คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4
ChapTER 4
‘ให้กูแกล้งเป็นแฟนมึงเอามั้ยละ?’
‘แกล้งเป็นแฟน... ?’
‘เออ แกล้งเป็นแฟนกันตอนเจอหน้าเซนเฉยๆ’
‘เอาวะ ลองดูไม่เสียหาย’
ผมนอนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียง พลางคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน คำตอบตกลงที่ผมให้ไว้กับแฮรี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวผมซ้ำไปซ้ำมา ผมพยามคิดว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจมันดีแล้ว ผมไม่ได้ตัดสินใจพลาด แต่ผมก็กลัวความรู้สึกตัวเอง ว่าที่กำลังทำอยู่นี้มันคือการแก้แค้นใช่หรือเปล่า? แล้วเขาจะรู้สึกอะไรบ้างไหม?
I got a heart and I got a soul~
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เรียกสติผมให้หลุดจากความคิดที่เกี่ยวข้องกับเขา ผมคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ข้างหัวนอนมารับสายโดยที่ไม่ได้สังเกตดูหน้าจอว่าใครโทรมา
(ตื่นรึยัง?) เสียงปลายสายของคนหัวหยิกเมื่อคืน ทำเอาผมถอนหายใจออกมายาวๆอย่างเบื่อหน่าย เริ่มแล้วสินะ
“กูละเมอมั้ง” ผมตอบกลับไปอย่างเอือมๆ ทำเอาคู่สนทนาหัวเราะออกมา มันเคยอารมณ์เสียกับเขามั้งมั้ยเนี่ย “แล้วนี่โทรมามีไร?”
(กูโทรมาจำเป็นต้องมีอะไรด้วยหรอวะ?) ผมนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพราะไม่อยากเสียเวลากับคนพูดไม่รู้เรื่อง (แฟนกันโทรหากันต้องมีเหตุผลด้วยหรอวะ?) ประโยคต่อมาเล่นเอาผมขึ้นเลยครับ ผมกัดฟันแน่นก่อนจะสบถด่าออกไปอย่างเหลืออด
“ไอห่า...” สั้นๆง่ายๆได้ใจความ ผมไม่ชอบให้มันเล่นแบบนี้ ไหนบอกแค่แกล้งแล้วพูดแบบนี้หมายความว่าไง ผมไม่ตลกด้วยหรอกนะ
(ฮ่าๆๆ ล้อเล่นๆ)
“กูไม่ตลก”
(เออๆ ขอโทษๆอย่าคิดมากน่า อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ วันนี้อุตส่าห์จะเลี้ยงข้าว เนื่องในโอกาสกูอยากทำความรู้จักมึงอย่างเป็นทางการ) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงมีลับลมคมนัย ทำเอาผมที่นั่งฟังอยู่ต้องชะงักไป แต่ในหัวสมองผมกำลังตีกันวุ่นวาย ซึ่งมันอาจจะไม่มีอะไรอย่างที่ผมคิดก็ได้
(ว่าไง...จะไปมั้ย?) และสติก็กลับคืนมาอีกครั้งจากคำถามที่ต้องการคำตอบ ถ้าไม่ติดว่าเลี้ยงนะ ผมปฏิเสธไปนานแล้ว
“เออ”
(พูดห้วนจัง ไม่น่ารักเลย)
“เรื่องของกู”
(อะจ้าๆ ฮ่าๆๆ งั้นเอาเป็นว่าเจอกันที่ล็อบบี้ตอนเที่ยงนะ เดี๋ยวกูพาไป)
หลังจากตกลงกันเสร็จผมก็กดตัดสายไปและค่อยๆหลับตาลงอีกครั้ง
เมื่อใกล้ถึงเวลานัดผมจัดการอาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวไปกินอย่างเดียวครับงานนี้ เพราะข้าวเช้าก็ไม่ได้แตะ นี่กะจะฝากท้องไว้กับมันเลย ผมไม่ได้เห็นแก่ของฟรีนะ แต่แค่คิดว่าเมื่อมีโอกาสก็ต้องคว้าเอาไว้...
ผมลงมาถึงที่ล็อบบี้ของคอนโดก็พบว่าเจอคนร่างสูงนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมไม่ได้ผิดนัดแต่ผิดที่เขามารอก่อนเวลา แล้วโทษผมไม่ได้นะ เพราะผมกดดูนาฬิกาในโทรศัพท์ตั้งหลายครั้ง ว่ามาตรงเวลาเป๊ะๆ ผมค่อนข้างมั่นใจ
เมื่อแฮรี่เห็นผมก็รีบลุกและเดินตรงมายังผมทันที วันนี้เขาแต่งตัวธรรมดาแต่ก็ดูมีเสน่ห์ น่าจะเป็นปกติของเขาอยู่แล้วที่มีออร่าออกมาได้ขนาดนี้ ทำเอาคนที่เดินผ่านไปมามองกันเหลียวหลัง เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้ชะมัด
“ปะ ไปกันเถอะ” ปากว่ามือถึง แขนยาวๆของแฮรี่ยกมาพาดบนไหล่ผมอย่างถือวิสาสะ ผมเลยจัดการเอาศอกกระทุ้งเข้าที่ท้องมันในระดับปานกลางถึงรุนแรง ทำให้คนที่ถูกแอทแทคลูบจุดที่ถูกโจมตีแบบยิ้มๆ
“เยอะไป” ผมพูดโดยไม่ได้หันไปมอง และเดินนำหน้ามันไป คนที่อยู่ด้านหลังหัวเราะชอบใจก่อนจะก้าวเท้าตามมาติดๆ
“นี่จะไปไหน รู้หรอว่ารถอยู่ไหนหน่ะ?” เออวะ... ผมเดินนำมันโดยที่ผมไม่รู้ว่ารถมันคือคันไหนด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้จะให้เสียหน้าไม่ได้ครับ ต้องรีบแก้ตัว
“อ่ะฮึม! ก็มึงชักช้านี่ กูหิวแล้ว ไปได้ยัง?” อยู่เสลดๆก็ขึ้นคอจนผมต้องกระแอ้มออกมาแก้ต่างแบบที่คิดว่าเนียนที่สุด แต่เหมือนมันจะไม่เนียนเพราะอีกคนมองหน้าผมแล้วยิ้มขำก่อนจะเดินนำไปที่รถของตัวเอง ให้มันได้อย่างงี้สิกู กูพลาดแล้ว...
รถสปอร์ตสีดำเงาแล่นอยู่บนถนน โดยมีเสียงเถียงกันของคนภายในรถอยู่ตลอดเวลาไม่มีทีท่าว่าจะเงียบเหงา ครับ... ไม่เงียบเลยครับ พอผมจะหลับมันก็ปลุก พอมันปลุกมันก็ถาม พอผมตั้งท่าจะหลับอีก มันก็เสือกถามอีก มันตั้งใจแกล้งผมดูก็รู้ คอยมองรอผมเคลิ้มก็จะเขย่าขา ไม่ก็ปลุกผมด้วยการเรียกชื่อผมซ้ำๆ หรือตั้งคำถามงี่เง่าให้ผมต้องตอบ ผมตะวาดและด่ามันไปหลายครั้ง และเจ้าตัวดูไม่มีทีท่าว่าจะเข็ดหลาบเลยแม้แต่น้อย ทำเอาผมหงุดหงิดและเสียพลังงานไปมากเหมือนกันก่อนจะถึงร้านอาหาร
ร้านนี้เป็นร้านโปรดของผมเพราะคนไม่ค่อยเยอะจนดูวุ่นวาย และอาหารอร่อยซึ่งจัดว่าอยู่ในขั้นที่ดีเยี่ยมเหมาะสมกับราคา ผมไม่แน่ใจว่าแฮรี่รู้รึเปล่าว่าผมชอบร้านนี้ แต่มีอีกคนนึงที่รู้แน่ๆ ร้านนี้เต็มไปด้วยความทรงจำที่สวยหรูงดงามแต่ไม่น่านึกถึง เป็นร้านที่ผมกับเขาชอบมากินเวลามีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับเขา หรือเกิดขึ้นกับผม เรามักจะมานั่งเล่าและคุยกันสนุกสนานต่างคนต่างฟังเรื่องของกันและกันอย่างตั้งใจ แต่เรื่องแบบนี้ ผมควรที่จะลืมมันไปตั้งนานแล้ว…
“เฮ้...ลู ลูอี ทอมลินสัน” แฮรี่โบกมือผ่านหน้าผมเพื่อเรียกสติกลับคืนมา “เอาอะไรเพิ่มอีกมั้ย?” ผมส่ายหัวเบาๆตอบไป “งั้นพอแค่นั้นก่อนครับ” แฮรี่หันไปบอกพนักงานสาวพร้อมส่งยิ้มหวานแถมให้จนพนักงานหน้าขึ้นสี เธอจึงรีบทวนเมนูแล้วรีบเดินออกไป แต่ผมไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าเขาสั่งอะไรไปบ้าง ในขณะที่เมนูในมือผมยังคงเปิดค้างหน้าอาหารจานโปรดของคนๆนั้นอยู่ ผมจัดการปิดมันลงอย่างแรงและวางไว้ขอบโต๊ะให้พนักงานมาเก็บ
บ้าไปกันใหญ่แล้ว…
ผมสะบัดหัวแรงๆไล่ความคิดบ้าๆและดึงจิตที่ฟุ้งซ่านไปไกลกลับมา จนคนที่นั่งฟังตรงข้ามขมวดคิ้ว จ้องมองอย่างสงสัย
“เป็นอะไรรึเปล่า เห็นเหม่อตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“เปล่า... ไม่ได้เป็นไร สงสัยหิวมั้ง” ผมตอบกลับไปส่งๆ
“งั้นอาหารมาก็กินเยอะๆนะ ร้านนี้เห็นเขาบอกว่าอร่อย คิดว่าน่าจะถูกปากมึงบ้าง” น้ำเสียงอบอุ่นที่ผมเพิ่งเคยได้ยินจากปากเขา ทำให้ผมหันไปมอง น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง และใส่ใจจนผมรู้สึกได้ ถึงแม้จะไม่ใช่คำพูดที่เยอะแยะมากมายก็ตาม เขารู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่
อาหารมากมายค่อยๆทยอยมาเสิร์ฟทีละจานสองจาน บางจานผมก็เคยกิน บางจานก็เป็นจานโปรดของผม แต่บางจานก็ยังไม่เคยสั่ง
ผมกับแฮรี่นั่งกินอาหารพร้อมพูดคุยกันไป หยอกล้อหรือเสียดสีประชดประชันกันบ้าง ก็ทำให้หัวเราะเฮฮาจนคนรอบข้างหันมามอง ยิ่งผมคุยกับแฮรี่ก็ยิ่งรู้ว่ามันนิสัยดี ถึงแม้ในปากของมันจะเลี้ยงสุนัขไว้หลายสายพันธุ์ก็เถอะ ไม่แปลกใจที่มีคนมารุมชอบมันเยอะขนาดนี้ เพราะนอกจากหน้าตาแล้ว นิสัยที่เป็นสุภาพบุรุษของมันก็มีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่ากันเลยก็ว่าได้ ทำให้ผมเปิดใจยอมรับว่ามันเป็นเพื่อนที่ดีอีกคนนึงได้เลย
สักพักผมก็สังเกตเห็นพนักงานในร้านบางคนจับกลุ่มซุบซิบนินทาแล้วมองมาทางผมกับแฮรี่ บางคนก็เดินมาเฉียดโต๊ะเราบ่อยๆ ผมเริ่มรู้สึกถึงความอึดอัดที่กำลังก่อตัวจนคนที่นั่งร่วมโต๊ะสังเกตได้
“มีอะไรรึเปล่า?” แฮรี่เลิกคิ้วถามขณะที่ในปากเขี้ยวข้าวแก้มตุ่ย
“มึงว่าเขาคุยอะไรกันวะ กูเห็นเขาพากันมองมาทางเราบ่อยฉิบหาย” ผมเบือนหน้าไปทางพนักงานที่คุยกัน ให้แฮรี่มองตาม
“ให้กูเดานะ เขาอาจจะปลื้มเรา ที่เราหน้าตาดีก็ได้” แฮรี่พูดพลางคีบกับข้าวเข้าปาก
“อืม... ก็คงงั้น” ผมพยักหน้าก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดื่มแก้ฝืดคอ
“หรือไม่ก็ เขาคิดว่าเราเป็นแฟนกัน…”
“แค่กๆ!” ผมถึงกับสำลักน้ำกับประโยคคาดเดาที่สองที่มันเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย จะว่ามันก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนี้แค่ผู้ชายไปไหนด้วยกันสองต่อสองก็โดนมองว่าเป็นแฟนกันหมด
“ใจเย็นๆ” แฮรี่หยิบทิชชู่ให้ผม ผมรับมาอย่างว่าง่ายและเช็ดน้ำที่สำลักออกมาตรงขอบปาก “จะนินทาอะไรก็ช่างเขาเถอะ แต่พวกเขาคิดว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆ กูว่ามันก็สำเร็จไม่ใช่หรอวะ?” แฮรี่ทำหน้าดีอกดีใจ
“สำเร็จกับผีมึงสิ! กูไม่ดีใจด้วยหรอกนะ”
“มึงไม่อยากรับบทเป็นแฟนกูขนาดนั้นเลยรึไง?” เสียงเรียบนิ่งที่สังเกตได้ว่าเริ่มผิดปกติทำเอาผมต้องหลบสายตา แต่เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องหันไปแล้วสบตากับเขาอยู่เป็นช่วงๆ ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจเขานะ คือผมแค่ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดระหว่างผมกับเขา ว่าเราเป็นแฟนกัน ซึ่งไอเรื่องที่เราแกล้งเป็นแฟนกันผมยังไม่ได้บอกไอเลียม แน่นอนว่าผมต้องบอกมันแน่ๆแต่ไม่ใช่ตอนนี้
สายตาของเขาที่จ้องมองผม สื่อออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกเสียใจ รู้สึกน้อยใจกับคำพูดและการกระทำของผม ผมไม่รู้จะแก้ตัวยังไง ได้แต่กล่าวปฏิเสธแบบอ้ำอึ้ง จนโต๊ะเราเริ่มเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง สักพักแฮรี่ก็มองไปทางอื่นแบบไม่วางสายตา และเหมือนมองตามอะไรบางอย่างอยู่นานสองนาน เขามองอะไร
ก่อนที่ผมจะมองตามที่แฮรี่มอง เขาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน ผมได้แต่พยักหน้าให้ และหันไปมองที่ๆแฮรี่มองเมื่อกี้ ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่...
หนุ่มหน้าคมที่มาพร้อมกับหนวดที่ไม่ได้รับการดูแลเดินมาหยุดยืนหันหลังพิงกำแพงแถวบริเวณห้องน้ำ สักพักร่างสูงก็เดินเข้ามา เขาหยุดยืนพิงกำแพงข้างๆกันโดยเว้นระยะห่างที่พอคุยกันรู้เรื่อง ต่างคนต่างไม่ได้มองหน้ากัน แต่ก็รับรู้ได้ถึงรังสีที่ข่มกันอย่างเอาจริงเอาจังจากอีกฝ่าย บรรยากาศเริ่มเงียบ ความอึดอัดเริ่มก่อตัวโดยไม่มีใครพูดอะไร จนคนร่างสูงทนไม่ไหว
“มาทำอะไร?” แฮรี่พูดถาม โดยที่ต่างฝ่ายต่างไมได้มองหน้ากันแต่อย่างใด
“นึกว่าจะทักกันดีกว่านี้สะอีกนะ”เซนพูดเสียงเรียบ แฮรี่นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร “กูมากินข้าว มึงก็...ดูมีความสุขดีนี่...มากินข้าวกับแฟน” เซนเลยเอ่ยคำถามออกไป รู้ทั้งรู้ว่านี่คือคำถามประชดประชันที่ทำร้ายตัวเขาเองทั้งนั้น
“มีความสุขมั้ยไม่รู้ แต่ลูน่าจะมีความสุขมากกว่าตอนที่อยู่กับมึงพอตัว” ร่างสูงพูดข่มใส่คนหน้าคมที่ตอนนี้เอามือนึงล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกมือกลับกำหมัดแน่น แต่ไร้ซึ่งสีหน้าใดๆแสดงอาการออกมา
“หึ มั่นใจจังเลยนะ...” คนหน้าคมหัวเราะในลำคอ
“ก็งี้แหละ” คนร่างสูงหยักไหล่กวนๆ “แต่อย่าว่างั้นงี้เลยนะ... ลูลืมมึงไปตั้งนานแล้ว แต่มึงดูท่าจะยังไม่ลืม...” แฮรี่พูดโกหกออกไปเพื่อหาทางกันให้เซนออกห่างจากลูอีให้มากที่สุด เพราะเขาไม่อยากเห็นสีหน้าเศร้าๆของลูอีอีก
“ของๆกู กูก็ต้องคิดถึงเป็นธรรมดา”
“เหอะ หน้าด้าน” พอคนหน้าคมได้ยินก็นิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะยิ้มมุมปาก
.
.
.
“ดูแลดีๆหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวคนหน้าด้านแบบกู...จะกลับมาเอาของๆกูคืน” น้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นยะเยือกที่แสดงถึงความจริงจังผสมการข่มขู่แผ่ออกมาจนแฮรี่รับรู้ได้ ก่อนที่คนหน้าคมจะเดินหันหลังออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้คนที่โดนข่มขู่ยืนไม่พอใจกับคำพูดของเขา
แฮรี่รู้สึกไม่ชอบใจที่คนมามองลูอีเป็นของเล่น หรือของอะไรก็แล้วแต่ เขาได้แต่คิดว่าลูอีมีค่ากว่านั้นมาก และเขาจะดูแลแฟนกำมะลอของเขาให้ดีที่สุด โดยที่ในใจก็หวังแค่ว่าเมื่อถึงเวลาเขาจะได้ดูแลลูอีมากกว่านี้ ดูแลในฐานะอื่นที่ไม่ใช่ฐานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ เขาพยายามแสดงออกว่าเขาชอบลูอีแบบเปิดเผย แต่เหมือนเจ้าตัวไม่ค่อยอยากรับรู้ เขาเสยผมและถอนหายใจออกมาอย่างหัวเสียให้กับความกังวลที่กำลังก่อตัว ว่าต่อจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น
คนหน้าคมเดินกลับเข้ามาในร้าน และตรงไปยังโต๊ะของตัวเองโดยจงใจเดินผ่านโต๊ะที่ลูอีนั่งอยู่ คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเริ่มรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมา ทำให้เขาละสายตาออกจากโทรศัพท์ที่กำลังเลื่อนดูข่าวเรื่อยเปื่อยรออีกคนที่ไปเข้าห้องน้ำ แต่แล้วก็ต้องสบตากับชายหน้าคมที่คุ้นเคย
เขาสองคนสบตากันสักพัก ความรู้สึกที่แต่ละคนมีส่งผ่านไปถึงกันมั่วไปหมด ต่างคนต่างเดากันไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรพอได้สติ ลูอีก็รีบหันหน้าไปทางอื่น โดยที่เซนก็รีบเดินผ่านเขาไปเช่นกัน กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากคนที่เดินผ่าน ทำให้ลูอีรู้ว่าเขารู้สึกคิดถึงกลิ่นนี้ กลิ่นที่แต่ก่อนเคยอยู่ข้างกายเขา วนเวียนอยู่รอบๆตัวเขาทุกวัน แต่พอมันเริ่มจางหายไปก็ทำให้เขาคิดถึงมันอีก
สติผมกลับเข้าร่างอีกครั้งเมื่อแฮซเดินกลับมาและนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเหมือนเดิม
“ทำไมไปนานจัง”
“พอดีท้องเสีย สงสัยกินอะไรผิดสำแดงนิดหน่อย” แฮรี่ยิ้มแหยๆก่อนจะเรียกพนักงานมากเช็คบิล
หลังจากนั้นเราก็พากันลุกออกจากโต๊ะโดยที่มีแฮรี่เดินนำไปโดยไม่พูดอะไร และสายตาผมก็สังเกตเห็นว่าเซนนั่งเยื้องจากโต๊ะที่ผมนั่งไปข้างหลังไม่กี่โต๊ะ
.
.
.
แต่แล้วผมก็ต้องชะงักแล้วรีบเดินไปจับมือแฮซทันที เมื่ออยู่ๆผมกับเขาก็สบตากันอีก ก่อนที่เซนจะยิ้มและโบกมือเป็นการทักทายส่งมาให้ผม
------------------------------------------
ขอโทษที่อัพช้าน้า T^T
แต่ก็หวังว่าทุกคนที่ตามอ่านคงยังไม่เบื่อกัน
ยังไงก็ฝากเป็นกำลังใจฝากติดตามกันต่อนะ 555555555 ♥
คิดเห็นยังไงติชมได้ผ่าน comment เลยจ้า
หรือจะไปพูดถึงกันผ่านtwitter อย่าลืมติดแท้ก #Relation18 นะครัช
love x is kiss
ความคิดเห็น