ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✷ S O N D E R ✷

    ลำดับตอนที่ #5 : Brudwerth ( รับสมัครตัวละคร ) [II]

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 62








    มองหน้าฉันอย่างนั้นน่ะ มีอะไรจะถามหรือเปล่า หืม? ยังไงพูดตอนนี้ก็ดีกว่าเก็บไปนินทาทีหลังนะ





         

    一  .
          ชื่อ - นามสกุล: เฟิงเหมียน / Feng Mian [ 风眠 ] (นามสกุลเฟิง ชื่อจริงเหมียน แต่ทางที่ดีอย่าเรียกน้องด้วยอย่างอื่นนอกจากชื่อเต็มเถอะค่ะ ไม่งั้นเสี่ยงเจอความเกรี้ยวกราดนะะ **มีอธิบายในเพิ่มเติม)
          อายุ: 16

          รูปร่างลักษณะ: เฟิงเหมียน เด็กหนุ่มที่มาพร้อมกับส่วนสูงและขนาดที่ดูเล็กกะทัดรัด (หรือก็คือเตี้ย---) อย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเมื่อนำไปเทียบกับเด็กผู้ชายคนอื่นในชั้นเดียวกัน (167 ซม. 56 กก.) ไม่ว่าจะใครก็ตามเพียงมองแค่ปราดเดียวก็คงจะสามารถทายได้ว่าเขาไม่ใช่คนแถวนี้ในย่านไฮฮอลโลว์อย่างแน่แท้ ด้วยผมดำมันที่ปรกบนคิ้วเข้ม จมูกจิ้มลิ้มและดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น ประกอบกับเครื่องสำอางสีแดงที่เจ้าตัวทาอยู่เป็นประจำทุกวันที่หางตาและเครื่องประดับต่างหูสีแดงเข้าชุดที่ตัดกับสีผิวโทนออกเหลืองได้เป็นอย่างดี ทุกอย่างที่กล่าวมารวมกันนี่เองที่ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกของเขาค่อนข้างแตกต่างจากคนในละแวกมาร์รอธด้วยกันเองอยู่ไม่น้อย และแน่นอนว่าเฟิงเหมียนเองก็ไม่เคยที่จะพยายามซ่อนกิริยาท่าทางที่จะบ่งบอกว่าเขามาจากจิ๋นส่าเลย ไม่หนำซ้ำยังแอบดูขาดความมั่นใจเสียมากกว่าด้วยซ้ำในวันไหนก็ตามที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจนไม่ทันได้แต่งเติมสีแดงเข้าไปในการแต่งตัวหรือบนใบหน้าตามความนิยมของที่บ้านเกิด แต่ถึงกระนั้นก็แอบเป็นเรื่องตลกเล็ก ๆ ที่ได้เห็นบางคนทำหน้าเหวอเพราะเผลอนึกไปว่ามันเป็นรอยสักจากที่เห็นอยู่ทุกวันจนกระทั้งถึงเวลาที่เขาไม่ได้ทามันนั่นแหละ
                ด้วยนิสัยไม่ยอมคนนี้เองที่ทำให้เฟิงเหมียนภายนอกดูเผิน ๆ เหมือนมีความมั่นใจในตัวเองตลอดเวลาและท่าทางอาจจะดูหยิ่ง ๆ ในสายตาของคนที่ไม่สนิท แต่แท้จริงแล้วเขาก็เป็นเพียงเด็กวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งที่สามารถโหวกเหวกหรือยิ้มหัวเราะไปกับเรื่องต่าง ๆ นานาได้เหมือนกับทุกคน เพียงแค่สีหน้าปกติของเขาอาจจะดุหรือดูไม่น่าเป็นมิตรหน่อยแค่นั้นเองนะจริง ๆ ... เรื่องการแต่งตัวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากสำหรับเขา เพียงแค่ขอให้เป็นเสื้อผ้าที่พอสุภาพตามชาวบ้านไฮฮอลโลว์ ไม่แพงจนเกินไป (ก็บ้านเขาก็ไม่ได้รวยขนาดนั้นนี่นา!) และมีเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ ซักอย่างที่เป็นสีโปรดของเขาแค่นั้นก็พอใจแล้ว แต่โดยปกติของทุกวันคนรอบข้างก็มักจะเห็นเฟิงเหมียนในเสื้อสเวตเตอร์สีครีมเข้าคู่กับผ้าพันผมที่จะถูกถอดมาปาดเหงื่อหรือทำอะไรก็ตามที่เขาเห็นชอบว่าดีอยู่บ้าง หรือบางทีมันก็ถูกใช้คาดหน้าม้าที่มีด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นจะเรียกว่าเป็นผ้าเอนกประสงค์ก็คงไม่ผิด… แต่ทว่าอีกสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเด็กหนุ่มคนนี้ก็คงหนีไม่พ้นรองเท้าบู้ทที่เจ้าตัวใส่อยู่เสมอ ๆ ใส่บ่อยราวกับว่าไม่สนว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร ขอเพียงแค่ไม่ใช่ร้อนตับแตกจนต้องอยากเดินเท้าเปล่าก็พอแล้ว น้อยคนที่จะรู้สาเหตุที่เขาใส่รองเท้าประเภทนี้อยู่เป็นนิจแต่เกือบทุกคนก็สามารถเดากันได้ทั้งนั้นว่ามันต้องเป็นเฟิงเหมียนเมื่อได้ยินเสียงก้าวหนัก ๆ ของรองเท้าบู้ทหนังที่มาพร้อมสีแดงตัดสีเนื้อของร่างกายที่กำลังเดินเข้ามา (ก็คือแต่งตัวตามแฟชั่นทั่วไปของไฮฮอลโลว์นี่แหละค่ะ แต่จะมีเครื่องประดับอย่างต่างหูที่บ่งบอกความเป็นจินซาร์)
                ถึงจะร่างเล็กและค่อนไปทางผอมบางแต่ส่วนที่แข็งแรงก็ย่อมเป็นแขนและขาที่เขาเคยใช้ช่วยที่บ้านปลูกผักผลไม้ค้าขายอยู่เป็นปี ๆ และด้วยสาเหตุเดียวกันนี้เองที่ทำให้เฟิงเหมียนมีรอยแผลเป็นจาง ๆ ตามมือและแขนซึ่งก็ล้วนมาจากอุบัติเหตุเล็ก ๆ จากตอนช่วยครอบครัวทำมาหากินในสวนทั้งสิ้น แถมมือยังแอบด้านกว่าที่หลายคนคิดด้วยซ้ำ เห็นเขาตัวเล็กแบบนี้แต่เวลาแข่งงัดข้อเฟิงเหมียนก็ใช่ย่อยนะ!

          ลักษณะนิสัย
             AND THAT'S THAT!คงจะไม่มีคำไหนที่สามารถอธิบายอุปนิสัยของเฟิงเหมียนไปได้ดีกว่าคำว่า 'ไม่ยอมคน' ถ้าคิดจะมาข่มหรือหลอกให้เขากลัวละก็ทางคนที่สนิทกับเขาคงจะต้องขอแนะนำว่าอย่าแม้แต่จะลองเลยจะดีกว่า ไม่ต้องเดาก็บอกได้ว่าคุณไม่ควรไปกระตุกหนวดเสือเพราะบอกได้เลยว่าเสือน้อยตัวนี้กัดตอบ และที่สำคัญกัดเจ็บมากด้วย... แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะเฟิงเหมียนก็ไม่ได้ถึงขนาดจะเป็นคนอารมณ์ร้อนที่พร้อมทำร้ายทุกคนที่เข้ามาใกล้อย่างไร้เหตุผล ถ้าคุณมีนิสัยที่ไม่น่าปวดหัวและเคารพความเป็นตัวเขามันก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้น่าเป็นห่วงถ้าคุณหวังจะเป็นเพื่อนกับเฟิงเหมียนคนนี้ (จะยังไงเขาก็เป็นคนใจร้อนง่ายแค่เฉพาะกับสิ่งที่เกลียด) ความจริงแล้วการได้เป็นเพื่อนสนิทกับหนุ่มหน้าตี๋คนนี้ก็เป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าเฟิงเหมียนเริ่มมองคุณเป็นเพื่อนเมื่อไหร่ วันนั้นแหละที่คุณจะรู้ตัวว่าได้เพื่อนที่พร้อมจะยืนหยัดเพื่อคุณในวันข้างหน้าที่คุณอาจจะโดนคนอื่นรังแก เพราะเรื่องอะไรจะให้เขายอมล่ะ!
             QUICK-WITTEDเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีเหตุมีผลเสมอและมักไม่ยอมออกแสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจนจนกว่าจะได้ยินเรื่องราวจากทุกฝ่ายให้รู้ชัดเสียก่อน ถ้าเป็นเรื่องที่เฟิงเหมียนลงข้อสรุปไปแล้วว่าไม่เห็นด้วยก็เตรียมรับมือกับการเถียงชนฝาของเขาได้เลย เพราะเขาจะไม่ยอมเปลี่ยนความคิดเห็นแน่หากอีกฝ่ายไม่มีข้อมูลโต้กลับที่ดีพร้อม 1000% การโต้วาทีกับเฟิงเหมียนคงจะเป็นอะไรที่น่าสนุก (?) ด้วยความหัวไวปากไว (เขาไม่ใช่แนวใช้กำลังในการแก้ไขปัญหาซักเท่าไหร่) ของเจ้าตัวที่พร้อมจะจิกกัดถึงช่องโหว่ใน Logic ของฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เกรงกลัว มาถึงจุดนี้จะพูดว่าเขาเป็นคนแอบปากจัดก็คงจะใช่ แต่ถ้าเกิดอีกฝ่ายดันเป็นคนที่อายุหรือวุฒิมากกว่าเขาเฟิงเหมียนก็คงจะแค่ปิดปากเงียบ ก้มหัวยอมรับแล้วค่อยไปบ่นงุบงิบกับตัวเองทีหลังตามนิสัย เรื่องเกรี้ยวกราดน่ะปกติของเขา แต่ยังไงกาลเทศะก็ต้องมาก่อนน่า!
             A BLESSING OR A CURSE?ด้วยความหน้าดุหรือปากไวของตนจึงอาจทำให้บางคนไม่กล้าเข้าหาเขา แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าลืมนะว่าก็เพราะอย่างนี้ความจริงใจของเขาน่ะจึงเป็นที่หนึ่ง เฟิงเหมียนเป็นมนุษย์ประเภทที่นินทาลับหลังคนอื่นไม่เป็นเพราะโดยส่วนตัวโอเคกับการโดนต่อว่าซึ่งซึ่งหน้ามากกว่าเสียด้วยซ้ำ เขาเชื่อว่าการมีความในใจและไม่ยอมพูดออกมาดูเป็นอะไรที่ค่อนข้างไร้ประโยชน์และจะรู้สึกดีมากกว่ากับการได้นั่งจับเข่าเปิดใจคุยกัน ด้วยเหตุนี้เองที่เขาปฏิบัติกับผู้อื่นด้วยความจริงใจและไม่เคยคิดจะใช้หน้ากากปิดบังสิ่งที่นึก คิดอะไรก็พูด รู้สึกยังไงก็แสดงออกมา
             WAIT, HOW DO YOU SAY IT AGAIN?: ด้วยความที่ไม่ใช่คนไฮฮอลโลว์มาแต่ไหนแต่ไร แน่นอนว่ามันต้องทำให้เขาติดมีสำเนียงจินซาร์หน่อย ๆ เวลาพูดภาษากลาง โดยปกติมีวาจาสุภาพแต่ค่อนข้างห้วน (ถ้าไม่นับเวลาหัวร้อนนะ ฮา) และในบางครั้งก็อาจจะเผลอเรียกบางสิ่งบางอย่างด้วยภาษาแม่ของตนเหตุเพราะลืมไปว่าเอ่อ... ไอ้สิ่งนี้มันเรียกว่าอะไรอีกทีนะในภาษากลางไปเสีย เฟิงเหมียนไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ด้านการเรียนรู้หรือความจำเป็นพิเศษแต่สิ่งที่เขามีแทนที่คือความมุมานะและขยันในหน้าที่ของตัวเอง ถ้าหากได้การบ้านที่มีคำสั่งว่าต้องส่งภายในอาทิตย์หน้า เฟิงเหมียนนี่แหละที่จะทำมันเสร็จเรียบร้อยเป็นคนแรก ๆ ของห้อง การบริหารเวลาของเขาเรียกได้ว่าเยี่ยมและเป็นระเบียบอย่างเป๊ะ ๆ เกือบทุกขั้นตอน เขาเป็นคนประเภทที่จะรู้เสมอว่าตัวเองต้องตื่นกี่โมง เผื่อเวลาแต่งหน้าแต่งตัวเท่าไหร่ และต้องทบทวนหนังสือเกี่ยวกับภาษากลางมากเท่าไหร่ในแต่ละวัน เป็นต้น แต่ในขณะเดียวกันนี่เองก็เป็นข้อเสียที่ทำให้เขาค่อนข้างใจร้อนง่ายเมื่อต้องเจอกับอะไรที่เร็วหรือสายผิดไปจากที่วางไว้
             THAT'S HOW I SEE IT: เฟิงเหมียนไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย แต่ก็ไม่เคยจะเป็นคนโลกสวยเช่นกัน เขามองโลกอย่างที่มันเป็นและจัดได้ว่าเป็นคนหัว Realist เลยด้วยซ้ำ เขาคิดเสมอว่าเวลาเป็นเงินเป็นทองและจะให้มานั่งเหม่อมองหรือนึกฝันไปถึงอะไรต่อมิอะไรที่เป็นไปไม่ได้ก็จะดูเสียเวลาไปนิดหน่อย เฟิงเหมียนไม่ใช่คนที่ดีประเสริฐพอจะทำทุกอย่างเพื่อทุกคนเพราะตัวเขาเองก็มีสิ่งที่อยากทำ แต่ถ้าเป็นไปได้เฟิงเหมียนก็จะพยายามช่วยเพื่อน ๆ หากมันไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่เกินมือ ส่วนถ้าเป็นเรื่องของคนอื่นน่ะ จริง ๆ ก็ไม่ได้ชอบเผือกหรอกแถมไม่เคยตั้งหน้าตั้งตาเข้าไปแส่ในเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองด้วย อืม... แต่ถ้าเขาบังเอิญไปได้ยินอะไรต่อมิอะไรเข้าด้วยความหูไวก็อย่ามาโวยวายว่าเป็นความผิดเขาละกัน
             TO RESPECT ALL BUT FEAR NONEนที่ไม่รู้ไม่ใช่คนโง่ คนที่ไม่คิดพยายามทำความเข้าใจเลยต่างหากที่เรียกว่าโง่! เฟิงเหมียนไม่เคยไม่เคารพวัฒนธรรมหรือเหล่าเทพเจ้าของคนอื่น ๆ เพียงเพราะมีความเชื่อที่ต่างกัน ในทางกลับกัน เขาเองก็ไม่เคยโกรธคนที่ไม่รู้และพร้อมจะตอบคำถามเกี่ยวกับวิถีต่าง ๆ ที่เขาได้ติดมาจากบ้านเกิด แบบนี้ยังดีกว่าเสียอีกเพราะยังไงการที่มีคนมาแสดงความสนใจมันก็ดีกว่าการที่ใครมาล้อเลียนเพียงเพราะเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นตาอยู่แล้ว ซึ่งเขาเองนี่แหละที่รับไม่ได้เลยกับคนพรรคนี้ ถ้าคุณหวังจะมาร้ายอย่างนี่ใส่เขา เฟิงเหมียนก็พร้อมที่จะตอกกลับด้วยวาจาฉุนเฉียวชนิดที่ทำเอาอีกคนต้องเป็นฝ่ายถอยไปเองเหมือนกัน
    สรุปอุปนิสัย: ไม่ยอมคน, รักเพื่อน, หัวไวปากไวแต่รู้กาลเทศะ, มีเหตุมีผล, เสแสร้งไม่เป็น (และไม่ชอบด้วย!), Realist, และแอบมีความเกรี้ยวกราดอยู่ในตัวไม่น้อย

          ประวัติความเป็นมา:
                เฟิงเหมียน นั่นคือชื่อของหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่เกิดมาในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจินซาร์ ครอบครัวของเขาไม่ได้มีฐานะอะไรมากและพึ่งการเกษตรอย่างการค้าขายผักผลไม้เป็นรายได้ส่วนมากของบ้าน ชีวิตในวัยเด็กของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นของครอบครัวที่มีกันอยู่ไม่กี่คนนี้และเสียงหัวเราะท่ามกลางสวนไม้ที่เรียกได้ว่าเป็นสมาชิกที่สำคัญอีกคนหนึ่งของครอบครัวเลยทีเดียวเชียว แต่แน่นอนว่านั่นคือก่อนที่เฟิงเหมียนในวัยเพียงไม่กี่ขวบจะไปเจอกับคนแปลกหน้าที่แต่งตัวแปลกตาพิลึกเข้าโดยบังเอิญ เขาจำได้ว่าเธอมีสีผมที่ต่างจากเขาและลูก ๆ ของชาวบ้านที่เขาเล่นด้วยอยู่ทุกวัน สายตาสงสัยของเธอกวาดมองผลงานของเขาพร้อมรอยยิ้มเอ็นดูบนหน้า

    "เด็กน้อย นี่สวนของเธอหรอ?"

                เขาประหลาดใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเธอพูดภาษาของเขาได้อย่างเสียงดังฟังชัด ด้วยความไม่คิดอะไรมากและความภาคภูมิใจในสวนของครอบครัวตนทำให้เฟิงเหมียนตัดสินใจวางพลั่วในมือลงและจับมือพี่สาวแปลกหน้าพาเดินให้ทั่วแปลงผักผลไม้ที่เขารักหนักหนา พลางปากก็พรรณนาเรื่องราวความเป็นมาของแต่ละต้นอย่างมีสีสันราวกับว่าทุกสิ่งมีชีวิตในสวนนั้นล้วนมีคุณค่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่งต่อจิตใจของครอบครัวเขา (ซึ่งก็ไม่ผิดหรอก) พอมาคิด ๆ ดูตอนนี้เฟิงเหมียนก็เขินอายอยู่ไม่น้อยกับความไม่ประสีประสาของตัวเองเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่โชคยังดีที่คนแปลกหน้าในตอนนั้นดูจะไม่ได้ประสงค์ร้ายอะไรกับเขาหรือครอบครัวของเขา เมื่อจบการเดินทางสั้น ๆ นั้น เธอก็พูดขอบคุณด้วยรอยยิ้มใจดีที่ยังอยู่บนใบหน้าและคำสัญญาที่ว่าคราวหน้าจะมาพร้อมกับของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เขา
                หลังจากนั้นเป็นเวลาอยู่เกือบปีเธอก็ทำอย่างที่ว่าจริง ๆ พี่สาวคนนั้นมาเยี่ยมเขาอยู่เป็นระยะ ๆ พร้อมกับของขวัญกระจุกกระจิกอย่างลูกอมที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนและมีรสชาติที่อร่อยพิลึกติดลิ้น ส่วนเฟิงเหมียนเองก็จะเตรียมน้ำผลไม้ที่เขาคั่นสดเองกับมือเพื่อต้อนรับเธออยู่เป็นประจำก่อนที่เขาจะนำเธอไปเดินรอบ ๆ สวนของครอบครัว (ซึ่งเขาขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่แล้วเรียบร้อย) มันกลายเป็นกิจวัตรที่เขาจะเล่าข้อมูลของต้นไม้ต่าง ๆ ให้เธอแลกกับที่เธอจะบอกเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่ที่เธอจากมาที่ชื่อ 'ไฮฮอลโลว์' เธอเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องโรงเรียนเวทย์มนต์ เรื่องภาษาวัฒนธรรมที่แตกต่าง เรื่องของความเชื่อและเทพเจ้าที่ไม่คุ้นหูเขา และอีกหลายเรื่องราวที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กันเกี่ยวกับอีกโลกหนึ่งที่เขาไม่เคยฝันถึง แต่แล้วมันก็มาถึงวันสุดท้ายก่อนที่เธอจะต้องกลับประเทศด้วยเหตุที่ว่าธุระของเธอที่นี่ได้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ของขวัญชิ้นสุดท้ายของเธอคือรองเท้าบู้ทหนังคู่หนึ่งที่เธอสั่งทำเป็นพิเศษให้กับเขา ใช่ มันเป็นแฟชั่นที่ชั่งดูแปลกประหลาดสำหรับเฟิงเหมียน (และเด็กน้อยหน้าจิ้มลิ้มในวันนั้นก็มุ่ยหน้าจนน่าเอ็นดูเมื่อลองใส่ดูเป็นครั้งแรก) และเธอก็ได้แต่หัวเราะก่อนที่จะอธิบายว่ามันอาจจะช่วยในการเดินทำสวนแทนที่จะเดินเท้าเปล่าอย่างที่เขาทำอยู่ตลอดเวลา จนกลายเป็นเรื่องตลกขำขันสำหรับคุณพ่อคุณแม่ไปเมื่อเฟิงเหมียนจากที่งงงวย กลายเป็นไม่ยอมถอดรองเท้าคู่นั้นไปเสียเพราะหลงคิดว่าถ้าหากเขายอมใส่ เขาคงจะไม่ต้องพูดคำจากลา และเธอก็จะต้องไม่กลับประเทศของเธอไปอย่างแน่นอน...
                ช่วงระยะเวลาที่เขาได้ทำความรู้จักกับพี่สาวใจดีคนนั้นนับเป็นความทรงจำที่มีค่าสำหรับเฟิงเหมียนแม้กาลเวลาจะยังคงผ่านไปเรื่อย ๆ และบางที ใช่ บางที... บางทีก็อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้เอง เมื่อบังเอิญเกิดเหตุที่ว่าคุณลุงผู้อาศัยและทำค้าขายอยู่ในรูล์ส่งจดหมายขอร้องอ้อนวอนให้ครอบครัวของเขาส่งคนและของฝากจากบ้านเกิดมาเยี่ยมเยียนเพราะทนพิษคิดถึงบ้านไม่ไหว (...) เฟิงเหมียนถึงได้เสนอตัวและยื่นข้อเสนอว่าเขาอยากออกไปเจอและสัมผัสประสบการณ์ของภายนอกบ้าง โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องสถาบันเวทย์มนต์ที่มีชื่อเสียงเรียงนามและทำให้เขาสนใจเป็นมากที่สุด ด้วยการเจรจาและต่อรองกับที่บ้านอยู่พักใหญ่ รวมไปถึงคำสัญญาที่จะส่งจดหมายกลับมาบ่อย ๆ และคุณแม่ที่ไม่ยอมหยุดร้องไห้ในวันที่ตัวเขาต้องออกเดินทาง ในที่สุด เด็กหนุ่มหน้าตี๋ที่มีนามว่าเฟิงเหมียนจึงได้มาเหยียบและอยู่อาศัยกับคุณลุงในไฮฮอลโลว์--ชื่อเมืองที่ทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็กที่เขาจะจับมือพี่สาวแปลกหน้าเพื่อพาเดินท่ามกลางสวนผลไม้ที่เขารัก--จนได้

    "ฉ-ฉันชื่อ 'เฟิงเหมียน' และนายก็ต้องเรียกฉันว่าเฟิงเหมียน!"
                
                จะกล่าวว่าเป็น Culture Shock ก็คงจะไม่ผิดซักทีเดียว เพราะไม่ว่าจะหันซ้ายหันขวา มองบนหรือมองล่างแดนใหม่นี้ก็ต่างจากที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ของเขาโดยสิ้นเชิง รวมไปถึงการแต่งตัว วัฒนธรรมในการกิน หรืออื่น ๆ อีกมากมายที่เฟิงเหมียนต้องศึกษาใหม่หมดเลยอีก นอกเหนือจากนี้ยังมีภาษากลางที่ทำให้เขาต้องนั่งอ่านและติวกับคุณลุงอย่างขันแข็งอยู่ร่วมปีจนอ่านฟังพูดเขียนกับผู้อื่นคล่อง... ต้องขอบคุณความมุมานะซึ่งเป็นหนึ่งในข้อดีที่ดีที่สุดของตัวเองที่ทำให้เฟิงเหมียนไม่เคยท้อจนอยากจะยอมแพ้ ถึงแม้ว่าเขาเองอาจจะยังคิดถึงอาหารพื้นเมืองและสวนที่รักของที่บ้านอยู่เสมอก็ตามที
                เฮ้อ เขาคงเผลอติดพิษ Homesick มาจากคุณลุงเข้าแล้วใช่ไหมเนี่ย?

         ชอบ:
                - สีแดง สีของความสุขความเจริญตามที่บ้านเกิดของเขาเชื่อกัน
                - ผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะพวกที่มีสีแดงอย่างทับทิม
                - เมนูอาหารพื้นเมืองที่คุ้นเคย
                - การทำสวนหรือดูแลต้นไม้น้อยใหญ่ต่าง ๆ
                - อากาศในตอนเช้า
                - รองเท้าบู้ทหนัง (ปัจจุบันซื้อใหม่เพราะคู่เก่าที่ได้มาใส่ไม่ได้แล้วค่ะ...)
         เกลียด: พวกที่ล้อเลียนวัฒนธรรมของบ้านเกิดเขา / การผิดเวลา คนที่ผิดเวลาเองก็ด้วย เร็วเกินน่ะไม่เท่าไหร่แต่ถ้าสายนะ... / การนินทาลับหลัง / ผู้ที่รังแกคนอื่น
         กลัว: ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับสวนผักผลไม้ที่บ้านในจินซาร์ / ว่าเขาจะทนพิษคิดถึงบ้านไม่ไหว แง / งู ทั้งที่หมายถึงสัตว์และประเภทคนนั่นแหละ ตอนเด็ก ๆ เขาเคยเกือบโดนงูที่แอบเข้ามาในสวนกัดเข้าให้ ภาพที่มันเลื้อยเข้ามาพันขาเขาที่กลัวจนตัวแข็งยังติดตามาถึงทุกวันนี้
         แพ้: ไม่มีเป็นพิเศษ
          สายเวทย์: Elemantal # ดิน (แต่ยังไงน้องก็นับถือเทพของจินซาร์อยู่ดีแหละค่ะ แฮะๆ)
          ความสามารถพิเศษสามารถดูแลและมีความรู้เกี่ยวกับต้นไม้หลายพันธุ์มาก / การบริหารงานจำนวนมากให้พอดีกับเวลาและความสามารถตัวเอง / ร่างกายยืดหยุ่นและสามารถทรงตัวได้ดีเป็นพิเศษ / งัดข้อ (?)
          บท: นักเรียน
          เพิ่มเติม:
                - ชื่อ 'เฟิงเหมียน / 风眠' มีความหมายว่า 'การผลอยหลับไปในป่ายามที่ลมเย็นโชยมา'
                - เราจะขอถือว่าเป็นวัฒนธรรมของละแวกหมู่บ้านน้องเลยละกันนะคะว่าการเรียกด้วยชื่อจริงหรือนามสกุลอย่างเดียวนับเป็นอะไรที่เสียมารยาทมาก (ตามภาษาจีนเลยค่ะ) เพราะฉะนั้นน้องเลยรู้สึกแปลก ๆ (ไม่) หน่อยในตอนแรกพอเห็นว่าทุกคนในไฮฮอลโลว์ต่างเรียกชื่อเล่นกันอย่างไม่ถือตัว ปัจจุบันก็สามารถเรียกคนอื่นโดยปกติแล้วค่ะ แต่จะไม่โอเคมาก ๆ ถ้ามีคนมาเรียกเขาด้วยชื่อจริง/นามสกุลอย่างเดียวทั้ง ๆ ที่เขาบอกแล้วว่าขอให้เรียกด้วยชื่อเต็ม
                - น้องติดนิสัยบ่นงุบงิบกับตัวเองมากค่ะ ซึ่งส่วนมากก็จะบ่นเป็นภาษาจินซาร์นี่แหละ เป็นการสร้างความงงงวยให้กับคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี
          ถ้าลูกของคุณติด แต่ไม่ติดในบทที่ต้องการ อยากให้เราใส่บทอื่นให้ หรือว่าจะรับกลับคะ?: ใส่บทอื่นได้เลยค่ะ!


     Èr .
          คิดอย่างไรกับการที่สภานำคทาบรุดเวิร์ธที่โด่งดังนั้นมาเก็บไว้ในโรงเรียน คิดว่าทำถูกแล้วหรืออันตราย? แล้วอยากจะเห็นมันกับตาซักครั้งในชีวิตไหม?
          - เด็กหนุ่มเอามือมารองคางตัวเองอย่างครุ่นคิด เขานั่งพินิจคำถามก่อนที่ตาคมจะหันกลับมามองผู้พูดตรงหน้าอีกครั้ง เฟิงเหมียนส่ายหัว ต่างหูสีแดงเป็นเอกลักษณ์ที่หูขวาโคลงไปมาเบา ๆ เมื่อเขาอ้าปากตอบ "แน่นอนว่าเรื่องนี้มันต้องมีเหตุผลและที่มา... จะให้พูดว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้องคงจะเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถตอบได้ในตอนนี้" สีหน้าของเขาดูไม่มีแนวจะโอนเอียงไปจากคำตอบที่เขาพูด

    "แต่ยังไงก็ อ่า" อยู่ ๆ เสียงของเฟิงเหมียนก็หยุดชะงัก คิ้วเข้มขมวดเข้าด้วยกันในขณะปากก็ขยับพึมพำอยู่ชั่วครู่ ('มันเรียกว่าอะไรนะ?') ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดต่อเมื่อได้คำตอบกับตัวเอง "แต่ยังไงพวกเราก็ไม่ควรจะ ‘ชะล่าใจ’ สินะ ยิ่งเป็นคทาบรุดเวิร์ธที่มีชื่อเสียงขนาดนี้" หัวของเขาเอียงไปทางซ้ายเล็กน้อยเพื่อมองดูการตอบสนองของอีกฝ่าย

    "... แต่ไม่ ในตอนนี้ผมไม่ค่อยอยากยุ่งกับมันซักเท่าไหร่หรอก อย่าว่าแต่จะเห็นกับตาเลยความสงสัยย่อมเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่เฟิงเหมียนรู้ดีเกินกว่าจะเอาตัวเองเข้าไปยุ่งไปพัวพันกับสิ่งที่ใหญ่โตเช่นนั้น... สำหรับตอนนี้น่ะนะ เพราะเรื่องในอนาคตยิ่งคาดเดาคำตอบยากกว่าคำถามนี้เสียอีกด้วยซ้ำ

    จะอย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มดูพอใจกับคำตอบที่เขาได้ให้คู่สนทนาไป

          อาหารที่ชอบกินที่สุดคืออะไร เพราะอะไร?
          - ถึงจะดูแปลกใจกับคำถามที่สอง ดวงตาน้ำตาลเข้มก็ลุกวาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อนึกถึงอาหารที่ตนชอบ "ผลไม้" เฟิงเหมียนตอบอย่างรวดเร็ว

    "ยิ่งผลไม้อย่างทับทิมน่ะของโปรดผมเลยแหละ อย่างที่บ้านเกิดผมนี่ก็มีทับทิมเป็นสวน ๆ พร้อมให้หยิบมาคั่นเป็นน้ำเลยนะ" ก่อนที่ใบหน้าที่ยังคงความกลมจากวัยเด็กอยู่บ้างจะมุ่ยลงเล็กน้อย เฟิงเหมียนพูดประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงเรียบอย่างปกติที่เขามักจะใช้เวลาไม่พอใจอะไรหน่อย ๆ "ถึงช่วงนี้ผมจะหาทับทิมกินไม่ค่อยได้ก็เลยก็เถอะ"

    เสียงเหยียบของรองเท้าบู้ทสะท้อนก้องกับกำแพงเบา ๆ เมื่อเฟิงเหมียนเดินออกไปจากห้องหลังจบบทสนทนากับอีกฝ่ายเรียบร้อย





    ชื่อเฟิงเหมียนเว้ย! ก็บอกไปแล้วไงว่าจะเรียกว่าเฟิงว่าเหมียนอย่างเดียวมันเสียมารยาทสำหรับที่บ้านเกิดฉันน่ะ!














       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×