คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [SF] jealous [YutoYama Ft.KoyaShige]
[SF] jealous
Nakajima Yuto x Yamada Ryosuke Ft.Koyama keiichiro x Kato Shigeaki
ผมเป็นคนขี้หวงและผมคิดว่าตัวเขาเองก็คงรู้
ผมหวงทุกๆอย่างที่เป็นของตัวเอง ผมมักชอบเอาแต่ใจ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แคร์ทุกคน
และหากถ้าอีกฝ่ายเป็นเขา
ผมก็ยอมมันเสียทุกอย่างง่ายๆโดยที่ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม
“ยามะจังวันนี้ฉันมีธุระต่อ
นายกลับก่อนได้เลยนะ”ผมหันไปพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจก่อนจะหันกลับมาเก็บของของตัวเองต่อ
หมอนั่นเดินออกไปแล้ว คนตัวสูงโย่งหน้าตาหล่อเหลาเอาการ
เขามีทุกอย่างที่ผมไม่มีและในขณะเดียวกันเขาก็ดึงดูดผมไปเสียแทบทุกเรื่อง
และทำให้ผมคิดมากเหลือเกินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ครั้งนี้ก็เป็นกี่รอบในช่วงหนึ่งเดือนมานี้แล้วไม่รู้
ที่ผมจะต้องฟังประโยคซ้ำๆของเขาอย่างมีธุระบ้างล่ะ มีเรื่องต้องทำบ้างล่ะ
ทั้งๆที่ตัวเขาน่ะเป็นคนที่ผมยอมรับและยืดอกบอกใครๆในที่สุดว่าเราคบกันอยู่ไม่ใช่รึไงล่ะ
ยิ่งพักหลังมานี้ ไอ้ธุระที่ว่านั่น ยิ่งมาบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ผมได้แต่ถามตัวเองว่า
มันคืออาการที่เขาเริ่มจะเบื่อผมรึเปล่าหรือผมทำอะไรผิดไปรึเปล่านะ?
มันจะมี3-4ครั้งต่ออาทิตย์ ที่เมื่อถึงเวลาหมดช่วงซ้อมของจัมพ์
เขาจะขอตัวไปทำธุระแทบจะทันที หมอนั่นกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
“ยา มะ จังง~”เสียงเรียกยานคางดังมาจากคนตัวเล็กของวงนั่นทำให้ผมหันไปสนใจเขาแทน
ในเวลานี้ทุกคนทยอยกลับกันไปหมดแล้วเหลือแต่เขานี่แหละทั้งที่ตอนแรกผมนึกว่าเขาจะกลับกับเคย์โตะซะอีก
“อะไร”เสียงผมมันห้วนไปรึเปล่านะ เพราะผมเห็นเขาเลิกคิ้วขึ้น
“แหม่~ ถ้าโกรธยูตตี้ล่ะก็นะ อย่ามาพาลใส่กันสิ”นั่นคือเสียงตอบกลับจากเขา
ผมมองเขายกยิ้มอย่างรู้ทันก่อนจะเดินตรงเข้าไปขยี้ผมนุ่มนั่นเสียจนยุ่งเหยิง
“โอ๊ยหมูตกมันอาละวาดล่ะ~”ยูริลากเสียงยาวกวนๆ นั่นทำให้ผมวิ่งไล่เจ้าตัวเล็กไปรอบๆห้องซ้อม
“หัวเราะแล้ว
หมูน้อยกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว เรียวสุเกะแบบนี้น่ารักกว่าเมื่อกี้ตั้งเยอะ”คนตัวเล็กหยุดฝีเท้าลงแล้วหันกลับมายิ้มให้ผม“หมู่นี้น่ะนายดูไม่สมกับเป็นนายเลยนะ
มีปัญหาอะไรกับเจ้าโย่งนั่นรึไง?”เขามองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
อา..นั่นสินะช่วงนี้ผมคงไม่ร่าเริงจนสังเกตได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?
“ไม่มีอะไรหรอกน่าอย่ากังวลไปเลย”ผมบีบจมูกเขาเบาๆ ผมไม่อยากให้ใครมาห่วงอะไรมากมาย
ผมคิดว่าผมสามารถเก็บมันไว้ได้อย่างน้อยก็คงอีกสักพักล่ะมั้ง
“มีสิ ฉันรู้นะ
คิดว่าคนอย่างจิเน็น ยูริ มีอะไรที่ไม่รู้เกี่ยวกับเรียวสุเกะงั้นเหรอ
เอาเป็นว่าวันนี้ฉันว่างมากจะไปกินเนื้อย่างกันไหมล่ะ?”เขาพูดชวนอย่างเริงร่า
ผมเอื้อมมือไปเขกหน้าผากขาวนั่นเบาๆ
“หาคนเลี้ยงข้าวน่ะสินายน่ะ”ผมย้อนถามแล้วหัวเราะ
“ว้า.. โดนจับได้ซะแล้วล่ะ~”จิเน็นก็ยังคงเป็นจิเน็นเป็นคนที่ใครๆก็โกรธไม่ลงเหมือนเคยทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งเหมือนเด็กๆ นั่นน่ะคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของคนตรงหน้าเลยทีเดียว การที่เจ้าตัวพูดออกมาแบบนี้แล้วยิ้มหวานนั่นทำให้ผมพูดปฏิเสธไม่ออก
“เฮ้อออ ไปก็ไป”ผมถอนหายใจแล้วเดินนำเขาออกไปจากห้องซ้อม
ตัวผมน่ะ เกลียดช่วงเวลาแบบนี้ชะมัด
ช่วงเวลาที่ตัวเองกำลังอ่อนแอ คิดมากเกินไปเสียจนน่ากลัว ผมควรทำอย่างไรดีนะ?
เรามาที่ร้านเนื้อย่างเจ้าประจำของผม
ผมสั่งเมนูที่ตัวเองชอบและเมนูที่ยูริชอบ
“วันนี้แปลกแฮะ
ยูริลงมือย่างเนื้อเองกับมือ”ผมทักขึ้นเมื่อคนตัวเล็กคีบเนื้อไปย่างเองโดยไม่รอผมทำให้อย่างปกติ
“ก็นายดูเศร้าอยู่นี่
ตกลงว่ามีเรื่องอะไรกันแน่หืม? ฉันเป็นห่วงนายจริงๆนะเรียวสุเกะ”คนตัวเล็กเปิดปากถามทั้งที่มือก็คีบเนื้อไปวางบนเตา
“จะล้วงความลับกันรึไง?”ผมพูดเลี่ยงๆแล้วพลิกเนื้อย่างบนเตาไปมา
“คิดว่าเรียวสุเกะปิดฉันได้จริงๆรึไง?”ยูริถามผมเสียงเรียบเละไม่ได้เงยหน้าจากเตาแม้แต่น้อย
“ขอโทษนะ..”สุดท้ายผมก็พูดคำขอโทษไปเบาๆ
“คุยกับฉันมันไม่สนิทใจขนาดนั้นเลยรึไง?”ยูริเงยหน้ามามองผมเล็กน้อย
ดวงตาคู่นั้นมีแววน้อยใจนิดๆผมอาจจะเงียบนานไปเขาเลยถอนหายใจออกมา“ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด”ยูริพูดสั้นๆก่อนจะคีบเนื้อย่างไว้บนจานตัวเอง
“หมู่นี้.. ยูโตะเปลี่ยนไปน่ะ”ผมเริ่มเอ่ยปากเล่า จะบอกยูริไปคงไม่เสียหายอะไร
“ยังไงเหรอ”คนตัวเล็กมองผมด้วยแววใคร่รู้
“ห่างเหินกันยังไงก็ไม่รู้แล้วช่วงนี้ก็มีธุระบ่อย
ซ้อมเสร็จก็รีบออกไปจากห้องซ้อมทั้งแบบนั้น”ผมพูดช้าๆพลางขมวดคิ้ว
ช่วงหลายอาทิตย์ที่ผมเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวแบบนี้ มันเริ่มจะเหนื่อยนิดๆแล้ว
“นายก็เลยเครียด?
บางทีเจ้านั่นอาจจะมีเรื่องต้องทำก็ได้
งานอดิเรกของหมอนั่นเยอะแยะจะตายไป”มือเล็กๆนั่นเอื้อมมาลูบแก้มผมเบาๆ
ความรู้สึกเหมือนกับมีหมอกเงาหนาทึบอยู่ในอกแบบนี้..
มันทำให้ผมอึดอัดจนอยากร้องไห้ หากแต่ผมก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องเข้มแข็ง
คงไม่ปล่อยให้มันไหลออกมาง่ายๆเป็นแน่
“นั่นสินะ..”ผมตอบเสียงเบา
“ระบายให้ฉันฟังได้นะเรียวสุเกะ
อย่างน้อยฉันก็เป็นเพื่อนนายอยู่ตรงนี้”ยูริพูดแล้วคีบเนื้อมาวางบนจานของผมเหมือนว่าเวลานี้ยูริเปลี่ยนเป็นคนละคน
คนน่ารักเจ้าเล่ห์หายไปตอนนี้กลายเป็นคนที่พึ่งพิงได้และสงบเยือกเย็นดูราวกับเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งเลยทีเดียว
“ฉันมันงี่เง่าเองนั่นแหละ
แค่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดรึเปล่า หรือบางทีหมอนั่นอาจจะ..รักฉันน้อยลงก็ได้..”น้ำเสียงของผมเองที่สัมผัสได้ตอนนี้มันแผ่วเบาเสียจนไม่น่าเชื่อ
“หมอนั่นน่ะ
รักนายจะตายไปเรียวสุเกะ”ยูริพูดแล้วระบายยิ้มเล็กน้อยเหมือนกำลังปลอบใจ
“...” ผมได้แต่เงียบไม่พูดอะไร
อยากจะเชื่อความรักดูสักหน่อยหากแต่ในหัวกลับกังวลเสียเองแบบนี้
ผมควรทำอย่างไรกันนะ
“ความจริงแล้วไม่ใช่นายหรอกที่งี่เง่า..
ความรักต่างหากที่เป็นแบบนั้น”ยูริพูดช้าๆในเวลานี้หมอนี่เหมือนเป็นกูรูในเรื่องประหลาดเสียจริง
บทจะจริงจังก็จริงจังเสียจนไม่น่าเชื่อ บทจะบ้าก็บ้าถึงที่สุด
“ความรักงั้นเหรอ...”ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ เพราะผมรักหมอนั่นมากสินะถึงได้เป็นแบบนี้ ยามาดะ
เรียวสุเกะในวันนี้กำลังอ่อนแอเพราะความรักเนี่ยนะ แย่ที่สุด
“อยากปลดปล่อยสักคืนไหมล่ะ?
จบเนื้อย่างไปดื่มต่อเป็นไง?”คำชวนนั่นทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้น
“หายากแฮะที่นายเป็นฝ่ายชวน”ผมพูดออกไปอย่างไม่เชื่อ
“ก็นะ
นายจะได้ลืมเรื่องแย่ๆ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็ไม่มีงานนี่”ผมไม่ได้โฟกัสว่าคนตัวเล็กรู้ตารางงานผมได้ยังไงหากแต่โฟกัสที่ความหน่วงในความรู้สึกของผมมากว่า
“นั่นสิ”ผมตอบ
“ถ้ารักมันแย่นักท่านจิเน็นคนนี้จะทำให้นายดีขึ้นเอง
คิดมากไปไม่เป็นประโยชน์ต่อนายหรอกนะเรียวสุเกะ ถ้าคิดจะมีความรักแล้วน่ะ
ก็ต้องพร้อมรับกับสิ่งที่ตามมาไม่ใช่รึไง”ยูริกลับมาเป็นเด็กน้อยร่าเริงเช่นปกติแล้วเขาพูดติดตลกพร้อมกับชูกำปั้นขึ้น
“ขอบคุณนะยูริ”ผมว่าผมเริ่มจะยิ้มออกนิดๆแล้วสิ
“ไม่เป็นไรนายเลี้ยงฉันก็พอ”ยังไม่ทันขาดคำความเท่ของยูริเมื่อกี้หายไปไหนหมดนะ
“เจ้าบ๊อง!”ผมหัวเราะแล้วเขกหน้าผากขาวๆนั่นอีกสักที
“แต่ก็น่ารักใช่ไหมล่ะ”นอกจากจะไม่สะทกสะท้านยูริยังขำและหลงตัวเองอีกต่างหาก
“ยอมแล้วน่า”ผมพูดแล้วจัดการเนื้อย่างตรงหน้า เราคุยกันในหลายๆเรื่องจนสุดท้ายมื้ออาหารก็จบลงตอนเกือบทุ่มได้
ผมกับยูริตกลงกันว่าจะไปที่สถานบันเทิงยามกลางคืนแห่งหนึ่งผมแปลกใจมากที่ยูริน่ะรู้จักร้านแบบนี้เหมือนกันนะ
แต่ก็นะ..ผมขอปลดปล่อยตัวเองจากสิ่งต่างๆสักวันแล้วกัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Yuto’s Part
ผมกำลังนั่งรอเวลาอยู่ในร้านกาแฟกึ่งร้านอาหารครอบครัวที่ค่อนข้างสงบและบรรยากาศอบอุ่น
แทบทุกโต๊ะล้วนมีมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ผมมักตื่นเต้นกับเวลานัดของเราเสมอๆ
เขาคือคนสำคัญคนหนึ่งของผมในช่วงนี้ รุ่นพี่ที่น่ารักที่ผมรอคอย
ผมเหลือบมองคนที่กำลังเดินเข้ามาในร้านเขาไม่ได้มีท่าทีรีบร้อน
สาวเท้าก้าวอย่างสม่ำเสมอ
ใบหน้าแสนมีเสน่ห์นั้นยกยิ้มเมื่อเห็นผมรออยู่ก่อนแล้วไม่ว่าจะมองจากมุมไหนคนตรงหน้าผมในยามนี้ช่างมีเสน่ห์เหลือล้นชวนมองเสียจริง
“ไง รอนานรึเปล่า”เขาทักผมด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะนั่งลงแล้วสั่งของสองสามอย่าง
“ไม่นานเลยครับรุ่นพี่คาโต้”ผมยิ้มรับเมื่อเขาหันกลับมามองผมอีกครั้ง
“วันนี้มาแปลกนะไหนบอกว่าชอบเรียกชิเงะจังมากกว่าไม่ใช่รึไง”ผมหัวเราะกับคำพูดของเขา
จริงๆคำเรียกไหนๆก็เหมาะกับคนตรงหน้าทั้งนั้นนี่ครับ บางเวลาก็เป็นนักเขียนใหญ่บางเวลาก็น่ารักราวกับกระต่ายน้อย
เป็นรุ่นพี่ที่ทำให้ไม่เบื่อเลยสักนิด
“เรียกแบบไหนก็ดีทั้งนั้นนี่ครับ
หรือจะให้เรียกว่า‘คนสวย’ดี?”ผมเอ่ยแซวพร้อมรอยยิ้มเราสนิทกันมานานหากแต่เพิ่งจะมานัดเจอกันเป็นเรื่องเป็นราวก็ช่วงนี้
ตั้งแต่ที่ผมได้รับเลือกให้เล่นบทในหนังที่มาจากปลายปากกาของรุ่นพี่ตรงหน้า
เหมือนว่าในเวลานี้เราจะสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ
“นายน่ะ
อยากได้หมัดแทนข้าวแล้วใช่ไหม”ถึงจะพูดแบบนั้นแต่รุ่นพี่คนเก่งของผมหัวเราะเขินๆอยู่ดี
คุณไม่คิดว่านี่น่ะมันน่ารักมากเลยรึไง
“เกรงใจจังเลยครับ”ผมตอบพลางหัวเราะ
“ความจริงถ้าเราเจอกันบ่อยๆแบบนี้ได้ก็ดีนะ”รุ่นพี่คนเก่งพูดพร้อมกับมองผมหากแต่ไม่นานนักเขาก็เบนสายตาออกไป
เรียกว่าเขินจะได้รึเปล่านะ แบบนี้น่ะน่ารักจนขี้โกงเกินไปแล้ว
“รุ่นพี่น่ะหมายถึงนัดเจอกันในที่แบบนี้หรือที่ต่อไปที่เราจะไปกัน?”ผมพูดแล้วยิ้มกว้างให้รุ่นพี่คนเก่ง
แกล้งทำสายตาเจ้าเล่ห์มองเขาแล้วขำในลำคอเบาๆ
“อืมม
ทั้งสองอย่างนั่นแหละ เลิกพูดแล้วกินข้าวกับฉันได้แล้วยูโตะ”ถ้าคุณได้นั่งที่ที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้
คุณจะเห็นรุ่นพี่คาโต้ ชิเงอากิที่ก้มหน้ามองจานด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อจางๆ
ผมเองก็ชอบมองที่เขาเป็นแบบนี้ น่ารักจนไม่สามารถละสายตา เสน่ห์ของคาโต้
ชิเงอะกิเป็นแบบนั้นแหละ
“คร้าบบ”ผมลากเสียงยาวตอบรับก่อนจะลงมือจัดการอาหารตรงหน้าช้าๆ
“แล้วนี่เด็กนายไม่ว่ารึไงที่ออกมากับฉัน?”คำถามนั้นทำเอาผมสะดุดกลางอากาศเล็กน้อย
“เขาไม่รู้เสียหน่อยว่าผมออกมากับใคร”ผมพูดพลางหัวเราะเบาๆ เพราะผมมักจะบอกเขาเสมอว่าออกมาธุระ
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมไปที่ไหน
“งั้นเหรอ
ฉันล่ะกลัวใจเด็กนายจะมาต่อยฉันจริงๆ”รุ่นพี่คนเก่งของผมพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ
“ผมว่าผมต่างหากครับที่ต้องกลัวแมวยักษ์ของรุ่นพี่
ถ้าเขารู้ว่ารุ่นพี่เอาเวลาว่างทั้งหมดมาใช้กับผมแทนที่จะเป็นเขา
เขาคงกลายร่างเป็นแมวคลั่งฆ่าผมตายพอดี”ผมพูดติดตลกนั่นน่ะทำให้รุ่นพี่คนเก่งเส
มองออกนอกหน้าต่างแล้วทำเป็นดูดน้ำเสียอึกใหญ่
“ก็ช่วยไม่ได้ให้หมอนั่นเป็นแบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะ
ชีวิตมีสีสันดีจะตาย
หมอนั่นซื่อบื้อเกินกว่าจะเข้าใจอะไรหลายๆอย่างด้วยซ้ำทั้งที่เป็นคนเรียนเก่งแท้ๆนะ”รุ่นพี่คนเก่งของผมตอบ
“แหม่
ผมก็เพิ่งจะรู้ว่ารุ่นพี่ร้ายไม่ใช่เล่น”ผมเอ่ยปากแซว
“ถ้าพูดแบบนั้นนายเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอยูโตะ
เรียกร้องความสนใจจากเด็กคนนั้นชัดๆเลยไม่ใช่รึไง”นัยน์ตารู้ทันนั่นทำให้ผมคลี่ยิ้ม
นั่นสินะ
เราสองคนน่ะแทบไม่ต่างกันเลยจะต่างก็ตรงที่รุ่นพี่น่ะซึนกว่าใครๆก็เท่านั้น
“ไม่เท่าที่รุ่นพี่จะทำวันนี้หรอกครับ”ผมพูดแล้วลงมือทานบ้าง มืออาหารมือนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
เราต่างแลกเปลี่ยนความคิดในหลายๆอย่าง ผมมักสนุกจนเกือบลืมเวลาเสมอ
หลังจากนั้นเราก็เข้าไปร้านpet shop เพื่อดูกิ้งก่าที่เราต่างก็ชอบ
แต่น่าเสียดายที่รุ่นพี่คนเก่งของผมเลี้ยงมันไม่ได้ในเมื่อมีผู้ชายหน้าแมวขี้กลัวอยู่ข้างกายแบบนั้นน่ะ
ไลฟ์สไตล์หลายๆอย่างของผมกับรุ่นพี่คนเก่งเข้ากันได้ดีจนน่าตกใจเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปไวเสียเหลือเกินจนถึงเวลาเกือบทุ่มครึ่ง
ผมกับรุ่นพี่คนเก่งก็เดินพูดคุยหัวเราะกันไปตามถนนผมขับรถของรุ่นพี่คนเก่งไปจนถึงร้านเหล้าเจ้าประจำของผู้ชายหน้าแมว
นี่แหละคือเหตุผลหนึ่งที่ช่วงนี้ผมสนิทสนมกับรุ่นพี่คนเก่งคนนี้
แถมยังไปไหนมาไหนกระหนุงกระหนิง ใช่ เป็นหนึ่งในความต้องการของคาโต้ ชิเงอากิ
และความต้องการของผมเองก็ด้วย
ว่ากันว่าหากมีปัญหาคล้ายๆกันทำให้สนิทกันเร็วขึ้นท่าจะจริง
ปัญหาของรุ่นพี่คนเก่งกับผมเองก็ไม่ได้ต่างกันนัก
คนที่เรารักต่างก็ so hot เสียจนน่ากลัว
ใครๆต่างก็หลงผู้ชายหน้าแมวของรุ่นพี่ได้ง่ายๆทั้งนั้น
ในขณะเดียวกันใครๆก็หลงรักยามาดะ เรียวสุเกะของผมได้ง่ายๆ
แถมเจ้าตัวยังมีโอตะอีกเป็นสิบให้ผมหงุดหงิดอีก
รุ่นพี่คนเก่งอยากเรียกร้องความสนใจ ผมเองก็เช่นกัน
นั่นคือสิ่งที่เหมือนกันอีกอย่างของเรา
ผม
ถือวิสาสะจับมือรุ่นพี่เดินเข้าไปในร้านเหล้าทำท่าทางราวกับว่ากำลังมีอะไรงอกเงยมากกว่าความเป็นพี่เป็นน้อง เวทีนี้น่ะมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ร่างโปร่งเดินตามแรงดึงจากมือของรุ่นน้องเข้าไปภายในสถานบันเทิงที่เขาเคยมากับคนหน้าแมวเสียบ่อย
ตั้งแต่สมัยเป็นเพื่อนดื่มจนกระทั่งเป็นมากกว่าเพื่อน
“นั่งตรงนี้แหละครับ‘วิว’ดี”เสียงนั่นทำให้ชิเงอากิยกยิ้มไม่ต้องเดาก็คงรู้ว่ารุ่นน้องคนสนิทของตัวเองน่ะเห็นคนที่ทำให้เขาต้องลงทุนลงแรงงี่เง่าแบบนี้
ยูโตะและชิเงะกำลังนั่งดื่มอยู่ที่เคาท์เตอร์หลักซึ่งทำให้มองเห็นบรรยากาศรอบตัวได้ง่ายรวมถึงเป็นที่สังเกต
อย่างไรเสียจุดรวมสายตาก็คงมาตกอยู่ที่พวกเขาได้ไม่ยาก
“นายคิดว่าเราต้องเล่นกันกี่นาที
ไม่สิกี่ชั่วโมงดี?”คนเป็นรุ่นพี่เอ่ยปากถามพลางเผยยิ้ม
“อาจจะไม่ถึงก็ได้นะครับ
สัก20นาทีเป็นไง?”ยูโตะตอบพร้อมยิ้มมุมปากเลื่อนมือเข้าเกลี่ยผมที่ปรกหน้าของรุ่นพี่คนเก่งแผ่วเบา
หากคนอื่นมองก็คงเห็นว่าผู้ชายสองคนกำลังสวีทกันเป็นแน่แท้ หนำซ้ำคาโต้
ชิเงอากิเองก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“นี่น่ะขี้โกงแล้วนะ”คนเป็นรุ่นพี่เอ่ยปากเบาๆหากแต่หัวเราะออกมาน้อยๆ
“ก็รุ่นพี่น่ารักนี่ครับ”คนเป็นรุ่นน้องก็ใช่ย่อย
หยอดคำหวานยังไม่พอแถมรอยยิ้มมีเสน่ห์ที่ชอบใช้เวลามองกล้องนี่ก็อีก
“ฉันไม่ใช่เด็กของนายสักหน่อย
อย่าทำเป็นชมให้ยากเลยน่า”คนเป็นรุ่นพี่เอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งของเด็กหน้าหล่อเบาๆ
“ก็รุ่นพี่ไม่ใช่ถึงได้น่ารักนี่ไงครับ”คนเป็นรุ่นน้องยังคงหยอดต่อ
ถ้าพูดว่าเขาเริ่มสนุกกับการกระทำแบบนี้มันจะผิดไหมนะ?
“ร้ายนะนาย”คนเป็นรุ่นพี่หรี่ตามองท่าทีที่ไม่ได้ยินยอมแต่ก็ไม่ได้ปัดป้องนั่นยิ่งทำให้ดูเหมือนสมยอมไปโดยปริยาย
“ขอบคุณที่ชมครับ”คนเป็นรุ่นน้องยิ้มกว้างรับคำ
สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องตรงมายังสองคนที่ยังนั่งเล่นกันอย่างสบายใจ
หนึ่งในนั้นก็เป็นคนตาตี่ที่สูงชะลูดและกำลังไม่พอใจอย่างรุนแรง
“บ้าน่า”คนเป็นรุ่นพี่ตีไหล่กว้างเข้าไปทีหนึ่ง
“สามนาฬิกามีแมวกำลังจ้องเขม็งแล้วครับ”คนเป็นรุ่นน้องอมยิ้มพูดอย่างไม่ยี่หระ
มือหนายกแก้วอบายมุขดื่มชิวๆราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เห็นแล้ว”คนเป็นรุ่นพี่ยิ้มรับก่อนจะดื่มเครื่องดื่มมึนเมาในมือตัวเองบ้างทั้งคู่ลอบยิ้มราวกับโลกนี้มีอยู่เพียงสองคน
“งั้นมาทำอะไรที่ตื่นเต้นกันดีกว่าครับ
อย่างเช่น...”จบคำคนเป็นรุ่นน้องก็จับลาดไหล่ของรุ่นพี่ไว้พร้อมกับยื่นหน้ามาใกล้
จากองศานี้ หากมองจากมุมของคนหน้าแมวแล้ว
นี่มันไม่ต่างอะไรกับจูบเลยทั้งที่ปากยังไม่แตะกันด้วยซ้ำห่างกันเกือบคีบอีกต่างหาก
“ใกล้ไปแล้ว”คนเป็นรุ่นพี่พึมพำใบหน้าทรงเสน่ห์ขึ้นสีระเรื่อราวกับสตรอเบอรี่สดก็ไม่ปาน
“ถ้ารุ่นพี่ยุกยิกเขาจับได้แน่ๆครับ”รุ่นน้องตัวสูงหัวเราะเล็กน้อยหากแต่จู่ๆตัวเขาก็ลอยย้ายจากบนเก้าอี้ไปกลางอากาศเสียเฉยๆ
ผลั่ก!!
หมัดหนักๆซัดเข้าที่ใบหน้าหล่อจนเซล้มลงไป
แมวคลั่งนี่ก็บ้าดีเดือดดีเหมือนกัน
โชคดีที่ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงคนเยอะจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเป็นข่าวหากแต่ไอคนที่ไปกองบนพื้นนี่สิ
เจ็บตัวน่ะไม่เท่าไหร่ยังไงก็ทำใจไว้แล้ว
หากแต่หันไปเจอร่างคุ้นตาเข้าแบบพอดิบพอดีนี่สิ..
บ้าน่า บ้าที่สุด บ้าไปแล้ว
นี่น่ะไม่ซวยเกินไปหน่อยรึไง???
“หยุดเดี๋ยวนี้นะเคอิจิโร่!”น้ำเสียงของคาโต้
ชิเงอากิดูจะตกใจที่จู่ๆคนที่มักจะมีสติเสมอพลีผลามได้ขนาดนี้เรียกได้ว่าเป็นผลลัพธ์ที่เกินคาดไปไกลเหลือเกินนั่นแหละหนำซ้ำยังเหลือบเห็นเด็กแก้มกลมรุ่นน้องที่เป็นคนรักของเจ้าโย่งที่บัดนี้ลงไปกองบนพื้นนั่นอีก เด็กคนนั้นมาเมื่อไหร่ล่ะนั่น
“ทำไม? นายจะทำไมชิเงะ”น้ำเสียงที่นุ่มทุ้มเสมอกลับกลายเป็นเกรี้ยวกราด
พร้อมสายตาที่โมโหสุดขีดระคนเจ็บปวดขนาดนั้น
หมอนี่คงมีแอลกอฮอล์ในเลือดเยอะพอควรเหมือนกัน ชิเงอากิขมวดคิ้วมุ่นคิดไม่ตกควรจะลงไปช่วยรุ่นน้องหรือลากคนหน้าแมวไปเก็บก่อนดีล่ะ?
“ก็ไม่ทำไมทั้งนั้นแหละ”ชิเงะก้มลงไปพยุงรุ่นน้องขึ้นหากแต่ก็โดนแรงฉุดของแมวบ้าเลือดเสียก่อน
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน!”ร่างของรุ่นพี่ถูกฉุดไปแล้วได้แต่หันไปมองเชิงขอโทษกับรุ่นน้องที่นั่งอยู่ที่เดิม
ยูโตะมองไปยังร่างคุ้นตาที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับและตอนนี้เขาถูกคนตัวอวบมองด้วยสายตาปวดร้าว
เรียวสุเกะจะคิดไปไกลแค่ไหนนะ? ยังไม่ทันได้ลุกไปหาคนตัวอวบลุกขึ้นมาหาเขาเสียก่อน
“นี่คือธุระของนาย..
ใช่ไหม?”น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยหลายอารมณ์ก่อนที่หมัดหลุนๆจะเข้าปะทะกับใบหน้าของยูโตะอีกครั้ง
คนต่อยกำลังลุกหนีหากแต่มือหนาก็ฉุดไว้ในทันที
“เจ็บชะมัด นี่..
ฟังก่อนสิ”ยูโตะพูดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาวางเงินค่าแอลกอฮอล์ที่จิบไปได้ไม่ถึงครึ่งก่อนจะดึงคนตัวอวบให้เดินตามออกมาแม้ว่าคนตัวอวบจะสะบัดมือออกแค่ไหนก็ไม่เป็นผล
“เรียวสุเกะอย่าดิ้นน่า
ฉันเจ็บ”ยูโตะพูดช้าๆ แน่นอนว่าตอนนี้มุมปากเขาน่าจะแตก
และคงบวมช้ำพอสมควร
“เจ็บ? แล้วฉันล่ะยูโตะ เจ็บกว่ารึเปล่า? ถ้านาย ..
ถ้านายไม่ได้รักฉันทำไมไม่บอกเลิกไปเลยล่ะ
ถ้านายสนใจรุ่นพี่ขนาดนั้นก็เลิกกันไปเลยเป็นไง!”คนตัวอวบตะโกนอย่างเหลืออด
เขาน่ะเจ็บเหลือเกินจนน้ำตามันแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว
“ฉันพูดตอนไหนว่าไม่รักนาย”คนตัวสูงขมวดคิ้วพลางมองคนตัวอวบ
ไม่นานนักแท็กซี่ที่ถูกเรียกโดยคนตัวสูงก็จอดลงตรงหน้า
และคนตัวอวบถูกยัดเข้าไปในรถทั้งๆที่พยายามแกะมืออีกฝ่ายออกนั่นแหละ
เรียวสุเกะมุ่ยหน้าทั้งโมโหทั้งอยากร้องไห้ นี่มัน วันบ้าอะไรกันนะ
“กินอะไรมารึยัง?”คำถามนั่นไม่ได้ทำให้คนตัวอวบหันไปให้ความสนใจคนตัวสูงเลยสักนิด
“..”เรียวสุเกะเงียบแถมยังเบนสายตาออกไปยังข้างทางอีกต่างหาก
“ถ้าไม่ตอบจะจูบแล้วนะ”ตากลมตวัดตามองคนพูดด้วยแววปวดร้าว
“นั่นน่ะ..
จูบของนายจะทำกับใครก็ได้งั้นสิ มันเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นเลยรึไง!!”น้ำเสียงกระแทกแบบนั้นมันน่า....
จู่ๆริมฝีปากร้อนก็เข้าประกบจูบที่ริมฝีปากสวย
ไม่ปล่อยให้พูดหรือคิดอะไรอีกแล้ว คนตัวสูงรุกจูบอย่างที่ชอบทำปกติ
จูบที่ทำเอาเรียวสุเกะไปไม่เป็น จูบที่พาลให้เรียวสุเกะปล่อยน้ำตาออกมาเงียบๆ
ริมฝีปากร้อนของยูโตะผละออกเพียงชั่วครู่เขาค่อยๆไล้จูบซับน้ำตาคนตัวอวบช้าๆ
แผ่วเบาและอ่อนโยน ทั้งที่เป็นเวลาแบบนี้ ทั้งที่เกิดเรื่องแบบนั้น
ทั้งที่เสียความรู้สึกไปมากมาย
แต่สุดท้ายหัวใจดวงน้อยของเรียวสุเกะก็ยังคงเต้นระรัวกับสัมผัสของคนตัวสูงโย่งนี่อยู่ดี
“ถึงคอนโดนายฉันจะอธิบายให้ฟัง
ไม่ร้องสิเป็นหมูขี้แยไปแล้วนะ”คำเอ่ยแซวนั่นเรียกสายตาขุ่นๆจากคนตัวอวบได้แทบจะทันที
“...”คนตัวอวบไม่ได้ตอบอะไรพลางก้มลงมองหน้าขาตัวเอง
พูดอะไรไม่ออก หลายความรู้สึกตีกันจนน่ากลัว เขาเกลียดสิ่งที่เป็นอยู่นี้เหลือเกิน
หากแต่..... ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี อึดอัดในอกจนแทบบ้า แย่ชะมัด..
ไม่นานนักแท็กซี่ก็มาจอดที่หน้าคอนโดของคนตัวอวบเรียวสุเกะลงจากรถแทบจะทันที
ยูโตะจ่ายเงินก่อนจะสาวเท้าตามเข้าไปภายในคอนโด ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไร
ความเงียบครอบคลุมจนน่าอึดอัดไม่สิ
ถ้าจะให้พูดกันตรงๆคนที่อึดอัดน่ะเรียวสุเกะคนเดียวมากกว่า
เพราะอีกฝ่ายดูจะไม่ทุกข์ร้อนอะไร แถมยังทำท่า พอ อกพอใจอีกต่างหาก
“จะพูดได้รึยัง?”เมื่อถึงห้องเรียวสุเกะก็ชิงพูดออกมาเพราะคนตัวสูงดูท่าจะสบายอารมณ์เกินไปแล้ว
“มันไม่ได้มีอะไรสักหน่อย
รุ่นพี่น่ะแค่อยากยั่วโมโหแมวของตัวเองน่ะ”น้ำเสียงสบายๆของยูโตะทำให้เรียวสุเกะหันไปมองอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“..”คนตัวอวบไม่พูดอะไรแถมเม้มปากเป็นเชิงว่าไม่พอใจเอามากๆ
“นั่นน่ะ.. ไม่ได้จูบสักหน่อย
ห่างกันตั้งคืบ และที่ออกไปบ่อยๆนั่นก็ ถ่ายรูป แล้วก็ไปดูน้องจิ้งเหลนที่ร้าน ถ้าจะให้พานายไปเล่นกับน้องจิ้งเหลนนายก็งอนฉันอีกนั่นแหละ
เรียวสุเกะน่ะหึงฉันใช่ไหม?”ปลายประโยคก็เชยคางมนขึ้นสบตาไปด้วย
“เจ้าบ้า!”ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อขึ้นมาซะเฉยๆทั้งที่ริมฝีปากบางกร่นว่าคนตรงหน้าด้วนอาการเดิมๆ
‘ซึนชะมัด...น่ารักที่สุด’
“ฮ่าๆ ใช่จริงๆสินะ
มีความสุขชะมัด”ทั่งที่รู้อยู่แก่ใจแต่ยูโตะก็ยังคงพูดแซว
“มันใช่เรื่องจะมามีความสุขไหมเล่า!!
ฉันกังวลแค่ไหนนายรู้ไหม ไอ้บ้า!!”คนตัวอวบขึ้นเสียงเล็กน้อย
ก็คนตรงหน้าน่าหงุดหงิดขนาดนี้แถมยังจะมาทำเป็นแซวเขาอีกนี่!!
“รู้ไหมอะไรที่ทำให้ฉันช่วยรุ่นพี่ชิเงะง่ายๆ?”คำถามนั้นเรียกสายตาเคืองๆของเรียวสุเกะได้เป็นอย่างดีแต่ตัวคนพูดกลับยิ้มราวกับมีความสุขเหลือล้นไม่สะทกสะท้านใดๆ
น่าหงุดหงิดซะเหลือเกิน
“จะไปรู้ไหมล่ะ!”เรียวสุเกะตวัดเสียงตอบ
“เพราะนายนั่นแหละ
ความรู้สึกฉันน่ะ
นายในตอนนี้ก็เหมือนกับฉันตอนที่เฝ้ามองนายกับโอตะทั้งหลายแหล่ของนายทยอยกันเข้ามาร้องขอความรักนั่นแหละน่า”ยูโตะพูดกลั้วหัวเราะ
“นั่นมัน...”คำพูดพวกนั้นทำเอาเรียวสุเกะพูดไม่ออก
ขนาดระยะเวลาไม่นานที่เขาเจอกับความเปลี่ยนแปลงของยูโตะน่ะยังกังวลจนงี่เง่าขนาดนี้
แล้วถ้ากลับกัน พวกโอตะที่อยู่รอบตัวเขานั่นล่ะ แทบทุกวันเลยไม่ใช่รึไง
“ฉันรู้สึกตลอดเวลานั่นแหละเรียวสุเกะ
ใครเขาชอบให้คนของตัวเองไปลั้นลากับคนอื่นกัน? เวลาที่อยู่ด้วยกันตอนนี้น่ะ
แทบจะไม่พออยู่แล้วรู้รึเปล่า”นั่น
คนตัวสูงเปลี่ยนมาเรียกคะแนนสงสารแทนการอธิบายไปเสียแล้ว
“ไม่เกี่ยวสักหน่อย
นายนี่มัน ขี้โกงชะมัด! แต่..ฉันจะระวังแล้วกัน”คนตัวอวบงุบงิบตอบเบาๆ
ก็จู่ๆคนโกรธกลับกลายเป็นคนผิดไปซะเฉยๆ จะให้พูดอะไรได้ล่ะ
“ฉันไม่อยากงี่เง่าพอๆกับนายนั่นแหละ
รักนะเรียวสุเกะ”จบคำก็หอมแก้มนุ่มนิ่มไปสักที
“อื้อ.. รักยูโตะเหมือนกัน
อ๊ะ ! วันนี้ ฉันไปกับยูริ ตอนนี้งอนอยู่ที่ร้านแน่ๆ”ว่าจบก็ลนลานกดโทรศัพท์หากแต่ยูโตะก็คว้าโทรศัพท์ออกจากมือบาง
“ยูริกลับเองได้น่า”คนตัวสูงพูดพร้อมขมวดคิ้ว นั่นปะไรไม่ทันขาดคำสนใจคนอื่นมากกว่าอีกแล้ว
“แต่ว่า..”ยังไม่ทันได้พูดต่อคนตัวสูงก็ขัดขึ้น
“ไม่ทันไรนายก็เป็นแบบนั้นอีกแล้ว
ยูริน่ะอายุ21ไปแล้วนะ”น้ำเสียงคนตัวสูงติดจะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้วเหมือนกัน
มีอย่างที่ไหนนั่นน่ะ มารร้ายของวงเลยนะ คิดว่ายูริดูแลตัวเองไม่ได้รึไงกัน
“นั่นสิ..
แต่ว่าหมอนั่นต้องงอนฉันแน่ๆ”คนตัวสูงคิ้วกระตุกกับคำพูดของคนตัวอวบ
เอาเข้าไปใจคอจะเลิกสนใจกันแล้วใช่ไหม?
“ค่อยไปง้อวันซ้อมสิ
ตอนนี้มาสนใจฉัน มองแค่ฉันได้ไหม”คนตัวสูงพูดด้วยสายตาเว้าวอนถึงจะเจือความไม่พอใจด้วยก็เถอะ
“พ..พูดอะไรน่ะยูโตะ
...อื้อ...”ไม่ทันจบประโยคดีริมฝีปากนุ่มถูกช่วงชิงความหวานอย่างรวดเร็ว
จะว่าไปทั้งยูโตะทั้งเรียวสุเกะน่ะก็ขี้หวงทั้งคู่เลยไม่ใช่รึไงกัน?
จูบที่เริ่มจากช่วงชิงความหวานอย่างอ่อนโยนเริ่มแฝงไปด้วยความร้อนแรงที่ทำให้ทั่วทั้งกายอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ
มือหนาไล้เข้าใต้เสื้อคนตัวอวบอย่างชำนาญดูท่าว่าคืนนี้ของทั้งคู่คงอีกยาวไกลเป็นแน่ร่างกายขาวเนียนนุ่มนี้คงถูกครอบครองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะเหนื่อยนั่นแหละ
END....?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
[SP1 ] Koyashige Story Shige Part
หมอนั่นลากผมออกมา
คนที่ทำให้ผมกังวลจนงี่เง่าตลอดทั้งเดือน หมอนี่น่ะเป็นต้นเหตุ
และผมเองก็ชักจะงี่เง่าเกินไปแล้ว
“เคอิจิโร่ปล่อย”ผมเสียงแข็งใส่เขาแล้วพยายามชักมือออก
น่าแปลกที่คนที่ปกติก็ยอมง่ายๆไม่เคยโมโหอะไรตอนนี้กลับดึงดันเสียจนน่ากลัว
“..”เขาไม่พูดอะไรแต่ดันตัวผมเข้ารถนั่นน่ะ....
“หยุดเลยนะ!
เมาแล้วยังจะขับรถคิดอะไรอยู่ ฉันยังไม่อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่งนะ”ผมว่าเข้าให้ก่อนจะพยายามลุกแล้วดันเจ้าแมวบ้าเข้ารถแทนแล้วอ้อมมาฝั่งคนขับ
“กุญแจรถล่ะ?”ผมถามคนหน้าแมว เขาหยิบมันขึ้นมาผมก็คว้ามาในทันที ให้ตายสิ
นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดกันนะ
ส่วนหนึ่งมันทำให้ผมมีความสุขที่เห็นว่าหมอนี่เองก็หวงผม
แต่ส่วนหนึ่งก็ไม่ชอบใจกับเรื่องยุ่งยากในตอนนี้
ตลอดทางเราไม่ได้พูดอะไรกันสักคำมีแต่ความเงียบจนอึดอัด มีแต่สายตาเขาที่มองผม
เอาแต่มองแต่ไม่พูดอะไรแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกราวกับจะขาดอากาศ
หากแต่ที่ทำได้ตอนนี้คือนิ่งไปก่อน ชักจะรู้สึกว่าคิดผิดแล้วสิ
รีแอคชั่นแบบนี้น่าสนใจก็จริงแต่มันอึดอัดจะตายอยู่แล้ว
หมอนี่น่ะไม่เคยเป็นแบบนี้ไม่ใช่รึไง โคยาม่า เคอิจิโร่โหมดนี้น่ะ
ผมไม่รู้จักเขาเลยสักนิด
เมื่อรถจอดสนิทที่คอนโดเขาผมก็ลงจากรถ
เขารีบลงมาคว้าข้อมือผมไว้ นี่มันอะไรกัน ไม่ได้จะหนีไปไหนสักหน่อย
ผมกดล๊อกรถในขณะที่แมวตัวสูงนี่จะลากผมเข้าไปในคอนโด
พอถึงห้องก็จัดการกักผมไว้ในอ้อมแขนเขา
ริมฝีปากอุ่นร้อนนั่นจูบผมจนแทบลืมหายใจ
เขาถอนริมฝีปากออกเล็กน้อยมองผมด้วยแววตากร้าวแสนปวดร้าวนั่น ตอนนี้...
คนที่ทำตัวไม่ถูกก็คือผมเองนั่นแหละ
เขาดูเกรี้ยวกราดเสียเหลือเกินจนน่ากลัว
ให้ตายสิ..
ผมเห็นแก่ตัวไปไหมถ้าบอกว่าลึกๆแล้วผมมีความสุขที่สายตาคู่นี้หยุดอยู่ที่ผมคนเดียวในยามนี้
เขาก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง อีกครั้ง
และอีกครั้ง มือเขาลุกล้ำเข้ามาใต้เสื้อ
พร้อมด้วยตัวผมที่ถูกผลักให้เดินถอยหลังจนถึงห้องนอน
ผมจำไม่ได้ว่าเสื้อผมหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาผลักผมลงกับเตียงกว้างก่อนจะพรหมจูบที่ซอกคอผมอย่างเกรี้ยวกราดแถมยังกัดเม้มจนผมรู้สึกเจ็บ
ผมสัมผัสได้ว่าตัวเขากำลังสั่น
ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจนตอนที่หยดน้ำตาของเขาร่วงลงมาโดนไหล่ผม เขากอดผมไว้แน่น
นี่มันขี้โกงชัดๆเลย คนเกรี้ยวกราดคนนั้นกำลังร้องไห้เพราะผมใช่ไหม
“ชิเงะ
อย่าทิ้งฉันไปนะ..”เสียงเขาสั่นเหลือเกินมันทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิด
เพราะความงี่เง่าของผมกำลังทำให้เขาเสียใจใช่ไหม?
“มันเห็นแก่ตัวรึเปล่า
ฉันปล่อยนายไปไม่ได้ ขอโทษนะ ต่อให้นายรักเด็กคนนั้น ฉันก็ปล่อยนายไปไม่ได้ ชิเงะ
ฉันเห็นแก่ตัวเกินไปไหม”ทุกคำของเขากำลังทำให้ผมร้องไห้ออกมา
ชิเงอากิคนงี่เง่า เห็นไหมว่านายทำอะไรลงไป
เห็นไหมว่าเจ้าแมวบ้านี่กำลังเจ็บปวดแค่ไหน
“รักเขาเหรอ ชิเงะจัง..
ฉัน... อย่าไปจากฉัน ได้โปรด”เขาพูดออกมาปนเสียงสะอื้นจนแทบฟังไม่ออก
ผมกอดเขาไว้แน่นผมกำลังร้องไห้ไปกับเขาแล้วสิ
“ฉันทำให้นายร้องไห้เหรอ..
ขอโทษนะ ขอโทษนะชิเงะ”งี่เง่าชะมัดคนต้องขอโทษมันคือทางนี้ไม่ใช่รึไง
คนๆนี้ต่างหากที่ต้องขอโทษ คนๆนี้ต่างหาก...
ชิเงอากิคนงี่เง่าที่จู่ๆก็หึงท่าทีสนิทสนมจนเกินเหตุของโคยะเทโกะ
แถมตอนนี้เจ้าคนแก้มกลมอย่างมัสสึดะก็ใช้ของคู่กันกับหมอนี่....
ผมคนนี้บ้าไปจริงๆใช่ไหม? หึงแม้กระทั่งกับคนในวง ไม่ชอบใจทั้งๆที่มันเป็นงาน
ผม..ชักจะเกลียดที่ตัวเองเป็นแบบนี้ซะแล้วสิ
“ฉันรักนายเคอิจิโร่
รัก.. ได้ยินใช่ไหม..”ผมพูดแผ่วเบา
สัมผัสได้ถึงแรงกอดของเขาที่เพิ่มขึ้น เรานอนกอดกันร้องไห้เกือบครึ่งคืน พรุ่งนี้หมอนี่ต้องไปเป็นแคสเตอร์ไม่ใช่รึไง
สภาพแคสเตอร์ประกาศข่าวในวันพรุ่งนี้คงเหมือนกับแมวซอมบี้แน่ๆ
คนอ่อนไหวร้องไห้ง่ายพอๆกันมาอยู่ด้วยกันนี่เราเป็นคู่รักขี้แงรึไงล่ะเนี่ย
ให้ตายเถอะ.. เพราะเมาหรอกนะ และเพราะเป็นหมอนี่หรอกนะ เราถึงได้เป็นแบบนี้
พรุ่งนี้.. ผมจะบอกทุกอย่างกับเขา
ถึงแม้จะไม่ใช่นิสัยผมแต่..การที่เราต้องร้องไห้ขนาดนี้มันเพราะความผิดผมไม่ใช่รึไง..
ขอโทษนะเจ้าแมวบ๊อง ถึงนายจะแก่กว่าฉันเกือบ3ปี
ยังไงซะนายก็ยังเป็นเจ้าแมวบ๊องตัวโตของฉันนะเคอิจิโร่
END..?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
[SP2 ] Chinen Yuri Part
“ช่วยรวมบิลกับโต๊ะนู้นด้วยครับ”ผมชี้ไปยังโต๊ะในสุดก่อนจะลุกออกมาจากโต๊ะทันทีที่เห็นเรียวสุเกะโดนพาออกไป
เข้าใจอยู่หรอกความงี่เง่าของทั้งคู่เนี่ย สุดท้ายเป็นผมจริงๆใช่ไหมที่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยตลอด
นี่ผมน่ะเป็นกามเทพรึไงกัน?
ผมเห็นเขายิ้มรับแบบนั้นยิ่งทำให้หงุดหงิดกลายๆ
แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ช่วยผมจับประเด็นวิเคราะห์สถานการณ์ก็เป็นเขานั่นแหละ
ถึงกับแบกหน้าไปถามรุ่นพี่เทโกมัสเลยทีเดียว
“ยูยังน่ะจะทำอะไรก็ช้าไปหมด
เกือบมาเนียนไม่ทันแล้วรู้ไหม?”ผมทำน้ำเสียงหงุดหงิดใส่เขาจนลืมดูไปว่าในโต๊ะไม่ได้มีแค่เขาแต่ยังรวมไปถึงรุ่นพี่แก้มกลมตัวโตกับรุ่นพี่หน้าสวยผมทองเข้าไปอีก
“เอาน่าสุดท้ายก็ไปด้วยดีไม่ใช่รึไงน่ะ
คัมไป”รุ่นพี่เทโกชิพูดก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นด้วยท่าทีลั้นลา
โดยมีคนตัวอวบที่นั่งข้างๆยกแก้วขึ้นด้วย
“เย้”รุ่นพี่แก้มกลมส่งเสียงแค่นั้นก่อนจะนั่งเงียบไป
นี่น่ะ..รุ่นพี่ไม่อยากมีบทใช่ไหมครับ?
“ขอโทษนะ”คำขอโทษดังออกมาจากปากพะยูนขึ้นอืดนั่นทำให้ผมถอนหายใจช้าๆ
แล้วนั่งลงข้างๆ
เอาล่ะถึงจิเน็น
ยูริคนนี้จะไม่ค่อยชอบพออะไรกับแอลกอฮอล์ก็เถอะ แต่ว่านะ..วันนี้น่ะ
ผมจะดื่มให้ลืมเรื่องวุ่นๆไปเลยเป็นไง!!
Real End!
ความคิดเห็น