ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic exo] How to get your (older) boyfriend {Chanyeol x Kai}

    ลำดับตอนที่ #5 : สูตรเด็ดมัดใจโคแก่ ; step 4 ทำสเต็ปที่ 1-3 เน้นช่วยงานเพื่อเพิ่มโอกาสในการอ่อย!!

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 57




     

     

    สูตรเด็ดมัดใจโคแก่

    Step 4 ทำสเต็ปที่ 1-3 อย่างสม่ำเสมอ เน้นช่วยงานเพื่อเพิ่มโอกาสในการอ่อย!!

     

     

     

     

              ผ่านมาเกือบสามเดือนแล้วที่จงอินเริ่มดำเนินการตามสูตรเด็ดมัดใจโคแก่ของเจ๊จื่อเทาคิวตี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป(สุดๆ) และยังเป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้วนับตั้งแต่วันที่เจ๊เทาและพี่จงแด (หรือน้องเฉินเฉินของเจ๊เทา) มาวุ่นวายที่ร้านจนเขาโดนชานยอลดุ ตั้งแต่วันนั้นมาสองคนนั้นก็เปลี่ยนจากการประชิดตัวเป็นการไลน์มาหาจงอินและไซโคเขาเช้าสายบ่ายเย็น แนะนำทริคเด็ดวิธีลับที่ทำเอาเขาหน้าแดงหูแดงไปหมดจนไม่เป็นอันทำตามสูตร ซึ่งกว่าจงอินจะตั้งสติได้ก็กินเวลาไปหลายวันทีเดียว

              “น้ำครับพี่ชานยอล” ชามะนาวเย็นเจี๊ยบชื่นใจจากจงอินถูกยื่นให้ชานยอล คนตัวสูงยิ้มแล้วรับมาดื่มอย่างว่าง่ายก่อนจะหันไปจดจ่อกับงานตรงหน้าเหมือนเดิมเหมือนในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา

              ตอนนี้ที่ร้านกำลังวุ่นวายเพราะพี่ยูราวางแผนจะขยายสาขาเพิ่ม จึงต้องการโปรโมทร้านให้มากขึ้น ร้อนถึงพี่ชานยอลที่รับหน้าที่ฝ่ายขาย ต้องคิดแผนโปรโมทร้านใหม่ที่ดึงดูดกว่าเดิม โดยพี่สาวคนสวยยังเน้นย้ำมาอีกว่าแผนโปรโมทครั้งนี้จะต้องดึงดูดลูกค้ามากกว่าเดิม และต้องสร้างสรรค์ ไม่ให้เสียวัตถุดิบ เงิน และเวลาในการโปรโมทไปอย่างเปล่าประโยชน์ พี่ชานยอลก็เลยมานั่งเคร่งเครียดอยู่แบบนี้ แถมยังแอบบ่นพี่สาวตัวเองหงุงหงิงๆ เหมือนเด็กจนจงอินอดขำไม่ได้

              “พักก่อนดีกว่าไหมครับ” จงอินถือวิสาสะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับชานยอล แล้วจัดการเอากระดาษที่ชานยอลวางไว้เระระมารวบเป็นปึกเดียวให้เรียบร้อย ตอนนี้ยังเช้าอยู่มากร้านยังไม่เปิด เขาจึงได้มีเวลามานั่งดูพี่ชานยอลอยู่แบบนี้

              “อย่าเลย เดียวมันจะไม่ทันเอา” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้คนเป็นน้องแล้วก็ก้มลงตั้งใจทำงานต่อ

              ส่วนคิมจงอินก็ทำได้แค่เขินหน้าดำหน้าแดงแอบมองคนหูกางทำงานอย่างไม่รู้เบื่อ

              “อาทิตย์นี้พี่ไม่ต้องช่วยผมเรื่องงานที่เรียนนะครับ”

              “อ้าว ทำไมล่ะ หรือว่าจงอินทำเสร็จแล้ว” ชานยอลจดอะไรยุกยิกๆ แล้วเงยหน้ามองจงอินเพื่อขอคำตอบ คนผิวเข้มเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยความเกรงใจ

              “พี่ต้องโหมเรื่องงานโปรโมทร้านก็เหนื่อยพออยู่แล้ว เรื่องของผมเดี๋ยวผมลองพยายามดูเองดีกว่าครับ ผมรบกวนพี่ชานยอลมามากแล้ว”

              “อ่อ เรื่องนี้นี่เอง ไม่รบกวนหรอกน่า ชิลๆ” สัมผัสบนกลุ่มผมทำให้จงอินเหวอ เขารับรู้ได้ว่าชานยอลเอื้อมมือข้ามฝั่งมาลูบผมเขาช้าๆ สัมผัสอบอุนแผ่วเบาเรียกให้เลือดทั้งตัววิ่งไปหล่อเลี้ยงที่แก้มเสียหมด สติเหมือนจะลอยกลับบ้านไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนมันจะเริ่มกลับมาเพราะเสียงทุ้มๆ ของชานยอล

              “หน้าแดงแจ๋เลย ป่วยรึเปล่า พี่ไม่ได้ใช้งานนายหนักไปใช่ไหมเนี่ย”

              “เอ่อ เปล่าครับ ไม่เลย คือผม ผมเต็มใจช่วย และผมก็ต้องทำหน้าที่ของให้ดีที่สุดอยู่แล้ว พี่ชานยอลไม่ได้กังวลนะครับ ผมสบายดีครับ สบายดีมากๆ!” พี่ชานยอลขำอีกแล้ว! จงอินอยากจะเอาหน้าแทรกลงไปใต้แผ่นดินหนีอายให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่เพราะทำไมได้ถึงต้องพยายามปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด

              เดี๋ยวพี่ชานยอลจะจับได้ ว่าเขาน่ะเขินพี่ชานยอล

              “ตอบซะรัวเชียว พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ฮ่าๆ”

              “อ่าครับ”

              “แต่ถ้าเหนื่อยเกินไปหรือยังไงก็บอกพี่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก พี่จะไปจัดการยัยเจ๊ยูราหน้าเลือดนั่นให้ เราอยู่ด้วยกันมาก็นานแทบจะเป็นพี่เป็นน้องกันอยู่แล้ว มีอะไรคุยกันได้ๆ” ประโยคนี้ของพี่ชานยอลทำเอาจงอินรู้สึกเฟลอย่างบอกไม่ถูก อะไรคือเป็นพี่น้อง ก็เขาไม่ได้อยากเป็นแค่พี่น้องนี่นา ที่พยายามทำมาพี่ชานยอลยังไม่เห็นหรือว่าไม่เห็น และไม่เคยคิดมองเขามากกว่าน้องชายเลย

              ทำไมพี่ชานยอลถึงไม่รู้อะไรเลยนะ ;;____;;

              บางทีจงอินก็งงและสับสนในตัวเอง มันเขินไม่กล้าที่จะบอกคนตัวสูงกว่ารู้ว่าเขานั้นชอบ แต่มันก็น้อยใจเวลาชานยอลทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เรื่องความรู้สึกแบบนี้มันยากเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ ก็นะ ไม่งั้นคงไม่มาพึ่งพาเจ๊จื่อเทาและคณะกับสูตรเด็ดมัดใจอะไรนี่หรอก

              ไม่นานนักแบคฮยอนกับคยองซูก็เข้ามา จงอินจึงขอตัวลุกออกจากโต๊ะไปอย่างมีมารยาท เขาเดินไปประจำที่เคาท์เตอร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ขับไล่อารมรณ์ฟุ้งซ่าน ความงิ้วง้าวเซนสิทีฟออกไป คิดและโฟกัสที่เรื่องงานที่กำลังจะเริ่มขึ้นเมื่อมีลูกค้าคนแรกเดินเข้าร้านมา

              ต้องอดทนนะ อดทนเข้าไว้คิมจงอิน ผลลัพธ์จะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับความอดทน หน้าหนา และเวลา บวกกับดวงแห่งความรักนิดหน่อย

              จงอินคิดแบบนั้น พลางทบทวนสเต็ปสูตรข้อต่อไปอยู่ในหัวขณะที่มือก็หยิบนู่นจับนี่มาวางไว้เตรียมพร้อมตามประสาคนขยันทำงาน

     

    Step 4

    ทำสเต็ปที่ 1-3 อย่างสม่ำเสมอ เน้นช่วยงานเพื่อเพิ่มโอกาสในการอ่อย!!

    พูดเลยว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงามนะคะคุณน้อง ไม่มีอะไรทีได้มาง่ายๆ ค่ะ! ยิ่งโคหล่อๆน่ากินๆ แล้วไซร้ พวกเราจะต้องพยายามให้เต็มที่ ความสม่ำเสมอช่วยเราได้ค่ะหนู ให้พี่โคเค้าเห็นว่าเราน่ะจริงใจไม่ไก่กา พร้อมจะเป็นแรงกำลังให้เค้า พร้อมเดินเคียงข้างร่วมทางและร่วมเตียงนอนไปด้วยกัน  

    ทริคเบาๆ จากเจ๊เทาคิ้วตี้  เราต้องเอาใจใส่ด้วยการกระทำเข้าไว้ค่ะ การกระทำสำคัญกว่าคำพูดค่ะหนู ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ค่ะเจ๊บอกเลย ระยะทางพิสูจน์ม้าฉันใด กาลเวลาพิสูจน์เราฉันนั้นค่ะน้อง อยากกินอะไรแก่ๆ ก็ต้องอดทนจ้ะ เราจะต้องใช้ความรัก แรงกาย ความแซ่บ และพลังแห่งหญ้าอ่อนทะลวงเข้าไปกลางใจโคให้ถอนตัวถอนกายไม่ขึ้นเลยค่ะหนู สู้ววว!

     

    เวลาแห่งการทำงานล่วงเลยมาจนถึงช่วงหัวค่ำ ลูกค้าเริ่มซาลงไปมากจนแทบไม่มีเหลือ จงอินที่กำลังวางคว่ำอุปกรณ์เข้าที่ให้เรียบร้อยแอบมองแผ่นหลังของชานยอลอยู่เป็นระยะเมื่อเห็นว่าร่างสูงนั้นนั่งงมกับอะไรบางอย่างมาพักใหญ่แล้ว เขารีบจัดการงานของตัวให้เสร็จแล้วจึงตรงรี่ไปหาชานยอลพร้อมกับน้ำดื่มเย็นๆ หนึ่งแก้ว

    “ให้ผมช่วยไหมครับพี่ชานยอล” จงอินยื่นแก้วน้ำให้คนแก่วัยกว่าที่สภาพโทรมลงไปจากเมื่อเช้ามาก ผมที่เคยเป็นทรงตอนนี้ทั้งชี้ทั้งฟูเพราะคาดว่าชานยอลคงยีหัวตัวเองไปมาตอนที่คิดอะไรไม่ออก ดวงตาโตๆ กับแววตาใสซื่อ(บื้อ)ดูง่วงงุนเหมือนจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่เต็มทีกำลังพยายามฝืนจ้องกองกระดาษเอสี่กับโน๊ตบุคอย่างเอาเป็นเอาตาย

    “ไม่ต้องหรอก พี่ไหว” ชานยอลรับน้ำจากจงอินมาดื่ม ก่อนจะอ้าปากหาวหวอดใหญ่ แล้วเริ่มต้นทำงานต่อด้วยการเพ่งกระดาษที่มีลายมือยึกยือของชานยอลเองแล้วพิมพ์ใส่ไมโครซอฟเวิร์ดที่เปิดค้างไว้อยู่ จงอินส่ายหัวไปมากับความหัวดื้อนิดๆ ของคนแกว่าก่อนจะถือวิสาสะหยิบกองกระดาษของชานยอลขึ้นมาถือไว้เอง

    “ผมจะช่วยพิมพ์ให้ พี่ชานยอลนอนพักสักงีบสิครับ”

    “เฮ้ยยย ได้ไงนี่งานส่วนของพี่ ที่สำคัญมันจะเสร็จแล้วด้วย”

    เสร็จกับผีสิครับพี่ชานยอล  (จงอินคิดในใจ)

    “ที่พี่จดไว้น่ะมันเต็มสองหน้ากระดาษเอสี่ 5 แผ่น แต่นี่พี่เพิ่งพิมพ์ได้ครึ่งหน้าเวิร์ด วันนี้ยังไงก็ไม่เสร็จหรอกครับ ถ้าพี่พิมพ์เองน่ะ”

    “ฮื่อ อย่าเลยลำบากจงอิน นายทำงานมาทั้งวันแล้ว” เขาคิดไปเองรึเปล่านะว่าพี่ชานยอลแอบงอแงนิดๆ น่ารักชะมัด

    “พี่เองก็ทำมาทั้งวันแล้วครับ คิดมาทั้งวันแล้ว พี่คือคนที่ควรไปพักที่สุดเลยครับ ทางนี้ผมจะรับช่วงต่อเอง”

              “ใช่ ตัวอย่างกับควาย มาทำเสียงฮื่อๆ น่ารักตายแล้วมึง! ลุกไป มีเค้กอยู่หลังร้านไปแดกๆ ซะ” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงจงอินและเป็นเสียงของแบคฮยอนแน่นอน แบคฮยอนกำลังแซะชานยอลออกจากเก้าอี้ตัวเดิมที่คนตัวสูงนั่มาตั้งแต่เช้า พลางบ่นกระปอดกระแปด จนจงอินอดขำออกมาไม่ได้

              “งานกู กูต้องรับผิดชอบเว้ย”

              “แหมไอ้เชี่ย ทำไมสมัยเรียนมึงไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้มั่งวะ รายงานนี่โยนมาให้กูพิมพ์แทบทุกเล่ม ทีกับน้องไคนี่เกรงใจจังเลยนะมึง ไอ้หูกางสองมาตรฐานเอ๊ย” แบคฮยอนเริ่มบ่นหนักขึ้นจนจงอินได้ยินเสียงคยองซูเอ่ยปราบดังมาตามลม และสุดท้ายรุ่นพี่ตัวเล็กก็ลากพี่ชานยอลออกจากเก้าอี้ไปหลังร้านได้สำเร็จ เขานั่งลงตรงที่เดียวกับที่พี่ชายร่างสูงนั่งแล้วเริ่มต้นตั้งใจแกะลายมือของชานยอลเพื่อพิมพ์ลงในโน๊ตบุค

              ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงจงอินยังคงทำงานอยู่ เขาได้ยินเสียงชานยอลคุยกับแบคฮยอนและคยองซูดังมาจากหลังร้าน ว่าตอนนี้สามทุ่มครึ่งซึ่งก็ค่อนข้างดึกแล้ว ทุกคนควรกลับบ้านเสียที ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของรุ่นพี่ทั้งสามเดินออกมา

              “กลับเถอะไคย่า ไว้ทำต่อพรุ่งนี้” จงอินรับรู้ถึงเงาที่ทาบทับมาด้านหลัง บคฮยอนกำลังชะโงกหน้าผ่านคอของเขาเข้ามาสำรวจความเป็นไปของงานที่จงอินทำอยู่

              “อีกนิดนึงเองครับพี่แบคฮยอน หอผมก็อยู่แค่ตรงหัวมุมนี้เอง พี่กลับก่อนเลยครับ” นั่นคืออีกปัจจัยที่ทำให้จงอินทำตามสูตรมัดใจโคแก่ได้สะดวกขึ้น เพราะบังเอิญว่าหอเขาดันอยู่ใกล้ร้านกาแฟแห่งนี้มากๆ ไปมาสะดวก -..-

              “แกล้งน้องมันอยู่ได้ ไป กลับได้ไปแล้วมึงน่ะ” เสียงทุ้มห้าวของชานยอลดังขึ้นพร้อมกับแบคฮยอนก็ถูกชานยอลดึงคอเสื้อหิ้วกระเตงไปกระเตงมาจนคนตัวเตี้ยกว่าแหกปากร้องโวยวายเสียงดัง ส่วนจงอินก็ยังคงยิ้มและพิมพ์งานต่อไป

              “นี่ถ้ากูไม่ได้คบกับแบคฮยอนอยู่ กูคงนึกว่ามึงกับมันเป็นแฟนกันนะ ชานยอล” เสียงนิ่งๆ กังวานตามแบบฉบับโดคยองซูดังขึ้น ทั้งๆ เป็นประโยคธรรมดาแต่แบคฮยอนกับชานยอลกลับฟังแล้วขนลุกเกรียวจนต้องรีบผละออกจากกันตามระเบียบ จงอินเงยหน้าขึ้นมองสถานการณ์ที่อยู่ๆ ก็มาคุขึ้นตาปริบๆ

              “คยองอ่า…” เสียงดังที่มักจะเฮฮาเสมอของแบคฮยอนกลายเป็นเสียงหงอยเหมือนลูกหมาง้อเจ้าของ ดวงตาเรียวรีคมเฉี่ยวจ้องคยองซูอย่างอ้อนวอน แต่ไม่เป็นผล เพราะคนตัวเล็กที่สุดในร้านได้เดินสะบัดออกไปแล้ว

              “เมียงอนกูทำไมมมม!! กูต้องไปละไอ้ชยอล ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ไปก่อนนะไคย่า” แบคฮยอนหันมาบึนปากคาดโทษใส่ชานยอล ลาจงอิน แล้วรีบโกยอ้าวตามแฟนของตัวเองไปแทบไม่ทัน ทิ้งทั้งร้านให้เหลือไว้เพียงน้องชายเจ้าของร้านกับบาริสต้ากิตติมศักดิ์สองคน

              จงอินแม้จะยังคงงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ตัดสินใจก้มหน้าลงทำงานต่อตามประสาคนมีความรับผิดชอบต่องาน และคนตั้งใจทำตามสูตรมัดใจโคแก่

              “หูยย พิมพ์เร็วนะเนี่ย” เสียงที่ดังใกล้หูทำเอาเขาสะดุ้งก่อนจะหันไปเจอเข้ากับต้นตอของเสียงพี่ชานยอลยืนอยู่ในท่าเดียวกับที่พี่แบคฮยอนยืนก่อนหน้านี้ คือชะโงกหน้าข้ามไหล่เขามา

              แต่มันต่างกันตรงที่นี่คือ พี่ชานยอล พี่ชานยอล พี่ชานยอล พี่ชานยอล พี่ชานยอล พี่ชานยอล พี่ชานยอล พี่ชานยอล พี่ชานยอล พี่ชานยอล พี่ชานยอล พี่ชานยอล พี่ชานยอล พี่ชานยอล!!

              “เฮ้ย ไหวรึเปล่าจงอิน ทำไมสั่นแบบนี้” ยิ่งหน้าหล่อๆ นั่นเคลื่อนเข้ามาใกล้ ตาโตๆ มองมาที่เขาแบบสงสัยและคาดคั้น ยิ่งทำให้จงอินสั่นมากขึ้นไปอีก

              “คือ คือ ผมคงจะพิมพ์ติดต่อกันนานเกินไป กล้ามเนื้อมันเลยเกร็งน่ะ น่ะครับ” จงอินพยายามทำเสียงให้นิ่งและส่งยิ้มไปให้พี่ชายที่เขาหลงรัก แล้วหันไปตั้งอกตั้งใจพิมพ์งานต่อ พยายามเพิกเฉยต่อลมหายใจที่เฉียดผ่านแก้มของตน

              “พี่ว่านายหยุดทำ แล้วกลับบ้านไปได้แล้ว ที่เหลือพี่ทำเอง” พี่ชานยอลพูดแล้วยิ้มให้เขา รอยยิ้มของพี่ชานยอลนั้นมีเสน่ห์ มันทำให้คนที่ได้มองอบอุ่นทุกครั้ง จงอินคิดแบบนั้น

     

              “นีนี่ ต้องรุกบ้างนะ ไม่งั้นจะโดนชะนีไม่ก็วงศ์วานอื่นคาบไปกิน พี่ขอเตือน”

              “อะไรจืดๆ กินนานๆ มันก็เบื่อนะคะคิมไค ถ้าเป็นหญ้ามันจืดไป หนูต้องลองเป็นอ้อยบ้างในบางสถานการณ์นะคะ พี่โคจะได้อร่อยลิ้นกรุบกริบค่ะ”

              “ตาหวานๆ ยิ้มหวานๆ เราทำได้เองฟรีๆ ไม่ต้องหาซื้อนะจ๊ะ ความอ้อยมันมีอยู่ในหญ้าทุกคนค่ะหนู

              “ช้อนตามองเค้าบ้าง ทำท่าเขินอาย มารยานิดนึง แตะเนื้อแตะตัวหน่อยๆ บอกเลยว่าโอเคค่ะลูกขา ไม่เกินงาม”

     

              ในหัวของจงอินมีคลื่นแทรกเป็นเสียงน่ารักๆ ของจงแด กับเสียงดัดแหลมมหาประลัยของเจ๊เทาตีกันอยู่

              “ไม่หรอกครับ ผมเต็มใจ ผมอยากช่วยพี่ชานยอล” จงอินกลั้นใจอยู่นานก่อนจะค่อยๆ ช้อนตามองคนเป็นพี่ช้าๆ แล้วเอ่ยประโยคนี้ออกมาพร้อมกับรอยยิ้มหวาน (ที่เขาฝึกยิ้มหน้ากระจกทุกวัน)

              “อ่า…” พี่ชานยอลนิ่งไปแบบนี้คือได้ผลรึเปล่านะ

              “ยังไงก็ขอให้ผมได้ทำให้เสร็จนะครับ ผมตั้งใจจะช่วยพี่ชานยอลจริงๆ” มือของเขาสั่นเล็กน้อยขณะที่ยกขึ้นจับบนลำแขนของชานยอลแล้วเขย่ามันไปมา

              “นะครับพี่ชานยอล” จงอินพยายามมองคนที่แก่วัยกว่าด้วยสายตาที่คิดว่าอ้อนที่สุด พร้อมกับออกแรงเขย่าแขนอีกนิดหน่อย

              “อ่า เอางั้นก็ได้ๆงั้นพี่ฝากพิสูจน์อักษรแล้วก็ฝากอ่านรายละเอียดกิจกรรมด้วยเลยแล้วกันนะ ว่าโอเครึเปล่า” ชานยอลตอบยิ้มๆ ก่อนจะขยับตัวมาชิดขึ้นก่อนจะยกมือขึ้นโอบบ่าจงอินที่นั่งอยู่แล้วเลื่อนมือไปยีหัวคนเป็นน้องอย่างเอ็นดู

              จงอินรู้สึกคุ้มค่าเป็นอย่างมาก…  แต่ตัดจบเถอะสำหรับวันนี้

              คิมจงอินไม่ไหวไม่ทนแล้ว!

     พี่ชานยอลตัวหอมจัง T/////////////T

     

             

     

     

             


    mr.may

    มาอัพอย่างไวเลย มีกำลังใจม๊ากมากกก > <

    ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ ดีใจที่รีดเดอร์ชอบกัน

    ตอนนี้นีนี่นางแอบรุกนิดนึง จากคำเสี้ยมของสองนางพญา 555

    มาเดากันว่าพี่ชานจะโดนแอคแทครึเปล่า คึคึ

    ส่วนรีดหลายๆ คนที่ถามถึงคู่อื่นๆ

    เมย์ขอออกตัวเลยว่า มีสเปแน่นอนค่ะทุกคู่ที่จั่วหัวไว้

    (สนองตัณหาตัวเองแท้ๆ 5555)

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ติชมได้เลยนะคะ

    เมย์จะพัฒนาต่อไปค่า #ฟิคโคแก่




    ☆Holder`
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×