทุกคนรัวคำถามกันไม่หยุด จนสุดท้ายออลไมท์ก็ควักโพยมาอ่าน คิเคียวมองด้วยแววตาเหนื่อยใจ เป็นฮีโร่คงเหมาะกว่ามาเป็นอาจารย์นะ ออลไมท์
“จงฟังให้ดี”
“สถานการณ์คือวิลเลินซ่อนอาวุธนิวเคลียร์ไว้สักแห่งในฐานที่ตั้ง”
“เหล่าฮีโร่จะต้องเข้าไปกำจัดมัน ฮีโร่ต้องจับวิลเลินทั้งหมดตามเวลาที่กำหนดไว้หรือจะเข้าไปเก็บกู้นิวเคลียร์ก็ได้”
“ส่วนวิลเลินก็ต้องป้องกันไม่ให้นิวเคลียร์ถูกเก็บกู้ได้หรือจัดการฮีโร่ให้หมดจึงจะเป็นฝ่ายชนะ”
“ส่วนเพื่อนร่วมทีมและทีมที่ต้องสู้ด้วยเราจะมาจับฉลากกัน”
ผลที่ได้คือคิเคียวอยู่กลุ่ม B เนื่องจากห้องมี 21 คนจึงเป็นการแบ่งสองต่อสามในรอบของเธอ เพราะจับฉลากสองคนกัน ออลไมท์ให้เธอเลือกว่าจะอยู่ที่ใคร เธอเลือกทีมที่มีคนน่าสนใจอย่าฮากาคุเระอยู่ ทำให้ในทีมของเธอจึงมี โอจิโร่ มาชิราโอะ กับฮากาคุเระ โทรุอยู่ ส่วนอีกฝั่งเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านโทโดโรกิกับคนที่มีอัตลักษณ์งอกอวัยวะอย่างโชจิ เมโซ
คู่แรกเป็นการแข่งขันของทีมนายหัวเขียวกับนายหัวเม่น เอาตรงๆ เธอไม่คิดว่ามันจะเป็นการแข่งขันที่ได้ประโยชน์เลย ดูจากหน้านายหัวเม่นนั่นก็รู้แล้ว หมอนั่นแค่อยากอัดนายหัวเขียวให้จมดิน เพื่อที่จะสามารถพูดกับตัวเองได้ว่าตัวเองเจ๋ง
คิเคียวละสายตาจากมอนิเตอร์ในห้องและเดินไปรวมกลุ่มกับทีมตัวเอง เธอสังเกตเห็นว่าฮากาคุเระสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ฮากาคุเระ โทรุ รู้สึกแปลกๆ กับเด็กคนนึงที่เป็นเพื่อนร่วมชั้น เธอคนนั้น—อากิฮิโระ คิเคียว เด็กสาวที่มีส่วนสูงโดดเด่น เรือนผมสีเงินสวย และครอบครองดวงเนตรที่แฝงความเย็นชาไว้
โทรุรู้ดีว่าถูกจับจ้องมาตั้งแต่ตอนสอบสมรรถภาพ มันเป็นสายตาที่มองมาด้วยความสนใจ ในตอนแรกเธอนึกว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาคุยแต่กลับไม่มา ทำเพียงแค่มองและเมินเฉยไป
ตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้จักกับยาโอโยโรสึมาก่อนก็ชวนให้ประหลาดใจ และประหลาดใจมากขึ้นไปอีกตอนที่ได้เห็นอีกฝ่ายเล่นไวโอลิน
ทั้งที่ดูเย็นชาแต่หากสังเกตดีๆ จะเห็นความใจดีซ่อนไว้อยู่ภายใน อัตลักษณ์ก็ทรงพลัง แต่กลับไม่มีชีวิตชีวา
ฮากาคุเระ โทรุ สรุปว่าเธอคนนั้นเป็นคนน่าสนใจแต่ก็เข้าหายาก เธอไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้คุยกันมากนัก จนตอนนี้
เราอยู่ทีมเดียวกัน
ภาพในมอนิเตอร์แสดงให้เห็นถึงความสะบักสะบอมของทีมฮีโร่ การโจมตีที่รุนแรงของมิโดริยะกับบาคุโกจนทำให้ตึกพังเละเทะ มันจบลงด้วยการที่ทีมฮีโร่ชนะแต่สภาพดูไม่ได้เลย กลับกันทีมวิลเลินสภาพดูดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
คิเคียวเผลอหลุดหัวเราะออกมาตอนที่ทั้งสองทีมกลับมาฟังสรุปผล ยกเว้นมิโดริยะที่ต้องไปห้องพยาบาลเพราะบาดเจ็บหนัก เสียงหัวเราะของเธอดึงสายตาของทั้งห้องมาที่เธอ
“คิเคียวซังหัวเราะทำไมหรอคะ?”
“ฮะๆ เปล่าหรอก แค่คิดว่ามันตลกดีน่ะ”
“ตลกหรอคะ?” ยาโอโยโรสึเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ก็มันน่าตลกดีนะ เพราะถ้าในความเป็นจริงก็ตายกันยกตึกแล้วไหม?”
“การโจมตีตอนแรกของมิโดริยะที่สามารถทุ่มบาคุโกลงพื้นได้ ในตอนนั้นแทนที่จะให้อุรารากะเข้าไปแตะตัวบาคุโก เพื่อใช้อัตลักษณ์ทำให้บาคุโกลอยขึ้น หรือจะให้มิโดริยะจัดการทำให้บาคุโกสลบแล้วเอาเทปจับกุมพันไว้ก็ได้ทั้งนั้น”
“แต่กลับไม่ทำ พอบาคุโกลุกขึ้นมาได้ก็เลยมีสภาพแบบนี้ไงล่ะ”
“การโจมตีที่รุนแรงในอาคารของทั้งมิโดริยะและบาคุโกเป็นเรื่องที่โง่สุดๆ ในความจริงพวกนายตายไปแล้ว รวมถึงอุรารากะและอีดะที่อยู่ใกล้นิวเคลียร์ที่สุด”
“โชคดีแค่ไหนที่ท่าต่อยของมิโดริยเที่ทำให้อาคารเป็นรูขนาดใหญ่นั่นไม่ทำให้อีดะและอุรารากะบาดเจ็บ”
“ถ้าเกิดสองคนนั้นบาดเจ็บขึ้นมาเพราะแผนการที่ไม่คิดให้รอบคอบของมิโดริยะมันคงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่”
“ไม่ว่าจะเป็นในคาบเรียนหรือในชีวิตจริงพวกนายก็สอบตกทั้งนั้น”
“ฉันพอจะเดาได้จากที่พวกนายแสดงออกเมื่อวานว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ฝ่ายนึงแกล้งและอีกฝ่ายถูกแกล้ง”
“แต่นี่มันคาบเรียนเพื่อฝึกพื้นฐานฮีโร่ มันไม่ใช่ลานทะเลาะเพื่อเคลียร์ความรู้สึกของพวกนายเสียหน่อย”
“หัดมีหัวคิดโดยใช้ตรรกะทางเหตุและผลเสียบ้าง ถ้าจะเป็นฮีโร่ก็หัดใช้หัวมากกว่าอารมณ์เถอะ ก็โตกันหมดแล้วนะ ไม่ใช่เด็กอนุบาลน่ะ ฮีโร่มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นนะ”
สิ้นเสียงเอ่ยของคิเคียวทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ออลไมท์แอบเหงื่อตกจากคำพูดของเด็กสาวที่เขารู้สึกว่าเป็นเด็กอันตราย ไม่ใช่อันตรายแบบวิลเลิน แต่เป็นอันตรายทางคำพูด
“ส่วนอาจารย์เองก็ควรกำหนดกฎที่ชัดเจนนะคะ ส่าการโจมตีรูปแบบใดห้ามทำภายในอาคาร เพราะบางทีเด็กก็ไม่รู้หรอกค่ะ ก็เป็นวัยรุ่นนี่นา พวกเลือดร้อนคงคิดไม่ถึงจุดนี้หรอกค่ะว่าผลจากการปล่อยท่าใหญ่ภายในอาคารแคบๆ มันอันตรายแค่ไหน”
“เข้าใจแล้วล่ะสาวน้อย! ขอบคุณมากนะสาวน้อยอากิฮิโระ”
เมื่อออลไมท์พูดจบคิเคียวก็เฟดตัวเองไปยืนอยู่ตรงมุมห้อง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของออลไมท์ในการจัดการดึงบรรยากาศให้ดีขึ้น
ในที่สุดก็ถึงตาทีมของเธอ ทีมของเธอเป็นทีมวิลเลิน มีหน้าที่คือปกป้องนิวเคลียร์และจัดการกับทีมฝั่งตรงข้ามให้หมดสภาพในการต่อสู้ ก่อนจะไปยังสถานที่ฝึก เธอถอดแว่นสายตาออกแล้วฝากไว้กับยาโอโยโรสึ
“ยาโอโยโรสึ ฝากแว่นหน่อยได้ไหม?”
“ค่ะ ได้ค่ะ คิเคียวซังสู้ๆ นะคะ”
“อือ”
และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นดวงตาคู่สวยของคิเคียว
การวางแผนของทีมเธอนั้นเรียบง่าย โอจิโร่จะเป็นคนเฝ้านิวเคลียร์ ฮากาคุเระจะออกไปจับกุม ส่วนเธอซัพพอร์ตสองคนนี้ ใช่ ถ้าเธอไม่แย้งอะไรสองคนนี้เลยอะนะ
“ฉันไม่คิดว่าโทโดโรกิจะจัดการง่ายขนาดนั้นนะ” เธอพูดขัดขึ้น นี่เป็นการฝึกปฏิบัติและเธอไม่อยากต้องให้ทีมตกที่นั่งลำบากเพราะการคิดแผนไม่รัดกุม
“ถ้าพิจารณาจากอัตลักษณ์ของโทโดโรกิ มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะแข่แข็งทั้งตึกแล้วเดินขึ้นมาคนเดียว”
“และจะเหลือเพียงโชจิคนเดียวที่ยืนอยู่ด้านนอก” คิเคียวพูดอย่างใจเย็นและมีตังหวะในการพูด
“โชจิสามารถงอกอวัยวะได้ เขาน่าจะใช้มันในการตรวจจับเสียงและตำแหน่งของเรา”
“สำหรับฉัน พวกเธอควรยืนอยู่ตรงนี้ก่อนจนถึงหลังโทโดโรกิแช่ตึก ฉันจะวาดวงไฟล้อมพวกเธอไว้ให้ ถ้าโทโดโรกิแช่ตึกจริง พวกเธอจะไม่เป็นไร”
“แล้วอากิฮิโระซังล่ะ”
“ฉันจะไปจัดการโชจิก่อน ในกรณีที่โทโดโรกิแช่จริง ฮากาคุเระส่งเสียงเหมือนถูกแช่หรือตกในวิกฤติ ก่อนจะหลบไปซ่อนเพื่อรอดักโจมตีเขา ส่วนโอจิโร่ก็ให้ป้องกันนิวเคลียร์”
“เพื่อให้โทโดโรกิเชื่อว่าแผนของเขาได้ผล แต่ความจริงคือเธอไม่ได้เป็นแบบนั้นและรอโจมตีเขา”
“ถ้าฉันจัดการโชจิแล้วจะติดต่อไป หลังจากติดต่อฉันจะละลายน้ำแข็งของเขาเอง”
“โอเคไหม?” ทั้งสองคนพยักหน้าเป็นการตกลง พวกเราแยกย้ายกัน
คิเคียวเดินออกมาจากตึก มาแอบอยู่ตรงข้างตึกในจุดที่เห็นทีมฮีโร่ได้ชัดเจน เพื่อสังเกตทั้งสองคน พลางเก็บเสียงหายใจและอดทนรออย่างใจเย็น
เสียงประกาศเริ่มต้นขึ้น เป็นไปตามที่คาดโทโดโรกิหลังจากที่เขาฟังจากโชจิว่าทุกคนอยู่ในตึก ก็จัดการแช่แข็งตึกทันที เป็นการมั่นใจในพลังของตัวเองเกินไปนะ
เธอรอจนโทโดโรกิเดินไปได้ไกลพอสมควรแล้วเลยค่อยๆ แอบเข้าไปแล้วจัดการโชจิ เมโซอย่างรวดเร็วโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งตัว เธอฟาดสันดาบใส่จนสลบ จัดการถอดหูฟังติดต่อออก แล้วสวมไว้อีกข้างของหู พลางออกตัววิ่งเข้าในตึกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะ
“โทโดโรกิ! อากิฮิโระกำลังไล่ตามนายเข้าไป ฉันจะเข้าไปช่วยนายเอง!” เธอพูดด้วยเสียงของโชจิ เมโซ
ถ้าเธอแปลงเสียงได้เนียนพอ โทโดโรกิจะหลงกล และโชคดีที่มันได้ผล เธอรอให้อีกฝ่ายติดต่อเธอกลับมาอย่างใจเย็น สองขาก็ออกตัววิ่งสุดกำลัง ทำให้ตอนนี้ใกล้จะไปถึงที่ๆ โทโดโรกิอยู่แล้ว
“เธออยู่ตรงไหนแล้ว!” บิงโก คิเคียวลอบยิ้ม
ภาพตรงหน้าคือภาพของโทโดโรกิที่กำลังเดินอยู่ด้านหน้า เธอมาถึงตัวเขาแล้ว ใกล้ขนาดนี้คงจะรู้สึกตัวแล้วสินะ แต่ว่ามันช้าไปสำหรับเธอ
“อยู่ข้างหลังนายไง โทโดโรกิ” พูดด้วยเสียงโซจิอีกครั้ง เธอหยิบหูฟังสื่อสารของโซจิออกและทำลายมัน พร้อมกับติดต่อไปหาคนในทีมเป็นการให้สัญญาณ มือข้างที่ทำลายหูฟังสื่อสารก็พลันปรากฎเปลวเพลิงสีฟ้าเป็นสัญญาณของการใช้อัตลักษณ์
“มั่นใจในความสามารถของตนเองเกินไป และไม่รู้จักการทำงานเป็นทีมเลยนะ” ไฟสีฟ้าที่คิเคียวบีดอัดมันจนพุ่งตรงไปยังโทโดโรกิเต็มๆ ทำให้อีกฝ่ายหมดสภาพในทันที ส่วนมืออีกข้างคิเคียวปล่อยความร้อนออกมาให้มันไปละลายน้ำแข็งทั้งตึก
คิเคียวส่งสัญญาณให้ฮากาคุเระออกมาจากที่ซ่อนแล้วใช้เทปจับกุมจับโทโดโรกิไว้เป็นอันเสร็จสิ้น
และเสียงประกาศของออลไมท์ก็ดังขึ้น
“ทีมวิลเลินวินนนนนนนน!!!”
เป็นชัยชนะที่สมบูรณ์ ไม่มีใครบาดเจ็บในทีมของเธอ ตึกไม่ได้รับความเสียหายมาก นิวเคลียร์ยังปลอดภัยดี เธอถอดเสื้อโค้ทแล้วเดินไปสวมให้ฮากาคุเระ พลางกระซิบบอก
“เธอควรไปติดต่อแผนกคอสตูมให้ทำคอสตูมที่ล่องหนได้นะ มันไม่ดีเลยนะที่จะเปลือยท่ามกลางการต่อสู้น่ะ”
และมันจบลงด้วยใบหน้าขึ้นสีของฮากาคุเระ โทรุ
ภาพหน้าจอแสดงการแข่งของทีมโทโดโรกิกับทีมอากิฮิโระทุกคนตะลึงและเต็มไปด้วยความงุนงง จุดแรกที่งงคือทำไมโทโดโรกิถึงตอบสนองต่อเสียงของอากิฮิโระได้
และคนที่ตอบข้อสงสัยนั้นก็คือออลไมท์ที่ยังอึ้งอยู่พอสมควรว่า
“สาวน้อยอากิฮิโระเขาเลียนเสียงหนุ่มน้อยโซจิน่ะ แถมเหมือนราวกับเจ้าตัวพูดเองด้วย!”
“ห๋า!!!!!!???????”
“แต่ว่านะแผนสุดยอดไปเลย ตัวเองออกมารอจัดการโซจิตอนที่แยกกับโทโดโรกิแล้ว ระหว่างนั้นก็ให้ฮากาคุเระที่ล่องหนได้ไปแอบ ให้โอจิโร่ที่สามารถสู้ระยะประชิดได้ดีเฝ้านิวเคลียร์ไว้”
“รอจนแน่ใจว่าโทโดโรกิไปไกลแล้วจะพุ่งไปจัดการโซจิ จัดนั้นก็แย่งหูฟังสื่อสารและเลียนเสียงแกล้งเป็นโซจิ ติดต่อโทโดโรกิในขณะที่ตัวเองก็มุ่งไปหาแล้วก็จัดการในทีเดียว”
“มันแบบว่าสุดยอดเลยนะ”
เป็นคิริชิมะ เอย์จิโร่ที่พูด แม้มันอาจจะดูไม่เป็นลูกผู้ชายสำหรับเขา แต่นี่เป็นวิธีการจัดการที่เยี่ยมยอด อาคารไม่ได้รับความเสียหายมาก เพื่อร่วมทีมก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ ใช้เวลาจัดการไม่นาน เพอร์เฟคสุดๆ
“โฮะโฮ่ ใช่แล้วล่ะหนุ่มน้อย! นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของการปฏิบัติการในตึกหรือภายในอาคาร!”
“ทุกคนเรียนรู้ไว้แล้วนำไปใช้นะ!”
หลังจากกลับมาที่ห้องมอนิเตอร์ คิเคียวก็ถูกโยนคำถามมาเต็มไปหมด แต่เธอเลิกที่จะไม่ตอบอะไร เดินตรงไปเอาแว่นที่ฝากไว้กับยาโอโยโรสึคืน และไปรวมตัวกับทีม
พวกเธอฟังคำแนะนำจนจบแล้ว คิเคียวก็ขอแยกตัวออกไป ตอนแรกฮากาคุเระดูอยากจะคืนเสื้อโค้ท แต่เธอบอกปฏิเสธไป
“เอ่อ เสื้อโค้ทไม่เอาคืนไปหรอ?”
“ใส่ไว้เถอะ ถึงจะไม่มีใครเห็นแต่มันก็ไม่ควรนะ ดูแลรักษาป้องกันร่างกายตัวเองหน่อยเถอะ”
ไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรผิดหรือเปล่า ใบหน้าของฮากาคุเระถึงขึ้นสีขนาดนั้น
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงเย็น นักเรียนเริ่มทยอยกลับบ้านกัน แน่นอนว่าคิเคียวก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอเก็บของแล้วออกไปโดยที่ไม่ได้รอให้ใครชวนอะไร วันนี้เธอมีแพลนจะไปร้านหนังสือก่อนกลับเลยต้องออกจากโรงเรียนไวหน่อย
เดินมาได้จนจะถึงหน้าโรงเรียนก็ดันเจอซีนอะไรก็ไม่รู้ ซีนสารภาพรัก? ของมิโดริยะกับบาคุโก
เดินผ่านไปเลยดีไหมนะ? เฮ้อ เดินผ่านไปเลยละกัน
จังหวะที่คิเคียวกำลังจะเดินผ่านบาคุโกไป จู่ๆ แขนเสื้อก็ถูกกระชากทำให้เธอต้องหันมามองบาคุโกที่เป็นคนกระชากแขนเสื้อเธอไว้
“เฮ้ย!! แกน่ะ!!! คราวหน้าฉันจะขยี้แกซะ! จำไว้ด้วย ฉันคนนี้เนี่ยแหละที่จะเป็นที่หนึ่ง”
“มันก็เรื่องของนายไหม? ฉันอยากรู้หรอ? ขอบคุณที่แจ้งให้ฉันทราบนะ แต่คราวหลังไม่ต้องหรอก”
คิเคียวสะบัดแขนออกให้หลุดจากการจับของบาคุโก แล้วออกตัวเดินต่อไปโดยไม่หันมาสนใจคนข้างหลังอีก เพราะถ้าเกรงว่าถ้าเธอไม่เอาตัวเองออกมาจากตรงนั้นล่ะก็ เธอคงเผลอเผาบาคุโกไปแล้ว
คิเคียวเกลียดสายตาของบาคุโก มันคล้ายกับสายตาของพ่อที่ใช้มองเธอ
ทุกครั้งที่สบตากันมันทำให้เธอนึกถึงพ่อเฮงซวย เพราะงั้นเธอจึงเลี่ยงที่จะคุยหรือสบตากับบาคุโก เธอไม่อยากเผลอเผาใครตายหรอกนะ
เพราะเธอไม่แน่ใจว่าตนเองจะควบคุมความเกลียดชังที่มีต่อผู้ชายคนนั้นไว้ได้นานแค่ไหนเหมือนกัน
บนอาคารเรียน ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ของมิโดริยะ บาคุโก และอากิฮิโระคือเหล่าเด็กนักเรียนผู้หญ้งห้องหนึ่งเอที่นัดกันไปร้านขนมหลังเลิกเรียน
“นี่เป็นศึกของความเป็นลูกผู้ชายใช่มั้ยนะ?” อุรารากะเอ่ย
“ฉันคิดว่าไม่นะ เกโระ เพราะดูเหมือนมิโดริยะจังจะพูดอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า” เป็นทสึยุที่เอ่ยตอบคำถาม
“ไม่หรอกทสึยุจัง! นี่ต้องเป็นศึกของลูกผู้ชายแน่ๆ”
“โอ๊ะ! นั่นมันอากิฮิโระจังนี่นา เกโระ” ทสึยุเป็นคนแรกที่สังเกตเห็น
“จริงด้วยๆ ก็หาอยู่ตั้งนานว่าไปไหนกะว่าจะชวนไปร้านเค้กด้วยกันสักหน่อยแท้ๆ” อาชิโดะเอ่ยด้วยน้ำเสียงท้อแท้
ในความเป็นจริงเหล่านักเรียนหญิงห้องหนึ่งเอมีความพยายามที่จะสนิทกับคิเคียวมาก แต่จากคำบอกเล่าของยาโอโยโรสึก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าเป็นเรื่องยาก แน่นอนว่าไม่มีใครถอดใจหรอกนะ วันนี้ไม่ได้ พรุ่งอาจจะได้! เช่นนั้นแหละ
“หวา บาคุโกหาเรื่องอากิฮิโระจังอีกแล้ว”
“แต่คราวนี้อากิฮิโระจังไม่เมินแฮะ ดูหงุดหงิดด้วย ไม่ชอบให้ใครแตะตัวหรอ?”
“ไม่ใช่นะคะ ตอนที่เรียนอยู่โรงเรียนเก่าหรือตอนฝึกซ้อมด้วยกันก่อนเข้ายูเอ ฉันก็จับได้ตามปกตินะคะ?”
“เห งั้นหรอ? งั้นคงเป็นเพราะนิสัยบาคุโกคุงละมั้ง”
“ไปกินเค้กกันเถอะนะ!”
“โอเค~”
ท่ามกลางรอยยิ้มสดใสที่ไม่ได้รู้เลยว่าภายในอนาคตอันใกล้จะมีเรื่องวุ่นวายและน่าหวาดกลัวเกิดขึ้น
ความคิดเห็น