ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    marvel — thundergirl , natasha romanoff

    ลำดับตอนที่ #5 : 04

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 65


    Face Claims | Danielle campbell gif, Danielle campbell the originals, Danielle  campbell

    ╰┈➤ 04


         เจมส์ บัคกี้ บาร์นส์ ชื่อที่ติดอยู่ในหัวของเจนน่ามาโดยตลอดหลายปี จากคำเล่ากล่าวว่าเขาคือสหายคนสนิทของสตีฟหรือพ่อของเธอ เขายังได้ชื่ออีกว่าเป็นทหารที่เก่งการพอสมควร แต่ไม่มีใครเห็นเขามาเกือบศตวรรษแล้ว เขาถือได้ว่าเสียชีวิตไปเสียแล้วด้วยซ้ำ

         การได้เห็นเขาทำให้เจนน่าสติหลุดไปเกือบนาทีแต่คนที่หนักกว่าเธอคงไม่พ้นพ่อของเธอเองที่ตอนนี้ยังคงพึมพำพูดราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาเห็นเท่าไหร่นัก

         "ใช่เขาแน่ เขามองมาที่ผมทว่าจำผมไม่ได้" สตีฟพูดขึ้น พวกเขาทั้งหมดมีกุญแจเหล็กอันยักษ์อยู่ที่ข้อมือ "มันจะเป็นไปได้ยังไงมันเจ้ดสิบปีมาแล้วนะ" แซมถามและเจนน่าก็เม้มริมฝีปาก เธอมองดูนาตาชาเป็นระยะและพบว่าแบล็ควิโดว์นั้นดูซีดพอสมควร

         "โซล่า หน่วยของบัคกี้ถูกจับไปปี 43 โซล่าใช้เขาเป็นหนูทดลอง มันคงทำให้เขารอดจากการตกเหวแล้วพวกมันก็มาเจอ..." เจนน่ามองไปที่เขาและพูดขึ้น "ไม่ใช่ความผิดของคุณ" เธอยิ้มให้เขาอย่างสบายใจและไร้เดียงสา

         "ยามไม่เหลือใครยังเหลือบัคกี้" สตีฟบ่นออกมาเบาๆ จากนั้นเจนน่าก็หันไปสังเกตเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากแผลของนาตาชาทำให้เธอขมวดคิ้วทันที "เราต้องการหมอ ไม่รีบกดแผลเธอเลือดไหลท่วมรถแน่"

         นัยตาของเธอหันไปหาเจ้าหน้าที่ที่คุมอยู่และพบว่าเธอยื่นที่ซ็อตไฟฟ้าออกมาซึ่งเจนน่าทำเพียงแค่เลิกคิ้วราวกับท้าทาย (ซึ่งก็ท้าทายจริงๆน่ะแหละ) ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเจ้าหน้าที่คนนั้นใช้มันซ็อตเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งและเตะจนเขาลสลบไป

         เมื่อเจ้าหน้าที่คนนั้นถอดหมวกออกก็เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย "มาเรีย?" เธอถามพลางยิ้มด้วยความประหลาดใจ "คับมาก บีบหัวจะระเบิด" เจนน่ายิ้มให้เจ้าหน้าที่ชีลด์ด้วยรอยยิ้มสดใส

         ย้อนกลับไปตอนเธอเริ่มฝึกกับชีลด์ใหม่ๆ มาเรียคือหนึ่งในหลายๆเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาทำความรู้จักกับเธอและเป็นมาเรียอีกนี่แหละที่คอยส่งข้อความอัพเดทมาให้เธอ

         ไม่นานก่อนที่พวกเขาจะย้ายไปอีกที่หนึ่งที่ที่ไม่ใช่ที่พวกเขาควรจะไปหลังจากการโดนจับกุมของชีลด์เอง มาเรียยิ้มเยาะและมองเจนน่าในกุญแจข้อมือเหล็ก "นั่นไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอนะว่ามั้ย"

         แซม นาตาชาและสตีฟมองด้วยความสงสัย เจนน่ายิ้มเยาะกลับก่อนจะลุกขึ้นยืนและยกเข่าขึ้นก่อนจะทำลายกุญแจข้อมือเหล็กด้วยแรงมหาศาลและถอนหายใจ "นั่นมันอึดอัดนะ"


         เมื่อพวกเขาถึงที่ที่หนึ่งที่ดูลึกลับแล้วและเจนน่าก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือฐานลับชีลด์สักอย่างที่มาเรียพามา เธอช่วยนาตาชาลงจากรถก่อนจะเดินตามมาเรียกันไป ผ่านไปนานนับนาทีหลังจากเดินเข้าไปในอุโมงค์ที่ดูเหมือนไม่สิ้นสุดก็มีชายคนนึงวิ่งมา

         "แผลถูกยิง เสียเลือดไปครึ่งลิตได้แล้ว" มาเรียตะโกนบอก "ลิตรแล้วมั้ง ส่งตัวเธอมาเลย" คนที่ดูเหมือนหมอพูดและเจนน่าก็จับนาตาชาไว้อย่างมั่นคง "เธออยากเจอเขาก่อน"

         พวกเขาถูกพาไปที่ห้องหนึ่งและเมื่อม่านใสถูกเปิดออกนัยตาสีฟ้าก็เบิกกว้างเมื่อพบกับนิค ฟิวรี่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียง "ถฤษ์งามยามดีแล้วสิ" ฟิวรี่พูด เจนน่าหัวเราะออกมาอย่างโล่งใจ "นิค ฟิวรี่ไอ้ลูกหมาตัวแสบ" เธอพึมพำแต่ทว่าเสียงก็ดังก้อง

         "เฮ้! บอกว่าไม่มีคำหยาบไง" ฟิวรี่พูดติดตลกและเจนน่าก็ยิ้มให้เขาอย่างสดใส โล่งใจและดีใจที่คนที่เป็นเสมือนพ่อของเธอยังไม่ตาย


         ในขณะที่นาตาชากำลังทำแผล มาเรีย แซม สตีฟและเจนน่าก็ยืนอยู่รอบนิค ฟิวรี่ที่นอนบนเตียงพยาบาลสีขาวอย่างอ่อนแรง "กระดูกสันหลังเป็นแผลฉีก กระดูกอกแตก ไหปลาร้าแหลกเป็นชิ้น ตับทะลุเป็นรูและปวดหัวบรรลัย" เขาบรรยายอาการบาดเจ็บของตนเอง

         "อย่าลืมปอดล้มเหลวด้วย" หมอในห้องเตือน "ใช่ ลืมไม่ได้เลย ไม่นับทั้งหมดก็สบายดี" เจนน่ากลอกตากับการเสียดสีของเขา "แต่หมอผ่าคุณ หัวใจหยุดเต้น" นาตาชาเอ่ยขึ้น

         "เต็ทโทรโดท็อกซิน บี. ลดชีพจรเหลือนาทีละครั้งแบนเนอร์คิดขึ้นเพื่อหยุดความโกรธทว่าไม่ได้ผลกับเขา เราเลยหาทางใช้" ฟิวรี่กล่าวแจง "ทำไมต้องปิด ทำไมไม่บอกเรา" สตีฟถาม "การลอบฆ่าผอ.ต้องดูเหมือนสำเร็จทุกครั้ง" มาเรียตอบแทน

         "ตายไปแล้ว ถ้ารอด จะไม่โดนซ้ำ อีกอย่าง...ผมไม่รู้จะไว้ใจใครได้"

         หลังการจัดการทำแผลของนาตาชาเสร็จแล้วพวกเขาทั้งหมดก็ย้ายที่ไปนั่งล้อมตรงโต๊ะประชุม นิค ฟิวรี่หยิบรูปภาพรูปหนึ่งขึ้นมา "ชายคนนี้ปฏิเสธรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ บอกว่าสันติภาพไม่ใช่เครื่องวัดประสบความสำเร็จแต่มันคือสำนึกรับผิดชอบ" เขาโยนรูปลงเผยให้เห็นภาพที่เด็กกว่าของอเล็กซานเดอร์ เพียซ

         "เนี่ย เจอแบบนี้ผมเลยตายใจเชื่อใจ" ใบหน้าของเจนน่านิ่งสงบไร้อารมณ์ "เราต้องหยุดการปล่อยยาน" เธอเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นและมองหน้าพ่อของเธอ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความคิดแบบเดียวกัน

         "พวกสมาชิกสภาคงไม่รับสายผมแล้วล่ะ" ฟิวรี่เอ่ยและเปิดกล่องสีดำที่ข้างในมีซิมการ์ดสามอันเรียง "คืออะไร" แซมถาม "เมื่อแคร์ริเออร์ขึ้นสูงถึงสามพันฟุตจะเรียงตัวสามมุมกับดาวเทียมผสานรวมเป็นอาวุธเต็มที่"

         ภาพจอแสดงถึงแผนโฮโลแกรมของยานก่อนจะซูมเข้าไป "เราต้องลอบเข้ายาน เปลี่ยนเซิฟเวอร์ระบุเป้าให้เป็นของเรา" ภาพหน้าจอแสดงให้เห็นถึงซิมการ์ดที่ถูกเสียบอยู่สามอันคล้ายกับที่ฟิวรี่มี

         "หนึ่งหรือสองไม่พอ ต้องลิงค์ยานเหาะให้ครบสามเพราะถ้ายังมีแม้ยานลำเดียวที่มันควบคุมผู้คนจะตายเป็นเบือ" มาเรียบอก เจนน่าขมวดคิ้วไม่ชอบกับความคิดนั้น "คงต้องเหมารวมทุกคนบนยานเป็นพวกไฮดร้า ถ้าบุกเข้าไป เสียบแผ่นเซิฟเวอร์เราได้ก็ไม่แน่อาจกู้คืนสิ่งที่เหลืออยู่"

         แต่แล้วสตีฟก็ขัดขึ้น "ไม่มีการกอบกู้ ทำลายแค่ยานเหาะไม่ได้ต้องล้มชีลด์ด้วย" เจนน่าถอนหายใจเมื่อรู้ว่าลึกๆแล้วเขาพูดถูก "ชีลด์ไม่เกี่ยวอะไรด้วย" ฟิวรี่แย้ง "ถ้ามอบงานนี้ให้ผมมันต้องเรียบร้อย ชีลด์เป็นภัยแล้วคุณบอกผมเอง ไฮดร้าเติบโตอยู่ในนั้นไม่มีใครรู้" สตีฟยังคงยืนกราน

         "ทำไมยังมีถ้ำนี้ให้เราอยู่เพราะผมรู้" ฟิวรี่เอ่ย "กว่าคุณจะรู้มีกี่คนเป็นเหยื่อ" คำพูดของสตีฟทำให้ทุกอย่างเงียบลง เจนน่าหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึกๆ ปลายนิ้วของเธอเสียวซ่านไปด้วยประกายของไฟฟ้า เธอลืมตาขึ้นมาและกระพริบไปสองสามครั้งก่อนที่แสงสีฟ้าเรืองจางๆจะปรากฎขึ้นและหายไป

         ฟิวรี่ก้มหน้าลง "ผมไม่รู้จริงๆเรื่องบาร์นส" เขาแจ้ง "ถ้ารู้แล้วจะบอกผมมั้ยหรือต้องเน้นแยกส่วนปฏิบัติการ ชีลด์ ไฮดร้า ต้องล้มทั้งหมด" สตีฟพูด

         "เขาพูดถูก" มาเรียบอกกับฟิวรี่ก่อนจะพยักหน้าและฟิวรี่ก็หันไปมองคนที่เหลือ นาตาชามองเขานิ่งส่วนเจนน่าก็พยักหน้าเบาๆเช่นกันว่าเธอเห็นด้วยกับสตีฟ จากนั้นฟิวรี่ก็มองไปที่แซม "มองผมทำไม ผมตามกัปตันแม้จะช้ากว่า"

         ฟิวรี่มองนิ่งก่อนจะมองไปที่สตีฟและยอมรับ "งั้น..." เขาเงียบไปก่อนจะเอนหลัง "ดูเหมือนตอนนี้คุณจะเป็นคนออกคำสั่งแล้วกัปตัน"


         เจนน่ายืนนิ่งหลังใส่ชุดสูทของเธอ บอดี้สูทสีดำหนังยาวถูกสวมใส่พร้อมกับเข็มขัดสีดำคาดเอวกับรองเท้าบูทสีดำและผ้าปิดปากสีดำปกปิดครึ่งล่างของหน้าของเธอ ผมสีน้ำตาลเข้มถูกปล่อยเป็นลอนด์

         เธอมองตัวเองในภาพสะท้อนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินไปรวมกับคนอื่นๆ นาตาชายิ้มเยาะมองเธอ "ทำเองหรอ" แบล็ควิโดว์แซวและเจนน่ากลอกตาแต่ใต้ผ้าปิดปากมีรอยยิ้มเล็กๆซ่อนอยู่

         หลังจากเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วนาตาชาก็แยกไปส่วนสตีฟ มาเรียและแซมก็เดินไปอีกทางเพื่อแอบเนียนเข้ายาน เจนน่าถอนหายใจเล็กๆขณะมองดูทางด้านหน้า ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่ไปทั่วร่างกายและนัยตาของเธอก็ส่องแสงสีฟ้าสว่างชั่วครู่

         พวกเขาเข้าไปในยานอย่างลับๆได้สำเร็จในไม่กี่นาทีต่อมาก่อนจะยืนอยู่นอกห้องปฎิบัติการ ทันทีที่เสียงปิ๊บดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าคนด้านในเตะการ์ดเพื่อเปิดประตู ปืนสองกระบอกของมาเรียและแซมก็ถูกชี้ไปที่ชายคนนั้น เจนน่าหยิบกริชสีเงินของเธอออกมาและชี้อย่างข่มขู่ไปที่เขา

         เจ้าหน้าที่คนนั้นดูตกใจชั่วครู่ก่อนจะยกมือขึ้นและเปิดทางให้พวกเขาเดินเข้าไป "ขออภัยด้วย" สตีฟเอ่ย เธอมองขณะที่มาเรียเข้าควบคุมระบบและปล่อยให้สตีฟนำพูดโน้มน้าวในการต่อต้านกับไฮดร้าที่แฝงตัวอยู่

         "ถึงชีลด์ทุกท่าน" เขาเริ่ม "ผมสตีฟ โรเจอร์ส สองสามวันนี้ชื่อผมคงกระฉ่อน บางท่านได้รับคำสั่งให้ล่าผม คงจะได้ฤกษ์บอกความจริง" เขาเว้นระยะก่อนจะเอ่ยต่อ "ชีลด์ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเพราะตอนนี้ถูกไฮดร้าเข้ายึด อเล็กซานเดอร์ เพียรซ์เป็นหัวโจก ทีมสไตร์คและลูกเรืออินไซ้ธ์ก็ไฮดร้าไม่รู้มีอีกเท่าไหร่"

         เจนน่ามองดูเขาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ "รู้แต่ว่าอยู่ในตึก อาจเป็นคนข้างๆท่าน พวกมันใกล้บรรลุเป้าหมาย เป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จ พวกมันยิงนิค ฟิวรี่และจะยิงอีก ถ้าวันนี้ปล่อยเฮลิแคร์ริออร์ทั้งสามขึ้นฟ้า ไฮดร้าจะสังหารทุกคนที่ขัดขวาง เราต้องยับยั้ง ผมรู้ว่าขอมากอยู่แต่อิสรภาพนั้นราคาแพงเพราะมันสูงค่า มันเป็นราคาที่ผมยอมจ่ายต่อให้มีผมคนเดียวผมก็จะสู้"

         เธอมองเขาจากด้านหลัง "แต่ผมเชื่อว่าไม่ใช่" และบทพูดก็จบลงเท่านั้น เจนน่ากอดอกมองเขาด้วยสายตาของความภูมิใจ แซมเดินเข้าไปหาเขา "เขียนบทไว้ก่อนหรือเปล่า ถ้าด้นสดล่ะก็สุดยอด" เจนน่าหัวเราะคิกคัก

         ไม่นานหลังจากนั้นที่หน้าจอภาพกล้องวงจรปิดของมาเรียเธอก็เห็นว่ายานกำลังขึัน "มันสั่งปล่อยยานแล้ว" มาเรียเอ่ย เจนน่าหันไปมองพ่อของเธอที่เอาหน้ากากขึ้นเรียบร้อยแล้วและแซมที่เตรียมพร้อม พวกเขาพยักหน้าให้กันและกันก่อนจะเริ่มวิ่งออกไปทางประตูสู่ลานกว้างของคอนกรีตด้วยความเร็วเท่าๆกัน

         "กัปตัน เราจะรู้ได้ยังไงว่าใครดีใครเลว" แซมถามระหว่างวิ่งไปที่ปลายทางของตน "ถ้าใครมันยิงใส่คุณนั่นคนเลว" เขาตอบคำถาม เสียงเครื่องยนต์บนปีกของฟัลคอนดังขึ้นและนัยตาของเจนน่ากระพริบเป็นสีน้ำเงิน

         เมื่อพวกเขาถึงขอบแซมก็โผบินขึ้นไปขณะที่สตีฟลงจอดข้างล่าง เจนน่ารู้สึกได้ถึงประกายไฟฟ้าอีกครั้งก่อนที่ทุกอย่างจะเบาหวิวและเธอก็บินตามแซมไม่ไกลในอากาศ ลมเย็นปะทะใบหน้าของเธอและภายใต้หน้ากากรอยยิ้มมุมปากก็เกิดขึ้น

         เจนน่าบินตามแซมไปและหักหลบเมื่อกระสุนปืนใหญ่ถูกยิงออกมาเมื่อพวกเขาบินสูงขึ้น เจนน่าสถบด่าในใจ "กัปตัน เจอพวกตัวร้ายเข้าจังๆเลย" แซมพูดผ่านหูฟังไร้สายที่พวกเขาเชื่อมต่อกัน

         "เป็นไรมั้ย" สตีฟถาม เจนน่าหลบกระสุนอีกหลายลูกที่ระเบิดในอากาศเพราะไม่สามารถเข้าถึงตัวพวกเขาได้ "ตอนนี้ยังไม่ตาย" เธอตอกเขากลับ เคลื่อนตัวบินไปเรื่อยๆ เสียงของกระสุนระเบิดทำให้เจนน่าขบกรามแน่นด้วยความรำคาญ

         "ฟัลคอน ธันเดอร์เกิร์ล สถานการณ์" เสียงของมาเรียดังผ่านหูฟังของเธอ เจนน่าบินหักหลบกระสุนอีกครั้งและเธอกับแซมก็บินสลับข้างกันไปมาก่อนที่พวกเขาจะทิ้งตัวดิ่งลงและมือทั้งสองข้างของเจนน่าก็รู้สึกเสียวซ่าน เธอยื่นมือข้างนึงออกไปและระเบิดปืนใหญ่หนึ่งอันจากนั้นก็บินตามฟัลคอนไป

         แซมหยิบปืนสองกระบอกออกมาขณะที่มือทั้งสองของเจนน่ามีกระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินที่เห็นได้ปรากฎอยู่ แซมยิงผู้คุมประตูและเจนน่าก็ช็อตไฟฟ้าหนึ่งในนั้นจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็มองหน้าไปยังประตูเหล็ก "เอาล่ะกัปตัน เรามาถึงแล้ว" แซมประกาศ

         ก่อนไม่นานเสียงยานลำเล็กจะดังขึ้นและพวกเขาก็สถบพร้อมกัน แซมและเจนน่าเคลื่อนบินหนีอีกครั้งเมื่อกระสุนจากปืนกลของยานถูกเล็งยิงใส่พวกเขา แซมและเจนน่าบินลอดใต้ปีกของเครื่องบินลำต่างๆไปเรื่อยๆจนกระทั่งมันระเบิดเครื่อบินลำนึงขณะที่พวกเขากำลังบินทำให้ทั้งเจนน่าและแซมไถลลงบนพื้น

         เจนน่าตั้งตัวได้เร็วและเดินถอยหลังก่อนจะปล่อยตัวลงออกจากขอบเมื่อกระสุนของแซมถูกยิงทะลุกระจกของยานลำนั้น พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวและบินเพื่อหลบหลีกกระสุนกลอีกครั้ง

         "ฟัลคอน ธันเดอร์เกิร์ลอยู่ไหนแล้ว" สักพักเสียงของมาเรียก็ดังขึ้นผ่านหูฟัง เจนน่าขบกรามแน่น "ต้องอ้อมอนิดหน่อย" แซมตอบกลับไปขณะที่พวกเขายังคงบินหนีอยู่ เจนน่ารู้สึกได้ถึงประกายไฟฟ้าทั่วร่างกายแต่เธอเริ่มเหนื่อยเล็กน้อยจากการบิน

         วินาทีหนึ่งเธอกับแซมมองหน้ากันและพยักหน้าก่อนที่พวกเขาจะเร่งความเร็วเมื่อกระสุนระเบิดหลายลูกถูกเล็งใส่พวกเขาและติดตามพวกเขาไม่ห่าง เธอและแซมทำงานร่วมกันโดยบินลอดใต้ท้องยานเพื่อให้กระสุนเหล่านั้นระเบิดเครื่องยนต์ของยานแทน

         และเมื่อมันระเบิดกกระจกของส่วนล่างของยานตามที่พวกเขาตั้งเป้าไว้แซมก็ส่งเสียงดีใจออกมาขณะที่เจนน่าหัวเราะด้วยความโล่งอก เธอและแซมลงจอดบนทางเดินตะแกรงเหล็ก "เข้ามาแล้ว" เจนน่าพูดด้วยเสียงหอบเล็กๆ

         เธอหยิบซิมการ์ดสีเขียวออกมาและส่งให้แซมที่กดรหัสเปิดอย่างรวดเร็วก่อนจะเสียบมันไว้ข้างใน "ยานบี.ล็อค" เธอประกาศจากนั้นพวกเขาก็กระโดดอกไปและบินไปสู่เป้าหมายใหม่

         จนกระทั่งเธอเห็นร่างของสตีฟในชุดกัปตันอเมริกาที่กำลังร่วงหล่นทำให้คิ้วสีเข้มขมวดและเธอกับแซมก็ตรงดิ่งไปหาเขาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว เธอจับมือของเขาไว้ได้และพาบินขึ้นไปก่อนที่ทั้งสามจะลงจอดบนพื้นคอนกรีตของด้านนอกยาน

         แซมเก็บปีกและเจนน่าก็เดินเคียงข้างสตีฟ "คุณตัวหนักกว่าที่คิดไว้นะ" เธอแซวเขา "มื้อเช้าจัดหนักน่ะ" สตีฟตอบกลับลูกสาวของเขา พวกเขากำลังเดินอย่างสงบเมื่อทหารฤดูหนาวที่ซุ่มซ่อนตัวผลักสตีฟออกจากเส้นทาง

         "สตีฟ!" แซมร้องและเตรียมตัวพุ่งเข้าไปช่วยเช่นเดียวกับเจนน่า "พ่อ!" เสียงของเธอติดในลำคอก่อนจะหันมาเห็นบัคกี้ที่จับปีกประดิษฐ์ของแซมไว้และโยนเขากลับและเมื่อแซมตั้งตัวได้เขาก็หยิบปืนพกสองอันออกมาก่อนจะยิงใส่บัคกี้

         เขาหนีไปซ่อนได้และแซมก็เตรียมตัวบินหนีเมื่อบัคกี้ใช้สลิงติดกับปีกของเขาก่อนจะดึงลงมาจากนั้นก็เด็ดปีกข้างหนึ่งของเขาออกพร้อมกับถีบแซมร่วงลงไป "ฟัลคอน!" เธอตะโกนออกมาด้วยความสยดสยอง นัยตาเบิกกว้างและเต็มไปด้วยอารมณ์ของความกลัว

         บัคกี้หันมาหาเธอและเริ่มโจมตี เจนน่าตั้งรับได้อย่างรวดเร็วและว่องไว เธอหยิบกริชสีเงินออกมาก่อนจะพยายามโจมตีเขาเข้าที่แขนแต่ทว่าบัคกี้รู้ทันและรับมันได้ก่อนจะสบัดอาวุธของเธอออกไป

         เจนน่าหลบหมัดของเขาและถูกถีบไถลไปสองสามเมตร เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะกลิ้งหลบบัคกี้ที่พยายามโจมตีเธออีกครั้งและอีกครั้ง เขาหยิบกริชสีดำขึ้นมาและแทงลงไปที่ต้นขาของเจนน่าทำให้หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนวินาทีต่อมาบัคกี้จะกระแทกศีรษะของเธอเข้ากับพื้น

         การมองเห็นของเธอมืดลงชั่วครู่และเสียงในหูก็หายไปก่อนทุกอย่างจะกลับมาและรู้สึกได้ว่าความรู้สึกของใบมีดที่ต้นขาของเธอหายไปและบัคกี้ก็หายไปแล้วเช่นกันมีเพียงเธอนอนลงบนพื้นคอนกรีตด้วยความเจ็บปวด



    talk ;
    บทยาวมั้ยคะ55555555 เรากำลังจะจบเนื้อเรื่องของกัปตันอเมริกากับวินเทอร์โซเยอร์แล้วนะคะเราจะกำลังไปสู่โครงเรื่องต่อไปค่ะแต่ระหว่างทางต่อจากนี้อดีตของเจนน่าจะถูกย้อนเป็นบางชั่วค่ะ
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×