ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรากฏว่าเป็นรัก

    ลำดับตอนที่ #5 : คนไม่ดี

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 66


                     

    อู่อี้เทียนจับตามองความเคลื่อนไหวภายในบ้านหลังใหญ่มาตลอด ตั้งแต่ที่รถของมาสฟ้าเคลื่อนเข้าไปในอาณาเขตบ้าน เขาดูมาสฟ้าลากเหมือนฝันและเพื่อนอีกคนของเธอเข้าไปด้านในอย่างอดทนและเป็นห่วง กระทั่งผ่านไปพักใหญ่เขาก็ยังไม่สามารถวางใจแล้วสั่งให้ตัวเองกลับไปที่โรงแรมได้

    อู่อี้เทียนบอกตัวเองว่าเขาแค่รออีกนิด...คิดว่าจะอยู่จนกว่าไฟในบ้านจะปิดลง เขาถึงจะกลับ ซึ่งเขาตั้งใจเช่นนั้นจริงๆ แต่เมื่อเห็นร่างบอบบาง ที่เขามั่นใจว่าเป็นมาสฟ้าเดินมุ่งหน้าตรงมาที่รถเขา ชายหนุ่มก็ไม่ลังเลที่จะผลักประตูรถ ออกไปยืนรอรับหญิงสาวโดยไม่รอให้มาสฟ้ามาถึงรถของเขาก่อน

    และเมื่อเธอเข้ามาใกล้พอที่เขาจะเอื้อมถึง อู่อี้เทียนก็รวบเอวเล็กๆ ของมาสฟ้ามากอดแน่นอย่างถือสิทธิ์ โดยได้ความร่วมมือจากตัวของมาสฟ้าอีกแรง ดังนั้นการที่เขาได้เธอมาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง จึงเป็นเรื่องที่แสนง่ายดายเหลือเกินสำหรับอู่อี้เทียน

    “ยังไม่หายคิดถึงผมเหรอ?” เสียงห้าวเอ่ยเย้า ก่อนประทับจูบหนักๆ ลงที่ลาดไหล่บอบบางอย่างสนิทเสน่หา

    “เปล่าค่ะ ฉันมาไล่คุณกลับต่างหาก” มาสฟ้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวาพร้อมกับโอบแขนรอบต้นคอหนา อิงแอบร่างสูงด้วยความไว้ใจอย่างเต็มเปี่ยม

    “งั้นเหรอ?”

    “อันที่จริงพ่อฉันให้มาไล่คุณค่ะ บอกว่าดึกแล้วให้คุณขับออกไปเงียบๆ อย่าเสียงดังให้แม่ฉันตื่น”

    “สรุปว่าพ่อคุณไล่ผม คุณไม่ได้อยากให้ผมกลับ ผมเข้าใจถูกไหม?”

    “ฉันไม่ได้อยากให้คุณอยู่หรอกค่ะ ดึกแล้ว” มาสฟ้าผละออกจากอ้อมกอดของอู่อี้เทียนอย่างอ้อยอิ่ง ลงมายืนด้วยสองเท้าตัวเองแต่ก็ยังมิวายถูกท่อนแขนแกร่งประคองกอด ที่แม้ว่าอ้อมกอดของทั้งคู่จะคลายลงแต่มือของพวกเขาเกาะเกี่ยวกันไว้แน่นโดยไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยมือจากกันเลย

    “แล้วทำไมไม่ชวนผมค้างนี่ล่ะ ผมเอากระเป๋ามาด้วยนะ” อู่อี้เทียนว่าพลางพยักเพยิดไปด้านหลังของรถ ที่มีกระเป๋าเดินทางของเขาอยู่จริง

    “ไม่ได้ค่ะ” มาสฟ้าสั่นศีรษะ มองอู่อี้เทียนด้วยสีหน้ายิ้มๆ

    “กลัวเหมือนฝันโกรธหรือครับ”

    “ก็ทำนองนั้น” มาสฟ้าโคลงหัว เธอไม่ชวนเขาพักที่บ้านนั้นเพราะเหตุผลหลายอย่างแต่แน่นอนว่าที่เขาเอ่ยมานั้นก็นับว่าเป็นเหตุผลหลัก สำหรับคนเป็นพี่อย่างเธอ ยังไงมาสฟ้าก็ต้องรักษาความรู้สึกของเหมือนฝันก่อนทุกสิ่ง

    “ไม่ยักรู้ว่าคุณกลัวน้องสาวคุณขนาดนี้”

    “ทำไมคะ ลังเลขึ้นมาหรือไง” มาสฟ้าเลิกคิ้ว มองหน้าอู่อี้เทียนด้วยสายตาท้าทายและล้อเลียนชายหนุ่มอยู่ในที

    “ลังเลเรื่องที่ผมอยากแต่งงานกับคุณน่ะเหรอ ไม่หรอก ใครหน้าไหนก็เปลี่ยนใจผมไม่ได้” อู่อี้เทียนยิ้มกริ่ม มองหน้ามาสฟ้าด้วยสายตาพราวระยับแสนเจ้าเล่ห์แบบเดียวกับรอยยิ้มของเขา “ขนาดคุณยังเปลี่ยนใจผมไม่ได้เลย”

    “ก็เพราะว่าคุณเป็นคนหัวดื้อไงคะ”

    “เรื่องนั้นผมไม่เถียงหรอก” อู่อี้เทียนยิ้มกว้างรับคำเรียกนั้น พลางยกมือขึ้นเกลี่ยลูกผมออกจากหน้าคมซึ้งของมาสฟ้า ผู้เคยปฏิเสธคำขอแต่งงานของเขา “ก็เหมาะกับคนหัวรั้นแบบคุณดีไม่ใช่หรือ”

    “เราจะมายืนเถียงกันเรื่องนี้ ตอนนี้จริงๆ เหรอคะอี้เทียน”

    “ไม่หรอก เราจะไม่เถียงกันแล้ว” อู่อี้เทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตาที่เขาก้มมองหน้าเธอทำให้มาสฟ้าหัวใจเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะต้องขมวดคิ้วเพราะคำพูดต่อมาของเขา “แต่งไม่แต่งก็แล้วยังไง เพราะยังไงคุณก็หนีผมไม่พ้นอยู่ดี”

    “ฟังเหมือนคุณกำลังบังคับฉันยังไงไม่รู้”

    “ผมไม่คิดแบบนั้นนะ” อู่อี้เทียนจะตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ สอดมือรอบเอวบอบบางของมาสฟ้าอย่างถือสิทธิ์อีกหน ก่อนจะรั้งตัวหญิงสาวเข้ามาแนบชิด ชนิดที่ว่าลมหายใจรินรดกันเลยทีเดียว “ผมจะทำแบบนั้นไปทำไม ในเมื่อคุณเองก็ดูเต็มอกเต็มใจจะเป็นของผมจะตาย”

    “หลงตัวเองจังค่ะ” แม้ว่าที่เขาพูดจะเป็นความจริง แต่มาสฟ้าก็อดที่จะย่นจมูกใส่คนหลงตัวเองไม่ได้ ทั้งฉิวทั้งขบขันคนตัวสูงที่เธออิงแอบกับเขาอยู่

    “แล้วผมพูดผิดหรือเปล่าล่ะ”

    “ไม่ผิดค่ะ” มาสฟ้าบอกชัด ก่อนจะเงยหน้าแล้วยกมือขึ้นบีบคางหนา ที่ปกคลุมตอหนวดแข็งๆ ของอู่อี้เทียน ความรู้สึกสากระคายที่ปลายนิ้วทำให้มาสฟ้าหายใจสะดุด ก่อนจะรีบปล่อยมือออกจาปลายคางของชายหนุ่มประหนึ่งว่าคางของเขาเป็นของร้อน ปากก็ว่า “คุณต้องโกนหนวดแล้ว”

    “ชอบเหรอ?” อู่อี้เทียนสังเกตุเห็นสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปเมื่อมาสฟ้าจับที่คางของตน

    “ไม่ค่ะ”

    “โกหก” อู่อีเทียนเอ่ยสวนทันควัน ก่อนจะยืนมืออีกข้างไปประคองซีกหน้างาม แล้วก้มหน้าลงมาใช้ปากปิดปากของมาสฟ้าจูบหนนี้ของเขานั้นแตกต่างไปไม่มีความอ่อนโยนมีแต่ความซาบซ่านที่อ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างเต็มเปี่ยม รสจูบที่อู่อี้เทียนมอบให้ทำให้มาสฟ้าได้แต่ส่งเสียงครางลึกในลำคอ

    ท่อนเขาของมาสฟ้าเองก็ผลันอ่อนแรง เมื่อถูกร่างสูงที่ค้ำอยู่เหนือกายนั้นมอมเมาด้วยรสจูบอันเจนจัด กระทั่งเขาเลื่อนมือลงไปซ้อนใต้สะโพกมน ยกตัวเธอขึ้นสูงก่อนจะเบียดแผ่นหลังเล็กชิดกับประตูรถ กักขังเธอด้วร่างกายของเขา ทำให้มาสฟ้าไม่มีทางหนีได้แต่เผยอปากรับลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามาช่วงชิงลมหายใจจากปากของเธอ

    โครม!

    เสียงดังนั้นทำลายมนต์ขลังแห่งจูบของอู่อี้เทียนลง ก่อนทุกอย่างจะเลยเถิดไปไกล เพราะทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น ก็เหมือนว่ามาสฟ้าถูกดึงให้กลับมาอยู่กับความจริง ไม่ถูกคนเจ้าเล่ห์ใช้จูบมอมเมาเธอไปกว่านี้

    แต่กระนั้นมาสฟ้าก็ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะเลิกหอบหายใจได้ มือเล็กนั้นเกาะกุมที่แผงอกกว้างของอู่อี้เทียนไม่ปล่อย ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนแม้ว่าจะถูกเล็บคมๆ ของหญิงสาวจิกเข้าไปในเนื้อ คล้ายกับว่าของเพียงมาสฟ้าอยู่ในอ้อมกอดเขาแม้จะต้องแลกกับความเจ็บๆ คันๆ นิดๆ หน่อยๆ อู่อี้เทียนก็เต็มใจ

    “คุณตั้งใจใช่ไหมคะ” มาสฟ้ากระซิบถามเสียงพร่า หัวใจยังคงเต้นแรงเพราะความใกล้ชิดที่เพิ่งเกิดขึ้น หากแต่มือถือเครื่องงามที่นอนแอ้งแม้งอยู่หน้ากระโปรงรถของอี้เทียนก็เป็นเครื่องเรียกสติชั้นดีแก่มาสฟ้า ไม่ให้หญิงสาวเผลอไผลไปกับจูบของอู่อี้เทียนมากกว่านี้ “ที่จูบฉันเมื่อกี้เพราะรู้ใช่ไหมว่าแม่ของฉันมองอยู่”

    “ผมจูบคุณเพราะอยากจูบ ส่วนเรื่องที่แม่คุณมองอยู่มันเป็นผลพลอยได้” อู่อี้เทียนยักไหล่ ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนเช่นมาสฟ้าแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของหญิงสาว เพราะเงาตะคุ่มที่ยืนมองพวกเขาจากชั้นสองนั้นเป็นแรงจูงใจให้เขาจูบเธอจริงๆ

    “คิดจะมัดมือชกฉันงั้นเหรอคะ” มาสฟ้าเงยหน้า จ้องอู่อี้เทียนตาเขียว ถามเขาเสียงขุ่นด้วยความขับข้องใจ “คิดว่าจูบฉันให้แม่เห็นแล้วมันจะเปลี่ยนอะไรได้งั้นเหรอ อี้เทียน คุณนี่มัน...”

    “บอกแล้วไงว่ามันแค่ผลพลอยได้” อี้เทียนประคองหน้างาม ใช้หน้าแม่มือลูบไล้ที่แก้มนวล พะเน้าพะนอคนตัวเล็กอย่างเอาอกเอาใจ พร้อมกับน้ำเสียงที่เอ่ยก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “ผมจูบคุณเพราะอยากจูบคุณมาสฟ้า ต่อให้ไม่มีคนคอยปามือถือใส่รถผม ผมก็จะจูบคุณจนปากเปื่อยอยู่ดี อยากพิสูจน์อีกสักรอบไหมล่ะ”

    “ไม่ค่ะ” มาสฟ้าดันแผงอกของอู่อี้เทียนไว้ก่อนที่เขาจะลดใบหน้า ลงมาฉกจูบจากปากที่บวมเจ่อของเธออีกรอบ “ไม่เอา”

    “อย่างนั้นก็เลิกคิดอะไรซับซ้อนเสียที ผมอยากได้คุณ เพราะอะไรคุณก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ”

    “ฉันไม่ได้...”

    “ชู่ว...” อู่อี้เทียนลดใบหน้าลงต่ำ ประทับจูบหนักๆ ที่ขมับของมาสฟ้าก่อนส่งเสียงบอกมาสฟ้าให้เลิกพุ้งซ่าน ก่อนจะเลื่อนมือไปโอบร่างเล็กๆ ออกแรงโยกคนในอ้อมแขนเบาๆ อย่างปลอบขวัญ “ไม่เป็นหรอก ผมอยู่นี่แล้ว”

    “ฉันต้องเข้าบ้าน” มาสฟ้ายกมือปิดหน้า ความรู้สึกของเธอตอนนี้มันพุ่งพ่าน หลายความรู้สึกทั้งหลายแหลประดังประเดเข้ามาในหัว จนไม่รู้ว่าตอนนี้เธอควรจะจัดการกับมันอย่างไรดี แต่สิ่งที่มาสฟ้ามั่นใจก็คือเธอไม่สามารถอยู่ใกล้ชิดกับอู่อี้เทียนแบบนี้ต่อไปได้ เธอต้องอยู่ห่างๆ จากเขาไว้เป็นดีที่สุด อย่างน้อยก็จนกว่าเธอจะตั้งสติและทบทวนความรู้สึกของตัวเองได้“คุณเองก็ต้องกลับแล้ว”
    “ได้สิ” อู่อี้เทียนรับคำอย่างว่าง่าย แต่อ้อมแขนของเขากลับยังกระชับกอดมาสฟ้าแน่นไม่ยอมปล่อย “เดี๋ยวผมกลับ”

    “รีบๆ กลับไปเลย” มาสฟ้าเอ่ยเสียงห้วนแต่ดังเพียงอู้อี้เพราะเธอชบหน้ากับอกกว้างของเขาแน่น ยิ่งเมื่อท่อนแขนเล็กของมาสฟ้าเลื่อนขึ้นมากอดกระชับเอวสอบของตน สีหน้าของอี้เทียนก็อ่อนโยนขึ้นเพราะรอยยิ้มเอ็นดูคนตัวเล็ก ที่ปากไล่เขาไมหยุดแต่ก็กอดเขาแน่นไม่ปล่อย “ฉันเกลียดคุณ พวกฉวยโอกาส”

    “ใช่ ผมนี่มันแย่จริงๆ”
     


     


     


     


     


     


     


     

                                  “สมน้ำหน้าพวกมันแล้ว...”


     

                      “…”


     

                      “พวกมันจะตายไหม” 


     

    มาสฟ้าเงยหน้า เหลือบตาขึ้นมองชายหนุ่มเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเสมองไปทางอื่น แล้วพยักหน้าเบาๆด้วยความเสียใจ ความตายของเด็กหนุ่มพวกนี้ยังชัดอยู่ในความทรงจำของเธอ


     

                      “ค่ะ”


     

                      “คุณน่าจะบอกให้พวกมันรีบไปลาพ่อแม่” ลูเซียสแนะ ความสามารถประหลาดของมาสฟ้านั้นไม่ได้ทำให้เขากลัวอีกต่อไปแล้ว มาสฟ้าไม่มีอะไรทำให้เขาหวาดกลัวได้อีกแล้ว 


     

                      “พวกเขาจะกลับไม่ถึงบ้านค่ะลูเซียส” น้ำตาหยดหนึ่งร่วงจากตากลมโตของหญิงสาว ภาพรถบนนทุกคันใหญ่ที่มีร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองหายใจรวยรินอยู่ได้ท้องรถนั้นทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียน“พวกเขาจะไม่ได้ลาใคร”


     

                      “งั้น...เราก็คงทำอะไรไม่ได้”เขาเม้มปาก อยากจะดึงมาสฟ้าเข้ามากอดแต่รู้ว่าตัวเองไม่อาจจะทำได้ ลูเซียสจึงข่มฟันเก็บมือของตนไว้ข้างตัวตามเดิม“คุณอยากให้ผมเป็นคนไปพูดกับพวกเขาให้มั้ย”


     

                      “ค่ะ” มาสฟ้าพยักหน้า มองเขาด้วยความขอบคุณสุดหัวใจ แม้จะเธอจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้มานับไม่ถ้วนแต่เธอกลับไม่เคยทำใจให้ชินกับมันได้เลย“ช่วยฉันทีนะคะ”


     

                      “ไม่เป็นไรหรอก” ลูเซียสปลอบใจหญิงสาว เอื้อมมือขึ้นไปลูบแก้มนวลที่ชื้นเพราะหยดน้ำตาก่อนจะห้ามตัวเองได้“อีกเดี๋ยวคุณค่อยเข้าไปก็ได้”


     

                      “ค่ะ” มาสฟ้าพยักหน้ารับเร็วๆ สัมผัสจากมือหนาทำให้โลกของเธอสงบจากอนาคตของคนอื่นๆได้เสี้ยววินาที ก่อนพวกมันจะหวนกลับมาโจมตีเธออีกครั้งเมื่อลูเซียสดึงมือออกห่าง“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก”

                      


     

                      “ชื่ออะไรกัน”เสียงทุ้มชวนขนลุกของลุเซียสทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองสะดุ้งโหยง คาดไม่ถึงว่าหนุ่มแขก แฟนพี่นางฟ้าคนสวยจะพูดภาษาไทยได้ ถึงจะไม่ชัดแต่ก็ยังเข้าใจได้อย่างครบถ้วน


     

                      “ชื่อวินกับเอ็มครับ” เด็กหนุ่มในเสื้อสีน้ำเงินตอบ หลบตาของแฟนพี่นางฟ้าเพราะความกลัว รู้ได้โดนสัญชาตญาณว่าชายหนุ่มตัวใหญ่ตรงหน้าพวกเขานี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน


     

                      “รู้ใช่ไหมว่านี่บ้านใคร แล้วทำไมถึงได้กล้ามาขโมยของ” ลูเซียสถาม ยกมือขึ้นกอดอกระหว่างจ้องหน้าเด็กหนุ่มทั้งสองสลับกัน“ไม่กลัวตายกันหรือไง”


     

                      “กะ...กลัวครับ”วินเอ่ยตะกุกตะกัก ลอบมองหน้าดุดันของเจ้าของบ้านแล้วยกมือไหว้ท้วมหัว“พวกผมไม่รู้ คิดว่าของพวกนั้นเป็นของเก่าธรรมดา”


     

                      “ใครเป็นคนจ้างพวกแกมา” ลูเซียสหรี่ตา เห็นท่าทางงันงกของเจ้าเด็กพวกนี้แล้วเขาก็ยิ่งแน่ใจ ว่าพวกมันไม่มีทางที่จะวางแผนบุกเข้ามาในบ้านได้เพียงลำพัง เขารอให้เด็กหนุ่มทั้งสองเหลือบมองหน้ากันอย่างปรึกษาหารือ แต่พวกมันก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา จนเขาต้องกระตุ้นด้วยการข่มขู่อีกคำรบ“รู้ไหมว่าฉันไม่ได้ใจดีเหมือนมาสฟ้า ถ้าฉันจะทำ...ฉันหักคอพวกแกสองคนได้ด้วยมือเปล่าเลยนะ”


     

                      “พะ...พวกผมไม่รู้ครับ”เอ็มเป็นคนชิงตอบเพราะกลัวตาย เชื่อสนิทใจว่าแฟนพี่นางฟ้าหักคอพวกเขาได้อย่างที่พูดจริงๆ“ผมติดหนี้โต๊ะบอล เขาบอกให้ผมทำงานใช้หนี้ผมก็ทำพี่ ได้ของไปให้เขาแล้วก็ออกมาเลย”


     

                      “แล้วผ้าผืนนั้นล่ะ” ลูเซียสจับผิด“พวกโต๊ะบอลให้แกเอามาคืนหรือไง”


     

                      “ปะ...เปล่าครับ”วินสั่นหัว“ผมเป็นคนหยิบผ้าไปขายเอง เขาไม่ได้สั่งให้หยิบผ้าไปด้วย”อย่างนี้นี่เอง...มิน่าล่ะผ้าผืนนี้ถึงไม่ใช่พวกค้าของเก่าเอามาขายคืนแต่เป็นเจ้าโจรกระจอกสองคนนี้แทน....


     

                      “แล้วขายไม่ได้หรือ ทำไมผ้าถึงยังอยู่กับพวกแกอยู่”


     

                      “ผ้าผีสิงพี่!” เด็กหนุ่มทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน


     

                      “ผมโดนดีกันตั้งแต่วันแรก เอาไปขายที่ไหนก็ขายไม่ได้...หลอกทั้งวันทั้งคืน รำรอบบ้านเลยพี่”วินรายงานลูเซียสละเอียดยิบ“เล่นเอาไม่ได้หลับได้นอน”


     

                      “งั้นก็รู้แล้วนี่ว่าทำไมเขาถึงใช้พวกแกมาเอาของให้” ลูเซียสหัวเราะหึๆในลำคอ ยกมือเกาคางอย่างครุ่นคิด ว่าถ้ามีผีสิงของทุกชิ้นในโลกนี้คงไม่มีปัญหาลักเล็กขโมยน้อย หรือการโดนยกเค้าอย่างที่มาสฟ้าเพิ่งโดนไป


     

                      “พี่นางฟ้าช่วยผมได้ไหมพี่ เขาพูดกับผีให้เลิกหลอกเราได้มั้ย” ลูเซียสคิ้วกระตุกเพราะสรรพนามที่ไอ้เด็กชื่อเอ็มใช้เรียกมาสฟ้า


     

    ‘พี่นางฟ้า’ งั้นหรือ...ดีแล้วที่พวกมันจะตายเร็วๆนี้


     

                      “เอาไว้ถ้าพรุ่งนี้พวกแกกลับมาบ้านนี้ได้ ฉันจะช่วยพวกแกเอง”ลูเซียสเชื่อว่ามาสฟ้าเห็นอนาคตเหมือนตาเห็น แต่เขาก็เชื่อเหมือนกันว่าคนเราเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาอยู่ที่นี่...แล้วพยายามแก้ไขความตายให้มาสฟ้าหรอก


     

                      “พวกผมจะตายใช่ไหมพี่” วินร้องไห้หนักกว่าเดิม


     

    มันมีเหตุผลที่เขาเรียกมาสฟ้าว่าพี่นางฟ้า คนแถวนี้เขาพากันเรียกลูกสาวบ้านนี้ว่าพี่นางฟ้ากันทั้งนั้น เพราะพี่นางฟ้าของเขาเห็นทุกอย่าง เห็นแม้กระทั่งความเป็นความตาย 


     

    “ผมจะไม่ได้กลับไปหาแม่ใช่ไหมพี่...”


     

                      “ก็กลับไปให้ถึง...” ลูเซียสพูดง่ายๆ สายตาของเขาเย็นชาและว่างเปล่า“แล้วกลับที่นี่กันให้ได้ รู้อยู่แล้วนี่ว่าออกไปแล้วจะตาย...ก็อย่ายอมตายสิ”

     

     

     

                      “คุณไม่น่าบอกพวกเขาไปแบบนั้น” มาสฟ้ากระซิบบอกมาจากด้านหลัง คิ้วงามขมวดเป็นปมด้วยความไม่พอใจ 


     

                      “คุณไม่ได้เป็นคนบอกนี่...ผมต่างหากเป็นคนบอก”ชายหนุ่มไหวไหล่ กระตุกยิ้มมุมปากด้วยความสมใจที่ทำให้มาสฟ้าโกรธเขาได้“คุณไม่ได้ผิดความตั้งใจโง่ๆของคุณสักหน่อย”


     

                      ลูเซียสมักพูดว่ามาสฟ้าโง่เสมอในเรื่องที่ไม่ยอมบอกสิ่งที่เธอเห็นแก่คนอื่นๆ นอกจากจะเป็นเรื่องสำคัญที่จริงๆเท่านั้น มาสฟ้าถึงจะยอมปริปากพูด


     

                      “คุณจะให้บอกให้เขาโกงไม่ได้” มาสฟ้าเม้มปาก เธอเคยเห็นคนที่โกงความตายมาแล้ว ชีวิตของพวกเขาไม่พบเจอกับความสงบอีกเลยหลังจากผ่านความตายนั้นมาได้ ลูเซียสเองก็น่าจะรู้ดี เขาเองก็โกงความตายมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนบอก มันเป็นเพราะเขามันหัวดื้อและเป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้“คุณก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นยังไง”


     

                      “ผมสบายดี...แม่มด”ลูเซียสหันไปหามาสฟ้า ก้มลงกวาดตามองรอยแผลเป็นที่โผล่พ้นแขนเสื้อตัวเองมาตัวแววตาขบขัน“แผลเป็นอาจจะเยอะหน่อย แต่คุณก็ยังเห็นว่าผมเร้าใจนี่”


     

                      “คุณจะหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเอง” มาสฟ้าเตือนชายหนุ่ม หันไปมองแม่บ้านของเธอที่ตั้งใจเข้ามาเก็บจานอาหารที่พร่องลงไปเยอะแล้วไปเก็บล้าง“ศรีจ๊ะ...เดี๋ยวซักผ้าเสร็จแล้วกลับบ้านใหญ่ไปเลยก็ได้”


     

                      “ได้ค่ะคุณมาส” ศรี สาวน้อยชาวพม่าที่บิดาของมาสฟ้าจ้างมาเป็นแม่บ้านผงกหัวรับคำสั่ง เธอเองก็ไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้นานเท่าไหร่นัก เพราะอยู่นานทีไรเจอดีทุ้กที“พรุ่งนี้คุณมาสจะให้ศรีมากี่โมงคะ”


     

                      “มาเท่าเดิมก็ได้จ๊ะ พรุ่งนี้มาสจะเข้าร้านแต่เช้า”


     

                      “ได้ค่ะคุณมาส” ศรียิ้มกว้าง รักคุณมาสฟ้ากับคุณเหมือนฝันมาก จนเธอสามารถตายแทนได้ เพราะหากไม่ได้มาสฟ้ากับเหมือนฝันช่วยเธอไว้ ป่านนี้ไม่รู้ว่าชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง เจ้านายทั้งสองของเธอนั้นให้ทั้งชื่อและชีวิตใหม่ ให้งานทำแล้วยังให้เงินเดือนอีก 


     

                      “เด็กนั่นเหมือนจะตายแทนคุณได้เลย” ลูเซียสออกความเห็น มองตามเด็กสาวที่มาสฟ้าบอกว่าเป็นชาวพม่าเดินหายลับไปทางห้องครัว“อันที่จริง...ดูเหมือนใครๆก็พร้อมจะตายแทนคุณกันทั้งนั้น”


     

                      “ก็คงใช่มั้งคะ” มาสฟ้าว่าเสียงแหลม“แต่ไม่มีใครเรียกร้องที่จะนอนกับฉันเหมือนอย่างที่คุณทำ”


     

                      “พวกมันโง่เอง” ลูเซียสยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างสมใจ“ช่วยไม่ได้”


     

                      “แผลคุณไม่เจ็บแล้วใช่ไหมคะ”​ มาสฟ้าเปลี่ยนเรื่อง จนปัญญาที่จะทำให้หนังหนาๆของลูเซียสสะดุ้งสะเทือน 


     

                      “ไม่แล้ว แค่ตึงๆ” ลูเซียสก้มมองชายโคลงของตัวเองโดยสัญชาตญาณ“ยาคงออกฤทธิ์อยู่” เขาว่า แม้ความจริงแล้วความปวดเพราะบาดแผลแค่นี้ไม่อาจทำให้เขาสะทกสะท้านได้ แต่เมื่อเห็นความกังวลบนหน้าของหญิงสาว เขาจึงต้องพูดให้เธอสบายใจ แม้จะบอกตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเขาต้องห่วงความรู้สึกของเธอขนาดนี้“พูดแล้วก็พูดเถอะ ไอ้บ้าเมื่อคืนมันเป็นใคร...คุณเคยเห็นมันมาก่อนหรือเปล่าแม่มด”


     

                      คำถามของลูเซียสทำให้ขาเล็กของมาสฟ้าสิ้นเรี่ยวแรง หลับตาลงเมื่อใบหน้าของผู้ชายที่เป็นคนปักมีดลงบนตัวลูเซียสนั้นยังแจ่มชัด


     

     

                      ‘ทำไมไม่ตาย...’เสียงนั้นแหบพร่า พร่ำถามเธออยู่ไม่ขาด ตัวเขาก็ไขว่คว้าพยายามสู้กับลูเซียสเพื่อเข้ามาหาเธอ 


     

                        ‘ทำไมถึงยังไม่ตาย! ทำไมไม่ตาย!’


     


     


     


     


     

    กี้ดดดดดดดดๆๆๆๆๆๆ คุณมาสของบ่าวววว ทูนหัวของบ่าววววว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะทูนหัว ทำไมถึงได้มีคนอยากให้ทูนหัวของศรีตาย ที่รักกกกก อีกหมีแกต้องจัดการกับพวกมันนะ อย่าให้ทูนหัวของฉันเป็นอะไรไป แกเข้าใจไหมมมมมมม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×