ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปริศนารัก อัจฉริยะ

    ลำดับตอนที่ #5 : เด็กหลง

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ย. 60



         ที่โต๊ะทานอาหารภายในบ้านที่ตกแต่งสไตล์เรียบง่าย คุณแม่กับลูกชายนั่งกันคนละฝั่งของโต๊ะเล็ก ๆ ขนาดโต๊ะพอดีกับการนั่งทานอาหาร 2-3 คน คุณแม่ที่หน้าตายิ้มแย้ม เธอมีความสุขที่ได้ทำอาหารเตรียมไว้ให้ลูกชายทาน แม่ของริทย์เป็นสาวใหญ่วัยทำงาน ปกติเธอจะงานยุ่งมากต้องรับทำบัญชีให้หลายบริษัทหลายที่ โดยปกติแล้วเธอจะหยุดรับงานวันอาทิตย์เพื่อจะได้กลับบ้านในช่วงเย็นของวันเสาร์และใช้เวลาในวันอาทิตย์อยู่กับลูกชายคนเดียวของเธอ

         "แม่ วันนี้วันพฤหัสฯ นะครับ" ริทย์ที่ทำหน้าเซ็งอยู่พูดกับแม่ของเขา "หืม? แล้วมันทำไมเหรอ?" คุณแม่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วตอบริทย์ "แล้วมันทำไมงั้นเหรอ!? มันหมายความว่าแม่แอบหนีโดดงานมาอีกแล้วไงครับ!!" ริทย์พูดด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย "อะไรกัน เรื่องแค่นี้เอง แม่อยากกลับมาหาลูกบ้างนี่นา ตอนนี้เรามาทานข้าวกันก่อนดีกว่า ดูสิแม่ทำไข่เจียวของโปรดลูกด้วยนะ" คุณแม่พูดอย่างร่าเริงสดใส เธอไม่สนใจเรื่องงานในวันนี้แล้ว ตอนนี้เธอแค่อยากมาทานมื้อเย็นกับลูกชาย "ผ-ผม ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ ม-ไม่ได้ชอบไข่เจียวซะหน่อย" ริทย์พูดแล้วก็หน้าแดงเมินหน้าหนี "เอ๊ะ!! เด็กคนนี้นี่ ถ้าไม่ยอมกินจะไม่โตเอานะ มานี่มาเดี๋ยวแม่จะป้อน อ-อ้ามมม" สำหรับแม่แล้วไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหนแล้วก็ตาม เธอก็ยังคงเห็นลูกเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่เธออยากจะคอยดูแลเสมอ เธอตักข้าวและไข่เจียวคำใหญ่ไว้บนช้อน ยื่นมือสองข้างมาทำท่าเหมือนป้าวข้าวเด็ก "ม-แม่ ผมกินเองได้น่า เอาช้อนมานี่เลย" ด้วยความอายริทย์รับช้อนจากคุณแม่มาแล้วเขาก็เริ่มทานทันที คุณแม่ที่มองดูริทย์ทานกับข้าวฝีมือของเธออย่างเอร็ดอร่อย เธออมยิ้มอย่างมีความสุข

         ริทย์เดินขึ้นห้องหยิบผ้าขนหนูลงมาด้านล่างเตรียมจะอาบน้ำ "ดีมากจ้ะ เป็นเด็กดี ทานข้าวเสร็จแล้วก็ต้องอาบน้ำแรงฟันให้เรียบร้อย อ๊ะ!! ไหน ๆ แม่ก็กลับมาแล้ว เดี๋ยววันนี้แม่จะอาบน้ำให้ลูกเองนะ ริชชี่" คุณแม่พูดแล้วทำตาลุกวาว เธอมีความหวังว่าเธอจะได้รับโอกาสจากลูกชาย "ไม่ ไม่เอาเด็ดขาด ผมอาบเองได้" ริทย์พูดแบบหน้านิ่งจากนั้นก็ปิดประตูห้องน้ำ ไม่ทันไรริทย์ก็เปิดประตูห้องน้ำยื่นหน้าออกมา "แล้วก็ เลิกเรียกผมว่าร-ริชชี่ สักทีสิแม่" ริทย์ที่อายหน้าแดงพูดจบเขาก็ปิดประตูกลับเข้าห้องน้ำไป คุณแม่ที่มองดูอยู่เธอก็เอาแต่อมยิ้มอย่างมีความสุข

         นาฬิกาชี้บอกเวลาไปที่สองทุ่มตรง คุณแม่เดินถือหนังสือเล่มนึงตรงไปที่ห้องของลูกชาย ริทย์ที่นั่งเล่นมือถืออยู่บนเตียง เขาเห็นแม่เดินมาถึงหน้าห้องก็รู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น "แม่ครับ ผมอายุ 17 แล้ว ไม่ต้องอ่านนิทานก่อนนอนให้ฟังตอน 2 ทุ่มแล้ว" พอริทย์พูดจบคุณแม่ก็ทำหน้าผิดหวังน้ำตาคลอจะร้องไห้ "ต-แต่ว่า ผมมีเรื่องจะคุยกับแม่พอดีเลย แม่เข้ามาก่อนครับสิ" ได้ยินดังนั้นคุณแม่ก็ดีใจรีบวิ่งเข้ามานั่งบนเตียงของริทย์ "อย่าบอกนะว่า ริชชี่อยากจะนอนกับแม่เหมือนตอนเด็ก ๆ น่ะ แม่ดีใจมากเลยนะ" คุณแม่พูดแล้วก็หัวเราะคิกคัก "ไม่มีทางอ่ะ ผมแค่มีอะไรจะถาม" ริทย์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จริงจัง แม่ของริทย์รับรู้ได้ถึงบรรยากาศเศร้าที่แผ่ออกมารอบ ๆ ตัวเขา "ผมจำอะไรไม่ได้เลย บางทีแม่อาจจะจำได้ แม่ครับ เคยมีเด็กผู้หญิงที่ไหนที่สนิทและผูกพันกับผมมาก ๆ รึเปล่า?" ริทย์ถามแม่ของเขา ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก คุณแม่ไม่อาจปฏิเสธที่จะตอบคำถามได้ "เรื่องนี้อีกแล้ว แม่บอกลูกแล้วไงริชชี่ ฝันนั่นมันก็แค่ฝันร้าย เพราะลูกเก็บเอาไปคิดมาก ก็เลยฝันถึงแต่เรื่องนั้นอยู่บ่อย ๆ ไม่มีอะไรหรอกลูก" คุณแม่พูดพลางโอบกอดเพื่อปลอบลูกชาย ริทย์ไม่ได้พูดอะไรต่อ ด้วยเรื่องทุกอย่างที่เขาเจอในวันนี้ ฝันเรื่องเดิมในเมื่อเช้า เสียงของนิลที่เหมือนกับผู้หญิงคนนั้น ถนนเส้นเดียวกับในฝันร้ายที่เขาพานิลข้าม ทุกสิ่งทุกอย่างมันตอกย้ำให้เขาเห็นฉากฝันร้ายนั่นอีกครั้ง เขาไม่อาจลืมมันได้ ริทยืร้องไห้ออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว คุณแม่ที่เห็นลูกชายร้องไห้มีน้ำตาเธอก็กอดเขาแน่นขึ้นไปอีกพลางเอามือลูบหัวปลอบโยนเขาเบา ๆ

         เรื่องมันจบลงที่ว่า สุดท้ายคุณแม่ก็ต้องนอนกอดลูบหัวริทย์จนเขาเผลอหลับไปเหมือนกับเด็กน้อย จากนั้นเธอก็ปิดไฟห้องนอนให้ลูกชาย เธอเดินออกไปปิดประตูห้องให้ริทย์ เธอทำหน้าเศร้าไม่ต่างจากลูกชาย ก่อนที่ประตูจะปิดสนิทเธอก็พูดกับตัวเองเบา ๆ "แม่ขอโทษนะ ริชชี่" พอประตูปิดลงสนิทเธอก็เดินกลับห้องเธอไป

         เสียงออดของโรงเรียนดังขึ้นอีกครั้ง หมดไปอีกวันกับการเรียนวันนี้ นิลที่ยังเขินกับเรื่องเมื่อวานอยู่ เธอยังไม่พร้อมจะเดินกลับบ้านด้วยกันกับริทย์อีกครั้ง เธอจึงอ้างมามีธุระและกลับไปก่อนเหมือนเมื่อวาน ริทย์ไม่ได้เอะใจอะไร เขาเดินกลับบ้านคนเดียวเหมือนอย่างเคย เสียงเรียกเข้ามือถือของริทย์ดังขึ้น หน้าจอมือถือปรากฏชื่อ "คุณแม่เองจ้า" ริทย์มองดูอย่างเซ็ง ๆ แล้วจึงกดรับสาย "ฮัลโหล ริชชี่ ๆ วันนี้แม่กลับมารออยู่บ้านอีกแล้วนะลูก" เสียงที่บ่งบอกถึงความดีใจของแม่ริทย์ดังออกมาทันที "อย่าโดดงานบ่อยนักสิครับ แม่!!" ริทย์ตอบกลับไป "ช่างมันเถอะ ริชชี่ เดินยังไม่ถึงบ้างใช่ไหม งั้นแวะตลาดซื้อของให้แม่หน่อย แม่จะเอามาทำกับข้าวให้เราสองคนไง" คุณแม่กำลังจะยัดเยียดให้ริทย์ไปจ่ายตลาดให้แต่ยังไม่ทันที่ริทย์จะตอบรับหรือปฏิเสธ คุณแม่ก็พูดต่อทันที
    "เอาหมูสับครึ่งกิโล ไข่ไก่ 10 ฟอง พริกป่น 1 ถุง ผักชี ต้นหอม คะน้า อย่างละ 1 กำ แล้วก็ . . ." เธอยังสั่งของมาอีกเรื่อย ๆ ไม่หยุด ตอนนี้ริทย์ไม่มีโอกาสจะปฏิเสธแล้ว

         เด็กหนุ่มเดินหิ้วถุงของต่าง ๆ มาอย่างเซ็ง ๆ เขาซื้อของที่แม่เขาสั่งมาครบแล้วและกำลังจะกลับบ้าน "อ๊ะ!! ตรงนี้ไปทางลัดที่ต้องผ่านโรงเรียนอนุบาลได้นี่นา แต่ก่อนแม่เคยพามาตลาดแล้วก็พากลับทางนี้ ชั้นจำได้" ริทย์เดินเข้าทางลัดที่ว่าไปทันที เดินไปอีกไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กอนุบาลที่เพิ่งเลิกเรียนพอดี ริทย์มองดูเด็กเล็กเด็กน้อยที่ทุกคนต่างมีคุณพ่อคุณแม่มารับกลับบ้าน แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นเด็กผู้หญิงคนนึงยืนจ้องหน้าร้านขนมอยู่คนเดียว "อะไรกัน พ่อแม่สมัยนี้ปล่อยลูกยืนจ้องร้านขนมน้ำลายไหลแบบนั้นอยู่ได้ไง" ริทย์บ่นกับตัวเองในใจ เขาคิดว่าเดี๋ยวก็คงมีพ่อแม่มารับไปเอง จึงไม่ได้สนใจอะไรแล้วเดินผ่านไป สักพักริทย์ก้รู้สึกถึงแรงดึงกระตุกเล็ก ๆ ที่แขนเสื้อ เขาหันหน้าก้มลงไปดูก็พบว่า



         เด็กคนนั้นนั่นเองที่เป็นคนมาดึงแขนเสื้อของเขา เธอทำหน้ายิ้ม แววตาลุกวาวเหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง "มีอะไรยัยตัวเล็ก?" ริทย์ถามอย่างสงสัย "คือว่า มะหม๊าหนูยังไม่มารับเยย แล้วก็มีร้านหนมตรงนั้นด้วยอ่ะ" เด็กน้อยที่ยังพูดจาไม่ชัดพูดกับริทย์ "ถ้าจะให้ช่วยตามหามะหม๊าพี่พอจะช่วยได้อยู่นะ แต่ถ้าจะให้ซื้อขนมให้ล่ะก็ไม่เอาเด็ดขาด เดี๋ยวเธอจะติดนิสัยขอคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย อาจจะถูกคนไม่ดีเอาขนมมาล่อจับตัวไปก็ได้" ได้ยินริทย์พูดดังนั้นเธอก็ทำหน้าเศร้าเล็กน้อย "ง-งั้น พี่จายช่วยตามหามะหม๊าให้หนูก็ได้ มะหม๊าต้องซื้อขนมให้แน่" เด็กน้อยพูดพลางกระตุกแขนเสื้อริทย์อีกครั้ง ริทย์มองดูเด็กน้อยแล้วเขาก็ตัวลงเพื่อพูดกับเธอ "งั้น หนูชื่ออะไร มะหม๊าชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน ถ้าหาไม่เจอจะได้พาไปส่งบ้านเลย" ริทย์ยิงคำถามเป็นชุดใส่หนูน้อยทันที "ห-หนูชื่อ อัญ มะหม๊าชื่อ นิล บ้านก็อยู่แถว ๆ นี้ละมั้งคะ? หนูจามไม่ได้อ่ะ ยังไม่คุ้นกับแถวนี้เยย" สาวน้อยอัญตอบริทย์ได้แค่เรื่องชื่อ "นิล? ไม่ใช่แน่ ๆ ไม่มีทางที่ยัยนั่นจะมีลูกได้แน่ เธออายุเท่า ๆ กันกับเรา จะไปมีลูกได้ไง คงเป็นคนอื่นที่ชื่อเดียวกันละมั้ง" ริทย์คิดทบทวนอยู่ในใจ เขาคิดต่อไปถึงเรื่องที่หนูอัญบอกว่า จำไม่ได้ ยังไม่คุ้นกับแถวนี้ ไม่ต้องเป็นถึงอัจริยะก็น่าจะเดาได้ว่า คงจะเพิ่งย้ายบ้านมาใหม่ แต่นั่นทำให้เข้าเค้าเดียวกันกับนิลที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมาใหม่อีก แต่มันไม่มีทางที่นิลจะมีลูกด้วยวัยเพียงเท่านี้ 



         ในขณะที่การคิดวิเคราะห์ในสมองของเด็กหนุ่มอัจฉริยะกำลังจะพบกับทางตันนั้น ทุกอย่างดับมืดลง เสียงทุกอย่างหยุดลง มีเพียงความเงียบสงบและ
    ริทย์ที่ยืนอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า ทุกครั้งที่ริทย์ใช้สมาธิเพื่อคิดวิเคราะห์อะไรสักอย่าง สมองของเขาจะจินตนาการภาพความว่างเปล่าและเงียบสงบแบบนี้ขึ้นมา "เอาล่ะ มาดูข้อมูลเบาะแสทั้งหมดที่ได้มากันก่อน" มีเพียงเสียงริทย์ที่พูดอยู่คนเดียวท่ามกลางความว่างเปล่า ชื่ออัญ ชื่อนิล เพิ่งย้ายมาใหม่ แค่นี้ยังไม่พอที่จะหาอะไรได้ แต่ริทย์ก็คิดอะไรขึ้นได้อีกอย่าง สีตาของเด็กคนนี้ สีเขียวอมฟ้าแบบนี้เป็นแบบเดียวกับนิลไม่มีผิด หรือว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกของนิลจริง ๆ ริทย์เองก็เพิ่งจะรู้จักนิลได้แค่สองวัน อาจจะยังไม่รู้อะไรอีกก็ได้ ไม่ทันที่จะสรุปไปแบบนั้นริทย์ก็นึกอะไรได้ และออกจากภาพจินตนาการของเขาทันที

         "อัญ ช่วยเขียนชื่อของหนูลงบนกระดาษแผ่นนี้ให้พี่ดูหน่อย" ริทย์พูดพร้อมยื่อนกระดาษและปากกาให้อัญเขียน หนูน้อยทำหน้างง แต่เธอก็ทำตามที่
    ริทย์บอก เมื่อเขียนเสร็จเะอก็ส่งให้ริทย์ดู "อย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ลายมือเหมือนกับเราเลย อย่างที่ยัยนั่นเคยบอก" ริทย์พูดพึมพัมกับตัวเอง



         "นี่ คงจะติดเรียกพี่สาวว่ามะหม๊าสินะ แบบนี้เป็นใครก็คงเข้าใจผิดคิดว่าตามหาแม่กันทั้งนั้นแหละ ทีหลังก็บอกว่าพี่สาวสิไม่ใช่มะหม๊า" ริทย์พูดสั่งสอนหนูอัญที่ทำให้เขาเข้าใจผิด "ไม่อาว ก็หนูจะเรียกพี่นิลว่ามะหม๊านี่นา พี่นิลเป้นมะหม๊าของหนูนะ พี่จายรู้จักมะหม๊างั้นเหรอ?" เด็กน้อยโวยวายใส่ริทย์ เขาหยิบมือถือขึ้นโทรกดโทรหานิลทันที "รู้สิ อยู่ห้องเดียวกันนี่ รอแปปนึงกำลังโทรตามให้" อัญที่ได้รู้ว่ามะหม๊าของเธอกำลังจะมารับแล้วก็ดีใจใหญ่

         นิลวิ่งมาด้วยท่าทีรีบร้อน พอเธอมาถึงหน้าโรงเรียนก็มองหาร้านขนมที่ริทย์บอกตอนโทรคุยกัน เธอเห็นริทย์ยืนรออยู่กับน้องสาวของเธอที่กำลังเลียอมยิ้มอยู่อย่างเอร็ดอร่อย เธอจึงเข้าไปหาทันที "เดี๋ยวเถอะอัญ พี่บอกแล้วไงว่าให้เล่นกับเพื่อน ๆ รออยู่ในโรงเรียนไปก่อน อีกไม่นานจะมารับ" นิลโวยวายใหญ่ "ก็มะหม๊าช้า เพื่อนหนูกลับหมดแล้ว" อัญก้มหน้าตอบกลับเบา ๆ "ยังไงก็น่าจะรออยู่ในโรงเรียนสิ นี่ถ้าพี่ริทย์ไม่มาเจอจะเป็นยังไง!?" นิลยังคงบ่นใส่อัญต่อไป อัญก็ได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิดไม่ตอบอะไร "ขอบคุณนะริทย์ ถ้าน้องชั้นไม่มาเจอนายอาจจะหลงไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้" นิลหันมายิ้มแล้วกล่าวขอบคุณริทย์ "ว่าแต่นายรู้ได้ยังไง เธอเอาแต่เรียกชั้นว่ามะหม๊า นายคงไม่ได้เข้าใจว่าชั้นมีลูกแล้วใช่ไหม!?" นิลถามอย่างรีบร้อนด้วยกลัวว่าริทย์จะเข้าใจเธอผิด "อัญชัน วานิล ดอกอัญชัน ดอกวานิลลา มาจากดอกไม้ทั้งคู่ ตั้งชื่อแบบนี้ชั้นเลยคิดว่าพวกเธอเป้นพี่น้องกันมากกว่า" ริทย์บอกสิ่งที่เขาคิดให้เธอฟัง นิลได้ยินแล้วก็ยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน อัญที่มองดูนิลส่งยิ้มให้ริทย์อยู่ก็พูดออกมาตามประสาเด็กน้อยไร้เดียงสา "มะหม๊า หนูอยากให้พี่ชายมาเป็นปะป๊าอ่ะ"
    คำพูดเพียงประโยคเดียวของเด็กน้อยทำเอาทั้งริทย์และนิลเขินหน้าแดงทันที "พ-พู ด อ-า ไรข-องเ ธ ธ-อ พี่ว่า ร-ริทย์เขาคงไม่อยากจะ. . ." นิลพูดตะกุกตะกักด้วยความเขิน อัญกระตุกแขนเสื้อริทย์ ทำหน้าทำตาเหมือนว่าจะร้องไห้ "ฮือออ หนูมีแค่มะหม๊าเอง ยังม่ะมีปะป๊าเลย นะคะพี่จาย มาเป็นปะป๊าให้หนูนะ พี่จายทำให้มะหม๊ายิ้มได้ด้วย ต้องเป็นปะป๊าให้หนูนะ" ริทย์พยายามอดกลั้นและทำเป็นเมินหน้าหนีแต่ยังไม่ทันไร หนูอัญก็น้ำตาคลอ เปิดปากกว้างเตรียมจะร้องไห้ทันที "เออ ก็ได้ ๆ พี่เป็นปะป๊าให้ก็ได้ โอเคนะ ห้ามร้องนะโอเคไหม?" สุดท้ายริทย์ก็แพ้น้ำตาของเด็กน้อยใสซื่อแล้วยอมเป็นปะป๊าของเธอ

         พอเห็นริทย์ตอบรับยอมเป็นปะป๊า นิลก็คิดไปไกล ตัวเธอคือมะหม๊า ริทย์เป็นปะป๊า มีอัญเป็นลูกสาวตัวน้อย นั่นทำให้เธอหัวใจเต้นแรง เลือบสูดฉีดไปทั่ว หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย เธอได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ริทย์พยายามคิดว่านี่เพื่อความสบายใจของอัญแต่เขาก็ยังเขินนิด ๆ อยู่ดี กลายเป็นว่าริทย์ต้องเดินไปส่งทั้งคู่กลับบ้าน พวกเขาเดินไปด้วยกัน อัญเดินอยู่ตรงกลางโดยมีริทย์และนิลจูงมือเธออยู่คนละข้าง หนูน้อยอัญชัญดูมีความสุขมากที่เธอได้มีมะหม๊ากับปะป๊า ส่วนริทย์กับนิลพวกเขาก็เขินเกินกว่าจะพูดอะไร ทั้งสามคนเดินกันไปจนถึงบ้านของนิล

    ------------------------------------------------------------รอติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะครับ--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ขอบคุณมากครับ--------------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×