คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ๕.แย้มเผยเงื่อนงำ
๕
- แย้มเผยเงื่อนงำ -
“ฮันบินอา...”
เสียงร้องเรียกทุ้มนุ่มเสียงนั้นที่ระคายหูเหลือเกินแว่วดัง
ทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงขมวดคิ้วคราหนึ่งอย่างรำคาญใจ
เลือกที่จะทำทีเป็นเมินเฉยไม่แยแส เพียงขยับเรียวแขนให้เจ้าตัวน้อยที่หลับสนิทอยู่นอนในท่าที่สบายมากขึ้นโดยไม่ขานตอบ
ทว่าอีกฝ่ายก็ใช่จะยอมแพ้ง่ายดาย...ดื้อด้านเหมือนอย่างทุกที
“ข้ารู้...ว่าเจ้ายังไม่ได้หลับ
ฮันบิน”
“...”
“นี่...”
...เจ้าจิ้งจอกขี้รำคาญ
ในที่สุดก็ยังคงตกหลุมกับวิธีเดิมๆ
“อะไร”
เสียงห้วนจัดอย่างนั้นกลับทำให้จีวอนขยับยิ้มที่มุมปาก
ปั้นคำออดอ้อนตัดพ้อ
“ใจคอจะให้ข้านอนพื้นอย่างนี้ทั้งคืนจริงๆ
หรือ?”
“...”
อ่า...ใช่แล้ว
นายท่านตระกูลคิมผู้สูงศักดิ์--- เวลานี้กำลังนอนอยู่บนพื้น โดยมีเพียงผ้าผืนหนาปูรองไว้
แม้ว่าจะไม่ถึงกับไม่สบายกาย และขณะเดินทางสัญจรก็ย่อมเคยผ่านเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากกว่านี้มามากนัก
ทว่าในตอนนี้ทั้งที่อยู่ในเรือนตน--- ในห้องของตัว
กลับยังถูกบังคับไล่ลงจากตั่งมาอยู่บนพื้น ด้วยคำอ้างที่ว่าบุรุษตัวโตสองคนไม่สามารถแออัดยัดเยียดกันอยู่บนตั่งคับแคบนั้นได้
ซ้ำยังมีเด็กทารกเยาว์วัยที่ต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกทับจนบี้แบน คำอ้างทั้งหลายล้วนรัดกุมสมเหตุสมผล--- หากไม่นับว่าตั่งเตียงคับแคบที่อีกฝ่ายพูดถึงสามารถให้คนสามคนนอนเรียงกันได้โดยไม่เบียดชิด
“...” นี่--- ก็ออกจะน่าสงสารเห็นใจอยู่หลายส่วนทีเดียว
“ข้าไม่ได้บังคับท่าน
ไปนอนห้องอื่นเสียก็สิ้นเรื่อง”
“ไม่ใช่ว่าเราเพิ่งสัญญากันเมื่อสาย
ว่าเจ้าจะอยู่ไม่ห่างข้า จนกว่าจะถึงวันเพ็ญ?”
ถูกยกคำอ้างสัญญา
เจ้าจิ้งจอกก็สบถขุ่นใจออกมาแผ่วเบา ทว่าก็ยังแสร้งเงียบไปไม่ยินยอม
จีวอนเลิกคิ้วใบหลิวของตนขึ้น
ยินยอมถอยก้าวหนึ่งอย่างไม่เรื่องมาก
“ข้าไม่นอนด้วยก็ได้...แต่ว่า
ขอจับมือได้ไหม?”
“...”
ฮันบินไม่ทราบจะว่าอย่างไรกับข้อเรียกร้องของเจ้ามนุษย์หน้าด้านนี่
“...ท่านเป็นเด็กสามขวบหรือ?”
“น่า...แค่จับมือเท่านั้นเอง”
ปิศาจจิ้งจอกถอนหายใจยาว
ทว่าด้วยเพราะง่วงงุนเต็มทีจึงขี้คร้านจะต่อล้อต่อเถียงต่อ
เอื้อมมือออกไปให้อีกฝ่ายจับไว้อย่างไม่ใคร่เต็มใจ
ขุนนางหนุ่มคลี่ยิ้มในความมืดของราตรี
สานเกี่ยวปลายนิ้วพันพัวเรียวนิ้วงดงามของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ สิ้นสุดการทุ่มเถียงระหว่างกันในคืนนี้...ด้วยลักษณะเช่นนั้น...
...เสียเมื่อไหร่เล่า
มนุษย์จอมเจ้าเล่ห์แสร้งหลับใหลรอจนจังหวะชีพจรของเจ้าจิ้งจอกที่สัมผัสผ่านปลายนิ้วแผ่วช้าเนิบนาบ
...แสดงว่าเจ้าตัวกำลังหลับลึก เขาก็พลันลืมตาขึ้นมา แววพราวพรายในดวงตากระจ่างชัดเจน
พริบพร่างราวกับดาวบนฟ้า ก่อนที่ร่างสูงจะขยับเคลื่อนไหว
...ปีนขึ้นเตียงอย่างแผ่วเบาเงียบกริบ
ทิ้งตัวนอนซ้อนด้านหลังเจ้าปิศาจจิ้งจอกอย่างถือวิสาสะ
“อือ...”
แขนเรียวแข็งแกร่งสอดผ่านรองใต้ศีรษะได้รูป
รั้งรัดร่างโปร่งประเปรียวให้แนบชิดแอบอิง สูดกลิ่นบัวกรุ่นจรุงอย่างอิ่มเอม
พลางแอบหยอกเย้าแก้มยุ้ยนุ่มนิ่มของเจ้าตัวเล็กที่นอนอยู่ถัดไป ก่อนจะหลับตาลง...ปล่อยให้ตัวเองค่อยๆ
จมลงสู่นิทราบ้างเช่นกัน
คิกคิกคิก...
ท่านว่าเมื่อเจ้าจิ้งจอกตื่นมาแล้วพบว่าตนถูกโอบกอดมาทั้งคืน
จะทำอย่างไร
...ย่อมต้องโกรธกริ้วอย่างยิ่ง?
คิก
ใช่แล้ว...
เจ้าจิ้งจอกเฒ่าโกรธเกรี้ยวจนหางชี้
ทำให้บนใบหน้าของมนุษย์จอมเจ้าเล่ห์คนนั้นมีรอยมือประดับอยู่ไปทั้งวัน
“...อูย
เจ้าไม่เห็นต้องโหดร้ายต่อข้าถึงเพียงนี้...”
จีวอนกึ่งนั่งกึ่งนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งเล็กๆ
ในห้องหนังสือ ประคบใบหน้าที่มีรอยแดงห้านิ้วชัดเจนมองดูคนนั่งข้างกัน ที่กำลังจับบุตรชายนั่งตักป้อนอาหารให้ทีละช้อนด้วยสีหน้าตัดพ้อซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าแสร้งทำ
ฮันบินเพียงเหลือบมองด้วยหางตา
พ่นลมหายใจดังหึหนึ่งหนอย่างเย้ยหยัน นั่นยังไม่น่าน้อยใจเท่าเจ้าตัวเล็กที่หัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจเหมือนจะทับถมกัน
ชายหนุ่มจึงแสร้งมุ่นคิ้ว เอื้อมมือออกไปหยิกดึงแก้มยุ้ยขาวน่าชังของเจ้ามารน้อย
ดุอย่างไม่จริงจัง
“ล้อเลียนข้าหรือ
ประเดี๋ยวจะไม่ให้กินขนม”
“บู้---”
เด็กน้อยเหมือนฟังรู้ความ
ใบหน้าจึงได้ขมวดมุ่นยับยุ่งแทบรวมกัน ริมฝีปากน้อยๆ เบะออก
ส่งเสียงร้องประท้วงขัดใจ ปิศาจจิ้งจอกได้แต่ส่ายหน้าเหมือนทั้งระอิดระอาเหมือนเอ็นดู
ว่าออกประโยคหนึ่งพลางใช้ผ้าเช็ดมุมปากที่เลอะเทอะจากการประท้วงของเจ้ามารน้อย
“ตะกละนักเจ้าลูกหมู”
ที่จริงจะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกนัก
มารน้อยตัวนี้แม้กึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์ ทว่าแท้จริงก็ควรจะนับเป็นปิศาจจิ้งจอก เหตุนั้นจึงเติบโตรวดเร็ว
ลืมตาดูโลกมาได้เพียงสิบวันครึ่งเดือนก็เติบใหญ่ราวกับเด็กมนุษย์อายุเกินครึ่งขวบเข้าไปแล้ว
เพื่อที่จะตามให้ทันการเติบโตอย่างผิดปกติเช่นนี้ได้ก็ย่อมต้องกินมากกว่าเด็กมนุษย์เป็นธรรมดา
ทว่าเห็นแก้มยุ้ยขาวเหมือนก้อนแป้งเช่นนี้ก็น่าชังเสียจนเขาอดไม่ได้ที่จะหยิกเบาๆ
สักที
ระหว่างที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการเช็ดทำความสะอาดใบหน้าน้อยๆ
ไม่ทันระวังชามข้าวต้มในมือก็พลันได้ถูกฉกฉวยเอาไป
“ท่านนี่นะ...” ฮันบินมองเจ้าของมือที่ยื้อแย่งชามไปถือไว้ เห็นขุนนางหนุ่มผู้ยังคงมีรอยมือประทับชัดเจนบนใบหน้าแย้มคลี่รอยยิ้มพริ้มพราย
“ป้อนทั้งที่นั่งตักอย่างนี้ลำบากออกมิใช่หรือ
ให้ข้าช่วยแล้วกัน”
เถียงไปก็เปล่าประโยชน์
ดังนั้นปิศาจจิ้งจอกจึงถอนหายใจ จับเจ้าตัวเล็กนั่งดีๆ ให้อีกฝ่ายช่วยป้อนอย่างเสียมิได้
“อ้า---”
จีวอนหลอกล่อให้เจ้าตัวเล็กอ้าปากอวดแนวฟันที่เพิ่งจะเริ่มขึ้น ค่อยๆ ป้อนข้าวต้มให้ทีละคำอย่างอดทนใส่ใจ
สีหน้าแววตาคล้ายมีความหมายมาดบางประการซ่อนไว้
ฮันบินเองก็เห็นอยู่
ดังนั้นจึงมองระแวงอยู่ไม่คลาย ทว่าก่อนที่การณ์ใดจะทันได้เกิดขึ้น พ่อบ้านประจำตระกูลคิมก็ก้าวเข้ามาในห้องหนังสือ
กล่าวคำขออภัยนอบน้อมก่อนสาวเท้าเข้าใกล้ ก้มลงกระซิบคำที่ข้างใบหูของผู้เป็นนาย
เจ้าปิศาจจิ้งจอกแสร้งว่าไม่สนใจ
ทั้งที่หูได้ยินครบถ้วนทุกคำ
“องค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าขอรับ”
จักรพรรดิหรือ?
ใช่แล้ว เป็นจักรพรรดิ... ทายาทแห่งทันกุนวังกอม[1]
แพทย์หลวงนั้นเดิมทีสมควรเป็นเพียงขุนนางชั้นปลายแถว
เป็นตำแหน่งในราชการของพวกจุงอิน[2] ทว่าคิมจีวอนที่ดำรงฐานะแพทย์ประจำพระองค์
กลับได้รับการอวยยศเทียบเท่ากับเจ้ากรม แม้ไร้ศักดินาด้านการปกครอง ทว่าก็เพียงรับคำสั่งขึ้นตรงจากองค์จักรพรรดิแต่ผู้เดียว
ไม่จำเป็นต้องก้มศีรษะคำนับผู้ใด
ฮันบินย่อมสังเกตเห็นท่าทีเกรงอกเกรงใจของขุนนางทั้งหลาย
หมอสามัญผู้หนึ่งไฉนสามารถทำให้ขุนนางชั้นสูงยินยอมเบี่ยงทางหลบให้ยามเดินสวนกัน?
ถึงแม้เขาจะไม่ใคร่เห็นศักดินาฐานะของพวกมนุษย์อยู่ในสายตา
ทว่าก็ไม่ใช่ทราบถึงความไม่ปกตินี้ ดังนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
เขาเหลียวมองดูคนข้างตัวที่กำลังยื่นมือออกผลักดันบานประตูบุกระดาษไม้ไผ่
ความใคร่รู้สายหนึ่งก่อตัวขึ้นเชื่องช้า
“เราใช่บอกว่าต้องการคุยกับเจ้าตามลำพัง?”
เสียงที่ดังขึ้นฟังดูเยาว์วัยนุ่มนวลยิ่ง
ทว่าคำขับไล่กลายๆ คำนั้นจากเงาร่างหลังม่านมุก ก็พลันทำให้ความคาดเดาใคร่รู้ทั้งสิ้นของเจ้าจิ้งจอกกระจัดกระจาย
ฮันบินแม้รู้สึกไม่พอใจ
ทั้งที่ก็เป็นคนอื่นบังคับจับแต่งตัวแล้วลากพามา ทว่าก็ยังหลุบดวงตาลงซ่อนความรู้สึก
ประสานมือยอบกายหมอบต่ำแล้วยืดตัวขึ้นนั่งงามสง่าด้วยธรรมเนียมอย่างมนุษย์โดยไม่บกพร่องขาดเกิน
จีวอนทราบว่าอีกฝ่ายยังไม่คิดหักหน้าตน
ก็ขยับยิ้มจางๆ สายหนึ่ง ค้อมกายถวายคำนับพอเป็นพิธี ก่อนเอ่ยคำกราบทูลแก่เจ้าแผ่นดิน
“ไม่เป็นไร...
เรื่องใดที่จะรับสั่งกับกระหม่อม ย่อมสามารถบอกกล่าวต่อเขาเช่นกัน”
องค์จักรพรรดิที่หลังม่านสดับแล้วเงียบอยู่ชั่วขณะ
ไม่บ่อยนักที่แพทย์ประจำพระองค์ผู้นี้จะวางใจยินยอมบอกกล่าวเรื่องราวของตัวกับผู้ใด
วันนี้กลับเอ่ยปากออกมาไม่ลังเลว่าไม่มีความลับต่อกัน ย่อมหมายถึงว่าคนผู้นี้สำคัญ
ทว่าเจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดขาวที่ยืนอยู่ตรงนั้น...จะมองอย่างไร
ก็เป็นบุรุษมิใช่หรือ?
“ไม่ใช่เมื่อหลายเดือนก่อนหน้า
เจ้ายังประกาศตามหานางในดวงใจ”
คำตรัสถามแสลงหูทำให้คนที่นั่งนิ่งอยู่เรียบๆ
ร้อยๆ คิ้วกระตุก ฮันบินปรายตามองด้านข้างก็เห็นว่าคนข้างตัวกำลังพยายามกลั้นหัวเราะจนตัวสั่นให้ได้ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม
ทว่าก่อนที่ริ้วความกรุ่นเกรี้ยวของเจ้าจิ้งจอกจะทำให้เจ้าตัวอาละวาดออกมา
ขุนนางหนุ่มก็เอ่ยเปลี่ยนเรื่องไปก่อนอย่างนกรู้
“คงไม่ได้มีรับสั่งให้กระหม่อมเข้าเฝ้าด้วยเรื่องนี้กระมัง?”
คนฟังมีหรือไม่ทราบเจตนาที่จะหันเหความสนพระทัย
ทว่าคำที่อีกฝ่ายกล่าวนั้นก็เป็นเรื่องจริง ดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงทรงแสร้งกระแอมสองสามครั้ง
ตรัสใหม่ด้วยสุรเสียงจริงจังขึ้นกว่าเดิม
“คนของเราสืบทราบเรื่องในทางลับ
เกี่ยวกับโรคระบาดที่ทางใต้ของแคว้น” ความหนักหนาของเรื่องราวทำให้สีหน้าของคนฟังทั้งสองเครียดขรึมลงไป
เจ้าจิ้งจอกก็ยังถึงกับนั่งหลังตรงเครียดเกร็งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ทว่า...กลับไม่มีฎีกาจากทางขุนนางท้องถิ่นเข้ามาแม้สักฉบับ
เราสงสัยว่าเรื่องนี้อาจมีปัญหา จึงอยากรบกวนให้เจ้าไปดูให้ที”
เห็นทีคงจะมีปัญหาจริงๆ เสียด้วย...
ขุนนางหนุ่มน้อมรับคำรับสั่ง
ในแววตายังคงแฝงความครุ่นคิดบางประการไว้ข้างใน แต่ยังไม่ทันเอ่ยทูลลาเพื่อไปจัดการเรื่องราว องค์จักรพรรดิก็พลันเลิกม่านมุกที่ปกคลุมเบื้องพักตร์... ร้องเรียก
“จีวอน”
เรื่องงานก็พูดคุยรับสั่งเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเจ้าของชื่อจึงไม่ใคร่แน่ใจว่าตนถูกรั้งไว้ด้วยเหตุผลอันใด
“กระหม่อม?”
องค์กษัตริย์แย้มสรวลรอยหนึ่ง
ดวงตาเรียวยาวภายใต้ขนงเข้มคมกลายเป็นเส้นโค้งนุ่มนวลน่าสนิทชิดใกล้
ทว่าใครต่างก็ทราบว่าที่นั่งเหนือบัลลังก์มังกรเจ็ดเล็บนั้นจะอย่างไรก็ไม่ใช่สำหรับคนอัน
นุ่มนวลอ่อนโยน ไปได้
“เราทราบดีว่าที่จริงเจ้าเป็นหมอที่เก่งกาจยิ่งนัก...”
ทรงเกริ่น...
“แต่ว่าเรื่องผิวพรรณจะอย่างไรก็คงต้องยกให้พวกสตรี
เอาอย่างนี้แล้วกัน...เดี๋ยวเราจะให้มเหสีจัดยาดีส่งให้เจ้าสักชุด
น่าจะทันก่อนออกเดินทาง”
ตรัสพลางและปลายหัตถ์ลงกับปรางขาวจัดขององค์เอง
...ตำแหน่งเดียวกันกับที่มีรอยแดงชาดรูปฝ่ามือประทับอยู่บนใบหน้าคมคายของท่านหมอ
“...”
“พรืด!”
ฮันบินฟังคำแล้วถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
เงยหน้าขึ้นสานสบสายตากับองค์จักรพรรดิ ต่างเห็นแววแพรวพราวในดวงตาของกัน
ก่อนจะเหลือบมองดูคนข้างตัวซึ่งทำสีหน้าปั้นยาก อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ฝ่าบาท...”
รอยริ้วแดงก่ำถูกวาดขึ้นมาอย่างน่าสนใจ
ขับเน้นให้รอยห้านิ้วรอยนั้นยิ่งแดงฉานชัดเจน
เจ้าจิ้งจอกยกหลังมือขึ้นปิดปากซ่อนรอยยิ้ม
สะกดกลั้นเสียงหัวเราะไว้เต็มท้อง รู้สึกดีขึ้นอักโขที่ว่าร่องรอยที่ตนประทับไว้ในที่สุดก็ได้ใช้งานเสียที
ก็ตั้งแต่เข้ามาในเขตราชฐาน พบขุนนางน้อยใหญ่เมื่อใดก็ล้วนถูกหลบเลี่ยงหลีกทาง
เพิ่งจะมีจักรพรรดิมนุษย์ผู้นี้ที่ออกปากทักให้ได้อับอายเสียบ้าง
“ไม่ดีหรอกหรือ?”
“ซง-ยุน-ฮยอง”
แม้แต่นามเดิมขององค์จักรพรรดิก็ยังถูกขานออกมา
เป็นทั้งการปรามเตือน และแสดงความบังอาจเหิมเกริม
ทว่าคนบนบัลลังก์กลับไม่คล้ายติดใจเอาความ ละหัตถ์กลับคืนปล่อยให้ม่านมุกทิ้งตัวลงปิดกั้นระหว่างกันเช่นเดิม
ก่อนจะเอ่ยวาจาด้วยสุรเสียงนุ่มนวลปานสายน้ำไหล
“ถ้าหากจะสำนึกขอบคุณในมหากรุณาธิคุณล้นฟ้าของเรา
เช่นนั้นก็ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก”
ในที่สุดปิศาจจิ้งจอกก็อดรนทนไม่ไหว
หัวเราะลั่นออกมาด้วยสาแก่ใจ
คิมจีวอนถอนหายใจเฮือกใหญ่
ทูลลาเสียงเรียบแล้วดึงให้เจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดขาวเดินตามออกจากห้องโดยไม่รอฟังคำอนุญาตเสียด้วยซ้ำ
“คิก...คิก...”
เจ้าจิ้งจอกยังไม่อาจหยุดหัวร่อ
แม้ในยามที่ประตูบุเยื่อไม้ไผ่บานนั้นถูกเลื่อนปิดลง
“ยังจะหัวเราะอีก”
น้ำเสียงของอีกฝ่ายในที่สุดก็เจือความหงุดหงิดใจบ้างแล้ว
ฮันบินเห็นเรียวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันจนแน่น
รู้สึกว่าอีกฝ่ายค่อยดูเหมือนมนุษย์ผู้หนึ่งขึ้นมาบ้าง ดังนั้นจึงอมยิ้ม
สีหน้าเจือความลำพองใจ แต่ได้ไม่ทันไร เจ้ามนุษย์สามหาวตรงหน้าก็ดันร่างเขาเข้าชิดกับผนังกำแพงไม้
...ประทับจุมพิตลงมา
ฟันคมขาวขบลงแผ่วเบาบนกลีบปากอิ่มของเจ้าจิ้งจอกหลายหน
หยอกเย้าเหมือนมันเขี้ยวหนักหนา ก่อนที่เรียวลิ้นร้อนจะล่วงผ่านลึกลง
ลิ้มรสรุ่มร้อนในโพรงปาก
“อื้อ!” ฮันบินประท้วงด้วยการทุบหมัดลงกับบ่าแข็งแกร่ง
แต่จนเมื่ออีกฝ่ายละถอนจุมพิตออก บนดวงหน้าคมคายของจีวอนร่องรอยความไม่พอใจเล็กน้อยนั้นก็เลือนหาย
ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอย่างเดิมที่แสนคุ้นตา ...และชวนให้หงุดหงิดขัดเคืองใจ
“ว่ายังไง ฮันบินอา...ไม่หัวเราะต่อแล้วรึ?”
ปิศาจจิ้งจอกเม้มปากแน่น ไม่มีคำตอบโต้จะเอ่ยออก ได้แต่ผลักแผ่นอกของเจ้าของอ้อมแขนที่กักกันตนไว้ให้ถอยห่าง
คนตัวสูงกว่ายินยอมถอยออกแต่โดยดี ทว่าก็ยังคว้าข้อมือเรียวของอีกฝ่ายเอาไว้ ค่อยๆ ก้าวเดินไปพร้อมกัน
“ข้าจะพยายามกลับมาให้ทันก่อนวันเพ็ญ” ขุนนางหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากเดินกันไปได้ครู่หนึ่ง ทำให้เจ้าจิ้งจอกที่ทำหน้าตูมอยู่ต้องทวนคำเสียงสูง
“ท่านว่าอะไร? จะไม่ให้ข้าไปด้วยหรือ?”
ชายหนุ่มส่ายศีรษะเชื่องช้า
“เรื่องโรคระบาดที่ฝ่าบาทตรัสเมื่อครู่นี้ ออกจะอันตรายอยู่บ้าง...”
ได้ฟังเช่นนั้นเจ้าจิ้งจอกก็หยุดเดินเสียดื้อๆ ใบหน้าคมคายฉายริ้วความขุ่นเคืองใจจนจีวอนต้องหยุดฝีเท้าลงเช่นกัน และหมุนกายกลับหลังมาเผชิญหน้า
ฮันบินเชิดหน้าขึ้น ให้ตัวเองที่เตี้ยกว่าอีกฝ่ายอยู่ครึ่งฝ่ามือได้สานสบสายตาประสาน เอ่ยเสียงขึงขัง
“ประการแรก ข้าเองก็เป็นหมอ ฟังว่ามีโรคระบาดแรงร้ายเกิดขึ้นไม่อาจไม่ใส่ใจ”
หากหมอผู้หนึ่งหวาดกลัวโรคภัย ไหนเลยจะสามารถรักษาผู้คนได้ ฮันบินมีชีวิตอยู่มาสามร้อยปี ศึกษาวิชาแพทย์จนแตกฉาน ทั้งปิศาจและมนุษย์ล้วนเคยช่วยให้พ้นผ่านความตายมานับไม่ถ้วน อีกฝ่ายอาศัยอันใดกีดกันเขาออก ไม่ให้ใช้ความรู้ที่มีช่วยเหลือผู้คนอย่างที่เคยทำมาเสมอ
“แต่ว่า...”
เห็นอีกฝ่ายยังไม่คล้อยตาม ฮันบินก็จำต้องยกคำอ้างอย่างอื่นขึ้นมา แต่คำที่กล่าวนั้น...ยิ่งเอ่ยไป กลับยิ่งแผ่วเบา
“อีกข้อ...หรือไม่ใช่ว่าพวกเราได้ผูกสัญญา จากนี้จนถึงวันเพ็ญจะ...อยู่ด้วยกันตลอดเวลา”
จบประโยคอันน่าอับอาย เจ้าปิศาจจิ้งจอกยังเอ่ยคำอ้างอีกมากมาย แก้ต่างว่าตนไม่อยากเอาเปรียบทางนั้น แต่ก็ไม่ต้องการเลื่อนให้เวลาสัญญาต้องยืดยาวออกไปและต้องผูกติดอยู่กับอีกฝ่ายนานไปกว่าเดิม ทว่าสำหรับคนฟัง มีเพียงคำเดียวเท่านั้นที่ได้สลักลึกลง ทำให้ความรู้สึกอุ่นร้อนบางอย่างแผ่เข้าควบคุมหัวใจ...ให้เต้นผิดจังหวะไม่เหมือนอย่างเคย
คิมจีวอนไม่เคยรู้...
ที่แท้ คำว่า ข้ากับท่าน เมื่อกลายเป็นคำว่า เรา ก็สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกดีถึงเพียงนี้ได้...
อีกฝ่ายหรือใช้มนตราคาถาอันใด
เหตุใดกับเรื่องเพียงเท่านี้...คำเพียงคำเดียวคำนั้น ก็เพียงพอจะฉุดรั้งผู้คนให้หลงใหลงมงายไม่อาจถอนตัว
To be continue.
ตั้งแต่เปิดเทอมมา ก็สอบติดๆ กันไม่ได้หยุดเลย
แต่จะพยายามแบ่งเวลามาเขียนบ่อยๆ นะฮะ ไม่ทิ้งแน่นอน
ทุกคนก็อย่าทิ้งเค้าไปเลยนะ
พูดคุยกันได้ที่คอมเม้นท์ด้านล่าง หรือสามารถติดแท็ก #บาบิคนกินหมา ในทวิตเตอร์ได้เช่นเคย
พบกันใหม่ตอนหน้านานๆ นี้นะครับ ฮือออ ฮึก ฮึก ฮึก /จมกองชีท
ความคิดเห็น