คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : LESSON 05
lesson 5
“แล้วเจอกันนะซิ่วหมิน” เสียงเล็กของนักเรียนหญิงมัธยมดังขึ้นหน้าสถาบันกวดวิชาชื่อดัง ผู้ชายในชุดยูนิฟอร์มนักเรียนกระชับกระเป๋าเป้ที่หลังแน่นก่อนจะส่งยิ้มโบกมือให้อีกฝ่ายแล้วแยกทางกันไป เป็นอีกวันที่ซิ่วหมินต้องเดินกลับบ้านในเวลาสามทุ่มแบบนี้ แต่เขารู้สึกชินไปเสียแล้ว สองขาสั้นๆ ค่อยๆ ก้าวผ่านทางเดินในสวยสาธารณะ แสงไฟเปิดเป็นช่วงๆ พอให้เห็นทาง มีเพียงคู่รักไม่กี่คู่ที่เดินจับมือ นั่งซบไหล่กันแบบไม่เกรงใจคนโสด เขาเดินไปเรื่อยๆ จนพบกับสุนัขตัวหนึ่งที่นอนหงอยอยู่ข้างถังขยะใบใหญ่ ท่าทางจะอดอยากหิวโซ ในแววตาดูไร้ความหวัง
“นายหิวมากไหม” คนตัวเล็กโน้มตัวลงมองสุนัขพันทาง เอื้อมมือลงไปลูบหัวไล่มายังคอนุ่มเบาๆ ก็พบว่าไม่มีปลอกคอแสดงการมีเจ้าของสวมอยู่ ไม่รู้พลัดหลงมาจากไหนหรือโดนทิ้งไว้โดยเจตนา ซิ่วหมินดึงกระเป๋าเป้จากหลังตัวเองออกมาก่อนจะรูดซิปหยิบขนมปังชิ้นหนึ่งที่ซื้อมาตั้งแต่ตอนพักกลางวันยื่นให้สัตว์ตัวน้อยกิน
ยิ่งมองยิ่งชอบ ยิ่งรู้จักยิ่งพบความน่ารัก
ลู่หานที่ยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ได้แต่อมยิ้มมองอีกคน ใครจะไปรู้ว่าเขาเดินตามซิ่วหมินมาตั้งแต่ที่กวดวิชาแล้ว ก็ไม่ได้ว่างอะไรนักหรอกที่ทำตัวเหมือนพวกโรคจิตชอบสะกดรอยตามอะไรแบบนั้น แต่กลางค่ำกลางคืน จะให้ผู้มีพระคุณต่อเขามาเดินกลับบ้านคนเดียวแบบนี้มันคงแปลกๆ ถ้าวันนั้น คนที่นอนหมดแรงอยู่สนามบาสไม่ใช่เขาแล้วเป็นพวกโรคจิตหรืออะไรก็ตามแต่ ซิ่วหมินอาจไม่รอดมาถึงตอนนี้ก็ได้ เขาคิดว่าจากนี้เป็นต้นไป เขานี่แหละที่จะคอยเป็นบอร์ดี้การ์ดคุ้มครองคุณหนูซิ่วหมินยามฟ้ามืดมิดทุกวัน จะแอบเดินตามจนอีกคนเข้าเขตรั้วบ้านอย่างปลอดภัย จะไม่โผล่ให้เห็นแต่จะโผล่ก็ต่อเมื่อคนตัวเล็กเกิดอันตรายเท่านั้น
สิ่งที่ทำอยู่มันช่างดูเป็นภาระที่มีความสุขเสียจริง
เมื่อให้อาหารสุนัขเสร็จ ซิ่วหมินก็เดินไปตามทางพลันยกนาฬิกาขึ้นดูเป็นระยะๆ ยิ่งเดินไปข้างหน้ายิ่งรู้สึกว่าผู้คนเริ่มหายไปจนรู้ตัวอีกทีก็เดินอยู่คนเดียวแล้วซึ่งเป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่ทำไมได้ยินเสียงฝีเท้าของคนจากด้านหลังตามติดมาเรื่อยๆ เป็นเสียงฝีเท้าที่ราวกับพยายามเดินให้เบาที่สุด
แกร๊ก .. แกร๊ก แกร๊ก
ขวับ!
คนตัวเล็กรีบหันไปมองแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ทำให้รู้สึกโล่งใจไปอีกกระเปาะหนึ่ง
‘เกือบไปแล้ว’
ร่างโปร่งที่หลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ยกมือแนบอกก่อนจะผ่อนลมหายใจออกทางปากเบาๆ นึกไม่ออกเลยว่าถ้าวันหนึ่งซิ่วหมินจับได้ เขาจะแก้ตัวว่ายังไง ต้องโดนตราหน้าว่าเป็นพวกโรคจิตแหง แต่คิดว่าเขาสนหรือไง ก็พอใจที่จะทำนี่
เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ดังขึ้น มือเรียวของร่างสูงเอื้อมไปดับเสียงนั่นลงแล้วนอนต่ออย่างไม่ใส่ใจ จะพูดไปแล้วนี่ก็เป็นเรื่องธรรมของอู๋ฟาน วันไหนไปโรงเรียนทันที่สิเรื่องแปลก
“ตื่นได้แล้วไอ้น้องบ้า” ซิ่วหมินที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยฟาดหมอนลงบนตัวน้องชายตัวดี มีเพียงเสียงอื้ออึงค้านในลำคอเป็นการตอบรับเท่านั้น จนกระทั่งซิ่วหมินถึงโรงเรียนแล้วแต่อู๋ฟานกลับเพิ่งดึงผ้าห่มออกจากท่อนบนที่เปลือยเปล่า เขาขยี้หัวด้วยอาการงัวเงียเหมือนทุกวัน อาบน้ำ แต่งตัว เนคไทถูกผูกแบบชุ่ยๆ เสื้อข้างในหลุดลุ่ยออกนอกกางเกง เดินออกจากห้องเพื่อรับฟังเสียงบ่นของคุณตาบังเกิดเกล้า พร้อมกับเสียงคุณยายที่คอยห้ามปราบชายชราไว้ไม่ให้ดุหลาน เพราะดุไปยังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมคนเล็กของบ้านได้จริงๆ
“ชานยอล วันนี้ไม่มีสอนเหรอหื้ม”
เสียงที่หวานพอๆ กับใบหน้าของรูมเมทดังขึ้น มือบางวางบนไหล่ของครูหน้าเด็กที่หลับตาพริ้มเบาๆ ชานยอลค่อยๆ ปรือตามองจนโฟกัสจับภาพใบหน้าของแจจุงอย่างชัดเจน
“อือ พี่แจจุง”
“ไม่สบายหรือเปล่าเรา หรือวันนี้ไม่มีสอน” แจจุงยกมือขึ้นแนบหน้าผากอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย
“วันนี้วันเสาร์นะครับ” ปากอวบอิ่มขยับพูดเบาๆ
“วันศุกร์ต่างหาก”
“…”
อะไรกัน นี่เขากินยาลืมเขย่าขวดจนสมองเบลอลืมวันลืมเวลาเลยหรือไง หันมองนาฬิกาอีกทีก็พบว่านี่มันวันศุกร์จริงๆ และสิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือนี่มันแปดโมงกว่าแล้ว! เขารีบลุกจากเตียงด้วยท่าทางกระวนกระวาย คว้าผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำ คนที่มองอยู่ก็อดขำในความเปิ่นของอีกฝ่ายไม่ได้
“สอนได้ไม่กี่วันก็ไปสายแล้วเหรอครูชานยอล” แจจุงแกล้งพูดแซวไล่หลังคนน่ารักแล้วเดินออกจากห้องพักขับรถเข้าบริษัทอย่างที่ทำเช่นทุกวัน
อยากจะบ้าตาย เปิดเทอมได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็ทำเสียประวัติเสียแล้วชานยอล เขาได้แต่นึกโทษตัวเอง ทำไมเอ๋อแล้วเอ๋ออีกแบบนี้นะ
.
.
สองขายาวปีนข้ามรั้วหลังโรงเรียนอย่างชำนาญ ก้มลงมองไปรอบๆ เพื่อความปลอดภัยก่อจจะกระโดดลงไป แต่ทว่า วันนี้กลับไม่ได้เป็นอย่างที่เคย …
“ว่าไง ทางเข้าโรงเรียนของแกเหรอ”
อู๋ฟานหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาหมดทางหนีทีไล่ ผู้เป็นอาและเป็นครูฝ่ายปกครองในคนเดียวกันยืนถือไม้เรียวกอดอกมองหน้าอย่างเอาเรื่อง ชะตากรรมของเขาไม่พ้นการไปนั่งตากแดดรับวิตามินดีหน้าเสาธงและรับฟังเสียงอบรมอันประเสริฐของบรรดาครูฝ่ายปกครอง นึกแล้วมันน่าเจ็บใจ อู๋ฟานทุบกำปั้นมือลงบนหน้าขาด้วยท่าทางหงุดหงิด ปกติแล้วยุนโฮมักจะยืนคุมประตูหน้าโรงเรียน แต่ทำไมวันนี้กลับมาแอบดักข้างโรงเรียนราวกับรู้ว่าเขาจะปีนเข้ามา ร้อนโว้ย
“อ้าว ครูชานยอล เพิ่งมาเหรอครับ” ยุนโฮละสายตาจากบรรดานักเรียนที่นั่งรับโทษมามองต้นเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาด้วยความกระหืดกระหอบ อู๋ฟานเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าหวานของครูคนใหม่ดูกังวลเป็นอย่างมาก มองออกเลยว่าเส้นผมไม่ได้ถูกหวีมาอย่างแน่นอน แต่ความน่ารักก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
“เอ่อ ค..คือว่า ผมตื่นสายน่ะครับ” ชานยอลเกาหัวแกรกๆ ก้มหน้าอย่างรู้สึกอาย
“มานั่งกับเด็กๆ สิครับ” ยุนโฮยิ้มกว้างก่อนจะแซวอีกฝ่ายเล่นแต่อีกฝ่ายกลับไม่คิดเช่นนั้น เขาเดินมาใกล้ๆ นักเรียนที่นั่งเรียงแถวอยู่แล้วนั่งลงที่หัวแถวข้างๆ อู๋ฟาน
‘ครูมาสายก็ต้องโดนทำโทษแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย’ เขาถามตัวเองในใจ คนที่เป็นฝ่ายแซวถึงกับทำหน้าไม่ถูก ชานยอลเชื่อคำพูดเขาหรือเล่นมุขกันแน่เนี่ย นักเรียนต่างหัวเราะเบาๆ ในความน่ารักของครูคนใหม่ ต่างคิดว่าเขาเล่นมุขแต่จริงๆ ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ส่วนเด็กแสบของโรงเรียนอย่างอู๋ฟานได้แต่หันมองคนข้างๆ แล้วหัวเราะลั่นจนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน
“เล่นมุขป่ะครับครู”
“ห…หา”
“อย่าบอกว่าจริงจัง ทำไมใสซื่องี้อ่ะ” ว่าแล้วก็หัวเราะร่วมอีกระลอก
โป้ก!
ปลายไม้เรียวถูกฟาดลงบนหัวของร่างสูงจนต่อมขำหยุดทำงานในทันที
“โอ้ย ผมเจ็บนะอา”
“ครู”
“นั่นแหละ จะเรียกครูหรืออาก็เหมือนกัน”
“แต่นี่มันที่โรงเรียน สถานภาพฉันกับแกคือครูกับนักเรียน ไม่ใช่อากับหลาน ลุกขึ้น แล้วไปยืนขาเดียวกางเขนกลางสนามหญ้า ยัง ยังไม่ไปอีก ลุก!!!”
“ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ”
“ยังจะถามย้อนอีก ลุกดิ!”
“ลุกดิครับครูชานยอล ครูยุนโฮเขาสั่งอ่ะ”
ชานยอลกลอกตามองยุนโฮสลับกับอู๋ฟานอย่างสับสน เท่าที่สมองประมวลผลเนี่ย ครูยุนโฮกำลังสั่งอู๋ฟานอยู่ไม่ใช่หรือไง หรือเขาหมายถึงเรา .. สมองเบลอไปหมดเพราะตื่นสายเกินเวลาแหง
“ฉันหมายถึงแกโว้ย!” ยุนโฮฟาดไม้เรียวลงบนต้นแขนหลานรักอีกยก แต่ใบหน้ากลับยิ้มระรื่นอย่างมีความสุขที่แกล้งคนน่ารักได้สำเร็จ จะว่าไปแล้วการแกล้งครูใหม่ที่ใสซื่อ แถมยังน่ารักแบบนี้ก็มีความสุขแปลกๆ แห่ะ ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนปัดเศษฝุ่นออกจากก้นแล้วไปยืนตามที่ครูยุนโฮบอก
“ครูชานยอลรีบไปสอนเถอะครับ เล่นมุขแบบนี้ทำเอาผมไปไม่ถูกเลย” ใบหน้าคมส่งยิ้มให้คนที่นั่งอยู่ ส่งมือให้จับเพื่อให้อีกฝ่ายดึงร่างตัวเองขึ้นมา
“แฮ่ะๆ ยังไงก็ขอโทษที่มาสายนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คนเราก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง แต่ก็อย่าผิดบ่อยล่ะ”
“คร้าบ” ชานยอลยิ้มกว้างให้ก่อนจะคว้ากระเป๋าเอกสารเดินตรงไปยังอาคารเรียนแต่ก็ต้องสะดุดอิฐบล็อกที่นูนจากพื้นต่างระดับ อู๋ฟานที่ยืนอยู่กลางสนามหญ้าไกลๆ มองครูคนใหม่ตลอดเวลาก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทางเปิ่นของอีกฝ่าย
“เป็นครูจริงๆ เหรอเนี่ย” เขายิ้มพลางส่ายหน้า
แต่นั่น .. ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ
TBC
ไรเตอร์มาแล้วววววว ครูชานยอลเป็นคนซื่อเชื่อคนง่ายค่ะ น่าย๊ากกกก >w<
ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ สกรีมทางทวิตเตอร์ด้วยแท็ก #ฟิคครูครับ นะจ้ะ
ความคิดเห็น