ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {infinite} fiction room;

    ลำดับตอนที่ #5 : {short fic} ผิดสัญญา - gyuwoo

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 58




    ผิดสัญญา

     




                อูฮยอนอยากดูหนัง..

     

     

    และคำว่าดูหนังของอูฮยอนแน่นอนว่าไม่ใช่แค่นั่งดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่คนงบน้อยสมัยนี้นิยมกัน หรือซื้อแผ่นมาแล้วนั่งดูอยู่หน้าโทรทัศน์

     

     

     

     

    จะไปดูในโรงน่ะเข้าใจไหม!!!

     

     

    โอเค เข้าใจนะว่างานยุ่งเพราะอยู่ในตำแหน่งที่ต้องมีภาระงานมากมายเต็มโต๊ะไปหมด เข้าใจว่าคำสัญญาที่ว่าจะพาไปดูหนังมันไม่สำคัญเท่างานตรงหน้า แต่ผิดสัญญาเกือบทุกครั้งแบบนี้ไม่ต้องสัญญายังจะดีซะกว่า

     

     

     

    'กยูฮยอง อยากดูนินจาเต่าอะ เสาร์นี้ว่างนี่ ไปดูกันนะ'อูฮยอนวิ่งเข้ามาหาคนที่ทำงานอยู่บนโต๊ะเสียงใส ซองกยูเงยหน้าจากงานตรงหน้ามามองคนเด็กกว่ายิ้มๆ

     

    'เอาสิ รอบไหนเราก็ดูไว้แล้วบอกฮยองแล้วกัน ฮยองคงไม่ว่างดูให้'

     

    'โอเคนะ! จริงนะ! สัญญาเร็วว่าจะพาไปดู'อูฮยอนยิ้มเสียจนตาปิดทั้งสองข้างพร้อมกับเรียกร้องคำสัญญาจากคนอายุมากกว่า เมื่ออีกคนไม่ยอมเอ่ยออกมาเสียทีจึงรบเร้าด้วยน้ำเสียงงอนๆ

     

    'สัญญาก่อนสิว่าจะพาไปดูจริงๆ'อาจจะหาว่าอูฮยอนเป็นเด็กไม่ดีที่มากวนเวลาทำงานของซองกยูแบบนี้ แต่เพราะประสบการณ์ตรงทำให้เขาไม่มั่นใจในตัวอีกฝ่ายสักเท่าไรนัก

     

    'ครับสัญญาครับ ไปนอนได้แล้วอูฮยอน พรุ่งนี้ไปโรงเรียนไม่ใช่หรือไง'

     

    'คร้าบบบบบ'

     

     

     

     

     

     

    "อูฮยอนอา เสาร์นี้..."ร่างสูงในชุทสูทเนี้ยบนิ้งเดินออกจากห้องนอนในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง ค่ำแล้วจะอาบน้ำเปลี่ยนสูทไปไหนอีกนะ คงไม่ได้ไปหากิ๊กหรอกใช่ไหม แบบนั้นไม่ยอมนะ!

     

    "อื้อ เสาร์นี้เราจะไปดูหนังกันไง"อูฮยอนตักขนมเข้าปากอีกครั้งพร้อมกับเคี้ยวตุ้ยๆ ตามองโทรทัศน์จอใหญ่ด้านหน้าจึงไม่เห็นว่าคนเป็นพี่มีสีหน้าอย่างไรตอนที่ฟังประโยคนั้นจบ

     

    "คือเสาร์นี้... ฮยองมีนัดกับลูกค้า"คำพูดนั้นทำให้คนที่นั่งกินขนมอย่างสบายใจเมื่อครู่ก่อนถึงกับชะงัก ใบหน้าหวานเปี่ยมสุขค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นโกรธขึงก่อนจะกลายเป็นความเสียใจ กี่ครั้งแล้วนะที่ได้ยินประโยคทำนองนี้ออกจากปากผู้ชายคนนี้หลังจากนัดอะไรกันไว้

     

    "อื้อ ฮยองไปเหอะ ผมมีเรียนเพิ่มที่โรงเรียนเหมือนกัน กะจะบอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ลืม"และก็เป็นอีกครั้งที่อูฮยอนต้องโกหกเพื่อให้ซองกยูสบายใจว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรและไม่คิดมากกับการผิดนัดของอีกคน ถึงแม้มันจะเป็นคำโกหกที่ฟังดูไม่เข้าท่าและไม่เนียนเลยก็ตามที

     

    "ฮยองไม่ได้ตั้งใจจะเบี้ยวนัดเรานะแต่ว่า.."

     

    "เอ๊ะฮยองนี่ยังไง ผมบอกแล้วไงว่าผมก็มีเรียน ยังไงก็ไม่ได้ไปอยู่ดี"

     

     

     

     

    ใช่ ยังไงก็ไม่ได้ไป ไม่ว่าจะชวนกี่รอบกี่ครั้งก็ไม่เคยได้ไปเลยสักครั้ง

     

     

     

    "ฮยองขอโทษ"มือใหญ่วางลงบนศรีษะทุยเบาๆ อูฮยอนกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะหันมาหาซองกยูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

     

    "วันหยุดมีอีกตั้งเยอะแยะ ไว้เราค่อยไปด้วยกันวันที่ฮยองว่างเนอะ!"

     

     

     

     

    ถึงแม้อาจจะไม่มีวันนั้นก็ตาม ซองกยูไม่เคยว่างเลย ทำงานแม้กระทั่งวันอาทิตย์ที่ชาวคริสต์ควรจะเข้าโบสถ์และหยุดพัก นั่นแสดงให้เห็นว่างานสำหรับคิมซองกยูนั้นสำคัญมากแค่ไหน สำคัญมากกว่าแฟนอย่างนัมอูฮยอนเสียอีก

     

     

    "แล้วนี่ฮยองจะไปไหนอะ"เอ่ยถามออกมาเพื่อเบี่ยงประเด็นไม่ให้ซองกยูต้องรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ คนที่เหมือนจะพึ่งนึกได้ว่าตนมีธุระยิ้มน้อยๆ

     

    "นัดกับลูกค้าคนสำคัญน่ะ ฮยองไปก่อนนะ ล็อคห้องดีๆล่ะอูฮยอนอา อย่าเปิดประตูให้คนแปลกหน้าเข้าใจไหม"

     

    "รู้น่า ผมไม่เด็กแล้วนะ"

     

     

     

    เมื่อบุคคลที่สองออกจากห้องไปก็เหลือเพียงอูฮยอนที่วางจานขนมลงกับโต๊ะกระจกด้านหน้าแล้วนั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ เสียงแอร์ดังทั่วห้องคลอไปกับเสียงตัวละครในโทรทัศน์ที่พูดคุยกัน และนัมอูฮยอนที่จมดิ่งลงสู้ห้วงความคิดของตนเอง

     

     

    เมื่อไหร่กันนะที่เราห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ กยูฮยองเอาแต่ทำงาน ทำงาน ทำงาน อะไรๆก็งาน ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่ว่าจะอะไรก็อูฮยอนแท้ๆ งานคงสำคัญมาก ถ้าผมให้เลือกระหว่างผมกับงานฮยองจะเลือกอะไรนะ..

     

     

     

    'ฮยองงงงง ไปกินข้าวกันนะ หิวมากเลยอ่าา ไส้จะขาดแล้ว'นัมอูฮยอนวัยสิบห้าปีทำหน้าเบ้เดินเข้าห้องนอนของพี่ชายบ้านตรงข้ามด้วยท่าทางที่มองก็รู้ว่าหิวสุดๆ ซองกยูที่กำลังทำโปรเจคต์จบเงยหน้าบอกให้น้องรอสักครู่เพราะตนขอเก็บงานก่อน เพียงไม่นานนัมอูฮยอนก็ได้ทานข้าวสมใจ

     

     

     

    'กยูฮยอง ฟิสิกส์ข้อนี้มันอะไรก็ไม่รู้อ้าาาา ทำให้หน่อย'มือเล็กยื่นชีทงานของตนเองมาตรงหน้าคนที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ตรงข้ามกัน ซองกยูลดกระดาษในมือลงก่อนจะหยิบดินสอมาเขียนวิธีทำพร้อมกับอธิบายไปด้วย

     

     

     

    'ฮยอง พรุ่งนี้ไปเดินห้างกันนน'

     

    'คงไม่ได้ พรุ่งนี้มีประชุมดึก วันมะรืนแทนได้ไหมอูฮยอนอา'หลังจากนั้นคิมซองกยูก็พาไปเดินห้างจริงๆ

     

     

     

    'ฮยอง อยากดูมาเลฟิเซนท์'

     

    'ฮยองต้องเข้าบริษัท..'

     

    'ไม่เป็นไร งานสำคัญกว่าอยู่แล้วเนาะ'

     

     

     

    'ฮยอง how to train your dragon ภาคสองแหละ!'

     

    'ฮยองต้องคิดโปรเจคต์นะ'

     

     

    'ฮยอง into the storm'

     

    'ขอโทษนะอูฮยอนอา..'

     

    'ไม่เป็นไรครับ'อูฮยอนชิงตอบก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบเสียอีก เพราะโดนบ่อยจนรู้แล้วว่าประโยคต่อไปคือการยกเลิกนัดและอีกกี่ครั้งมากมายนับไม่ถ้วน วันเสาร์ที่จะถึงนี้ก็มีเพียงนัมอูฮยอนตัวคนเดียวอีกแล้วสินะ

     

     

     

    ร่างเล็กลุกขึ้นปิดโทรทัศน์แล้วตัดสินใจอาบน้ำเข้านอนแทน ตอนนี้มันฟุ้งซ่าน เปิดอะไรทิ้งไว้ก็พาลจะรำคาญแถมยังเปลืองค่าไฟ สู้เข้าไปนอนในห้องเงียบๆยังจะดีกว่า

    ดูเหมือนว่าตอนนี้จิตใจของอูฮยอนจะไม่สงบเสียเลย ทั้งๆที่ก็อาบน้ำด้วยอุณหภูมิเท่ากับทุกวัน ใส่ชุดนอนเนื้อนิ่มเหมือนทุกวัน แอร์ก็ความเย็นเท่ากับทุกวัน แต่อูฮยอนกำลังไม่พอใจ ไม่พอใจมากๆจนกลายเป็นเสียใจมากๆแทน หยาดน้ำตาไหลรินเมื่อความพยายามที่จะกลั้นมันไว้หมดลง อูฮยอนรู้ว่าตัวเองงี่เง่าแค่ไหนที่โกรธอีกคนเพราะไปทำงานแทนที่จะพาเขาไปดูหนัง แต่มันอดไม่ได้จริงๆ

     

     

    'งานมันสำคัญมากนะอูฮยอนอา เรายังเด็กอยู่ไม่รู้หรอก'

     

     

    นี่ก็เป็นอีกประโยคนึงที่คิมซองกยูเคยพูดเอาไว้ในครั้งที่เขาลองดื้อกับอีกฝ่ายบ้างด้วยการไม่ยอมให้ทำงานและบังคับให้พาไปเที่ยวก่อนจะตามมาด้วยการทะเลาะกัน อูฮยอนคิดว่ามันเป็นการทะเลาะที่แย่ที่สุดตั้งแต่คบกันมา หลังจากนั้นจึงพยายามเข้าใจและทำตัวเป็นเด็กดีของซองกยูฮยองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ

     

    "คราวหลังจะไม่หวังอะไรแล้ว.."คำพูดสุดท้ายก่อนจะพยายามข่มตาหลับ เสียงสะอื้นยังคงได้ยินอยู่เป็นพักๆ ดูเหมือนอูฮยอนจะหลับแต่ก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้อยู่ดี ด้วยความที่ไม่ได้ดั่งใจอะไรสักอย่างเด็กน้อยจึงลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วฟาดหมอนฟาดผ้าห่มไปเรื่อยพร้อมกับร้องไห้ออกมา

     

    "ถ้าทำไม่ได้ตั้งแต่แรก ..ฮึก ก็ไม่ต้องสัญญาสิ!!"

     

     

     

    ----------

     

     

     

    อูฮยอนตื่นเช้ามาด้วยใบหน้าหมองๆกับดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้และอาละวาดอยู่คนเดียวเมื่อคืน แน่นอนว่าอูฮยอนหลับไปก่อนที่อีกหนึ่งชีวิตในห้องจะกลับมาหรือบางทีอาจจะไม่ได้กลับมาที่ห้องด้วยซ้ำ ไปหาลูกค้าแล้วก็ไปต่อกับลูกค้าหรือไงกัน

    .

    .          

    .          

    .

    .

    .

     

    "เฮ้ย เป็นไรวะอูฮยอน"มยองซูทักคนที่เดินหิ้วกระเป๋ามาวางบนโต๊ะด้วยท่าทางซึมๆหงอยๆแบบคนใกล้ตาย

     

    "ไม่มีไร อดนอนนิดหน่อย"

     

    "ไม่นิดมั้ง"ถ้าไอ้การอดนอนจะทำให้หน้าคล้ำตาบวมแถมโหลเป็นหมีแพนด้าแบบนี้คิมมยองซูสาบานว่าจะนอนตั้งแต่สี่ทุ่มเลยเหอะ

     

    "อือ มีเรื่องนิดหน่อย เสาร์นี้ว่างป้ะ ไปดูหนังกัน"

     

    "นั่นไง นั่นนนนนไง ไหนว่าไม่มีอะไร มึงทะเลาะกับกยูฮยองใช่มะ เบี้ยวนัดอีกอะดิ รู้ว่าชวนแล้วยังไงก็ไม่ได้ไปด้วยกันแล้วจะชวนทำไมวะอูฮยอน พอเขาไม่ว่างมึงก็มาชวนกูเนี้ยยย ลำบากกระเป๋าตังค์กูอีกป.."

     

    "ถ้าไม่อยากไปด้วยก็บอกมาเลยก็ได้นะ"น้ำเสียงเรียบๆบวกกับใบหน้านิ่งๆของเพื่อนสนิททำให้มยองซูรู้ตัวในทันทีว่างานเข้าแน่ๆ พูดจบอูฮยอนก็หยิบกระเป๋าลุกออกจากห้องเรียนไปเลยท่ามกลางความงุนงงของเพื่อนทั้งห้องที่มองตามอย่างไม่เข้าใจในอารมณ์ของอูฮยอนที่ปกติแล้วจะร่าเริงอยู่เสมอ

     

     

     

    สงสัยวันนี้นัมอูฮยอนคงจะโดนเช็คขาดแล้วล่ะ

     

     

     

     

     

     

     

    ร่างเล็กพร้อมกระเป๋านักเรียนใบเขื่องเดินอยู่บนถนนอย่างเลื่อนลอย เผลอทำตัวแย่ๆใส่มยองซูซะแล้ว เขาไม่ชอบเลยที่ตัวเองเป็นแบบนี้ หลายคนคงจะคิดว่าแค่ไม่ทำตามสัญญาทำไมถึงได้ทั้งโกรธทั้งงอนและเก็บมาคิดฟุ้งซ่านคนเดียวขนาดนี้ คุณลองคิดว่าคุณโดนผิดนัดหลายๆครั้งสิครับ ทั้งๆที่สัญญาเอาไว้ซะดิบดีแต่กลับทำแบบนี้ คุณจะรู้สึกยังไง คนอื่นผมไม่รู้หรอกนะ แต่สำหรับผม ผมจะไม่ชวนอะไรคนคนนั้นอีกถ้าไม่จำเป็น ผมจะไม่หวังเพราะผมจะผิดหวัง ผมจะไม่รอเพราะผมต้องรอเก้อ มันแย่นะคุณว่าไหม แย่ แย่มากๆเลยล่ะ

     

     

    อูฮยอนเดินเข้าห้องก่อนจะตรงดิ่งไปทิ้งตัวลงบนโซฟาทันที ความเมื่อยล้าและความง่วงจากการอดหลับอดนอนเมื่อคืนทำให้ดวงตาปรือลง ยิ่งได้เอนตัวกับพนักโซฟานุ่มๆก็ยิ่งเคลิ้ม ถ้าหากไม่มีใครบางคนเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมเสียงพูดคุยเสียก่อน อูฮยอนเด้งตัวขึ้น เบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าใครที่เป็นคนเข้าห้องมา จะซ่อนตัวตอนนี้ก็คงไม่ทันเสียแล้ว

     

    "อูฮยอน? ทำไมไม่ไปโรงเรียน"

     

    "ผม..."จะบอกได้ยังไงว่าโดนเพื่อนพูดสะกิดใจแล้วก็อารมณ์ไม่ดี คิดว่าเรียนไปก็ไม่เข้าหัวเลยตัดสินใจกลับห้องมาน่ะ

     

    "อ้าว อูฮยอนก็อยู่ด้วยหรอ"เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้น ร่างของหญิงสาวในชุดแซคสีหวานเดินยิ้มเข้ามาในห้องอย่างสบายใจ อิมโบนา เพื่อนของซองกยูฮยองที่เขาไม่ชอบมากที่สุดเพราะดูเหมือนเธอจะรู้ทันไปเสียทุกอย่างว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่กยูฮยองก็สนิทกับเธอเสียเหลือเกิน

     

    "สวัสดีครับ"อูฮยอนเอ่ยทักพร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินเข้าห้องนอนไป หญิงสาวหัวเราะหึๆ

     

    "ทะเลาะกันชัวร์ ฉันฟันหลายๆธงเลย"

     

    "ไม่ได้ทะเลาะสักหน่อย อูฮยอนคงจะอารมณ์ไม่ดีมากกว่า"

     

    "เหอะๆ คิมซองกยู นายนี่มันซื่อบื้อจริงๆนะ มองตาอูฮยอนสิ แทบจะกินหัวนายอยู่แล้วเนี่ย!"เธอกระแทกเสียงใส่เพื่อนร่วมรุ่น ส่ายหัวไปมาด้วยท่าทางแสนเอือมระอา คนนึงก็เห็นงานสำคัญที่หนึ่ง อีกคนก็ดูเหมือนจะโกรธแต่ไม่พูดสินะ

     

    "แล้วฉันไปทำอะไรให้อูฮยอนโกรธล่ะ"

     

    "เรื่องของพวกนายฉันจะรู้หรอยะ ขอกินนะขนมเนี่ย อุตส่าห์ช่วยยกของขึ้นมา"โบนาสะบัดผมลอนสีน้ำตาลเข้มแล้วเดินเข้าไปหยิบจานในห้องครัวเพื่อทานขนมในขณะที่ซองกยูถอนหายใจออกมาอย่างกังวล ถ้าอูฮยอนโกรธจริงๆก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเรื่องอะไร แต่จะง้ออย่างไรนี่สิ

     

     

     

    ------------

     

     

     

    อูฮยอนเดินไปซื้อตั๋วหนังแล้วจ้องมันราวกับอยากจะขยำทิ้งเสียตรงนั้น ตั๋วหนังสองใบสำหรับคนหนึ่งคน เขาก็แค่อยากจะซื้อเผื่อไว้ ถ้าเกิดกยูฮยองเปลี่ยนใจจะได้ไม่ต้องเข้าแถวซื้อใหม่อีก ถึงแม้จะรู้ว่าโอกาสที่จะเป็นอย่างนั้นมีเพียงหนึ่งเปอร์เซนต์ก็ตาม

     

     

     

    ไม่มีครั้งหน้าแล้วล่ะ..

     

     

     

    ร่างเล็กเดินเข้าโรงไปโดยไม่รู้เลยว่ามีใครคนนึงเดินตามมาเงียบๆพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดา ทันทีที่อูฮยอนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้คนตัวใหญ่กว่าก็นั่งตาม เก้าอี้อีกฝั่งหนึ่งถูกเว้นว่างไว้เพราะอูฮยอนซื้อตั๋วมาสองใบ ส่วนอีกฝั่งก็มีชายแปลกหน้าที่อูฮยอนไม่ทันสนใจ ถัดจากนั้นไปก็ไม่มีใครนั่งอีกเลย

    หนังเริ่มเรื่องไปได้ไม่นานอูฮยอนก็รู้สึกเหมือนมีใครจับมือ พอหันไปมองก็เห็นเพียงผู้ชายสวมแมสค์ปิดปากสีดำ สวมหมวกไหมพรมสีดำและเสื้อยืดลายเท่ห์ๆตัวหลวมเท่านั้น แถมมือนั้นยังคงวางไว้บนหน้าขาเช่นเดิม สงสัยจะคิดมากไปเอง หลังจากนั้นอูฮยอนก็ถูกเกลี่ยหลังมือเบาๆ หลายต่อหลายครั้งที่ร่างเล็กพยายามคิดในแง่ดีว่าตนเองคงจะคิดไปเอง จนกระทั่งมือเรียวสวยนั้นวางลงบนต้นขาก่อนจะลูบไปมาพาลทำให้รู้สึกขนลุกและโหวงๆในช่องท้อง อูฮยอนเตรียมจะอ้าปากต่อว่าคนกระทำแต่พอสังเกตุสายตาและโครงหน้าที่คุ้นเคยก็ต้องชะงัก ยิ่งพออีกฝ่ายหันมาสบตาพร้อมกับดึงผ้าปิดปากออกแล้วยิ้มให้แบบนี้ยิ่งทำให้หัวใจของอูฮยอนเต้นรัวราวกับพึ่งเคยได้รับรอยยิ้มแบบนี้เป็นครั้งแรก

     

    "ฮยอง..ไม่ทำงานหรอ"

     

    "ฮยองแคนเซิลเพราะจะมาง้อเด็กแถวนี้แหละ ขอโทษนะอูฮยอนอา"คำขอโทษและน้ำเสียงง้องอนของซองกยูเรียกรอยยิ้มกว้างจากอูฮยอนได้ง่ายๆ นับวันก็ยิ่งน่ารักขึ้นทุกที..ถ้าไม่หลงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

     

    "ฮยองใจร้ายมากเลยนะ เมื่อคืนก่อนก็ไม่ยอมกลับห้อง"

     

    "โบนาโทรมาบอกว่างานมีปัญหาน่ะเลยอยู่จัดการจนเช้า แล้วก็ลากมาช่วยถือของเข้าห้องนิดหน่อย"

     

    "ผมขอโทษนะที่งี่เง่าจะมากับฮยอง"คนตัวเล็กยู่ปากพลางหันกลับไปมองจอฉายหนังต่อ ซองกยูยิ้มบางๆ

     

    "ไม่ต้องขอโทษหรอก ฮยองผิดเองแหละที่ไม่ว่างได้อยู่กับอูฮยอนเลย"มือใหญ่เลืือนมากุมมือเล็กไว้หลวมๆ ทั้งสองคนหันมาสบตากันยิ้มๆ ตอนนี้นัมอูฮยอนโคตรจะมีความสุขเลยเหอะ! ใครจะไปคิดว่ากยูฮยองจะยอมทิ้งงานมาง้อแบบนี้กันล่ะ! แถมยังได้ดูหนังด้วยกันด้วย ฟินกว่านี้มีอีกไหมอะ -///-

     

    "นี่อูฮยอน"

     

    "ห.."ยังไม่ทันได้ตอบรับอะไรริมฝีปากร้อนก็ฉวยจูบจากเขาไปแบบไม่บอกไม่กล่าว เพียงแค่ผิวเนื้อแตะกันเบาๆก็ทำให้อูฮยอนร้อนวูบวาบบริเวณใบหน้า..ถึงจะเป็นแฟนกันแต่ไม่ได้จูบกันบ่อยขนาดนั้นนี่นะ

     

    "ฮยองขอโทษ ขอโทษจริงๆ ขอโทษนะครับ"

     

     

     

     

     

     

    ขอโทษครั้งเดียวก็รู้เรื่องแล้วน่า!! หายงอนก็ได้!!

     

     

     

     

     

     

    เมื่อเห็นคนตัวเล็กกว่ามุ่ยหน้าทั้งๆที่กลั้นยิ้มแก้มแทบแตกซองกยูก็ฉวยหอมแก้มกลมทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าอูฮยอนอ้าปากว่าแทบไม่ทัน

     

     

     

    "ฮยองขอโทษนะครับ"ว่าแล้วก็จูบหน้าผากมนไปอีกที

     

     

     

     

     

     

    โอเค้! หนังเหนิงไม่ต้องดูมันแล้วเนอะ! ถ้าฮยองไม่พาผมมาดูใหม่ล่ะก็จะงอนให้หนักกว่านี้สิบเท่าเลยคอยดู!!!







    TALK 

    เรื่องนี้แต่งไว้นานมากแล้วค่ะ แต่พึ่งมีโอกาสได้ลง (_ _)
    ก็หวังว่าทุกคนจะเอนจอยกับมันนะคะ :) 
    ขอบคุณที่ยังติดตามเสมอมาค่ะ 
    ปล.ชื่อหนังอาจจะเก่าไปหน่อย ตอนนั้นแต่งเพื่อระบายอารมณ์ตัวเองค่ะ 55555555555555555555 

    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×