คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : หมอนวด5
หมอนวดเบอร์ 5
“เฮ้อ…ทำไมเด็กหน้าตาน่ารักอย่างนายถึงได้มีชีวิตที่น่าสงสารแบบนี้ล่ะโด้” แบคพูดออกมาอย่างเห็นใจ มองคนที่นั่งสะอึกสะอื้นอยู่
“แล้วทีนี้จะเอาไง” อี้ถามบ้าง เพราะพี่ๆสองคนยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปนอนที่บ้านใครดี พี่ลู่ก็อยู่กับพี่ชายส่วนพี่หมินนี่ไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่ามีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วจะให้ไปค้างด้วยนี่คงไม่ได้ เกรงใจเพราะนั่นมันบ้านของพี่เฉินเขา
“มองแบบนี้หมายความว่าไง?” แบคถามเริ่มเห็นเค้าลางแปลกๆเคลื่อนใกล้เข้ามาทุกที
“คืนเดียวนะแบค นะอี้นะ” พี่ลู่จับมือน้องชายทั้งสองมากุมไว้แนบอกพลางส่งสายตาหวานเยิ้ม
“เชี่ยน้องฮุนครับ กวางน้อยมึงแตะอั๋งเด็กพี่ครับ” พี่ชานจิกไหล่ฮุนที่นั่งอยู่ข้างๆเมื่อเห็นว่าลู่คนงามเอามือนุ่มๆ(แกเคยสัมผัสแล้วหรอถึงบอกว่านุ่ม=_=?)ของแบคไปกุมไว้ไหนจะสายตาหวานปานน้ำตาลผสมน้ำอ้อยนั่นอีก
“โอ๊ยพี่ครับ เห็นแล้วครับจิกทำไม กูเจ็บ!” สองคนที่ทะเลาะกันไปมาทำให้พี่มาร์คกับพี่เจที่นอนเปลอยู่ใกล้หันไปมอง
“มึงไปหวงไปหึงกันไกลๆครับน้องครับ กูหนวกหูครับ” ไม่แค่พูดพี่มาร์คยังยันก้นงามๆของฮุนไปอีกที
ก็แค่ลูกเจ้าของวินครับยังไม่ใช่เจ้าของวิน…
“เดี๋ยวพี่สองคนไปนอนด้วยก็ได้” พี่ลู่ต่อรอง คนที่คิดว่าตัวเองเป็นภาระก็หน้าเสียเล็กน้อย
“ผมไปหาที่นอนเองก็ได้ครับ พวกพี่จะได้ไม่ลำบาก”
“ไม่ได้!!!” ทั้งสี่ร้องห้ามเป็นเสียงเดียวกัน
“เกิดนายไปเจอพ่อแล้วเขาจับนายไปขายอีกจะทำยังไง” แบคเอ่ยคาดการณ์
“พี่ไม่ยอมให้นายตกลงไปอยู่ในวงจรอุบาทว์นั่นหรอกนะ” อี้เสริมทัพแรก
“ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกโด้ อย่าคิดมากสิ” พี่ลู่พูดเสริมทัพสอง
“ถ้าเฮียโจ๊กรู้ว่าพวกเราปล่อยนายไปมีหวังตกงานแน่ๆ” และพี่หมินเป็นคนพูดปิดท้าย
เห็นพี่ๆเกี่ยงกันไปมาเขาก็นึกละอายใจขึ้นมาบ้างแล้ว ตัวเองเป็นใครก็ไม่รู้มาลำบากคนอื่นเขาแท้ๆ
สุดท้ายแล้วก็คือทั้งห้าคนอพยพ(?)ไปที่ห้องของอี้และแบค ซึ่งกว่าพี่เฉินจะปล่อยให้พี่หมินมานอนกับเพื่อนกับน้องๆได้นี่ก็แทบจะงอนกัน ก็คนเป็นแฟนกันเคยนอนใกล้กันทุกคืนพอห่างกันก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา
“พรุ่งนี้จะกลับจากบ้านเฮียก็โทรบอกนะเดี๋ยวพี่ไปรับ” พี่เฉินที่คร่อมมอ’ไซด์คันเก่งอยู่บอกคนรักที่เพิ่งลงจากรถ หมินพยักหน้ารับแล้วส่งหมวกกันน็อคคืนให้
“ขี่รถดีๆถึงแล้วโทรมา” ทำมือเป็นสัญลักษณ์โทรศัพท์บอก ยืนส่งจนฟีโน่สีดำเคลื่อนออกไปจากหน้าอพาร์ทเม้นท์แล้วจึงเดินตามเจ้าของห้องไป
“ห้องรกหน่อยนะไม่ค่อยมีเวลาทำน่ะ” อี้บอกหลังจากที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง ไฟนีออนหลอดยาวในห้องสว่างขึ้น
ห้องของแบคกับอี้เป็นห้องที่ไม่ใหญ่มากอยู่สองคนกำลังดีด้านขวามือของประตูเป็นห้องครัวถัดไปหน่อยเป็นห้องน้ำส่วนด้านซ้ายก็เป็นระเบียงซึ่งแบคก็เนรมิตให้มันเป็นที่ตากผ้าและปลูกต้นไม้เล็กและกระบองเพชรไปโดยปริยายโดยมีตาข่ายสีเขียวเข้มมากางกั้นเพื่อไม่ให้นกมันบินเข้ามาทิ้งสิ่งสกปรกในห้อง
เตียงขนาดหกฟุตตั้งหราอยู่กลางห้อง เฟอร์นิเจอร์ก็มีทั้งทีวี ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า โซฟาหนังราคาถูกสีครีมพร้อมโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆวางไว้ให้ ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งนี่อี้แบคหารเงินกันซื้อเอง
“โด้เดี๋ยวใส่ชุดพี่นะ ตัวเราไม่ต่างกันมาก” แบคเดินไปหยิบชุดนอนของตัวเองมาให้เด็กตาโตที่นั่งแหมะอยู่ที่พื้นบริเวณปลายเตียง คนตาโตยกมือไหว้ขอบคุณจากนั้นเจ้าของก็บอกให้ไปอาบน้ำเป็นคนแรก
“พี่รู้ว่าเรายังไม่ไว้ใจอะไรน้องมันนะ พี่ก็เหมือนกันแต่ทำตัวให้เป็นปกติเข้าไว้โด้น่าสงสารมากนะ” พี่ใหญ่อย่างพี่หมินบอกอย่างเข้าใจความรู้สึกเจ้าของห้อง
เพียงแค่นั้นทั้งสี่ก็ไม่พูดเรื่องโด้อีก ทำทุกอย่างให้มันเป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้น้องเล็กอึดอัด พื้นที่บนเตียงในคืนนี้อี้และแบคยกให้พี่หมินและพี่ลู่ โซฟายกให้โด้ส่วนตัวสองคนนั้นเสียสละนอนที่พื้นเอง แต่พี่หมินปฏิเสธที่จะนอนบนเตียงและให้น้องเล็กอย่างโด้ไปนอนกับพี่ลู่สลับกัน ให้เหตุผลว่าน้องเหนื่อยมาทั้งวันควรจะนอนที่สบายๆ
โด้นั้นหลับไปแล้วเพราะความเหนื่อยและเพลียจากที่ตากแดดและร้องไห้มาอย่างหนักเหลือเพียงพี่ๆที่ย้ายตัวเองมานั่งสลอนบนผ้าปูที่เป็นที่นอนของอี้แบคหน้าทีวีเปิดรายการเพลงเกาหลีดู
“หูยเนี่ยยย อิวงนี้มีแต่คนหล่อๆอ่ะพี่ โดยเฉพาะเมนแร็พนะ” แบคชี้จอยี่สิบเอ็ดนิ้วให้ทุกคนดูใบหน้าหวานออกแนวเพ้อฝัน
“อ๋อใช่! หน้าโคตรอินเตอร์อ่ะ ติดที่ว่ามีเงิงแต่หล่อโอเคให้ผ่านได้!” อี้โม้บ้างตัวเองก็ชอบวงนี้เหมือนกันไง
“เงิงอะไรกันอี้ นี่เราพูดถึงคนเดียวกันป่ะแร็พที่แบคหมายถึงคนนี้ต่างหางเนี่ยๆๆหูกางๆขาโก่งๆเนี่ย”แบคไม่ยอมน้อยหน้าขยับเข้าไปใกล้จอแล้วชี้ให้เพื่อนดู
“คนที่อี้ชอบก็แร็พนะหล่อด้วย”
“ของแบคหล่อกว่า”
“มันก็หล่อทุกคนป่าววะอี้ แบค”
“เออหล่อทุกคน อีกอย่างวงนี้มันมีเมนแร็พมากกว่าสองคนนี่ ไอ้นั่นๆ ไอ้หัวสีๆก็แร็พได้ ไอ้ตัวดำๆก็แร็พได้” พี่ลู่ชี้บ้างไม่อยากจะคุยว่าเขาก็ติ่งเกาหลีไม่แพ้น้องสองคนนี้หรอก
“แต่ฉันชอบเมนร้องนะ เสียงหวานฟังแล้วเคลิ้ม” พี่หมินทำหน้าเคลิ้มตามที่ตัวเองพูด จนคนที่นั่งอยู่เบ้หน้าอย่างหมั่นใส้
และกว่าที่รายการจะจบก็ปาไปตีสองกว่าๆแล้ว พี่ลู่เป็นคนแรกที่คลานขึ้นเตียงไปนอนพอหัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับปั๊บไม่ต่างจากคนที่เหลือ ดีนะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของพวกเขาไม่งั้นตื่นบ่ายตอกบัตรไม่ทันแน่
คนนอนก่อนย่อมตื่นก่อนแน่นอน โด้ตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงหันมองไปรอบๆตัวก็พบพี่ๆนอนหลับสบายอยู่ เท้าเล็กเหยียบลงที่พื้นพยายามทำเสียงเบาที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนการนอน พัดลมตัวใหญ่ถูกกดปุ่มให้มันส่ายเพราะห้องนี้ไม่มีแอร์ค่อนข้างร้อนพี่แบคนี่ถีบผ้าห่มออกไปแล้ว
คนตัวเล็กไม่มีอะไรทำเลยเดินเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นออกเพื่อหาน้ำดื่ม เดินไปที่อ่างล้างจานก็มีภาชนะที่ยังไม่ได้ล้างวางอยู่เลยจัดการล้างมันซะเลย โบราณว่าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย…
“ตื่นแล้วหรอ” สะดุ้งเพราะเสียงทัก ก็นะยืนอยู่คนเดียวเงียบๆ
“ครับ ผมเสียงดังทำพี่ตื่นหรือเปล่า” ถามอย่างเกรงใจเมื่อกี๊เผลอทำจานลื่นจนเกือบหลุดมือด้วย
“ไม่หรอก แล้วนี่ทำอะไร” พี่อี้เดินเข้ามาดูใกล้พอเห็นน้องมาล้างจานที่ตัวเองกินทิ้งไว้ก็ร้องห้ามว่าไม่ต้องทำเดี๋ยวเขาจัดการเองแต่น้องมันก็ยังคะยั้นคะยอขอทำให้ได้ อี้เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
“เดี๋ยวพี่เลือกชุดให้นะ ใส่ของพี่แล้วกันแบคยังไม่ตื่น” ว่าแล้วก็เปิดตู้เสื้อผ้าหลังเดียวกับของแบคแล้วหยิบเสื้อที่ไม่ได้ใส่นานแล้ว อย่างฮู้ดแขนสั้นสีเทาพอดีตัวเขาแต่มันอาจจะใหญ่สำหรับโด้กับกางเกงยีนส์สีซีดของแบคที่บังเอิญซื้อมาผิดไซส์และเจ้าตัวบอกว่าจะเอาไปขายมือสองให้เพื่อนที่ทำงาน
“มันไม่ใช่เสื้อเก่าอะไรหรอกนะ เพียงแต่พี่ใส่ไม่ได้แล้วเท่านั้นเองพี่ยกให้” อี้บอกอย่างใจดีแล้วผละออกมาเพื่อให้น้องเข้าไปจัดการตัวเอง เขานั้นไม่รีบอาบหรอก อย่างที่บอกนี่มันวันหยุดจะเน่าอยู่ในชุดนอนแบบนี้ก็ไม่มีใครว่า…
เวลาเที่ยงกว่าๆ ลู่ หมินและโด้ก็เคลื่อนย้ายตัวเองออกจากห้องของน้องเพราะต้องพาเด็กไปที่บ้านของเฮียโจ๊กที่โทรมาบอกว่าเข้าไปได้แล้ว เดี๋ยวหลังจากคุยธุระเสร็จทั้งสี่คนก็นัดล่วงหน้ากันว่าจะไปกินส้มตำไก่ทอดเจ้าอร่อยกัน
“อี้ๆ แบคอยากกินลาบ” น้องแบคเขย่าแขนเพื่อนรักพลางชี้เมนูในใบรายการของร้าน
“อยากกินก็จดสิครับมาบอกอี้จะให้อี้ไปทำมาถวายรึไง?” อี้ตอบกลับสายตายังคงไล่ดูเมนูรอพี่ๆและน้องโด้ที่โทรนัดมาทานส้มตำไก่ย่างร้านพี่ไค
เวลาผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีอาหารทุกอย่างที่สั่งไว้ก็ถูกทยอยนำมาจัดวางบนโต๊ะ พอดีกับที่สามหนุ่มหน้าหวานเดินเข้ามาในร้านส้มตำ
“ไม่มีร้านอื่นนัดกันแล้วหรอ? จะฝนตกฟ้าถล่มเวลาอยากกินส้มตำก็มาแต่ร้านนี้” พี่หมินเอ่ยปากบ่นแต่ก็เป็นคนลงมือจับส้อมตักตำปูเป็นคนแรก
“แถวนี้ก็มีแค่ร้านพี่ไคนี่แหละอร่อยสุดละ ไปร้านอื่นไม่ถูกปากว่ะ” พี่ลู่ให้ความเห็นพลางหยิบจานใบเล็กและช้อนส้อมส่งให้น้องโด้
“ไปหาเฮียเป็นไงบ้างฮะพี่?” พอเริ่มลงมือทานกันได้สักพักอี้ก็เปิดประเด็นพูดคุยถึงเรื่องก่อนหน้าจะกลับมาเจอกัน
“ก็โอเค ซ้อเขาให้โด้ไปอยู่ช่วยงานที่บ้านได้ แต่กว่าจะยอมให้มานี่รู้สึกเฮียโจ๊กจะโดนไปหลายตบแก้มนี่ช้ำเชียว” ลู่เป็นฝ่ายตอบน้อง
น้องโด้ได้แต่นั่งทานอยู่เงียบๆอย่างเจียมตัวทานเผ็ดไม่ได้ก็ไม่คิดปริปากพูดเพราะไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระมากกว่านี้ และดูเหมือนพี่ไคเจ้าของร้านจะเห็นว่าลูกค้าตัวเล็กไม่มีความสุขในการทานส้มตำร้านตนจึงหันไปสั่งเด็กตำส้มตำให้ใหม่แล้วเป็นคนนำมาเสิร์ฟเองกับมือ
“พี่ไคเราไม่ได้สั่งเพิ่มนะฮะ” น้องแบคเอ่ยท้วงทันทีที่เห็นจานตำไทยสีจืดชืดวางอยู่ตรงหน้าโด้
“จานนี้พี่เลี้ยงน้องเขาเอง ดูหน้าแล้วเหมือนจะกินเผ็ดไม่ได้เลยสั่งเด็กทำให้ใหม่” พี่ไคตอบพลางมองหน้าน้องโด้ที่แดงก่ำเหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก
“อ่า...ทำไมโด้ไม่บอกพี่ล่ะจะได้สั่งให้พิเศษ” อี้ที่เพิ่งสังเกตน้องพูดขึ้นอย่างรู้สึกไม่ค่อยดีที่ไม่ได้เทคแคร์โด้เท่าไหร่
“มะ..ไม่เป็นไรฮะพี่ ผมไม่อยากทำให้พวกพี่ยุ่งยากผมทานได้” โด้รีบโบกมือไปมาบอกว่าตนไม่เป็นอะไรจริงๆก่อนหันไปมองพ่อค้าใจดีที่อุตส่าห์ให้ส้มตำฟรี “ขอบคุณที่เลี้ยงนะฮะ”
จบเรื่องจุกจิกสาวๆ(?)ทั้งห้าก็ทานกันไปพูดคุยกันไปอย่างออกรส เรื่องส่วนใหญ่ที่คุยก็หนีไม่พ้นพวกฮยองเกาหลีที่ต่างก็มีความชื่นชอบเหมือนกัน ถึงบางคนจะชอบมากกว่าสองวงพวกเขาก็แชร์เรื่องในวงนั้นๆมาพูดคุยกันเพื่อสร้างสีสรร
“ป๊าคริสจะกินไก่ย่างร้านเฮียไค อ๊ะ! น้องอี้!!” เสียงร้องเรียกทำเอาเจ้าของชื่อต้องหันมองต้นเสียง ก่อนจะสำลักเส้นมะละกอที่เพิ่งกินเข้าไปเมื่อรู้ว่าใครเอ่ยเรียก
“แค่กๆ น่ะ...แค่กๆๆ” อี้ไอหน้าแดงก่ำพลางรีบคว้าหยิบแก้วน้ำมาดื่มลดอาการแสบคอ
ให้พูดจริงๆก็ดีใจนะที่วันนี้ได้เจอเฮียอู๋กับน้องคริสอีก แต่มาเจอกันในร้านส้มตำกับสภาพนั่งจกกันแบบนี้น้องอี้ทำตัวไม่ถูกเลยนะ
“พี่ไคมีเพลงมนต์รักส้มตำมั้ย? อยู่ๆก็อยากฟังขึ้นมา” แบคพูดแซวเพื่อนที่อายสองพ่อลูกนั่นจนต้องมาซบไหล่ของเขา
“อย่าแกล้งกันดิแบคอ่ะ” อี้เอ่ยค้อนๆก่อนตั้งสติแล้วหันกลับไปมองเฮียอู๋กับน้องคริสที่เดินเข้ามาถึงโต๊ะพอดี
“ป๊าๆ คริสอยากนั่งกินข้าวกับน้องอี้” เด็กหน้าหล่อเขย่ามือพ่ออย่างอ้อนขอ
“พี่เขามากับเพื่อนอย่ารบกวนเขาสิลูก เราแยกโต๊ะเถอะคริสเดี๋ยวพวกพี่ชานพี่เทาก็มานั่งด้วย” เฮียอู๋พูดอธิบายให้ลูกคิดคล้อยตาม
“ป๊าอ่ะ” พอไม่ได้ดั่งใจว่าที่เจ้าของร้านก็หน้าเบะใส่ทันที
“อ่า...ไม่รบกวนหรอกครับเฮีย นั่งด้วยกันเยอะๆก็สนุกดีเนอะๆ” พี่ใหญ่สุดในกลุ่มเอ่ยพูดช่วยเด็กด้วยความสงสาร ซึ่งคนในโต๊ะก็พยักหน้าเออออด้วยโดยเฉพาะน้องอี้ที่อยากให้เฮียอู๋ร่วมโต๊ะด้วยแต่ไม่กล้าพอที่จะออกตัว
พอตกลงกันได้จากโต๊ะเดียวที่นั่งได้ห้าคนก็ถูกต่อเติมเพิ่มอีกหนึ่งโต๊ะเพื่อคนทั้งสองและอีกสองคนที่ตามมาสมทบทีหลัง อาหารถูกเพิ่มจำนวนอีกหนึ่งชุดใหญ่เสียงพูดคุยหยอกล้อระหว่างทานข้าวของอี้กับคริสดังให้ได้ยินเป็นระยะ เฮียอู๋หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงเพื่อต่อสายหาลูกน้องที่ยังไม่มาถึงที่นัดหมายพลางลอบมองหมอนวดหนุ่มกับลูกชายที่พูดคุยกันอยู่ข้างๆเขา
“เหมือนนั่งดูพ่อแม่ลูกเขามากินข้าวกันเลย” ลู่แอบกระซิบพูดคุยกับหมินและแบคที่มองคนทั้งสามอยู่เช่นกัน
“ความฝันของอี้เลยนะนั่น ถ้าเป็นจริงนี่คงฟินไม่ใช่น้อย” น้องแบคเอ่ยเป็นลูกคู่ให้พี่ลู่
“วางแผนมอมเหล้าส่งเข้าหอเลยดีมะ?” พี่หมินเสนอความคิด
แต่แผนนี้เหมือนมันจะคุ้นๆหูลู่อย่นะ?
“มันใช่แผนเดียวกันกับที่นายจับพี่เฉินป่ะหมิน?” ลู่ย้อนถามเหมือนจะจำได้แต่ก็ไม่เชิง
“อะไร ฉันเปล่ามอมเหล้าพี่เฉินอย่าใส่ร้ายดิ” หมินปฏิเสธข้อกล่าวหา แล้วแกล้งหันไปพูดคุยกับน้องโด้ที่นั่งเงียบเหมือนไม่มีตัวตนในกลุ่ม
“เฮ้ย...พี่หมินมอมพี่เฉินจริงดิพี่?” แบคกระซิบถามอย่างแปลกใจกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้ยิน
“เห็นนางหนิมๆแต่จริงๆไม่ใสนะบอกได้แค่นี้แหละ” ลู่ยกแก้วน้ำขึ้นมาถือก่อนกระซิบตอบแล้วตีเนียนดื่มน้ำเหมือนไม่ได้พูดอะไรกับน้อง
คนน่ารักแบบพี่หมินเนี่ยนะ?
“พี่คริสปากเลอะอ่ะ” คนอยู่นอกวงสนทนาเมื่อครู่เอ่ยพูดกับเด็กที่นั่งอยู่ข้างๆ พลางหยิบทิชชูในกล่องมาเช็ดคราสซอสที่มุมปากให้คริส
“ปากอี้ก็เลอะ” มือเล็กๆเอื้อมแตะมุมปากคนหน้าสวยแล้วลูบเช็ดเบาๆ
ความจริงมีอยู่ว่า....คริสแค่หลอกแต๊ะอั๋งอี้
“ลูกเฮียแม่งเจ้าเล่ห์ว่ะ” ชานที่เข้ามาทันได้เห็นฉากสวีทของเด็กหกขวบกับคนสวยวัยยี่สิบเอ่ยแซวผ่านคนเป็นพ่อ
“เฮียน่าจะเรียนวิชาหลอกจับกระต่ายกับลูกนะ” เทาพูดสมทบก่อนนั่งเก้าอี้ๆข้างๆชาน
เฮียอู๋ปรายตามองสองลูกน้องปากดีแล้วหันมองลูกชายที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างสนุกกับมุขเด็กๆที่อีกคนเล่าให้ฟัง แล้วเกิดความรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับร่างโปร่งที่ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไงถึงเฮียอู๋จะไม่ได้อคติกับคนที่ทำอาชีพนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะอยากร่วมพูดคุย
แต่กับหมอนวดที่ชื่ออี้ทำให้เขามีความรู้สึกที่ต่างออกไป...
มือน้อยๆทั้งสองข้างของพี่คริสนี่ไม่ว่างเลยซ้ายกำน่องไก่ขวากำข้าวเหนียวที่น้องอี้ปั้นให้กับมือดุเหมือนว่าอาหารมื้อนี้จะทำให้พี่คริสมีความสุขเหลือเกิน
“คริสนั่งดีๆสิลูกไปเบียดพี่เขาทำไม” เฮียอู๋ดึงตัวลูกชายที่เอนไปซบไปเบียดแขนของอี้ทั้งที่ปากยังเคี้ยวอาหารแจ๊บๆ
“เค้าก็อยากสวีทกะแฟนเค้าบ้างอ่ะป๊า” คริสตอบเสียงฉะฉานทำเอาพี่ชานกับพี่เทาแท็กมือกันซะเสียงดังลั่นโต๊ะ
“อะไรของเอ็งสองคนนี้” เฮียอู๋ปรายตามองอย่างไม่ไว้ใจ ไม่ใช่ว่าไอ้สองคนนี้แอบสอนอะไรที่ไม่เหมาะสมกับวัยลูกชายเขาหรอกนะ
“เปล่าเฮีย น้องแบคครับเอาข้าวเหนียวเพิ่มไหม” พี่ชานทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วหันไปถามน้องแบคเพื่อเปลี่ยนประเด็น
“ไม่ล่ะแบคอิ่มแล้ว พี่เทาแบคขอเหยือกน้ำหน่อย” ชี้ไปที่เหยือกน้ำสีชมพูที่วางอยู่ใกล้ๆพี่เทา
“นี่ครับ” และคนที่ส่งให้ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ชาน นี่ลงทุนยืนแขนตัดหน้าพี่เทาในระหว่างที่กำลังตักลาบเข้าปากเลยนะ และมันก็ส่งผลให้ลาบหมูสุดแซ่บหกเลอะกางเกงยีนส์ริมแดงของเจ้าตัวเขาล่ะ
“ไอ้เวร…”
“พี่เทาน้องนั่งอยู่อย่าพูดไม่เพราะสิ” อี้ท้วงเพราะเห็นว่าพี่เทาสบถคำหยาบออกมา ให้ตายสิน้องคริสก็นั่งอยู่พูดออกมาได้ไงเดี๋ยวน้องก็จำไปใช้
“โอ๊ย อี้ครับหยาบกว่านี้พี่ก็พูดต่อหน้าคริสมาแล้ว” บ่อยเลยล่ะที่เขากับเพื่อนชานด่ากันหยาบคายรุนแรงให้น้องคริสเห็นน้องอี้ก็ซีเรียสไปได้
“ทีหลังก็ระวังสิ น้องจะจำไปพูดนะเดี๋ยวต่อไปถ้าน้องติดคำพูดพี่ๆมากแล้วเอาไปพูดกับเพื่อนทำไง” หน้าง้ำบอก
“ไม่หรอกพี่ก็บอกน้องอยู่ว่าที่พี่ทำมันไม่ดี”
“งั้นพี่ก็จะไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าน้องแทนตัวเองว่ากูและเรียกพี่ว่ามึง?” น้องแบคว่าจ้องหน้าพี่ชานกับพี่เทาสลับกัน
สองหนุ่มก็แดกจุดไปสิครับหลังจบประโยคของน้องแบคเฮียอู๋ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าหมอนวดหน้าหวานคนนี้สวนลูกจ้างเขาชนิดที่ว่าไปต่อไม่เป็นแล้วก็ไม่ลืมปรายตาไปมองคนที่พร่ำสอนลูกชายตัวเองว่าอย่าไปพูดไม่เพราะเหมือนพี่เทาพี่ชานเพราะมันไม่น่ารัก
“ว่าที่แฟนมึงนี่ไม่ธรรมดาเลยนะไอ้ชาน” พี่เทากระซิบกับเพื่อนสองคน
“งี้แหล่ะสเปคกู”
จ้าๆๆ กูจะรอดูวันที่สเปคมึงปราบมึงก็แล้วกันกูว่ามันต้องมีซักวันแหล่ะ!
“ไคๆ” พี่ลู่เรียกเจ้าของร้านที่กำลังเดินผ่านโต๊ะหลังจากที่จดออร์เดอร์ลูกค้าโต๊ะข้างๆเสร็จ
“ครับพี่”
“เดี๋ยวเช็คบิลเลยนะ แล้วก็พี่ขอปีกไก่ทอดสามสิบบาทสามชุด” พี่หมินว่ามือควักกระเป๋าตังค์ออกมาวางบนโต๊ะเพื่อเตรียมจ่าย
“อ่าครับ”
“คิดหมดนี่เลยนะไค มื้อนี้เฮียเลี้ยงเองนะ” บอกกับเจ้าของร้านแล้วบอกเด็กๆร่วมโต๊ะ
“ไม่ต้องเฮียคิดแยกไปเลย กินกันไปเยอะอยู่นาเกรงใจอ่ะ” ลู่ว่า เพราะเท่าที่ดูพวกเขาห้าคนกินกันไปเยอะเหมือนกัน
“ใช่ฮะ เกรงเฮียเปล่าๆพวกอี้กินเยอะกันจะตาย” หมอนวดตัวขาวพูดด้วยท่าทีที่บอกว่าเกรงใจจริงๆ
“ให้ป๊าจ่ายแหล่ะอี้ ป๊าพี่คริสรวย” พี่คริสพูดหลังจากดื่มน้ำเสร็จยิ้มหวานให้น้องอี้
สรุปก็คือเอียอู๋เป็นคนจ่ายค่าอาหารทั้งหมดที่พวกเขากินกันตามที่ตั้งใจไว้ไม่แค่นั้นยังใจดีสั่งไก่ทอดให้ทุกคนเอากลับไปทานที่บ้านอีกคนละชุดเว้นก็แต่อี้กับแบคที่อยู่ด้วยกันเลยขอแค่ชุดเดียวพอส่วนพี่ชานกับพี่เทาไม่นับถือว่าทำโทษที่พูดคำหยาบให้ลูกชายเขาได้ยิน
“น้องอี้พี่คริสกับแล้วนะต้องไปท่อง A B C ต่อ” เด็กน้อยกระตุกมือคนรัก(?)เพื่อบอกลา
“ครับพี่คริส ตั้งใจอ่านนะ” อี้ย่อตัวลงนั่งให้เท่ากับคริสแล้วยิ้มบอกท่ามกลางสายตาของคนเป็นพ่อที่ยืนจับมืออยู่อีกข้าง
“ไม่ยักรู้ว่านี่เป็นชุดอยู่บ่นของเธอ” พออี้ลุกขึ้นเฮียอู๋ก็เป็นฝ่ายทักจริงก็เห็นตั้งแต่เดินเข้าร้านมาแล้วล่ะ
“อ่า >///<” อี้ยกมือลูบท้ายทอยแก้เขิน ก็นะมันก็ต้องเขินต้องอายเป็นธรรมดาเมื่อได้เจอผู้ชายในฝันทั้งๆที่ตัวเองอยู่ในชุดนอนย้วยๆแบบนี้
“ขอโทษเฮียด้วยนะครับที่แต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่”
“ไม่เป็นไร ฉันชอบคนที่เป็นตัวของตัวเองดี” พูดจบก็ก้มลงบอกลูกชายให้ออกเดินไปที่รถมอ’ไซด์ที่จอดไว้โดยทิ้งใครอีกคนให้ยืนนิ่งกับคำพูดของตัวเองไว้
ฉันชอบคนที่เป็นตัวของตัวเองดี
ฉันชอบ
ฉัน….ชอบ
ชอบ
ชอบ
“อี้!!!”
“ห๊ะ!?”
“เป็นอะไรยืนนิ่งยังกะถูกสตาฟแล้วนี่หน้าแดง ไม่สบายป่าว?” แบคเห็นว่าเพื่อนยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนทั้งๆที่เรียกตั้งหลายครั้งก็ไม่หันซักทีเลยเดินเข้ามาสกิดและเรียกเสียดังพอมองหน้าก็เห็นว่าใบหน้าของเพื่อนแดงจัดยังกะลูกตำลึง
“แบค~~~”
“อะ…อะไร” แบครับคำเพื่อนที่เรียกตัวเองเสียงหวาน นอกจากอี้จะไม่ตอบแล้วยังบิดตัวไปมาสองทีแล้ววิ่งข้ามถนนไปฝั่งนู้นปล่อยให้แบคยืนงง
“แบคให้พี่ไปส่งป่าว” พี่ชานขี่ซูเมอร์เอ็กซ์มาจอดเทียบน้องแบค
“ไม่เป็นไร อี้เอารถมาจอดอยู่ฝั่งนู้น” นิ้วเรียวชี้ไปอีกฝั่งที่ตอนนี้อี้ถอยรถของตัวเองออกมาแล้ว
“อ๋อ เอ่อ…”
“หืม?”
“ชุดนอนแบคน่ารักจัง” พี่ชานพูดยิ้มๆ คนอะไรก็ไม่รู้ขนาดอยู่ในชุดนอนยังน่ารักเลย หน้าสดด้วยหน้าใส๊ใส
“น่ารักอ่อ เอาป่าวขายต่อพรีฯมาสามร้อยนี่เห็นว่ากันเองเอาสองร้อยพอ”
“พี่ก็อยากได้นะถ้ามันไม่ใช่ลายคิตตี้”
“คิตตี้น่ารักออก นายไม่ชอบหรอ?” ไม่มีซะล่ะที่จะเรียกพี่
“ก็…ไม่ค่อยอ่ะครับ”
“ว๊า…เสียดายจัง” น้องแบคกอดอกใบหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกที่พูดมา
“เสียดาย?”
“นายจีบฉันอยู่นี่ แต่กลับมาบอกว่าไม่ชอบในสิ่งที่ฉันชอบแบบนี้ก็คะแนนตกแล้วล่ะ” พูดแล้วเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากไม่ให้อีกคนเห็น
ขอดูหน่อยสิว่าแบคพูดขนาดนี้แล้วพี่ชานจะทำยังไงต่อไป…
----------------------------------------------------------------------------
ขอให้สนุกกับการอ่านนะค่าบบบ-w-
ความคิดเห็น